Skip to content

A Will Eternal 1004

บทที่ 1004 ชะตาชีวิตของเจ้า

เมื่อสองเสียงที่ต่างกันดังก้องอยู่ในฟ้าดินแห่งนี้ก็ราวกับว่าเวลาได้ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่ป๋ายเสี่ยวฉุนยังอยู่ในแดนทุรกันดาร…เมื่อครั้งศึกไร้เทียมทานที่เทียนจุนและคนเฝ้าสุสานเปิดฉากต่อสู้กันไม่ไกลจากนครผียักษ์

และตอนนี้…เทียนจุนได้เยื้องกรายลงมาเยือนอีกครั้ง เพียงแต่ว่าสถานการณ์กลับต่างไปจากเดิม เห็นได้ชัดว่าอาการบาดเจ็บของเทียนจุนฟื้นตัวกลับมาแล้วไม่น้อย แต่คนเฝ้าสุสานกลับพลังชีวิตแห้งขอด ซึ่งพอจะฟังออกจากเสียงถอนหายใจที่เหนื่อยล้านั้น

แต่…ต่อให้คนเฝ้าสุสานจะอ่อนแอมากแค่ไหน เขาก็ยังคงเป็นคนเฝ้าสุสาน!!

ยามนี้เมื่อมือใหญ่ที่เขายื่นออกมาจากใต้ดินขยายเป็นมือยักษ์แล้วปะทะเข้ากับมือของเทียนจุน แรงโจมตีที่เกิดขึ้นก็มากพอจะทำให้สีของท้องฟ้าจางหาย ทำให้ลมและเมฆเปลี่ยนแปลง และยิ่งทำให้ฟ้าดินของแถบนี้มีตาข่ายแห่งโลกปรากฏขึ้นอีกครั้ง เพราะพลังนั้นรุนแรงถึงขีดสุดจนโลกใบนี้จำเป็นต้องปกป้องตัวเอง!

เมื่อท้องฟ้าถูกตาข่ายแห่งโลกเข้ามาปกคลุม สีหน้าของป๋ายเสี่ยวฉุนก็เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย เขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่าตาข่ายแห่งโลกนี้คล้ายผ่านกาลเวลามายาวนานจนนับไม่ถ้วนจึงมีหลายจุดที่เกิดลางว่าจะปริแตก

ขณะเดียวกันศึกครั้งนี้ระหว่างคนเฝ้าสุสานกับเทียนจุนก็สะเทือนเลือนลั่นไปแปดทิศ คลื่นโจมตีพัดหอบเอาร่างของคนแทบทุกคนให้จากไป ยามนี้คนที่ยังอยู่บนสนามรบจึงมีเพียงป๋ายเสี่ยวฉุน ราชาผียักษ์และบุรพาจารย์ซิงคงเท่านั้น

แล้วก็มีเพียงพวกเขาสามคนเท่านั้นที่ถึงจะพอหยุดรั้งอยู่บนสมรภูมิรบระหว่างคนเฝ้าสุสานกับเทียนจุนได้อย่างกล้อมแกล้ม!

ระหว่างที่ลมหายใจหอบรัว ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันเปล่งแสงวาบ เขาไม่ได้เลือกที่จะอยู่ตรงนี้ต่อ แต่อาศัยคลื่นที่เหลืออยู่ของแรงโจมตีถอยกรูดออกไป ทว่าตอนที่เขาถอยออกมา มือของเทียนจุนกลับพุ่งตามมาติดๆ ตามหลังมาด้วยมือยักษ์ของคนเฝ้าสุสานที่โผล่จากใต้ดินซึ่งพยายามขัดขวางเทียนจุนเอาไว้

เสียงดังสนั่นหวั่นไหวกึกก้องไปรอบด้านอีกครั้ง พลังตบะที่มือใหญ่ทั้งสองข้างนี้แผ่ออกมาล้วนเหนือกว่าครึ่งเทพ บรรลุไปถึงขั้นมหายาน ซึ่งก็คือ…ระดับของเทียนจุน!

