Skip to content

A Will Eternal 1020

บทที่ 1020 แค่สัมผัสก็พร้อมระเบิดปะทุ

เสียงร้องคำรามดังสะเทือนเลือนลั่นไปตลอดทาง!

ท่ามกลางพลังอำนาจที่พวยพุ่งไม่หยุดยั้งของป๋ายเสี่ยวฉุน พื้นดินทั่วแดนทุรกันดารที่แตกระแหงพังภินท์ไม่เหลือชิ้นดียิ่งถล่มทลายเป็นวงกว้าง ภูเขาจำนวนมากยุบครืนลงมา พื้นที่ราบเว้ายวบจุดแล้วจุดเล่า โลกทั้งใบอบอวลไปด้วยปราณสะท้านฟ้าสะเทือนดินของป๋ายเสี่ยวฉุน ทำให้คนพลันเกิดความรู้สึกว่าฟ้าของโลกใบนี้กำลังพังถล่มและดินก็ยิ่งพังทลายลงมา!

ความแข็งแกร่งของปราณนี้เหมือนจะเกินกว่าขีดจำกัดที่โลกใบนี้จะแบกรับได้ไหว เป็นเหตุให้การปริแตกบนท้องฟ้ายิ่งรุนแรงมากกว่าเดิม ความรู้สึกที่เหมือนกับวันสิ้นโลกมาเยือนพลันลอยขึ้นมากลางใจของทุกคน

นครจำนวนนับไม่ถ้วนสั่นสะเทือน สำนักหลายต่อหลายแห่งถูกเขย่าคลอน ส่วนลึกในจิตวิญญาณของสรรพชีวิตที่อยู่ในฟ้าดินล้วนสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของวันสิ้นโลกนี้!

บัดนี้ไม่ว่าจะเป็นนักพรตของแดนทุรกันดารหรือของแผ่นดินใหญ่ทงเทียน พวกเขาต่างก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า…ฟ้าดินกำลังจะตาย โลกกำลังจะล่มสลาย…

ดูเหมือนว่าอีกไม่นานเท่าไหร่ซึ่งต่อให้ไม่มีใครยื่นมือเข้าแทรก โลกใบนี้ก็จะ…แตกทลายออกเป็นเสี่ยงๆ และสาบสูญไปอย่างสมบูรณ์แบบ!

ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่ได้มีสาเหตุมาจากป๋ายเสี่ยวฉุน เพราะหากจะพูดให้ถูกต้องก็คือ มันเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่นาทีที่…คนเฝ้าสุสานตายไปแล้ว!

ขณะเดียวกันกับที่ทุกชีวิตพรั่นพรึงหวาดผวา ความเร็วของป๋ายเสี่ยวฉุนยิ่งเพิ่มมากกว่าเดิม เขาข้ามผ่านแดนทุรกันดาร มุ่งหน้าไปยังเกาะทงเทียน ขยับเข้าไปใกล้เรื่อยๆ และเมื่อความเร็วของเขายิ่งเร็วจนน่าตะลึง พลังอำนาจของเขาก็ระเบิดปะทุ ผงาดโผนต่อเนื่องไม่ต่างกัน…

ราวกับว่าจะไม่มีวันสิ้นสุด ราวกับว่าความโกรธแค้นในใจของเขามีมากเท่าไหร่ พลังอำนาจนี้ก็จะระเบิดเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น!

มองไปไกลๆ พื้นดินยังคงพังทลายอย่างไม่หยุดยั้ง ทุกที่ที่ป๋ายเสี่ยวฉุนผ่าน แผ่นดินยุบยวบลงไปเป็นแถบๆ ติดต่อกัน…ท้องฟ้าเองก็เป็นเช่นเดียวกัน มันเหมือนกับกระจกบานหนึ่งที่ปริแตกเสียงดังเปรี๊ยะๆ อยู่ตลอดเวลา!

จนกระทั่งป๋ายเสี่ยวฉุนมาปรากฏตัวอยู่ในพื้นที่ที่เคยเป็นเขตต้องห้ามแห่งชีวิต เขตต้องห้ามแห่งชีวิตที่พลังการผนึกหายไปก็พลันสั่นสะเทือน รอยปริแตกขนาดใหญ่ยักษ์หลายเส้นแผ่ลามไปไม่หยุด…

ปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ปราณของวันสิ้นโลก

สิ่งเหล่านี้ป๋ายเสี่ยวฉุนล้วนสัมผัสได้ชัดเจนเกินกว่าใคร!

