Skip to content

A Will Eternal 1000

บทที่ 1000 การฟื้นตัวพลิกฟ้า

“ป๋ายเสี่ยวฉุน แม้เจ้าจะมีสิทธิ์เข้าร่วมศึกของคนฟ้า แต่กลับไม่มีสิทธิ์หยุดยั้ง!”

ครึ่งเทพซิงคงเอ่ยอย่างโอหัง น้ำเสียงนั้นเหมือนอสนีจากเก้าชั้นฟ้าที่ระเบิดออกโดยตรง เมื่อเขาทำมุทรา ความเร็วของทวนยาวฟ้าดารานั้นก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ มาถึงท้ายที่สุดก็คล้ายจะแบ่งแยกความว่างเปล่าออกจากกัน ขยับเข้าใกล้ป๋ายเสี่ยวฉุนมากขึ้นทุกขณะ!

แม้แต่ความว่างเปล่ารอบกายป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยังต้านทานไม่อยู่ ภายใต้การแตกร้าวที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นเหตุให้พื้นดินเริ่มสั่นสะเทือนตามไปด้วย

บัดนี้บนสนามรบเงียบกริบไร้สรรพสำเนียง สายตาของทุกคนไปรวมกันอยู่บนท้องฟ้า ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง เปลวเพลิงโลหิตในดวงตายิ่งเจิดจ้าสว่างไสว พลังอำนาจของเขาก็ยิ่งไต่ระดับขึ้นสูงและระเบิดออกอย่างต่อเนื่อง!

เสียงอึกทึกดังกังวานไปสี่ทิศ เส้นผมของป๋ายเสี่ยวฉุนปลิวไสว พายุหมุนรอบกายแผ่ครืนครั่นไปอย่างไม่หยุดยั้ง เขาในเวลานี้มองดูคล้ายเทพสงครามซึ่งพอเงยหน้าขึ้นมองทวนยาวฟ้าดาราที่พุ่งเข้ามาใกล้ มือขวาของเขาก็…ยกขึ้นช้าๆ!

“ข้าเคยบอกแล้วว่าจะสามารถกำราบให้ท่านพ่ายแพ้ได้หรือไม่นั้น ท่านสามารถรอดูได้เลย” ป๋ายเสี่ยฉุนเอ่ยเนิบช้า น้ำเสียงนั้นแฝงไว้ด้วยความเด็ดเดี่ยว นัยน์ตาเฉียบขาด เมื่อยกมือขวาขึ้นอย่างเต็มที่แล้วเขาก็พลันคว้าจับอย่างแรง ทันใดนั้นเสียงกัมปนาทที่เทียบเคียงได้กับเสียงของอสนีสวรรค์ก็ดังออกมาจากในกายเขา

อีกทั้งวินาทีนี้ เงาดวงจันทร์ในตาข้างซ้ายของเขาก็ยิ่งเปล่งประกายแสงอย่างน่าตะลึง ตราประทับดวงอาทิตย์ในตาข้างขวาก็เหมือนเปลวเพลิงที่ลุกท่วมเทียมฟ้า และเมื่อพลังตบะกับพลังกล้ามเนื้อของเขาเคลื่อนโคจร ร่างบรรพจารย์อวิ๋นเหลยของเขาก็ได้แปรเปลี่ยนกลายมาเป็น…พลังการต่อสู้ที่สามารถเปลี่ยนฟ้าแปลงดินอย่างรวดเร็ว!

ทุกอย่างนี้พูดแล้วยาว ทว่าในความเป็นจริงกลับเกิดขึ้นแปบเดียวเท่านั้น แค่ชั่วพริบตา ทวนยาวฟ้าดาราก็พกพาพลังอำนาจไร้คำบรรยายราวกับจะม้วนตลบท้องฟ้าทั้งผืนให้ทะยานดิ่งเข้าใกล้ป๋ายเสี่ยวฉุนมากขึ้นเรื่อยๆ …ครู่เดียวก็มาปรากฏอยู่เบื้องหน้าป๋ายเสี่ยวฉุน!

