บทที่ 1056 เจ้าพระยาทงเทียน
แม้แต่ฝันป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยังคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะดันมาเจอกับพระยาสวรรค์หลิวผู้มีพรสวรรค์ด้านการประพันธ์ที่โดดเด่นที่นี่…ต้องรู้ว่าความทรงจำที่คนผู้นี้มอบให้เขาสามารถพูดได้ว่าลึกล้ำอย่างถึงที่สุด
โทษทัณฑ์หนึ่งร้อยข้อนั้น ยามนี้มาย้อนนึกดูก็เหมือนว่าในสมองยังคงมีภาพที่ปีนั้นอีกฝ่ายกำลังพูดด้วยน้ำเสียงฮึกเหิมอยู่ต่อหน้าต้าเทียนซือ และภายหลังที่เนื่องจากตนพลิกสถานการณ์กลับมาได้ พอพระยาสวรรค์หลิวผู้นี้รู้เรื่องเข้าก็รีบเผ่นไปที่กำแพงเมืองและไม่กล้ากลับมาอีกเลย
และหลังจากนั้น…กำแพงเมืองก็พังถล่ม ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ลืมเรื่องนี้ไปแล้ว จนกระทั่งวันนี้อีกฝ่ายมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ แถมพอโผล่ออกมาก็ตั้งข้อหาให้เขาถึงสามร้อยข้อ…
“ปีนั้นข้าถูกต้าเทียนซือโยกย้ายให้ออกไปนอกนครจักรพรรดิขุย ไม่ทันมีเวลามาหาเรื่องคนผู้นี้ ไอ้หมอนี่มันมีดวงยังไงกัน ขนาดกำแพงเมืองพังถล่มก็ยังไม่ตาย แค่นั้นยังพอว่า แต่นี่โลกแตกทลายไปแล้ว เขากลับยังมีชีวิตอยู่ได้ดียิ่งกว่าจางต้าพั่ง ถึงขนาดเป็นขุนนางอยู่ในราชวงศ์จักรพรรดิเซิ่ง!!”
“แถมเขา…ยังผอมลงอีกต่างหาก ดูมีสง่าราศี หน้าตาก็อ่อนเยาว์ลง มองดูแล้วหล่อเหลาอย่างมาก…” ป๋ายเสี่ยวฉุนถลึงตามองพระยาสวรรค์หลิวที่มีสีหน้าแจ่มใสด้วยใจที่ริษยาอย่างยิ่ง เขารู้สึกว่าไอ้หมอนี่ไม่เพียงแต่ดวงดี ชีวิตความเป็นอยู่ของเขาในนครจักพรรดิเซิ่งก็ต้องดีมากเหมือนกัน…
เห็นสีหน้าของป๋ายเสี่ยวฉุน ทั้งยังสังเกตเห็นแววชื่นชมจากจุดลึกในดวงตาของบุคคลสำคัญที่อยู่รอบด้าน พระยาสวรรค์หลิวก็ยิ่งลำพองใจ เตรียมจะพูดโทษทัณฑ์สามร้อยข้อออกมาให้ครบสักหนึ่งรอบ เพื่อที่จักรพรรดิเซิ่งจะได้ให้ความสนใจตนมากขึ้น
ทว่าป๋ายเสี่ยวฉุนกลับสะบัดปลายแขนเสื้อ ทันใดนั้นกงซุนหว่านเอ๋อร์และครึ่งเทพหลายคนที่อยู่ในถุงเก็บของของเขาก็ถูกป๋ายเสี่ยวฉุนปล่อยออกมา
“จักรพรรดิเซิ่ง นี่ก็คือของขวัญที่ข้าผู้แซ่ป๋ายนำมามอบให้ท่าน” ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้ดีว่าในเรื่องฝีปากนั้นตนสู้พระยาสวรรค์หลิวที่แค่พูดเรื่อยเปื่อยก็ร่ายโทษทัณฑ์ออกมาได้หลายร้อยข้อผู้นี้ไม่ได้ เลยไม่ให้ความสนใจอีกฝ่าย แต่ปล่อยกงซุนหว่านเอ๋อร์ออกมาโดยตรง
พอกงซุนหว่านเอ๋อร์เผยกาย สายตาของคนหลายพันที่อยู่รอบด้านก็พลันแน่วนิ่ง โดยเฉพาะพวกคนที่อยู่ด้านหน้าสุดของกลุ่มคนอย่างเทียนจุนเช่นกู่เทียนจวินซึ่งบัดนี้ประกายคมกริบในดวงตายิ่งเด่นชัด
ต่อให้เป็นจักรพรรดิเซิ่งเองก็ยังถูกกงซุนหว่านเอ๋อร์ดึงความสนใจไปหมดจนไม่ได้ยินคำพูดของพระยาสวรรค์หลิว
เมื่อเห็นว่าเป็นเช่นนี้ พระยาสวรรค์หลิวก็ลูบจมูกตัวเองเก้อๆ ถอยกลับเข้าไปอยู่ในกลุ่มคน แต่ยังคงมองมาที่ป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยความลำพองใจ
“ครั้งนี้เล่นงานเจ้าไม่ได้ ไม่เป็นไร ข้าจะเก็บเอาไว้ก่อน สักวันข้าต้องข้อหาพันข้อให้เจ้าจงได้!”