ต่อให้ปีนั้นมารดาแห่งผีจะเคยพูดว่า ชื่อเรียกเทียนจุนของนักพรตทงเทียนผู้นี้ แท้จริงแล้วเป็นเพียงแค่ว่าที่เทียนจุนเท่านั้น แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ เขาก็ยังสามารถเปลี่ยนฟ้าแปลงดิน ท่ามกลางเสียงเกริกก้อง ไม่เพียงแต่ป๋ายเสี่ยวฉุนคนเดียวเท่านั้นที่ถอยห่าง ราชาร่างของผียักษ์และบุรพาจารย์ซิงคงสองคนก็ถอยกรูดออกไปอย่างที่มิอาจควบคุมได้เช่นกัน

พวกเขามองออกแล้วว่าพลังชีวิตของคนเฝ้าสุสานแห้งขอดเต็มที คงยืนหยัดได้ไม่นานเท่าไหร่นัก

บุรพาจารย์ซิงคงลังเลเล็กน้อย ใจอยากจะขัดขวางไม่ให้ป๋ายเสี่ยวฉุนหนีไป แต่พอสังเกตเห็นดวงตาวาววับของราชาผียักษ์ เขาก็แอบถอนหายใจ ตัดสินใจที่จะไม่กระโดดเข้าไปย่ำน้ำขุ่นบ่อนี้…

แม้ว่าเขาจะรู้สึกแปลกใจกับการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเทียนจุนอยู่บ้าง แต่พอลองไตร่ตรองอย่างละเอียด คำตอบที่ได้กลับทำให้หัวใจของเขาหนาวสะท้าน

“คนเฝ้าสุสาน เจ้าอ่อนแอถึงเพียงนี้แล้ว แต่ไม่ยอมรอความตายอยู่ในแม่น้ำอเวจี กลับกล้าโผล่ออกมาขัดขวางตัวข้าอีกรึ!”

เสียงของเทียนจุนที่แฝงความบ้าคลั่งดังก้องไปทั่วโลก ก่อนที่จะมีลูกคลื่นกระเพื่อมจากมือใหญ่ของเขาที่ยื่นออกมาจากน้ำวน ครั้นจึงเห็นว่าบนมือใหญ่มีน้ำสีทองของแม่น้ำทงเทียนปรากฏขึ้น

เป็นเหตุให้แสงสีทองเจิดจ้าปกคลุมมือใหญ่ไปไกลนับหมื่นจั้ง พลังอำนาจของมันผุดผงาดอย่างไร้ที่สิ้นสุด แล้วจึงตรงเข้าบดขยี้มือใหญ่ของคนเฝ้าสุสานที่โผล่มาจากใต้ดินอย่างแรง

เสียงกัมปนาทดังไปสี่ทิศอีกครั้ง ป๋ายเสี่ยวฉุนร่ายใช้ความเร็วทั้งหมดห้อตะบึงจากไปไกล เพียงแต่ว่ายังไม่ทันรอให้ป๋ายเสี่ยวฉุนบินไปได้ไกลมากนัก ด้านหลังของเขาก็มีเสียงกัมปนาทเสียงที่สี่ดังขึ้นมา ป๋ายเสี่ยวฉุนใจสั่นรัว หันไปมองก็เห็นว่ามือจากใต้ดินของคนเฝ้าสุสานกำลังแตกทลายไปทีละชุ่น ไม่นานก็ระเบิดกระจายเป็นเสี่ยงๆ …

ส่วนมือใหญ่สีทองของเทียนจุนที่พอบดขยี้มือใต้ดินของคนเฝ้าสุสานได้แล้วก็แผ่เข้ามากลบฟ้าปิดดิน พุ่งดิ่งเข้าปกคลุมร่างของป๋ายเสี่ยวฉุน

“ป๋ายเสี่ยวฉุน…เจ้าหนีไม่รอดหรอก ทุกอย่างนี้ล้วนเป็นเพราะคนเฝ้าสุสานบีบบังคับ…ข้าผู้อาวุโสไม่ได้ต้องการให้เป็นเช่นนี้ แต่ในเมื่อมันจำเป็น…เจ้าก็จงยอมกลายมาเป็นโอสถใหญ่แห่งฟ้าดินของตัวข้าแต่โดยดีเสียเถอะ!” ยามเมื่อเสียงที่ประหนึ่งอานุภาพสวรรค์ดังอื้ออึง มือใหญ่สีทองของเทียนจุนก็ตบผลัวะลงมา

ป๋ายเสี่ยวฉุนไร้ที่ให้หลบเลี่ยง เขาเงยหน้าพรวด จ้องเขม็งไปยังมือใหญ่ของเทียนจุนที่ร่วงลงมา

ตอนนี้ในสมองของเขาไม่คิดพิจารณาถึงปัญหาใดๆ อีกแล้ว ความคิดเดียวที่มีก็คือต่อต้าน ก็คือดิ้นรน!