ทวนยาวฟ้าดารานี้ใหญ่เกินไป ขนาดความยาวของมันมากนับหมื่นจั้ง แรงกดดันที่เกิดขึ้นในเวลานี้ก็ยิ่งรุนแรงมากกว่าเก่าราวกับว่ามีขุนเขาสวรรค์ลูกหนึ่งที่กำลังจะกระแทกลงบนร่างของป๋ายเสี่ยวฉุน และพลังล้ำโลกที่แฝงเร้นอยู่ด้านในก็พอจะจินตนาการได้เลยว่าหากชนโดนป๋ายเสี่ยวฉุนเมื่อไหร่ก็คงจะระเบิดทำลายล้างทุกอย่างให้พังภินท์ทรุดราบเป็นหน้ากลอง

และเวลานี้พลังอำนาจของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ไต่ทะยานถึงขีดสุดเช่นกัน เขาไม่เพียงแต่ไม่ถอยหนี กลับยังกระโจนออกมา กลายร่างเป็นดาวตกเส้นหนึ่งที่ตรงดิ่งเข้าหาทวนยาวฟ้าดาราพร้อมๆ กับเปล่งเสียงเย็นเยียบราวน้ำแข็งที่กึกก้องไปทั้งฟ้าดิน

“บรรพจารย์อวิ๋นเหลย…สุริยันจันทราสาดแสง!”

เมื่อเสียงของเขาที่เหมือนเสียงคำรามของบรรพชนแห่งมวลมนุษยชาติซึ่งเยื้องกรายลงมาเยือนโลกนี้ดังออกมา พลังป่าเถื่อนดุดันในร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ระเบิดออกอย่างเหี้ยมหาญ ซึ่งตอนที่เขาบินออกไป สองข้างกายเขามีดวงอาทิตย์และดวงจันทร์จำแลงขึ้นมาข้างละดวง ยิ่งนานก็ยิ่งส่องแสงเจิดจ้า มาถึงท้ายที่สุดก็แทบจะกลายเป็นแสงบาดตา ทันใดนั้นร่างของเขาก็พลันปะทะเข้ากับทวนยาวฟ้าดารา!

จิตวิญญาณของราชาผียักษ์สั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาของบุรพาจารย์ซิงคงเองก็แน่วนิ่ง นักพรตทุกคนที่อยู่บนพื้นดินเหมือนหยุดหายใจไปแล้ว ภาพที่ปรากฎในดวงตาของพวกเขาเวลานี้คือภาพที่บนท้องฟ้าซึ่งกำลัง…มีหนึ่งคน หนึ่งทวนปะทะเข้าด้วยกัน!

เสียงกัมปนาทที่รุนแรงเกินคำบรรยายยิ่งระเบิดสะท้านฟ้า สั่นสะเทือนจนแก้วหูทุกคนแทบมอดดับ ฟ้าดินแปดทิศสั่นสะเทือน ความว่างเปล่าบิดเบือน โลกใบนี้เหมือนพลิกตลบซัดเป็นทอดๆ

ตูมๆๆ!

ทวนยาวฟ้าดาราที่มีขนาดหมื่นจั้งเล่มนั้นถึงกับหยุดชะงักอยู่กลางอากาศ มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าบนตัวทวนเกิดรอยปริแตก ทั้งยังมีเสียงเปรี๊ยะๆ ดังลั่นออกมา ทวนยาวฟ้าดาราที่มองดูแล้วมีพลังอำนาจน่าครั่นคร้ามเล่มนี้กลับไม่สามารถต้านทานการพุ่งชนที่มาจากป๋ายเสี่ยวฉุนได้ เพราะเวลาเพียงแค่ไม่กี่ชั่วลมหายใจ ท่ามกลางเสียงกัมปนาทที่ดังก้อง มันก็ถึงกับ…แตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ!