ทว่าไฟโทสะในใจ ความเคียดแค้นในใจของเขาได้กลายมาเป็นปราณแห่งความดุดันที่ยากจะลบเลือนแม้เพียงเสี้ยว ทั้งหมดนี้ล้วนกลายมาเป็นปราณสังหารที่มีต่อเทียนจุน ทำให้ในใจของเขามีพายุบ้าระห่ำพัดโถม

ป๋ายเสี่ยวฉุนคำรามกร้าว ดวงตาทั้งคู่ของเขาเป็นสีชาดแดงฉาน ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเขาไม่เคยเป็นแบบนี้ เขาไม่เคยเกลียดแค้นใครมากถึงขั้นนี้ เขาลืมความหวาดกลัวที่มีต่อความตายไปแล้ว และก็เหมือนจะลืมความยึดมั่นที่มีต่อการเป็นอมตะไปแล้วด้วย ตอนนี้สิ่งเดียวที่ลอยขึ้นมาในสมองมีเพียง…น้ำตาที่หลั่งรินอย่างน่าอาดูรของตู้หลิงเฟย และการโขกหัวคำนับก่อนตายของป๋ายฮ่าว…

ภาพเหตุการณ์ทั้งหมดนี้กลายมาเป็นหนามแหลมสองชิ้นที่ทิ่มแทงอยู่ในจุดลึกของจิตใจ แทงทะลุผ่านเรือนกาย ตัดขั้วหัวใจ ทะลุไปถึงจิตวิญญาณของป๋ายเสี่ยวฉุน

เขาบ้าคลั่งเต็มทีแล้ว!

“นักพรตทงเทียน!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนเหมือนคนเพิ่งเดินออกมาจากความตาย ชีวิตใหม่ของเขาไม่ได้สืบทอดความสุขและความเบิกบานของในอดีตมา ที่สืบทอดมา…มีเพียงปราณสังหารที่มีต่อเทียนจุนเท่านั้น!

เขาจะฆ่าคน เขาจะฆ่า…เทียนจุน!!

เขามิอาจลืมสายตาดิ้นรนของตู้หลิงเฟยที่แม้จะถูกเทียนจุนควบคุม แต่ก็ยังไม่ยินดีทำร้ายตน เขามิอาจลืมเปลวเพลิงที่ป๋ายฮ่าวลูกศิษย์ของตนเผาไหม้ตัวเองให้ตายดับเพื่อช่วยตนเอาไว้ ป๋ายเสี่ยวฉุนอยากจะร้องไห้ ทว่าบัดนี้เขากลับไม่มีน้ำตา ทุกความเดือดดาล ทุกความเคียดแค้นได้ทำให้เขาเหมือนคนที่เดินออกมาจากกองไฟเพื่อชำระแค้น!

ป๋ายเสี่ยวฉุนถูกปณิธานของการสังหารอาบท้นเต็มร่าง แม้เขาจะบ้าคลั่ง ทว่าสติกลับยังคงอยู่ เขารู้ดีถึงความแข็งแกร่งของเทียนจุน แล้วก็เข้าใจว่าต่อให้ตอนนี้ตนฝึกวิชาอมตะมิวางวายได้ถึงขั้นสมบูรณ์แบบก็ยังมีแค่คุณสมบัติที่จะต่อสู้กับเทียนจุนจนตัวตายเท่านั้น

เว้นเสียแต่ว่าตบะของเขาจะฝ่าทะลุสู่ขอบเขตมหายานอย่างแท้จริง หาไม่แล้วก็ไม่มีใครที่สามารถพูดได้ว่า…ตนมีพลังการต่อสู้ที่สามารถบดขยี้เทียนจุนได้!

ทว่าปราณสังหารของป๋ายเสี่ยวฉุนกลับยังคงไม่ลดน้อยลง เพราะว่าเขามี…ท่าไม้ตาย!!