“พิฆาตเทพ!!” ดวงตาทั้งคู่ของป๋ายเสี่ยวฉุนแดงก่ำ ร่ายใช้ท่าไม้ตายของเลือดคงกระพันทันที เมื่อฝึกบทมิวางวายได้สำเร็จ เขาจึงสามารถควบคุมวิชาพิฆาตเทพได้โดยที่ตัวเองพอจะประคองสติให้มั่นคงได้

ยามนี้เมื่อเลือดลมทั้งร่างพวยพุ่งเทียมฟ้า ความเร็วของป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันระเบิดออก เขาทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว พร้อมๆ กับที่บนท้องฟ้ามีเสียงเย็นเยียบของเทียนจุนดังเอื่อยเฉื่อยขึ้นมา

“เวทลับบทมิวางวายของบรรพบุรุษขุย…หากเจ้ามีบทอมตะด้วยล่ะก็ ต่อให้เป็นตัวข้าก็ยังมิอาจทำอะไรเจ้าได้…เพียงแต่ว่าเจ้าที่ตอนนี้ขาดบทอมตะ จะอย่างไรก็หนีชะตาชีวิตที่ตัวข้าเป็นคนกำหนดให้เจ้าไม่พ้น!” ระหว่างที่คำพูดนี้ดังขึ้น แสงสีทองของมหาสมุทรทงเทียนบนมือใหญ่ก็ยิ่งเจิดจ้าอย่างถึงที่สุด ถึงขั้นสยบแสงสีเลือดบนร่างของป๋ายเสี่ยวฉุน มองข้ามวิชาพิฆาตเทพ ตรงดิ่งเข้ามาคว้าร่างของเขาเอาไว้โดยตรง!

“เทียนจุน!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนคำรามกร้าวพลางยกมือขวาขึ้นกวาดไปรอบกายแล้วสะบัดลง ทันใดนั้นไอน้ำที่มีเขาเป็นจุดศูนย์กลางก็พลันระเหยขึ้นมาอย่างไร้ขอบเขต ครั้นจึงกลายมาเป็นหนองบึง เสียงคำรามเสียงหนึ่งที่คล้ายดังมาจากบรรพกาลอันห่างไกลส่งเสียงกึกก้องคลอเคล้าไปกับเสียงตะโกนของป๋ายเสี่ยวฉุน

ยอดเขาโค้งงอมากมายทะยานจากบ่อน้ำขึ้นไปบนท้องฟ้า นี่ก็คือ…เขตแดนธารา

ด้วยตบะคนฟ้าขั้นสมบูรณ์แบบของป๋ายเสี่ยวฉุนในเวลานี้ เขตแดนธาราที่เขาร่ายใช้จึงเหนือกว่าในอดีตที่เคยเป็นไปไกลโข เมื่อยอดเขาแต่ละลูกผุดออกมา กรงเล็บข้างหนึ่งของสัตว์ยักษ์ก็โผล่ให้เห็นอย่างสมบูรณ์แบบ ครั้นจึงพุ่งเข้าชนกับมือใหญ่สีทองที่ดิ่งวูบลงมาจากท้องฟ้า

เพียงแต่ว่า…เมื่อเทียบกับตบะของเทียนจุนแล้ว ตบะของป๋ายเสี่ยวฉุนช่างห่างชั้นยิ่งนัก แม้ว่าเขตแดนธารานี้จะแข็งแกร่ง แต่กลับยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเทียนจุน พริบตาเดียวทั้งสองฝ่ายก็ปะทะเข้าด้วยกัน

ท่ามกลางเสียงอึกทึก ภายใต้การแค่นเสียงเย็นชาของเทียนจุน กรงเล็บสัตว์ที่โผล่ออกมาจากในเขตแดนธาราพลันพังถล่มทลาย ทั้งยังมีเสียงแผดร้องด้วยความเจ็บปวดอย่างถึงที่สุดดังออกมาจากในบึงน้ำ น้ำทั้งบึงสะเทือนไหว ราวกับว่าสัตว์ยักษ์ที่ซ่อนตัวอยู่ด้านในกำลังพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อบุกออกมาอย่างบ้าคลั่ง

ทว่ามือใหญ่สีทองของเทียนจุนนั้นมโหฬารเกินไป ภายใต้ความยิ่งใหญ่เกรียงไกรนั้น มันก็พุ่งเข้ามาคว้าจับร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนเอาไว้!