เมื่อมันพังทลาย เศษชิ้นส่วนของทวนยาวก็กลายมาเป็นดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วนที่ถูกม้วนตลบกลับไป ส่วนป๋ายเสี่ยวฉุนที่โดนแรงสะเทือนตีกลับก็จำต้องถอยร่นไปด้านหลังอย่างห้ามไม่ได้ มุมปากของเขามีเลือดไหลซึม หน้าอกของเขายุบยวบลงไป ตบะในร่างวุ่นวายไม่เป็นระเบียบ ขณะเดียวกันเรือนกายที่มีเลือดเนื้อก็คล้ายจะพังทลาย จนกระทั่งมองเห็นรอยปริแตกบางส่วนที่ปรากฏขึ้นบนร่างของเขาในเวลาเดียวกัน

ทว่าอาการบาดเจ็บทุกอย่างกลับฟื้นตัวคืนมาเป็นปกติในชั่วขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนก้าวถอยหลังไปเพียงสามก้าวเท่านั้น ก้าวแรก รอยแตกหายไป หน้าอกที่ยุบยวบลงเด้งกลับคืนมาราบเรียบดังเดิมอีกครั้ง ก้าวที่สอง ตบะที่ยุ่งเหยิงกลับคืนมาสงบนิ่ง พลังเรือนกายที่หายไปหวนคืนมาหมดเพียงชั่วอึดใจ

ส่วนเก้าที่สาม เขาเงยหน้าขึ้น พลังอำนาจทั่วร่างระเบิดออก และ…กลับคืนสู่สภาวะสูงสุดไร้รอยขีดข่วนอีกครั้ง!

ดวงตาทั้งคู่ของเขาฉายแสงคมกริบ ตอนที่มองไปยังบุรพาจารย์ซิงคง ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ตบแสงสะเก็ดดาวที่เกาะติดเต็มร่างเนื่องจากการระเบิดของทวนยาวออกพลางเอ่ยเนิบช้า

“มีดีแค่นี้น่ะหรือ?”

แทบจะวินาทีเดียวกับที่เขาเอ่ยออกมา เสียงสูดลมหายใจ เสียงฮือฮาแตกตื่นก็พลันดังเซ็งแซ่ออกมาจากปากของนักพรตสองฝ่ายที่อยู่บนพื้นดิน…

“ไม่เป็นอะไรเลยสักอย่าง!!”

“คุณพระช่วย ป๋ายเสี่ยวฉุนผู้นี้…เมื่อเผชิญหน้ากับวิชาอภินิหารของบุรพาจารย์ซิงคง กลับ…ฟื้นตัวได้ในเสี้ยววินาที!!”

“นี่…นี่…”

ไม่เพียงทุกคนที่อยู่บนพื้นดินเท่านั้นที่ตะลึงพรึงเพริด ราชาผียักษ์ที่อยู่บนท้องฟ้าก็เป็นเช่นเดียวกัน

เขาเบิกตากว้างมองป๋ายเสี่ยวฉุน ในใจเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ เขามองต้นสายปลายเหตุออก แต่ก็เพราะรู้สาเหตุถึงทำให้เขายิ่งตะลึงลาน

“การฟื้นตัวแบบนี้…ใครยังจะฆ่าเขาได้อีก?!”

