บทที่ 1012 บรรพบุรุษโลหิตฟื้นคืนชีพ
เลือดลมที่พุ่งทะยานจากแม่น้ำทงเทียนสายตะวันออกพลันมาระเบิดอยู่กลางอากาศเหนือเกาะทงเทียน แสงสีเลือดเส้นหนึ่งที่พกพาเอาความบ้าระห่ำไร้ที่สิ้นสุดได้ลอดทะลวงความว่างเปล่าจากทิศตะวันออกพุ่งตะบึงเข้ามาด้วยอานุภาพสะท้านฟ้าสะเทือนดิน!
แสงสีเลือดนั้นก็คือ…ทวนเลือดเล่มหนึ่งที่…ประกอบขึ้นมาจากเลือดสด!
ทวนเลือดนี้ใหญ่นับหมื่นจั้ง มันแหวกผ่าความว่างเปล่ามาตลอดทางด้วยเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น ครั้นจึงมาปรากฏอยู่บนอากาศเหนือเกาะทงเทียนโดยตรง เป้าหมายของมันหาใช่เกาะทงเทียน แต่เป็นมือแห่งโลกที่มีพื้นดินสี่สายเป็นกระดูก มีแม่น้ำทงเทียนเป็นเลือดเนื้อซึ่งเวลานี้กำลังตรงเข้าคว้าจับร่างของป๋ายฮ่าวอย่างรวดเร็ว!
ทวนเลือดนี้มาเร็วเกินไป ทั้งยังปรากฏตัวกะทันหัน พริบตาเดียวก็จ้วงแทงลงบนมือแห่งโลก ก่อให้เกิดเสียงกัมปนาทสะเทือนแก้วหู
“บรรพบุรุษโลหิต เจ้ายังไม่ตาย!!” สีหน้าเทียนจุนบิดเบี้ยวน่ากลัว เขาร้องคำรามเสียงแหบแห้งเพราะความคลุ้มคลั่ง
ทว่าต่อให้เสียงคำรามของเขาจะน่ากริ่งเกรงมากแค่ไหนก็ยังไม่สามารถหยุดยั้งการปะทะกันระหว่างทวนโลหิตและมือของโลกได้ ท่ามกลางเสียงอึกทึกกึกก้อง ทวนเลือดนั้นแทงทะลุมือของโลกไปโดยตรง แม้ว่าการพุ่งชนนี้จะทำให้ตัวมันเองถูกแรงกระเทือนตีกลับจนปริแตกไปทีละชุ่นและสุดท้ายก็พังทลายเป็นเสี่ยงๆ ทว่าก็ยังคงทำให้มือแห่งโลกที่หวังคว้าตัวป๋ายฮ่าวเพื่อขัดขวางไม่ให้ป๋ายเสี่ยวฉุนจากไปหยุดชะงักกลางอากาศได้อยู่ดี!
ต่อให้หยุดแค่ครู่เดียว แต่แค่นี้ก็เกินพอแล้ว!
ป๋ายฮ่าวที่เดิมทียิ้มขื่นด้วยความสิ้นหวัง บัดนี้กลับไร้ซึ่งความลังเลใด ภายใต้การลุกไหม้ของดวงวิญญาณเทพ ท่ามกลางการระเบิดของเปลวเพลิง พลังการนำส่งก็พลันเปิดออกอย่างสมบูรณ์แบบ!
เสียงตูมดังสะเทือนเลือนลั่น เปลวเพลิงที่จำแลงมาจากวิญญาณของป๋ายฮ่าวม้วนตลบหอบร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนให้หายตัวไปจากเกาะทงเทียน!
ป๋ายเสี่ยวฉุนที่หมดสติ บัดนี้ร่างกายเขาก็ได้รับแรงสะเทือนรุนแรงเช่นกัน เขาอยากจะลืมตามองให้เห็นชัดๆ ทว่ากลับเห็นเป็นเพียงภาพพร่ามัวของทะเลเพลิงที่โอบล้อม แต่กระนั้น…ในจุดที่สายตามองไม่เห็น เขากลับสัมผัสได้ว่ามีเลือดลมขุมหนึ่งที่มีต้นกำเนิดเดียวกับตนซึ่งเดิมอยู่ในภาวะสงบนิ่งกำลังระเบิดปะทุอย่างรุนแรง!
