Skip to content

A Will Eternal 1007

บทที่ 1007 น้ำตาหยดหนึ่ง

ร่างกายถูกตราทาสปิดผนึก ทว่ากลับยังดิ้นรนได้ตามสัญชาตญาณ พอจะจินตนาการได้ว่าใจของตู้หลิงเฟยที่ไม่อยากทำร้ายป๋ายเสี่ยวฉุนนั้นเด็ดเดี่ยวมากแค่ไหน

ป๋ายเสี่ยวฉุนตัวสั่น สัมผัสได้ถึงมือสั่นสะท้านที่วางอยู่บนกระหม่อมของตัวเอง เขาจึงลืมตาขึ้นมองใบหน้าที่แทบจะบูดเบี้ยว มองอักขระทาสที่กะพริบถี่รัวอยู่ในดวงตา รวมไปถึง…เรือนกายที่สั่นเทิ้มของตู้หลิงเฟย!

“ตู้ตู้น้อย…” ป๋ายเสี่ยวฉุนพึมพำ ดวงตาของเทียนจุนที่อยู่ข้างๆ ก็ฉายแววซับซ้อนเช่นกัน แต่ไม่นานความซับซ้อนนี้ก็ถูกลบเลือนไป ความบ้าคลั่งก่อตัวขึ้นมาใหม่อีกครั้ง แล้วจึงพลันยกมือขวาขึ้นชี้ไปยังบุตรสาวของตัวเอง!

การชี้ครั้งนี้ทำให้ร่างของตู้หลิงเฟยสั่นเทิ้ม ตราผนึกทาสที่อยู่ในดวงตาของนางเริ่มแทนที่มาด้วยความเจ็บปวด ร่างที่สั่นสะท้านกลับมานิ่งสงบอีกครั้ง มือขวาที่สั่นระริกก็เริ่มมั่นคง แล้ววางทาบลงไปบน…กระหม่อมของป๋ายเสี่ยวฉุนอีกครั้ง

ดวงตาไร้แววทั้งคู่ของนางมองมาที่ป๋ายเสี่ยวฉุน ไม่มีคลื่นอารมณ์ใดๆ ในดวงตาทั้งคู่ แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดรวดร้าวที่ฝังลึกอยู่ในกระดูกของนาง

ป๋ายเสี่ยวฉุนขยับริมฝีปากน้อยๆ แต่สุดท้ายกลับได้แต่เงียบงัน

เขาเองก็มองตู้หลิงเฟยอยู่เช่นกัน ครั้งนี้เขาไม่ได้หลับตา ราวกับรู้ว่าชีวิตของตัวเองได้เดินมาถึงปลายทางแล้ว สิ่งที่เขาทำได้ก่อนที่จิตวิญญาณจะปลิวหายจึงมีเพียงทำให้ภาพที่อยู่เบื้องหน้านี้กลายมาเป็นนิจนิรันดร์สุดท้ายในชีวิตของตน

เสียงครืนดังสนั่นหวั่นไหว… ค่ายกลของตำหนักใต้ดินเปิดออกอย่างสมบูรณ์แบบ โครงกระดูกที่รายล้อมอยู่รอบด้านหลอมละลายไปอย่างต่อเนื่อง วินาทีที่มือขวาของตู้หลิงเฟยกดลงบนกระหม่อมของป๋ายเสี่ยวฉุน เสียงกัมปนาทก็พลันระเบิดอยู่ในสมองของเขา

ฉับพลันนั้นความเจ็บปวดรุนแรงจนมิอาจบรรยายได้กลายมาเป็นเหมือนคลื่นพิโรธที่ถาโถมอยู่ในกายของป๋ายเสี่ยวฉุน พลังชีวิตของเขา ตบะของเขา เลือดเนื้อของเขา จิตวิญญาณของเขาและทุกสิ่งทุกอย่างของเขา…บัดนี้ล้วนถูกแรงดึงดูดที่มาจากมือของตู้หลิงเฟยดูดเอาไปอย่างบ้าคลั่ง!

ราวกับว่าทุกอย่างในร่างกายถูกบดขยี้จนแหลกเหลว กระดูก เลือดเนื้อ เส้นชีพจร ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนกำลังแหลกสลาย ก่อนกลายมาเป็นพลังชีวิตต้นกำเนิดที่เข้มข้นอย่างถึงที่สุดขุมหนึ่ง…

และพลังชีวิตนี้ก็คือสิ่งที่เทียนจุนต้องการ ซึ่งเวลานี้กำลังถูกดูดเข้าไปในร่างของตู้หลิงเฟยอย่างบ้าคลั่ง…

ป๋ายเสี่ยวฉุน คือโอสถมิวางวายเม็ดใหญ่ ส่วนตู้หลิงเฟย…ก็คือเตาหลอมอมตะ…

หลังจากที่เตาหลอมอมตบะดูดเอายามิวางวายเข้าไปก็จะหล่อหลอมทุกสิ่งที่เป็นของตัวเอง วินาทีที่เตาหลอมแห้งเหี่ยวสูญสลาย จะแลกมาด้วย…ยาอมตะมิวางวายหนึ่งเม็ด!

