Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1611

ตอนที่ 1611

สวี่ชิงยืนอยู่ข้างกายเมิ่งฮ่าว มองไปยังนกแก้วและผีโต้ง และเริ่มหัวเราะขึ้นมา เป็นเสียงหัวเราะที่อบอุ่นและงดงามจนสามารถทำให้น้ำแข็งละลายลงไปได้

เมิ่งฮ่าวสูดหายใจเข้าลึกๆ มองไปยังโลงศพที่บรรจุผีเสื้อขุนเขาทะเลและบิดามารดา ขณะที่โลงศพนั้นหลอมละลายไป ผีเสื้อก็กลายเป็นจุดแสงหลากสีนับไม่ถ้วน แสงเหล่านั้นระเบิดขึ้นด้วยพลังชีวิต ค่อยๆ รวมตัวเข้าด้วยกันอย่างช้าๆ กลายเป็นหนึ่งบุรุษหนึ่งสตรี ยืนโอบกอดซึ่งกันและกันอยู่ที่นั่น

เวลาเดียวกันนั้นเสียงกระหึ่มก็ดังก้องขึ้น ขณะที่ประตูขนาดใหญ่ตกลงมา เป็นประตูที่นำไปสู่วัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ จึงมั่นใจได้ว่าวิญญาณที่เป็นส่วนหนึ่งของมันจะไม่มีทางตายไปได้

ภูเขาน้ำแข็งกำลังหลอมละลาย และเมื่อเป็นเช่นนั้น เมล็ดวิญญาณที่กำลังตื่นขึ้นมาอยู่ภายในก็เริ่มกลายเป็นเงาร่างนับไม่ถ้วน ลอยตรงขึ้นไปยังประตูบานนั้น

พวกมันเฝ้ารอคอยที่จะได้กำเนิดใหม่มาเป็นเวลานานมากๆ ถ้ามองมาจากที่ห่างไกลก็จะเห็นว่าเมล็ดวิญญาณกลายเป็นสิ่งที่คล้ายกับแม่น้ำไหล

เข้าไปในประตูแห่งการเกิดใหม่ รวมทั้งบิดามารดาเมิ่งฮ่าวด้วย

ภายในแม่น้ำแห่งวิญญาณ เขามองเห็นเจ้าอ้วน หวังโหย่วฉาย หลี่หลิงเอ๋อร์ จื่อเซียง ไท่หยางจื่อ ฟางอวี๋ ซุนไห่ ท่านอาจารย์ตานกุ่ย หม่านเอ๋อร์ รวมทั้งใบหน้าที่คุ้นเคยอื่นๆ อีกมากมาย ทุกคนคือผู้ที่คงอยู่ภายในความทรงจำของเมิ่งฮ่าว รวมทั้งไห่เมิ่งจื้อจุน ตี้จ้าง สุ่ยตงหลิว เมิ่งไว่กง ฟางจู่ฟู่…

เมิ่งฮ่าวยืนเฝ้าดูอยู่ที่นั่น ด้วยจิตใจที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น จับมือสวี่ชิงไว้จนแน่น

หลังจากที่วิญญาณทั้งหมดหายเข้าไปในวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ เมิ่งฮ่าวก็รับรู้ได้ว่าพวกมันกำลังไปเกิดใหม่อีกครั้ง จึงยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ

 

ในตอนนี้เองที่น้ำในทะเลที่เก้าเริ่มพลุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง ขณะที่กู๋อี่ติงซานอวี่เริ่มฟื้นคืนกลับมา!

ตรงด้านบนสุดของขุนเขาที่เก้า ปรมาจารย์เอกะเทวะ ซึ่งในตอนนี้ได้กลายเป็นแค่กระดองเต่าเท่านั้น จู่ๆ ก็เริ่มกระจายเป็นสัญญาณแห่งพลังชีวิตขึ้นมา ในที่สุดศีรษะของมันก็โผล่ออกมาจากภายในกระดอง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็มองขึ้นไปและแผดร้องคำรามว่า “เหลาจู่ (ปรมาจารย์) กลับมาแล้ว!”

บนแผ่นหลังของมันเป็นแคว้นจ้าว ซึ่งเริ่มแสดงสัญญาณของชีวิตออกมาด้วยเช่นกัน เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องออกไปทั่วทุกทิศทาง

ความงดงามกำลังเบ่งบานไปทั่วทุกที่!

ในตอนนี้เองที่น้ำในทะเลที่เก้าเริ่มพลุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง ขณะที่กู๋อี่ติงซานอวี่เริ่มฟื้นคืนกลับมา!

ตรงด้านบนสุดของขุนเขาที่เก้า ปรมาจารย์เอกะเทวะ ซึ่งในตอนนี้ได้กลายเป็นแค่กระดองเต่าเท่านั้น จู่ๆ ก็เริ่มกระจายเป็นสัญญาณแห่งพลังชีวิตขึ้นมา ในที่สุดศีรษะของมันก็โผล่ออกมาจากภายในกระดอง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็มองขึ้นไปและแผดร้องคำรามว่า “เหลาจู่ (ปรมาจารย์) กลับมาแล้ว!”