สมบัติแห่งโลกแม่น้ำสายเหนือก็คือท่าไม้ตายของเขา เพียงแต่ว่าค่าตอบแทนในการใช้สมบัติอาคมชิ้นนี้ หากเปลี่ยนมาเป็นเวลาอื่นอาจจะไม่นับว่ามหาศาลเกินไปนัก แต่ตอนนี้โลกกำลังถล่มทลาย หากเขาเอามาใช้…ย่อมต้องทำให้แม่น้ำลำธารของโลกใบนี้พังพินาศภายในเวลาเพียงเสี้ยววินาทีแน่นอน!

“นอกจากสมบัติแห่งโลกแม่น้ำสายเหนือแล้ว…ข้ายังมีวิธีการอย่างอื่นอีก!”

ความคิดของป๋ายเสี่ยวฉุนแล่นเร็วจี๋ราวสายฟ้าแลบ ท่ามกลางเสียงอึกทึกนี้ ความเร็วของเขาได้ทำให้เขาไปจากเขตพื้นที่ต้องห้ามแห่งชีวิต เหยียบเข้าสู่ขอบเขตของแผ่นดินใหญ่ทงเทียนแล้ว

“บทมิวางวายมีเวทลับทั้งหมดห้าอย่าง บทอมตะ…ก็มีวิชาอภินิหารห้าอย่างเหมือนกัน เพียงแต่ว่าไม่เหมือนกับวิชาดั้งเดิม เพราะเมื่อฝึกวิชาของบทอมตะได้สำเร็จ วิชาอภินิหารนั้นจะแปรเปลี่ยนได้ด้วยตัวเองตามความคิดของแต่ละคน!”

ในสมองของป๋ายเสี่ยวฉุนมีวิชาอภิหารห้าอย่างที่มากพอจะดับฟ้าทำลายดินซึ่งถูกสร้างขึ้นมาในขณะที่จิตวิญญาณและความคิดของเขาผสานรวมกันเมื่อครั้งที่ฝึกบทอมตะได้สำเร็จ!

นักพรตทุกคนที่ฝึกบทอมตะ วิชาอภินิหารที่จำแลงออกมาล้วนไม่เหมือนกัน วิชาอภินิหารห้าอย่างที่ลอยขึ้นมากลางใจของป๋ายเสี่ยวฉุนเวลานี้ได้ผสานรวมเข้ากับวิชาแห่งเต๋าที่ซ่อนอยู่ในจิตใต้สำนึกของเขา เขาจึงเชื่อว่า…เมื่อเอามารวมกับพลังกล้ามเนื้อหลังจากฝึกบทมิวางวายสำเร็จของตนแล้ว อานุภาพของวิชาอภินิหารห้าอย่างจากบทอมตะนี้ย่อมต้องเหนือเกินกว่าใครก็ตามที่ฝึกวิชาใดวิชาหนึ่งสำเร็จอย่างเดียวแน่นอน!

“ข้ายังมี…บุปผาจันทรา!” ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนฉายแสงคมกริบ ร่างของเขาแหวกอากาศทะยานออกไป มือขวายกขึ้นแล้วพลันชี้ไปยังแม่น้ำทิศเหนือพร้อมกับอำนาจจิตที่แผ่ครืนครั่นปกคลุมไปทั่วพื้นที่ของแม่น้ำสายเหนือ!

“ฮวาฮวา!”

เมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนเรียกขาน ในผืนป่าแห่งหนึ่งของแม่น้ำสายเหนือที่เต็มไปด้วยรอยแตกระแหงก็พลันมีบุปผาจันทราดอกแล้วดอกเล่าเบ่งบานออกมา

ตามมาด้วยการสั่นสะเทือนของพื้นดินแม่น้ำสายเหนือ บุปผาจันทราทุกดอกที่อยู่ในแม่น้ำสายเหนือ บัดนี้ล้วนกลายมาเป็นเหมือนเมล็ดของดอกผูกงอิงที่ลอยขึ้นไปบนฟ้าอย่างพร้อมเพรียงกัน…

เมื่อทอดสายตามองไป ดอกบุปผาจันทราเหล่านั้นน่าจะมีมากเกินสิบล้านดอก พวกมันแผ่ปกคลุมไปทั่วฟ้าดิน พอบินออกมาก็มารวมตัวเข้าด้วยกันแล้วกลายมาเป็นดวงจันทร์ดวงยักษ์ที่ถูกพลังขุมหนึ่งซึ่งย่างกรายลงมาจากท้องฟ้าพาเคลื่อนย้ายให้หายไปจากนภากาศของสายเหนือ

เมื่อปรากฏตัว…ก็มาอยู่ข้างกายของป๋ายเสี่ยวฉุนแล้ว!