บัดนี้ในใจของบุรพาจารย์ซิงคงก็มีคลื่นลูกยักษ์โถมกระหน่ำเช่นกัน ลมหายใจของเขาถี่กระชั้น ประกายแสงในดวงตาคมกริบอย่างถึงที่สุด

ในฐานะที่เป็นครึ่งเทพ เขาย่อมมองออกว่าเมื่อครู่นี้ตอนที่ต้านทานทวนยาวฟ้าดาราของตน ป๋ายเสี่ยวฉุนก็บาดเจ็บไม่น้อย ซึ่งการแตกสลายของทวนยาวก็ไม่ได้ทำให้เขาแปลกใจ แล้วเขาก็ไม่ได้ตื่นตะลึงไปเพราะเหตุนี้ ที่ทำให้เขาตะลึงพรึงเพริดก็เพราะอาการบาดเจ็บที่มองดูเหมือนสาหัสของป๋ายเสี่ยวฉุนกลับฟื้นตัวคืนมาในชั่วเวลาที่เขาถอยหลังไปไม่กี่ก้าวเท่านั้น

ในสายตาของเขา นี่เป็นเรื่องที่เกินความคาดคิดไปไกลโข พลังการฟื้นตัวเช่นนี้ทำให้จิตใจของเขาสั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง อีกทั้งส่วนลึกในจิตใจยังถึงขั้นเกิดความกริ่งเกรงรุนแรงอย่างห้ามไม่ได้ด้วย

“พลังการต่อสู้ของเขาแค่เทียบเคียงกับครึ่งเทพช่วงต้นได้เท่านั้น แต่ว่า…พลังการฟื้นตัวของเขา ต่อให้เป็นเทียนจุนก็ยังไม่สามารถทำได้ขนาดนี้!!”

“สมควรตายนัก นี่มันการฟื้นตัวอะไรกัน…ข้าไม่เชื่อหรอกว่าการฟื้นตัวเช่นนี้ของเขาจะสามารถร่ายใช้ได้อย่างไร้ขีดจำกัด จะอย่างไรมันก็ต้องมีขอบเขตกันบ้าง!” บุรพาจารย์ซิงคงหรี่ตาลง ในใจเคร่งเครียดอย่างถึงที่สุด ตบะทั้งร่างโคจรอีกครั้ง ลมหายใจหอบหนัก ขณะเดียวกันเขาก็พลันโบกมือทั้งคู่ออก พลังอำนาจที่บ้าระห่ำยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ระเบิดตูมออกมาจากร่างของเขา

“ป๋ายเสี่ยวฉุน เจ้าสามารถต้านทานทวนฟ้าดาราได้ ถ้าอย่างนั้นกระบวนท่านี้ล่ะ!”

ระหว่างที่พูดผู้เฒ่าซิงคงก็กัดปลายลิ้นพ่นเลือดสดออกมาหนึ่งคำ มือขวาโบกสะบัด เลือดสดของเขาก็กลายมาเป็นหมอกสีเลือดผืนหนึ่งที่ผสานรวมเข้าไปในท้องฟ้ามากหมู่ดาว ทำให้ดวงดาวที่ดารดาษทั่วผืนฟ้าเปล่งประกายแสงอย่างพร้อมเพรียงกัน แสงดาวเจิดจ้ายิ่งกว่าก่อนหน้านี้ พื้นดินจึงถูกส่องสว่างราวกับเป็นเวลาลางวัน!

แสงดาวไร้ที่สิ้นสุดนี้ส่องแสง ก่อนจะเข้ามารวมตัวกันอีกครั้ง คราวนี้ขนาดที่จำแลงออกมาใหญ่โตกว่าทวนยาวฟ้าดาราก่อนหน้านี้เกินสิบเท่าขึ้นไป ปราณแห่งความกดดันบีบคั้นก็ยิ่งเหนือล้ำกว่าเดิม ท่ามกลางเสียงสูดลมหายใจของคนมากมายก็เห็นเพียงว่าแสงดาวบนท้องฟ้าที่มารวมตัวกันพลันกลายมาเป็น….มังกรดวงดาวที่มีขนาดใหญ่นับแสนจั้ง…กินพื้นที่ของท้องฟ้ามากหมู่ดาวไปเกินครึ่ง!