กงซุนหว่านเอ๋อร์สูดลมหายใจเข้าลึก ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย หลังจากโค้งตัวคารวะจักรพรรดิเซิ่งหนึ่งครั้งแล้วก็หลับตาไม่เอ่ยคำใด นางมีฐานะเป็นเทียนจุนของราชวงศ์จักรพรรดิแส เมื่อปรากฏตัวก็ควรคารวะผู้แข็งแกร่ง ส่วนเรื่องอื่นๆ นางไม่คิดจะเปิดปาก แล้วก็เชื่อด้วยว่าในราชวงศ์จักรพรรดิเซิ่งจะไม่มีใครบังคับนาง
ส่วนพวกครึ่งเทพที่ถูกจับมาพร้อมกันต่างสิ้นหวังแล้ว พวกเขายืนอยู่ตรงนั้นด้วยเรือนกายที่สั่นสะท้าน พลานุภาพสยบที่มาจากรอบด้าน สายตาที่มาจากเทียนจุนรวมไปถึงจักรพรรดิเซิ่งเกือบทำให้จิตวิญญาณของพวกเขาแหลกสลาย
ผ่านไปเนิ่นนาน จู่ๆ จักรพรรดิเซิ่งก็หัวเราะ เสียงหัวเราะนี้ยิ่งนานก็ยิ่งดัง ทั้งยังลุกออกจากเก้าอี้ เขาอารมณ์ดีมากจริงๆ ของขวัญชิ้นนี้คือของขวัญที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ที่ก่อตั้งราชวงศ์จักรพรรดิเซิ่งมาเลยทีเดียว!
ต่อให้เขาไม่สามารถสังหารกงซุนหว่านเอ๋อร์ได้ ทว่าเทียนจุนคนหนึ่งย่อมต้องแลกมาด้วยที่ดินที่กว้างใหญ่มากกว่าเดิมให้กับราชวงศ์จักรพรรดิเซิ่ง โดยเฉพาะเขตการปกครองบางแห่งที่ถูกยึดไปและทำให้มีปัญหาความขัดแย้งกันเรื่อยมา อาศัยโอกาสนี้ก็สามารถแลกมันกลับมาได้
ขณะเดียวกันเรื่องนี้ก็ไม่ละเมิดข้อตกลงที่เขาเคยมีร่วมกับราชวงศ์จักรพรรดิแส คนอื่นเป็นคนนำมามอบให้เขาเอง หาใช่ว่าเขาจักรพรรดิเซิ่งไปจับตัวอีกฝ่ายมา เมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อให้จักรพรรดิแสอยากจะแก้แค้นก็ไม่สามารถโยนความแค้นมาใส่หัวเขาได้
“ดี ดี ดี!” ท่ามกลางเสียงหัวเราะ จักรพรรดิเซิ่งทอดสายตาที่เปล่งประกายระยับลงมองป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่บนลานกว้างนอกตำหนักใหญ่
“ผียักษ์ ขึ้นมารับพระบัญชา!”