“ใกล้แล้ว ใกล้จะสำเร็จแล้ว…”

“ยาอมตะมิวางวาย…ยาอมตะมิวางวายที่ข้ารอมาทั้งชีวิต…” เทียนจุนที่ยืนอยู่ข้างๆ หัวเราะอย่างคลุ้มคลั่ง พอเห็นว่าตู้หลิงเฟยลูกสาวของตัวเองถูกตนใช้ตราผนึกทาสควบคุมจึงดูดดึงทุกอย่างของป๋ายเสี่ยวฉุนมาอย่างบ้าคลั่ง ลมหายใจของเขาก็ถี่กระชั้นรุนแรงจนใบหน้าเริ่มบิดเบี้ยว แม้แต่เสียงของเขาก็ยังเปลี่ยนทำนอง

ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนสั่นสะท้าน ความเจ็บปวดในร่างกายรุนแรงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ต่อให้ตอนฝึกบทมิวางวายป๋ายเสี่ยวฉุนจะต้องแบกรับความเจ็บปวดมากมาย แต่เมื่อเทียบกับตอนนี้แล้ว ความเจ็บปวดที่เคยได้รับกลับเล็กน้อยจนไม่มีค่าพอให้พูดถึง

เรือนกายของเขาค่อยๆ แห้งเหี่ยว เส้นผมของเขาหมดประกายแวววาว เลือดคงกระพันในร่างของเขาค่อยๆ จางหายไป สีของกระดูกคงกระพันเริ่มเปลี่ยนมาเป็นหม่นมัว เอ็นคงกระพัน เนื้อคงกระพันและหนังคงกระพัน…เหมือนกำลังเกิดการถดถอยเสื่อมสภาพ…

นั่นคือสิ่งที่เขามิอาจต้านทาน มิอาจต่อต้าน ร่างถูกควักจนกลวงโบ๋ ความรู้สึกที่เหมือนพลังชีวิตถูกกระชากรั้งออกไปทำให้จิตสำนักของป๋ายเสี่ยวฉุนเริ่มเลื่อนลอย

ในสมองของเขามีภาพเหตุการณ์ทุกอย่างในแดนทุรกันดารลอยขึ้นมา มีป๋ายฮ่าว มีราชาผียักษ์ มีสตรีธุลีแดง มีโจวอีซิง…จากนั้นก็เป็นภาพในสำนักสยบธาร…

ในสำนักสยบธารยังมีหลี่ชิงโหว ซ่งจวินหว่าน เสินซ่วนจื่อ…ฯลฯ…ใบหน้าของทุกคนที่อยู่ในความทรงจำล้วนวูบผ่านเบื้องหน้าของเขาไป

“สำนักสยบธาร…” เสียงพึมพำของป๋ายเสี่ยวฉุนคนนอกมิอาจได้ยิน ราวกับว่ามีเพียงตัวเขาเองเท่านั้นที่ถึงจะได้ยิน ไม่นานร่างกายของเขาก็ยิ่งอ่อนกำลังลงเรื่อยๆ เส้นผมของเขาแห้งเหี่ยว ก่อนจะเริ่มหลุดลงไปทีละเส้น ยังไม่ทันร่วงลงไปในบ่อน้ำก็กลายมาเป็นเถ้าธุลีเสียก่อน

ร่างของเขาแห้งเหี่ยวเต็มทีแล้ว ดวงตาของเขาก็หม่นหมองเหมือนเปลวเทียนที่กำลังจะมอดดับ…

และเวลานี้ภาพที่ลอยขึ้นมาในสมองของเขาก็ไม่ใช่ภาพของสำนักสยบธารอีกแล้ว แต่เป็น…สำนักธาราเทพ…ที่อยู่ในแม่น้ำทงเทียนสายตะวันออกตอนล่าง ราวกับว่าความทรงจำของทั้งชีวิตกำลังไหลย้อนกลับ เขามองเห็นตัวเองที่อยู่ในสำนักธาราเทพ มองเห็นเงาร่างของตนที่ยืนอยู่ใต้ป้ายศิลาพืชหญ้า มองเห็นท่าทางที่ตนนั่งยองๆ เลียริมฝีปากอยู่ข้างๆ ไก่หางวิเศษ…