บนเกาะทงเทียน เสียงคำรามของเทียนจุนที่แฝงไว้ด้วยความบ้าคลั่งที่มากกว่าก่อนหน้านี้ทำให้โลกทั้งใบสั่นสะเทือน ทำให้ฟ้าดินจับตัวเป็นน้ำแข็งเย็นเยียบ!
“บรรพบุรุษโลหิต เจ้ามันสมควรตาย พวกเจ้า…สมควรตายกันให้หมด!!”
ความเดือดดาลของเขามากจนเกินคำบรรยาย เขายอมจ่ายค่าตอบแทนด้วยเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง ยอมจ่ายค่าตอบแทนทุกอย่าง ทว่าสุดท้าย…กลับเป็นเหมือนทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา ต้องล้มเหลวในช่วงเวลาอันเป็นกุญแจสำคัญเสียทุกครั้ง
ความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้เทียนจุนเสียสติไปแล้ว
“พวกเจ้ามันสมควรตาย พวกเจ้าต้องตายกันให้หมด!! ป๋ายเสี่ยวฉุน เจ้าหนีไม่รอดหรอก!!”
เทียนจุนสั่นเทิ้มไปทั้งตัว ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ เมื่อเขาแผดเสียงร้องคำราม มือของโลกก็ยิ่งขยายใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งตอนนี้กำลังไล่กวดตามทิศทางที่ป๋ายฮ่าวหนีไป มุ่งหน้าสู่แดนทุรกันดาร
ทว่าเวลานี้เอง เลือดลมที่มาจากทิศตะวันออก มาจากในสำนักสยบธารกลับระเบิดขึ้นมาเป็นครั้งที่สอง การระเบิดครั้งนี้รุนแรงยิ่งกว่า น่าตะลึงยิ่งกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก!
ชั่วขณะนั้นโลกทั้งใบเหมือนจะกลายมาเป็นสีเลือด!
แม่น้ำทงเทียนสายตะวันออก!
ในสำนักสยบธาร!
ลูกศิษย์ทุกคนที่ยังอยู่ตรงนี้ต่างก็ใจสั่นอย่างบ้าคลั่ง ตะลึงลานกันสุดขีด ทุกคนหนีกระเจิงกันไปสี่ทิศ ดวงตาของแต่ละคนที่ฉายความเหลือเชื่อและคาดไม่ถึงล้วนมองไปยัง…เรือนกายของบรรพบุรุษโลหิตที่เป็นดั่งสมบัติล้ำค่าของสำนัก…ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้นมานับตั้งแต่ก่อตั้งสำนักสยบธาร!
บรรพบุรุษโลหิตที่ร่างใหญ่โตมโหฬารเกินจะเปรียบจนเทียบเคียงได้กับยักษ์ตัวหนึ่งยืนตระหง่านอยู่ใต้ต้นมะเดื่อฟ้า ความสูงของเขาทัดเทียมกับต้นไม้ยักษ์ที่สูงเสียดฟ้าต้นนี้ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่เคยขยับ ราวกับว่าเป็นศพหนึ่งจริงๆ
ทว่าบัดนี้เรือนกายของบรรพบุรุษโลหิตกลับเกิดการสั่นสะเทือนช้าๆ ตามหลังการสั่นสะเทือนก็คือดินโคลนที่เนื่องจากผ่านกาลเวลามาเนิ่นนานจึงตกตะกอนเกาะเป็นก้อนอยู่บนผิวหนังของเขาได้เริ่มปริแตก เสียงเปรี๊ยะๆ ดังมาพร้อมกับดินโคลนปื้นใหญ่หลุดเผลาะออกมาแล้วร่วงกระแทกลงบนพื้นดังตูม
โดยเฉพาะมือขวาของเขา จุดที่เคยเป็นที่ตั้งของสายสำนักธาราโลหิตก็ยิ่งเป็นเช่นนี้ เมื่อดินโคลนหลุดลอกออกก็ค่อยๆ เผยให้เห็นร่างของบรรพบุรุษโลหิตที่เกิดเป็นรอยแตกระแหงแผ่ลามออกไปอย่างต่อเนื่อง
และในร่างของบรรพบุรุษโลหิตเวลานี้ หัวใจที่เคยฟีบเหี่ยวดวงนั้นกลับพลันขยับขยุกขยิกขึ้นมา…
ตึกๆ! ตึกๆ!