ราชาผียักษ์สีหน้าฮึกเหิม รีบเดินเร็วๆ ขึ้นไปหลายก้าว ครั้นจึงคารวะจักรพรรดิเซิ่งที่อยู่ในตำหนักใหญ่
“แต่งตั้งผียักษ์เป็นต้าจุนเขตการปกครองเสินหลัวของดินแดนเซียนที่สองแห่งราชวงศ์จักรพรรดิเซิ่ง มีหน้าที่เฝ้าพิทักษ์เขตการปกครองเสินหลัว รับการกราบไหว้บูชาจากปวงประชาของทั้งเขตการปกครอง!”
เขตการปกครองแห่งหนึ่งของดินแดนเซียนนิรันดร์กาลเทียบเคียงได้กับโลกทงเทียนทั้งใบ การที่ได้เฝ้าพิทักษ์เขตการปกครองแห่งหนึ่ง ถูกแต่งตั้งเป็นต้าจุน นี่หมายความว่าราชาผียักษ์ที่อยู่ในเขตการปกครองเสินหลัวจะกลายมาเป็นบุคคลที่มีอำนาจเด็ดขาดสูงสุด สามารถตัดสินความเป็นความตายของผู้อื่นได้ และตลอดทั้งเขตการปกครองเสินหลัวก็จะกลายมาเป็นถิ่นของราชาผียักษ์ไปในทันที!
ของรางวัลเช่นนี้สอดคล้องกับฐานะของราชาผียักษ์ ทั้งยังทำให้ราชาผียักษ์รู้สึกพึงพอใจอย่างมาก สิ่งที่เขาต้องการก็คือสถานที่สำหรับพักพิง สถานที่อันเป็นที่ตั้งรากฐานสำหรับโลกทงเทียนตามความคิดของเขา
ด้วยความดีใจ ราชาผียักษ์จึงรีบคารวะอีกครั้ง
“ขอบพระคุณจักรพรรดิเซิ่ง!”
ตอนที่ลุกขึ้นยืน สง่าราศีตลอดร่างของราชาผียักษ์ถึงกับต่างออกไปจากเดิม เขารู้ดีว่านับแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตนที่อยู่บนแผ่นดินใหญ่หย่งเหิงแห่งนี้ถือว่ายืนได้มั่นคงแล้ว ไม่ต้องเป็นผู้ฝึกตนอิสระที่ซัดเซพเนจรไปทั่ว ไม่จำเป็นต้องคอยระแวงภัยอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ที่เขาต้องทำก็คือทำตามข้อสรุปหลังจากที่ปรึกษากับป๋ายเสี่ยวฉุนก่อนหน้านี้ นั่นคืออาศัยราชวงศ์จักรพรรดิเซิ่งมาทำให้ตัวเองหยัดยืนอยู่บนแผ่นดินเซียนนิรันดร์กาลได้อย่างมั่นคง!
ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ฮึกเหิมมากเช่นกัน พอเห็นว่าราชาผียักษ์ได้รับรางวัลเป็นเขตการปกครองแห่งหนึ่ง เขาที่ครุ่นคิดว่าความดีความชอบของตัวเองมีมากกว่าจึงหันไปมองจักรพรรดิเซิ่งด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง
“ป๋ายเสี่ยวฉุน รับพระบัญชา!” สายตาที่เปล่งวาบเล็กน้อยจนสังเกตไม่เห็นของจักรพรรดิเซิ่งย้ายมาอยู่บนร่างของป๋ายเสี่ยวฉุน ก่อนที่เขาจะเอ่ยขึ้นโดยพลัน
ป๋ายเสี่ยวฉุนกลั้นหายใจ สีหน้าเปลี่ยนมาเป็นจริงจัง เขาเข้าใจดีว่าเวลาไหนควรก้มหัวก็ต้องก้มหัว เวลาไหนควรแสดงฝีมือก็ต้องแสดงฝีมือ เรื่องนี้แบบนี้ไม่ถือว่าน่าอาย ขอแค่ได้ผลประโยชน์มาครองเท่านั้นถึงจะสำคัญที่สุด
“ป๋ายเสี่ยวฉุนสร้างคุณูปการยิ่งใหญ่ ทั้งยังมีตำแหน่งฐานะสูงส่งในโลกทงเทียน ชื่อเสียงเลื่องลือเป็นที่รู้จักไปทั่ว!”