โฮก! มังกรแสงดาวส่งเสียงร้องคำราม ดวงตาทั้งคู่ของมันเปล่งประกายราวกับแสงดารา คมกริบบีบคั้นอารมณ์ ขณะเดียวกันพลังอำนาจของทวนยาวฟ้าดาราที่แข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้ก็พุ่งทะยานตลบผ่านท้องฟ้าตรงเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน

ความเร็วนั้นมีมากจนเข้ามาถึงเพียงชั่วพริบตา ป๋ายเสี่ยวฉุนเงยหน้าขึ้น ดวงตาก็ฉายแสงคมกริบเช่นเดียวกัน

“บุรพาจารย์ซิงคง ทุกวิชาอภินิหารของท่าน…ใช้ไม่ได้ผลกับข้า!”

พูดจบป๋ายเสี่ยวฉุนก็ก้าวพรวดออกไป แล้วกลายร่างเป็นดาวตกดวงหนึ่งที่พุ่งเข้าใส่มังกรแสงดาวเช่นเดียวกับที่ทำต่อทวนยาวฟ้าดาราก่อนหน้านี้

เมื่อเดินออกมา มือขวาของเขาก็พลันกำเป็นหมัด ทันใดนั้นเบื้องหน้ามือขวาของเขาก็มีน้ำวนสีดำขนาดใหญ่ยักษ์ลูกหนึ่งหมุนคว้างอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันได้ดูดเอาพลังตบะและพลังกล้ามเนื้อทั้งหมดของป๋ายเสี่ยวฉุนเข้าไป พร้อมๆ กับที่ด้านหลังของเขามีเงาจักรพรรดิที่สวมมงกุฎจักรพรรดิจำแลงออกมา

ศีรษะค้ำฟ้า เท้าเหยียบดิน วินาทีที่ปรากฏตัว ท้องนภาก็สั่นสะเทือน พลังอำนาจขุมหนึ่งที่แม้แต่บุรพาจารย์ซิงคงก็ยังหน้าเปลี่ยนสีพลันระเบิดออกมาจากบนร่างของป๋ายเสี่ยวฉุน

นั่นคือความเผด็จการอย่างที่มิอาจบรรยายได้ นั่นคือกลิ่นอายของความเหี้ยมหาญที่ไร้เทียมทาน!

หนึ่งหมัดต่อยลงไปยังมังกรแสงดาว เมื่อเหวี่ยงหมัดออกไป เงาร่างจักรพรรดิสูงใหญ่ที่อยู่ด้านหลังของเขาก็ยกมือขึ้นแล้วต่อยออกไปเช่นกัน!

นั่นก็คือ…หมัดจักรพรรดิมิดับสูญ!

ฟ้าดินสั่นสะเทือน ลมพัดชั้นเมฆให้แตกสลาย หมัดนี้…พลิกภูเขาคว่ำมหาสมุทร คล้ายมังกรยักษ์ที่ไม่ดับสลายตัวหนึ่งซึ่งปะทะเข้ากับมังกรแสงดาวโดยตรง ก่อให้เกิดเสียงกัมปนาทที่ดังกึกก้องไปทั่วทั้งแดนทุรกันดาร!

เสียงนี้ดังมากเกินไป ทำเอานักพรตทุกคนที่อยู่บนพื้นดินแก้วหูสะเทือนจนหูแทบดับ ในสมองมีเสียงดังอึงอลไม่หยุด อีกทั้งมีหลายคนที่ไม่อาจทนรับได้ไหวถึงกับกระอักเลือดสดออกมาโดยตรง

บนท้องฟ้า เมื่อหมัดนั้นของป๋ายเสี่ยวฉุนร่วงลงมาก็ได้โจมตีให้ขีดจำกัดแห่งโลกเผยตัว เป็นเหตุให้ตาข่ายแห่งโลกซึ่งเคยปรากฎในศึกระหว่างคนเฝ้าสุสานกับเทียนจุนวันนั้นลอยขึ้นมาอีกครั้ง!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!