ภายใต้การขยับเขยื้อนนี้ยังมีเสียงหัวใจเต้นดังกึกก้อง หรือแม้แต่หลอดเลือดแห้งเหี่ยวที่อยู่รอบๆ ก็ยังค่อยๆ ส่องแสงสีเลือดท่ามกลางการเคลื่อนไหวของหัวใจ ทั้งยังสามารถมองเห็นได้ว่ามีเลือดสดเป็นลิ่มๆ เริ่มไหลรินไปตามหลอดเลือด!
ส่วนหลอดเลือดพวกนั้นก็มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่า…มันได้ฟื้นตัวกลับมาแล้ว!
การฟื้นตัวนี้แผ่ขยายอย่างบ้าคลั่งไปทั่วร่างของบรรพบุรุษโลหิต เสียงหัวใจเต้นของเขายิ่งดังกระหน่ำขึ้นเรื่อยๆ ดังจนถึงขั้นได้ยินออกไปข้างนอก!
ภาพนี้ทำให้ทุกคนของสำนักสยบธารสูดลมหายใจดังเฮือก ร้องอุทานเสียงหลง
“บรรพบุรุษโลหิต…บรรพบุรุษโลหิต…เขา…”
“สวรรค์ นี่มันเกิดอะไรขึ้น!!”
“เขา…เขาฟื้นคืนชีพแล้ว?!”
ยิ่งลูกศิษย์สายธาราโลหิตก็ยิ่งตะลึงพรึงเพริดกันถึงที่สุด
พวกเขามิอาจจินตนาการได้เลยว่าสมบัติล้ำค่าอันเป็นรากฐานของสายธาราโลหิต ซึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมาถูกพวกเขาดูดซับเอามาฝึกบำเพ็ญตบะ หรือถึงขั้นลอกเลียนแบบที่จะสร้างเรือนกายบรรพบุรุษโลหิตอันเป็นวิชาอภินิหารมากมายออกมา มาวันนี้…กลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาแล้ว!
ต้องรู้ด้วยว่าที่ในอดีตบรรพบุรุษโลหิตสามารถขยับได้ก็เป็นเพราะนักพรตทุกคนของสายธาราโลหิตเข้าควบคุม แต่วันนี้…ในสถานการณ์ที่ไม่มีใครควบคุม ร่างของบรรพบุรุษโลหิตกลับสั่นสะเทือน ซ้ำยังมีเสียงหัวใจเต้นกระหน่ำดังออกมา นี่จึงทำให้จิตวิญญาณของพวกเขาเกิดคลื่นลูกยักษ์ถาโถมอย่างห้ามไม่ได้
โดยเฉพาะเสียงหัวใจเต้นที่ยิ่งนานก็ยิ่งดัง เพียงเวลาไม่นานก็เหมือนเสียงฟ้าผ่าที่สะเทือนไปแปดทิศ ก่อนที่ในร่างของบรรพบุรุษโลหิตจะมีพลังชีวิตอันน่ากริ่งเกรงขุมหนึ่งระเบิดตูมออกมา!
ภายใต้การระเบิดของพลังชีวิตนี้ เลือดลมพวยพุ่งเทียมฟ้า ที่พุ่งทะยานสู่นภากาศพร้อมๆ กันยังมีแสงสีเลือดที่อาบย้อมฟ้าดินให้กลายเป็นสีโลหิต แม้แต่ก้อนเมฆบนท้องฟ้าก็ยังเหมือนทะเลเลือดที่กลิ้งซัดหลุนๆ ราวกับว่าเวลานี้บรรพบุรุษโลหิตได้ฟื้นคืนชีพแล้ว!