“ขอแต่งตั้งให้…ป๋ายเสี่ยวฉุนเป็น…เจ้าพระยาทงเทียน!”
“ในราชวงศ์จักรพรรดิเซิ่งของเรา มีเพียงเทียนจุนเท่านั้นที่ถึงจะเรียกได้ว่าราชา ต่ำกว่าราชาลงไปก็คือเจ้าพระยาสวรรค์ เจ้าพระยาสวรรค์ทงเทียนคือผู้นำของเจ้าพระยาทุกคน เป็นรองเพียงแค่ราชาเท่านั้น!”
“มอบวิหารเซียนในนครจักรพรรดิเซิ่งให้หนึ่งหลัง ปลามังกรในบ่อสวรรค์หนึ่งตัว ประทานชุดคลุมเจ้าพระยาพร้อมเข็ดขัดมณีเจ็ดสี!” จักรพรรดิเซิ่งเอ่ยเนิบช้า ท่ามกลางเสียงที่ของเขาดังสะท้อน สีหน้าของเหล่าชนชั้นสูงหลายพันคนที่อยู่สองฝากฝั่งล้วนเปลี่ยนมาเป็นเครียดขรึม
ของรางวัลนี้พูดได้ว่ายิ่งใหญ่อย่างถึงที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเจ้าพระยาทงเทียนหรือวิหารเซียน หรือแม้แต่ปลามังกรหนึ่งตัวก็ล้วนมากพอจะสร้างความสะท้านสะเทือนให้แก่คนนอก รวมไปถึงชุดคลุมพระยาสวรรค์ที่เป็นสมบัติอาคม และเข็มขัดมณีเจ็ดสีก็ยิ่งทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนสามารถเข้าออกวังหลวงได้โดยที่ไม่โดนวิญญาณวัตถุกำราบ
ทั้งหมดนี้ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ล้วนมากล้นสุดประมาณ เพียงแต่ว่า…ทุกอย่างเป็นเพียงแค่สิ่งเลื่อนลอยเท่านั้น!
นั่นเป็นเพราะว่าตัวตนของป๋ายเสี่ยวฉุนไม่เหมือนกับคนอื่น อย่างราชาผียักษ์ จักรพรรดิเซิ่งลองชั่งน้ำหนักดูแล้วก็รู้สึกว่าสามารถให้อีกฝ่ายควบคุมเขตการปกครองแห่งหนึ่งได้ ทว่าป๋ายเสี่ยวฉุนกลับไม่เหมือนกัน จักรพรรดิเซิ่งไม่มีทางยอมให้คนของโลกทงเทียนมีโอกาสตั้งตนเป็นอิสระเด็ดขาด!
เขาต้องการการผสานรวม ต้องการให้คนของโลกทงเทียนผนวกรวมเข้ากับราชวงศ์จักรพรรดิเซิ่งอย่างสมบูรณ์แบบเพื่อที่ตนจะได้แข็งแกร่งมากขึ้น ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางมอบตำแหน่งหน้าที่ที่จับต้องได้จริงให้แก่บรรพบุรุษขุยอย่างป๋ายเสี่ยวฉุนผู้นี้เด็ดขาด!