รัศมีหมื่นลี้รอบกายป๋ายเสี่ยวฉุนตกอยู่ในกำมือของมือใหญ่ ก่อนที่มือใหญ่จะบีบเข้าหากันเต็มแรง!

ความว่างเปล่าระเบิดกระจาย เดิมทีไม่ใช่ของจริง แต่ตอนนี้ออกความว่างเปล่าที่ระเบิดออกกลับเหมือนกลายมาเป็นของจริงที่ก่อให้เกิดแรงบีบอัดซึ่งรุนแรงถึงขีดสุด ท่ามกลางเสียงเปรี๊ยะๆ ดังลั่น ป๋ายเสี่ยวฉุนที่กำลังดิ้นรนขัดขืนมองไปรอบกาย สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงภาพที่ฝ่ามือและนิ้วทั้งห้าซึ่งใหญ่ราวขุนเขากำลังถล่มครืนลงมาหาตนจากสี่ด้านแปดทิศ

เมื่อเทียบกับฝ่ามือนี้แล้ว ร่างของเขาเรียกได้ว่าเล็กกระจ้อยร้อย เล็กยิ่งกว่ามดตัวหนึ่งเสียอีก!

มองไกลๆ หากเปรียบเทียบโลกทั้งใบเป็นดั่งทะเลผืนใหญ่ ถ้าเช่นนั้นมือของเทียนจุนก็เหมือนมือที่ยื่นจากผิวน้ำทะเลลงไปคว้าจับมดง่ามตัวหนึ่งที่เล็กกว่ากุ้งหลายต่อหลายเท่าตัว

มิอาจต้านทาน มิอาจต่อต้าน

ป๋ายเสี่ยวฉุนตัวสั่นสะท้านอย่างบ้าคลั่ง แรงบีบคั้นกดดันทำให้เขากระอักเลือด เสียงเปรี๊ยะๆ ดังลั่นไปทั่วสรรพางค์กายคล้ายกระดูกทุกท่อนแตกหัก หนองน้ำที่โอบล้อมอยู่รอบกายก็มิอาจต้านทานแรงบีบจากมือใหญ่สีทองได้จึงแตกทลายออกเป็นเสี่ยงๆ!

เมื่อเห็นว่าโลกทั้งใบถูกแทนที่ด้วยมือใหญ่ข้างนี้ แม้ว่ารอบกายยังเหลือพื้นที่ว่างจากร่องนิ้วทั้งห้า ทว่าเมื่อมือใหญ่กำเข้าหากัน ร่องว่างเหล่านั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว แรงบีบอัดจากแปดทิศทำให้ทั้งร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนแหลกสลายตลอดเวลา ความสิ้นหวังลอยขึ้นมาในหัวใจของเขาอย่างห้ามไม่ได้

และเวลานี้เอง ในมือใหญ่ของเทียนจุน ในความว่างเปล่ารอบกายของป๋ายเสี่ยวฉุนที่ถูกบีบเข้ามาเรื่อยๆ จู่ๆ ก็มี…น้ำของแม่น้ำสีดำปรากฏขึ้น!

นั่นคือน้ำของแม่น้ำอเวจี เวลานี้มันโผล่ออกมาเฉียบพลันอย่างยิ่ง พริบตาเดียวก็กลายมาเป็นแม่น้ำอเวจีที่น่าตะลึงเส้นหนึ่ง ปราณของจักรพรรดิหมิงที่แผ่ออกมาจากด้านในกำลังห่อหุ้มร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนหมายจะม้วนตลบพาเขาหนีไปจากมือใหญ่ข้างนี้

“จักรพรรดิหมิงองค์ใหม่ หากให้เวลาเจ้าอีกสักหลายหมื่นปี บางทีเจ้าก็คงมีคุณสมบัติ ทว่าต่อนี้…เจ้ากลับกล้ามาปรากฏอยู่ต่อหน้าตัวข้า ช่างรนหาที่ตายนัก!”