บุปผาจันทราเหล่านี้แผ่ปราณแห่งความปิติยินดี เสียงตูมดังหนึ่งครั้งก็กระจายตัวห้อมล้อมป๋ายเสี่ยวฉุนไว้ภายใน ความรู้สึกชิดเชื้อสนิทสนมที่แผ่ออกมาจากบุปผาจันทราแต่ละดอกทำให้หัวใจที่เย็นเยียบของป๋ายเสี่ยวฉุนมีความอบอุ่นผุดขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง

“ฮวาฮวา เจ้ายินดี…รบเคียงบ่าข้าหรือไม่!” ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะส่งเจตจำนงของตัวเองให้กับบุปผาจันทรา และคำตอบที่เขาได้รับกลับมาก็คือปณิธานการต่อสู้อย่างไร้หวาดเกรงซึ่งระเบิดออกมาจากในบุปผาจันทราจำนวนนับไม่ถ้วนเหล่านี้!

สัมผัสได้ถึงปณิธานการต่อสู้ขุมนั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันคลี่ยิ้ม ทว่าดวงตาของเขาที่มองไปยังทิศทางของเกาะทงเทียนกลับยิ่งเย็นเยียบ ไร้ความลังเลใดๆ แล้วก็ไม่กังวลว่าความลับจะถูกเปิดเผย เพราะขณะที่เคลื่อนที่ไปข้างหน้า ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ได้หยิบหม้อกระดองเต่าออกมาโดยตรง!

ภายใต้การบอกเป็นนัยจากป๋ายเสี่ยวฉุน บุปผาจันทรานับสิบล้านดอกพลันผสานรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน สุดท้ายกลายมาเป็นเมล็ดพันธ์หนึ่งที่พุ่งตรงเข้าหาหม้อกระดองเต่า!

เพื่อให้บุปผาจันทราแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงตัดสินใจที่จะ…หลอมพลังจิตให้กับมัน!

ป๋ายเสี่ยวฉุนหลอมไฟยี่สิบสองสีออกมาไม่ได้ ทว่าด้วยตบะของเขาในเวลานี้ อาศัยประสบการณ์ที่เคยทำได้สำเร็จรวมไปถึงตัวตนของเขาในตอนนี้ การหลอมไฟยี่สิบเอ็ดสีจึงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป!

ครั้นจึงยกมือขวาขึ้นแล้วคว้าจับไปยังความว่างเปล่า ทันใดนั้นวิญญาณพยาบาทจำนวนนับไม่ถ้วนที่ล่องลอยอยู่ในฟ้าดินแห่งนี้ก็พุ่งเข้ามาเป็นจำนวนมาก ไม่นานในมือของป๋ายเสี่ยวฉุนก็มีกองไฟกองแล้วกองเล่า นับแต่หนึ่งสีจนถึงยี่สิบสีที่ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ทยอยกันถูกเขาโยนเข้าหาหม้อกระดองเต่าเพื่อหลอมพลังจิตให้กับบุปผาจันทราอย่างต่อเนื่องจนมาถึงครั้งที่ยี่สิบ สุดท้ายในมือของป๋ายเสี่ยวฉุนก็มีไฟยี่สิบเอ็ดสีที่สว่างพร่างพราวกองหนึ่ง…ก่อตัวขึ้นมา!!

วินาทีที่ไฟยี่สิบเอ็ดนี้เผยตัว ป๋ายเสี่ยวฉุนก็กดไฟกองนี้ลงไปบนหม้อกระดองเต่าทันที เสียงอึกทึกพลันระเบิดออกมา ลวดลายบนหม้อลายกระดองเต่าเปล่งประกายแสงเจิดจ้าอย่างถึงที่สุด ขณะเดียวกันบนตัวของบุปผาจันทราที่อยู่ด้านในก็มีลวดลายของการหลอมพลังจิต…ปรากฏอย่างเด่นชัด!