บนเรือนกายของเขาไม่มีปราณแห่งความตายหลงเหลืออีกแม้แต่น้อย ที่สัมผัสได้มีเพียงพลังกล้ามเนื้ออันน่าตกใจรวมไปถึงเลือดลมอันแกร่งกร้าวที่จนถึงตอนนี้ก็ยังไต่ทะยานไปอย่างไม่หยุดยั้ง!
เพียงแต่ว่า…ต่อให้เรือนกายจะฟื้นคืนพลังชีวิตกลับมา เลือดลมทะยานค้ำฟ้า ทว่าบรรพบุรุษโลหิตในเวลานี้ก็ยังเหมือนมีแค่เลือดเนื้อ แต่ไม่มี…วิญญาณ!
แต่…วินาทีที่ปราณเลือดเนื้อของบรรพบุรุษโลหิตตลบอบอวล พลังชีวิตพลุ่งพล่านเปี่ยมล้นนั้นเอง ลิงของสายธาราเทพที่ปรากฏตัวเพราะยาของป๋ายเสี่ยวฉุนในปีนั้น จู่ๆ ก็ผุดลุกขึ้นยืนอยู่บนยอดเขาของสายธาราเทพในสำนักสยบธาร!
ดวงตาของมันฉายแววเคร่งเครียดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แม้แต่สีหน้าก็ยังมีความเด็ดเดี่ยวเผยให้เห็น
“ถึงเวลาที่ควรต้องชดใช้แล้ว…เดิมทีข้าตายไปแล้ว หลายปีที่ได้กลับมานี้ก็ถือว่ามากเกินพอ…ช่างเถอะๆ แม้ว่าจะอาศัยตัวข้าผู้อาวุโสไปหล่อเลี้ยงวิญญาณของคนอื่น แต่นี่ก็คือการแลกเปลี่ยนที่ยุติธรรมระหว่างข้าและคนเฝ้าสุสาน!” ลิงเฒ่าส่งเสียงหัวเราะ ร่างของมันพลันแห้งเหี่ยวไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็กลายมาเป็นฝุ่นผงที่หลงเหลือเพียงวิญญาณดวงหนึ่งซึ่งบินพรวดออกไป
วิญญาณดวงนี้…ไม่ใช่วิญญาณของลิงเฒ่า แต่เป็นวิญญาณของบางสิ่งบางอย่างที่พอบินออกไปก็ตรงดิ่งเข้าหาเรือนกายของบรรพบุรุษโลหิตทันที!
ขณะเดียวกัน ในสำนักสยบธารแห่งนี้ยังมีกระต่ายอีกตัวหนึ่ง ใบหน้าของมันคลี่ยิ้มอย่างปลงอนิจจัง ค่อยๆ หลับตาลง ก่อนที่ร่างจะจางหายไป วิญญาณบินออกมา ตรงดิ่งเข้าหาบรรพบุรุษโลหิตเช่นเดียวกัน!
ไม่เพียงแต่ลิงเฒ่าและกระต่ายเท่านั้น เวลานี้ในพื้นที่มากมายของโลกทงเทียน เสือบินที่มีปีกตัวหนึ่งซึ่งเดิมทีนอนหมอบอยู่ในกลุ่มภูเขาพลันตัวสั่นสะท้าน หลังจากแหงนหน้าแผดเสียงคำรามหนึ่งครั้ง ร่างของมันก็สลายหายไป วิญญาณบินออกมา!