บนแผ่นหลังของมันเป็นแคว้นจ้าว ซึ่งเริ่มแสดงสัญญาณของชีวิตออกมาด้วยเช่นกัน เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องออกไปทั่วทุกทิศทาง

ความงดงามกำลังเบ่งบานไปทั่วทุกที่!

เวลาหลายสิบปีผ่านไปในชั่วพริบตา

ยุคสมัยใหม่ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งขุนเขาทะเลได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ถึงแม้ว่าอาณาจักรขุนเขาทะเลเองจะไม่คงอยู่อีกต่อไป แต่กลุ่มผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งก็ม้วนกวาดออกไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว

ยากที่จะบอกได้ว่าพวกมันมีความแข็งแกร่งมากแค่ไหน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญแต่อย่างใด บนดวงดาวและโลกทั้งหมด มนุษย์และผู้ฝึกตนต่างก็เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาใหม่เช่นเดียวกัน

บางคนกล่าวว่านี่คือยุคสมัยที่ถูกลิขิตให้มีความรุ่งเรืองจนถึงขีดสุด ผู้แข็งแกร่งทรงพลังปรากฏขึ้นในช่วงเวลานี้มากกว่าครั้งใดๆ จากก่อนหน้านี้ เหตุผลก็คือว่าตลอดช่วงหลายสิบที่ผ่านมา กลุ่มองค์กรที่แข็งแกร่งทั้งหมด ต่างก็มีผู้ฝึกตนที่เต็มไปด้วยพรสวรรค์อันน่าตกใจ แม้แต่ผู้ถูกเลือกในตำนานบางคนยังได้ปรากฏขึ้นในรอบหนึ่งหมื่นปีอีกด้วย

เนื่องจากผู้ถูกเลือกเช่นนั้น โลกแห่งการฝึกตนในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวกำลังเปล่งประกายเจิดจ้าอย่างสูงสุด

ไม่มีใครรู้ว่าทำไมถึงได้เกิดขึ้นเช่นนี้ สำหรับกลุ่มผู้ถูกเลือก ก็ราวกับว่าพวกมันพร้อมใจกันถือกำเนิดขึ้นมาในเวลาเดียวกันทั้งหมด

ถึงแม้ว่าพวกมันจะมาจากสถานที่ที่แตกต่างกันออกไป และไม่รู้จักซึ่งกันและกัน แต่ในทันทีที่พบเจอกับผู้ถูกเลือกคนอื่นๆ ก็รู้สึกผูกพันขึ้นมาอย่างฉับพลัน เนื่องจากเช่นนั้นพวกมันจึงไม่ได้ต่อสู้กัน แต่ร่วมมือกันเพื่อค้นหาโชคชะตาของตนเอง

ตอนนี้เมื่อคำสาปแช่งถูกทำลายไป ผู้คนมากมายที่เคยเป็นผู้ฝึกตนแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเลมาก่อน ก็เลือกที่จะเดินไปบนเส้นทางแห่งการฝึกตนอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่ทำเช่นนั้น ยังมีอีกหลายคน…เลือกที่จะกลายเป็นคนธรรมดาทั่วไป มีชีวิตอยู่อย่างสงบสุขราบเรียบธรรมดา

แต่ไม่ว่าพวกมันจะเลือกอย่างไร ก็ดูเหมือนว่าจะได้รับผลประโยชน์จากการประทานพรจากท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ซึ่งแน่นอนว่าคือการประทานพรจากเมิ่งฮ่าว เพื่อให้มั่นใจว่าไม่ว่าพวกมันจะมีอายุขัยที่ยืนยาวอย่างไร พบเจอกับการเกิดใหม่อีกกี่ครั้ง วิญญาณของพวกมันก็จะไม่มีทางถูกทำลายไป แม้แต่ถึงตอนที่ยุคสมัยสิ้นสุดลง และทุกสิ่งทุกอย่างจางหายไป วิญญาณของพวกมันก็ยังคงจะดำเนินต่อไป

อาจกล่าวได้ว่าพวกมันจะคงอยู่ไปตราบชั่วนิรันดร์ ถ้ามีเวลาเพียงพอ พวกมันก็จะอยู่เหนือสูงสุดได้ในที่สุด และจากนั้นก็สามารถจะจดจำทุกสิ่งทุกอย่างจากชาติก่อนๆ ของตนเองได้