มองเห็นจางต้าพั่งที่จากไปไกลยังนอกโลก มองเห็นศิษย์พี่หญิงที่ตายไปแล้ว มองเห็นโหวเสี่ยวเม่ย เห็นทุกอย่าง…

เขาไม่มีลมหายใจอีกแล้ว บนผิวหนังของร่างที่มีแต่หนังหุ้มกระดูกเต็มไปด้วยริ้วรอยยับย่น ขณะเดียวกันก็มีรอยช้ำแห่งความตายเป็นจ้ำๆ กระจายไปทั่วตัว…ฟันของเขาเริ่มหลุดร่วง ร่างทั้งร่างเหมือนศพแห้งที่ถูกฝังอยู่ในหลุมมานานแสนนาน…

อีกทั้งเขายังถึงขั้นสัมผัสไม่ได้ถึงความเจ็บปวดอีกแล้ว มือข้างที่วางอยู่บนกระหม่อมเป็นเหมือนหลุมดำที่กลืนกินทุกอย่างไปราวกับไม่มีวันจบสิ้น ดูเหมือนว่าเขาจะคุ้นเคยกับความเจ็บปวดนั้นแล้ว

พลังจากการฝึกบทมิวางวายของเขาถูกดูดเอาไปแล้วแปดส่วน

พลังชีวิตของเขาก็เป็นเช่นเดียวกัน จิตสำนึกน้อยนิดที่ยังพอจะหลงเหลืออยู่เริ่มมีภาพที่ไม่ใช่สำนักธาราเทพลอยขึ้นมา แต่เป็นภาพที่…เขาเม่าเอ๋อร์

เขาเหมือนจะเห็นหนุ่มน้อยคนหนึ่งที่ยืนอยู่บนเขาเม่าเอ๋อร์ได้อย่างเลือนราง บนร่างของเด็กหนุ่มคนนั้นทั้งห้อยทั้งเหน็บขวานและมีดหั่นพักเจ็ดแปดเล่มโดยไม่รู้ว่าทำได้อย่างไร ตอนที่กำลังขึ้นไปบนเขา เด็กหนุ่มโยนมีดและขวานพวกนั้นออกไปอย่างเตลิดเปิดเปิง…พอขึ้นไปถึงยอดเขา เขาก็จุดธูปดอกนั้นท่ามกลางเสียงฟ้าคำรณ…

มองเห็นท่าทางตื่นเต้นที่แฝงไว้ด้วยความกะล่อนของเด็กหนุ่ม

ป๋ายเสี่ยวฉุนอยากจะยิ้ม แต่เขากลับควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้อีกต่อไป บางทีนี่อาจจะเป็นเรื่องดี เพราะเขาในเวลานี้มีสภาพเหมือนโครงกระดูกที่มีหนังแห้งติดกรัง หากยิ้มขึ้นมา บางทีคงน่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้ ใครเห็นเข้าคงต้องขวัญผวาเลยกระมัง

จิตสำนึกของเขาเริ่มพร่าเลือนไปเรื่อยๆ จนคล้ายจะสัมผัสไม่ได้ถึงเรือนกายตัวเอง ราวกับว่าเวลานี้จิตวิญญาณกำลังจะหลุดออกจากร่าง และบนท้องฟ้าก็เหมือนจะมีน้ำวนอยู่ลูกหนึ่งที่พอดูดซับทุกอย่างของตนไปแล้วก็จะดูดจิตวิญญาณของตนตามไปด้วย…

พลังชีวิตของเขาเหลือไม่ถึงหนึ่งส่วนแล้ว…ผิวหนังของเขาไม่เพียงแต่แห้งเหี่ยว กลับยังเกิดรอยปริแตกราวกับว่าแค่สัมผัสก็จะปลิวสลาย อวัยวะภายในของเขาก็เป็นเช่นเดียวกัน

พลังของบทมิวางวายหายไปอย่างสิ้นเชิง มีเพียงกระดูกของเขาที่…เหมือนจะยังเหลือพลังมิวางวายเสี้ยวสุดท้าย แม้ว่าแสงสีทองที่แผ่ออกมาจะมีไม่มาก แต่ก็ยังส่องแสงออกมาจากผิวหนังที่ปริร้าวของเขา

และเวลานี้เอง ในสมองของเขาก็มีภาพเหตุการณ์หนึ่งที่เหมือนจะเป็นภาพเหตุการณ์สุดท้ายลอยขึ้นมา…ในภาพนั้นมีเด็กคนหนึ่งกำลังนั่งคุกเข่าร้องไห้อยู่ข้างเตียง เขามองพ่อแม่ของตัวเองที่นอนหายใจรวยรินอยู่บนเตียง เสียงร้องไห้ของเขาดังมาก ดังมากๆ …