ยังมีฝูงนกฝูงหนึ่ง และยังมีมด รวมไปถึงห่านที่ท่าทางเหมือนองค์รักษ์…สัตว์ที่กลายมามีลักษณะแปลกประหลาดเพราะกินยาของป๋ายเสี่ยวฉุนเข้าไปในปีนั้นและภายหลังก็ถูกเขาปล่อยให้ไปใช้ชีวิตตามยถากรรม บัดนี้พวกมันที่อยู่ในแต่ละมุมของโลกล้วนตัวสั่นสะท้าน ครั้นร่างจึงสลายกลายมาเป็นเถ้าธุลี…
ส่วนวิญญาณของพวกมันที่ถูกหล่อเลี้ยงเอาไว้ก็พลันลอยขึ้นไปบนฟ้าแล้วตรงดิ่งเข้าหาสำนักสยบธารจากสี่ด้านแปดทิศ!
พริบตาเดียว เมื่อซากวิญญาณแต่ละดวงลอยกลับเข้ามาในสำนักสยบธาร จนกระทั่งวิญญาณดวงสุดท้ายหลอมรวมเข้าไปในร่างของบรรพบุรุษโลหิตที่ปราณเลือดแผ่อบอวล บรรพบุรุษโลหิตก็พลันตัวสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
เสียงทุ้มหนักทว่าชัดเจนสุดประมาณดังก้องออกมาจากปากของเขา สะท้อนกังวานไปทั่วทั้งโลก!
“ลมหายใจของเมื่อวาน แลกมาด้วยการฟื้นตื่นของวันนี้…ข้า กลับมาแล้ว!” เมื่อเสียงของเขาดังกึกก้อง ดวงตาทั้งคู่ของบรรพบุรุษโลหิตก็พลัน…เบิกโพลง!
ดวงตานั้นมีปราณเหี้ยมหาญดุดัน มีความบ้าคลั่งสะท้านฟ้า แต่ที่มากกว่านั้นกลับเป็น…ความเคียดแค้นลึกล้ำ!
“เทียนจุน ข้า…กลับมาแล้ว!!!” เสียงร้องคำรามดังระเบ็งไปสี่ทิศ คราบดินโคลนที่เหลืออยู่บนร่างของบรรพบุรุษโลหิตระเบิดออกทั้งหมด เผยให้เห็นเรือนกายที่ปานประหนึ่งเทพแห่งสงครามซึ่งบินพรวดไปยังทิศที่ตั้งของเกาะทงเทียน พกพาเอาความบ้าคลั่งและความเกลียดแค้นตะบึงไปเบื้องหน้าอย่างเหี้ยมเกรียม!
และเวลานี้เอง จักรพรรดิขุยที่อยู่ในนครจักรพรรดิขุยของแดนทุรกันดารซึ่งเดิมทียืนอยู่บนหอสูงของพระราชวัง สีหน้าของเขานั้นร้อนรนกระวนกระวาย แต่ที่มากกว่าคือความขมขื่น ได้แต่มองผู้ฝึกวิญญาณจำนวนมากที่ถอยกลับเข้ามาในนครจักรพรรดิขุยเนื่องจากนครเทพจุติถูกยึดครอง
ทว่าจู่ๆ ร่างของเขาก็พลันสั่นสะท้าน เลือดสดในร่างคล้ายถูกบางอย่างชักนำจึงถึงขั้นมีพลังแห่งเลือดลมระเบิดออกมาโดยที่เขามิอาจควบคุมได้
“นี่มัน…นี่มัน…” จักรพรรดิขุยร้องอุทานเสียงหลง หน้าเผือดสีไปในฉับพลัน
เวลาเดียวกันนั้น จุดลึกใต้ดินของนครจักรพรรดิขุย
บนเจดีย์สูงกลางซากปรักหักพังของนครสามแห่งใต้ดิน
ดวงตาขุ่นมัวของคนเฝ้าสุสานที่นั่งอยู่ตรงนั้นได้ลืมขึ้นมาช้าๆ อีกครั้ง เขามองไปเบื้องหน้าตัวเองที่เวลานี้มีเปลวเพลิงรวมไปถึงป๋ายเสี่ยวฉุนและป๋ายฮ่าวที่อยู่ในเปลวเพลิงซึ่งโผล่พรวดออกมาจากความว่างเปล่าพลางพึมพำเบาๆ
“แผนการขั้นสุดท้าย…ได้เปิดฉากขึ้นแล้ว…”