เสียงเย็นอึมครึมของเทียนจุนดังก้อง ก่อนที่เสียงตูมจะดังลั่นหนึ่งครั้ง มหาสมุทรทงเทียนสีทองที่อยู่กลางมือใหญ่ซึ่งกำลังกำเข้าหากันอย่างต่อเนื่องก็พลันระเบิดออก กลายมาเป็นพลังการโจมตีอันแข็งแกร่งที่ทำให้แม่น้ำอเวจีซึ่งล้อมอยู่รอบกายป๋ายเสี่ยวฉุนแตกทลายลงไปทีละชั้น ซ้ำป๋ายเสี่ยวฉุนยังได้ยินเสียงร้องอึกอักราวได้รับบาดเจ็บสาหัสของป๋ายฮ่าวด้วย

น้ำของแม่น้ำอเวจีทั้งหมดถูกน้ำของมหาสมุทรทงเทียนขับไล่ให้หายไปในชั่วพริบตา ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเวลาเพียงแค่ครู่เดียว จากนั้นมือใหญ่ของเทียนจุนก็กำร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนพร้อมกับความว่างเปล่ารอบด้านเขาพร้อมกันแรงๆ หนึ่งครั้ง!

เมื่อกำเอาไว้ได้แล้ว หมัดของเขาก็ออกแรงบีบอย่างต่อเนื่อง คล้ายจะบดขยี้ทุอย่างที่อยู่ข้างในให้แหลกลาญ!

“ฮ่าวเอ๋อร์!!” ในมือใหญ่ของเทียนจุน ป๋ายเสี่ยวฉุนที่เผชิญหน้ากับมือใหญ่ที่คล้ายกับภูเขาลูกหนึ่งซึ่งปกคลุมร่างทั้งหมดของตัวเองเอาไว้ เผชิญหน้ากับแรงบีบอัดน่าตะลึงที่มาจากแปดทิศ เขาก็เริ่มคลุ้มคลั่ง แม้ว่าอาการบาดเจ็บของเขาจะสาหัสมาก แต่เขาที่ฝึกบทมิวางวายได้สำเร็จ พลังการฟื้นตัวจึงน่าเหลือเชื่อ พริบตาเดียวอาการบาดเจ็บทุกอย่างก็จางหาย เขาจึงร้องคำรามแล้วร่ายใช้คาถาบรรพจารย์อวิ๋นเหลยแปรเปลี่ยนโดยตรง!

สิบเอ็ดแปรเปลี่ยน!!

เมื่อร่างยิ่งขยายใหญ่ อีกทั้งรอบกายยังมีเศษหินจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฎแล้วพุ่งมารวมตัวกันในชั่วพริบตา ทำให้ร่างของเขาเหมือนกลายมาเป็นภูเขาขนาดยักษ์ นั่นก็คือ…คาถาคนขุนเขา!

พลังกล้ามเนื้อทั้งหมดระเบิดออกพร้อมกัน ตบะของเขาเองก็ถูกร่ายใช้ทั้งหมด ทว่าทั้งหมดนี้ล้วนมิอาจแก้ไขอะไรได้ พลังน่าหวาดกลัวที่มาจากการกำมือใหญ่ของเทียนจุนทำให้คาถาบรรพจารย์แปรเปลี่ยนและคาถาคนขุนเขาของป๋ายเสี่ยวฉุนประคองตัวไม่อยู่และแตกทลายไปในทันที เรือนกายของเขาบาดเจ็บสาหัส ในขณะเดียวกันก็ทำการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว

ทว่าพอฟื้นตัว ร่างของเขากลับพังทลายไปอีกครั้ง

เป็นอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เวลาสั้นๆ แค่ไม่นาน ร่างของเขาก็พังทลายไปเกินหนึ่งร้อยครั้ง ฟื้นตัวกลับมาเกินหนึ่งร้อยครั้ง แต่ก็ยังมิอาจพลิกเปลี่ยนสถานการณ์ได้อยู่ดี

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!