“เสี่ยวฉุน…ไม่ต้องกลัว…” มือเย็นเฉียบข้างหนึ่งลูบลงบนหน้าผากของเด็กน้อยเบาๆ เสียงที่อ่อนแรงดังขึ้นแผ่วเบา

“รับธูปดอกนี้ไป…เจ้าอยากเป็นเซียนไม่ใช่หรือ…รับมันไป…”

เด็กชายเงยใบหน้าเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยหยดน้ำตาขึ้นมา เอื้อมมือรับธูปดอกนั้นมาไว้ แต่กลับมองมือของแม่ที่หมดสิ้นเรี่ยวแรงแล้วร่วงลงไปต่อหน้าต่อตาตัวเองอย่างเหม่อลอย เขาตัวแข็งค้างพร้อมๆ กับที่น้ำตาไหลทะลักออกมาไม่หยุด

ดูเหมือนว่าเขาจะนั่งเหม่ออยู่นานมาก นานมากๆ จนกระทั่งมีคนบุกเข้ามาในห้องแล้วอุ้มเขาเอาไว้ มองเพื่อนบ้านที่เดินเข้ามาจากด้านนอก มองสายตาเห็นใจที่พวกเขาส่งมาให้ มองพวกเขาที่ยกศพของพ่อแม่ตัวเองไป…เด็กน้อยนั่งกอดเข่าขดตัวอยู่ในมุมบ้านเงียบๆ ในมือกำธูปดอกนั้นเอาไว้แน่น…

“ทำไมต้องมีการตาย…ข้า…ข้าอยากมีชีวิตอยู่ไปตลอด ข้าอยากให้คนที่อยู่ข้างกายของข้ามีชีวิตอยู่ได้ตลอดไป…มีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข…ข้าอยาก…เป็นอมตะ!”

เสียงของเด็กน้อยดังก้องขึ้นมาในสมองของป๋ายเสี่ยวฉุน แม้ว่าจะไกลห่างออกไปเรื่อยๆ จนคล้ายจะจางหาย แต่มันกลับตราตรึงอยู่ในใจของป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นนิจนิรันดร์มานานแล้ว…

ความเหนื่อยล้าอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนไหลบ่าท่วมท้น จิตสำนึกของป๋ายเสี่ยวฉุนเริ่มจางหายไป จากไปไกลเรื่อยๆ พร้อมกับเสียงของเด็กคนนั้น…

ทว่าวินาทีที่จิตสำนึกของเขากำลังจะสลายไป จู่ๆ กลับ…มีน้ำตาหยดหนึ่งหยดลงมาบนมือที่หนังเหี่ยวและปริแตกของเขา น้ำตาหยดนั้นแทรกซึมเข้าไปและค่อยๆ แผ่ซ่านอยู่ท่ามกลางจิตสำนึกที่ยิ่งขุ่นมัวของเขา

“น้ำตา…” ป๋ายเสี่ยวฉุนพึมพำคล้ายสัมผัสได้ถึงความขมขื่นของน้ำตาหยดนี้ เขาจึงพยายามใช้เรี่ยวแรงเสี้ยวสุดท้ายฝืนลืมตาขึ้นมา ท่ามกลางความพร่ามัว เขาคล้ายจะมองเห็นตู้หลิงเฟยที่ยืนอยู่ตรงหน้าตัวเอง…มองเห็นว่าถึงแม้ร่างกายของนางจะสั่นสะท้าน ตราผนึกทาสในดวงตากะพริบถี่รัวรุนแรงจนเหมือนจะระเบิดดวงตาทั้งคู่ของนางให้แหลกลาญ แต่นางกลับยังคงดิ้นรน ต่อให้ตัวเองต้องตายดับ แต่นางก็ยังต้องการจะยกมือออกไปให้ได้!

“ท่านพ่อ…ขอร้องท่านล่ะ…” ตู้หลิงเฟยดิ้นรนจนร่างสะท้านรุนแรง นางที่อยู่ภายใต้ตราผนึกทาสเปล่งน้ำเสียงสิ้นหวังร้าวระทมออกมาอย่างยากลำบาก

แม้เสียงนี้จะแผ่วเบามาก ทว่ากลับเป็นเหมือนอสนีแห่งโลกาที่มาระเบิดอยู่ในจิตวิญญาณของเทียนจุน ทำให้ร่างของเทียนจุนถึงกับสั่นเทิ้มขึ้นมา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!