ยุคทองกำลังเริ่มต้นขึ้นในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว

ในวันหนึ่งบนดาวดวงหนึ่ง บุรุษหนุ่มผู้หนึ่งยืนอยู่ที่เบื้องหน้าหญิงสาวเยาว์วัยผู้หนึ่งด้วยท่าทางภาคภูมิใจ ถือหอกอยู่ในมือ ผิวหน้าตกกระและค่อนข้างอ้วน คล้ายกับเป็นก้อนเนื้อลูกหนัง

หญิงสาวเยาว์วัยมีรูปร่างหน้าตาที่อ่อนช้อยงดงาม แต่คิ้วกำลังขมวดมุ่นอยู่ ขณะที่จ้องมองไปยังบุรุษหนุ่มผู้นั้น

“จะตกลงหรือไม่? ถ้าไม่ยอมกลายเป็นคู่เต๋าของพ่างเหยีย (ปู่อ้วน) ข้าก็จะ…” บุรุษกล่าวขึ้นด้วยเสียงคำรามอันทรงพลัง นำคมหอกใส่เข้าไปในปากและกัดลงไป พร้อมกับเสียงแตกร้าวที่ดังก้องขึ้น ขณะที่คมหอกแตกกระจายไป

จากนั้นมันก็กล่าวต่อไปด้วยความภาคภูมิใจ

“รู้หรือไม่ว่าพ่างเหยียมีพรสวรรค์ที่ดีเยี่ยมมากที่สุดในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวทั้งปวง! และจากความฝันก็ทำให้พ่างเหยียมั่นใจว่า ข้าเป็นพี่น้องกับเจตจำนงแห่งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งนี้! มากับข้า พวกเราทั้งสองจะกลายเป็นเซียนด้วยกัน!”

มันกำลังพยายามกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ลึกล้ำและสง่างาม แต่เศษชิ้นส่วนของคมหอกที่อยู่ภายในปากก็ทำให้รู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย และยังได้เริ่มสั่นสะท้านโดยไม่รู้สึกตัวอีกด้วย ภายในใจมันกำลังแอบบ่นพึมพำกับตัวเองว่า นิสัยที่แสดงออกมาตามความฝันนั้นช่างยากจะทนทานรับได้จริงๆ

หญิงสาวเยาว์วัยอ้าปากค้าง จ้องมองไปยังบุรุษหนุ่มด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง นางเป็นศิษย์แห่งสำนักเสินอวี่ (ขนนกเทพ) และนี่เป็นครั้งแรกที่ออกจากสำนักมาฝึกฝนหาประสบการณ์ด้วยตนเอง ไม่เคยจะคาดคิดว่าต้องมาเผชิญหน้ากับเจ้าเด็กอ้วนเช่นนี้ ที่ยิ่งน่าเหลือเชื่อไปมากกว่านั้นก็คือว่ามันได้เฝ้าติดตามพัวพันตนเองมาเกือบเดือนแล้ว

“เจ้าบ้า!” นางกล่าวขึ้น เมื่อเห็นว่าเจ้าเด็กอ้วนกำลังสั่นสะท้าน ก็ทำให้รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย จึงแค่นเสียงเย็นชา หมุนตัวเดินจากไป

“อย่าเพิ่งไป!” บุรุษหนุ่มรูปร่างอ้วนร้องตะโกนขึ้น รีบไล่ตามนางไปในทันที พร้อมกับรอยยิ้มประจบสอพลอที่กระจายไปทั่วใบหน้า

 

หลังจากที่คนทั้งสองจากไป เสียงหัวเราะหึๆ ก็ได้ยินออกมาจากตำแหน่งที่คนทั้งสองเพิ่งจะยืนอยู่เมื่อครู่นี้ ขณะที่เมิ่งฮ่าวและสวี่ชิงเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา สวี่ชิงกำลังยกมือขึ้นมาปิดปาก และใบหน้าเมิ่งฮ่าวก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

แน่นอนว่าบุรุษหนุ่มรูปร่างอ้วนผู้นั้นก็คือเจ้าอ้วน หลี่ฟูกุ้ยที่ถือกำเนิดขึ้นมาใหม่นั่นเอง

นกแก้วและผีโต้งเกาะอยู่บนไหล่ของเมิ่งฮ่าว สีหน้าเต็มไปด้วยความดูถูกเยาะเย้ย

“ไร้ยางอาย ช่างไร้ยางอายโดยสิ้นเชิง!”

“นั่นคงเป็นวิธีที่มันใช้กับคู่เต๋าทั้งหมดในตอนนั้น”

เมิ่งฮ่าวส่ายหน้าและมองออกไปยังที่ห่างไกล

“มาเถอะ ไปดูคนอื่นๆ ทั้งหมดกัน จากนั้นก็ถึงเวลาที่ต้องจากไปแล้ว…”

ดูเหมือนว่าเมิ่งฮ่าวไม่ต้องการจะแยกจากสหายทั้งหมดของตนเอง แต่ความมุ่งมั่นในแววตาก็สาดประกายขึ้นอย่างเด่นชัด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!