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีปราณขุมหนึ่งที่เหนือกว่าในอดีตระเบิดตูมออกมาจากตัวของบุปผาจันทรา ท่ามกลางเสียงครืนครั่น บุปผาจันทราพองขยาย มาถึงท้ายที่สุดก็กลายมาเป็นดอกไม้ดอกหนึ่งที่มีขนาดนับหมื่นจั้งน่ากริ่งเกรงอย่างยิ่ง…

ปราณของครึ่งเทพขั้นสมบูรณ์แบบก็ยิ่งผุดพุ่งออกมาจากในบุปผาจันทรา!

สัมผัสได้ถึงความดีใจและความสนิทชิดเชื้อที่แผ่ออกมาจากในตัวของบุปผาจันทรา ความเร็วของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น หลังจากทำให้บุปผาจันทราหดเล็กลงแล้วเขาก็เก็บเข้าไปไว้ในถุงเก็บของ ส่วนตัวเองก็พุ่งทะยานไปเหนือมหาสมุทรทงเทียน…ด้วยความเร็วสูงถึงขีดสุด!

ร่างที่แหวกอากาศทำให้ความว่างเปล่าสั่นสะเทือนด้วยเสียงลั่นเปรี๊ยะๆ ทั้งยังมีรอยปริแตกที่มิอาจกลับคืนมาเป็นดังเดิมปรากฏขึ้น!

ทุกที่ที่ผ่าน มหาสมุทรทงเทียนพลันถูกผนึกด้วยน้ำแข็ง ทอดสายตามองไป…ผนึกน้ำแข็งนี้ราวกับไร้ที่สิ้นสุด ทุกอย่างล้วนเกาะตัวเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง ขณะเดียวกันปราณของป๋ายเสี่ยวฉุนที่ระเบิดไปตลอดทางก็ได้ไต่ทะยานไปถึงจุดสูงสุด

เกาะทงเทียน ปรากฏอยู่ในสายตาแล้ว!

และชั่วขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนพุ่งเข้ามาใกล้นั้นเอง ร่างของบรรพบุรุษโลหิตที่อยู่บนท้องฟ้าของเกาะทงเทียนได้เผาไหม้ตัวเองเพื่อปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา ยามนี้หลังจากที่เขาเหวี่ยงหมัดออกไป น้ำวนใหญ่ยักษ์ก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า และก็มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าร่างของเขากำลังสลายหายไปอย่างรวดเร็ว

“ป๋ายเสี่ยวฉุน ในที่สุดเจ้าก็มาสักที!”

“ภารกิจของข้าสิ้นสุดลงแล้ว…ช่วยข้า…ดูแล…นางด้วย…” บรรพบุรุษโลหิตแหงนหน้าขึ้นฟ้าแล้วแผดเสียงหัวเราะดังลั่น ภาระหน้าที่ของเขาก็คือทุ่มทุกสิ่งที่มีเพื่อถ่วงเทียนจุนเอาไว้ ตอนนี้เขาทำสำเร็จแล้ว ก่อนที่ร่างจะสลายหายไป เขาจึงหันไปมองแม่น้ำสายเหนือเป็นครั้งสุดท้าย… เขาไม่ได้ระบุชัดเจนว่าให้ป๋ายเสี่ยวฉุนดูแลใคร แต่เขาเชื่อว่าป๋ายเสี่ยวฉุนต้องเข้าใจ

และป๋ายเสี่ยวฉุนก็เข้าใจจริงๆ เขามองบรรพบุรุษโลหิตที่ร่างสลายหายไปพลางพยักหน้ารับอย่างเคร่งขรึม ดวงตาทั้งคู่ยิ่งแดงฉาน สุดท้ายจึงหันขวับไปมอง…เทียนจุนที่ยืนหน้าเขียวอยู่บนท้องฟ้า!

“นักพรตทงเทียน!” คำสี่คำที่เปล่งออกมาจากปากของป๋ายเสี่ยวฉุนกลายมาเป็นเสียงฟ้าผ่าที่ระเบิดกังวานไปแปดทิศ!

ฟ้าถล่มดินทลาย หยุดชะงักไปชั่วครู่!

ศึกไร้เทียมทาน แค่สัมผัสก็พร้อมระเบิดปะทุ!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!