สิ่งที่เขาต้องการมีเพียงให้ป๋ายเสี่ยวฉุนยินยอมอยู่ในนครจักรพรรดิเซิ่งแต่โดยดี ให้อีกฝ่ายเป็นแค่สัญลักษณ์อย่างหนึ่งก็พอ และเมื่อใดที่ราชวงศ์จักรพรรดิเซิ่งผสานคนของโลกทงเทียนได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ไม่มีประโยชน์อีกต่อไป เมื่อถึงเวลานั้น อีกฝ่ายจะเป็นหรือตายก็อยู่ที่แค่ความคิดเดียวของเขา
อันที่จริงต่อให้ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่สร้างใบรับรองการสวามิภักดิ์เช่นนี้ขึ้นมา แค่อีกฝ่ายมาเยือน เขาก็จะให้ของรางวัลดุจเดียวกัน วันนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนจับตัวมารดาผีมาด้วย มองภายนอกเหมือนเขาจะดีใจ และอันที่จริงก็ดีใจอยู่บ้างจริงๆ ทว่าทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพียงการแสดง เพราะลึกๆ ในใจของเขากำลังถอนหายใจ
เขาถอนหายใจก็เพราะคุณความชอบเช่นนี้ทำให้เขาที่เป็นจักรพรรดิเซิ่งจำต้องพิจารณาถึงความรู้สึกของชนชั้นสูงในราชสำนักและราชวงศ์จักรพรรดิแส เพราะของขวัญที่ป๋ายเสี่ยวฉุนนำมามอบให้ยิ่งใหญ่เกินไป ใหญ่จนเขาจำเป็นต้องให้ของรางวัลที่จับต้องได้จริงบางส่วน ดังนั้นเขาถึงได้แต่งตั้งตำแหน่งต้าจุนรวมไปถึงยกเขตการปกครองแห่งหนึ่งให้กับราชาผียักษ์
หาไม่แล้ว เขาก็ไม่คิดจะให้โอกาสคนของโลกทงเทียนแม้แต่เสี้ยวเดียว
“รอผ่านช่วงนี้ไปก่อนค่อยหาเหตุผลมาถอดถอนตำแหน่งของผียักษ์ผู้นั้นก็แล้วกัน” จักรพรรดิเซิ่งหัวเราะหยันอยู่ในใจ ทว่าภายนอกกลับมองป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยสายตาอ่อนโยน
“เจ้าพระยาทงเทียน เจ้าเพิ่งมาเยือนนครจักรพรรดิเซิ่งเป็นครั้งแรก สามารถลองไปทำความคุ้นเคยดูได้ สำหรับเรื่องเกี่ยวกับโลกทงเทียนและเหล่านักพรตของโลกทงเทียน เจ้าไม่จำเป็นต้องเป็นกังวล ทุกอย่างข้าผู้เป็นจักรพรรดิจะจัดการให้เจ้าเอง!”
“เดินทางมาเหนื่อยๆ เจ้าพระยาทงเทียนไปพักผ่อนได้แล้ว วันหน้าอยู่ในนครจักรพรรดิเซิ่งก็สามารถสงบใจฝึกตน หวังว่าตบะของเจ้าจะฝ่าทะลุเลื่อนสู่เทียนจุนในเร็ววัน เพิ่มราชาอีกคนหนึ่งให้กับราชวงศ์จักรพรรดิเซิ่งของเรา!”
ได้ยินคำพูดของจักรพรรดิเซิ่ง มองเห็นสีหน้าเคร่งเครียดแต่เก็บซ่อนความเย็นชาเอาไว้ของผู้คนที่อยู่รอบด้าน มีหรือที่ป๋ายเสี่ยวฉุนจะมองไม่ออกว่าของรางวัลพวกนี้ล้วนเป็นเพียงสิ่งที่เลื่อนลอยเท่านั้น
แม้ว่าตอนที่เดินทางมาเขาที่พูดคุยกับราชาผียักษ์ก็พอจะเดาผลลัพธ์เช่นนี้ออก ทว่าอันที่จริงลึกๆ ในใจก็ยังมีความหวังอยู่เสี้ยวหนึ่ง ตอนนี้มาลองตรองดูแล้ว เป้าหมายของราชวงศ์จักรพรรดิเซิ่งก็ไม่ต่างอะไรจากราชวงศ์จักรพรรดิแสอยู่ดี
เพียงแค่ใช้วิธีการที่ไม่เหมือนกันก็เท่านั้น
“เกรงว่าหากไม่มีของมาสวามิภักดิ์ ราชาผียักษ์ก็คงไม่ได้แม้แต่เขตการปกครองหนึ่งไปครอบครอง!” ป๋ายเสี่ยวฉุนเข้าใจทุกอย่างเป็นอย่างดี รู้ว่าจักรพรรดิสองคนนี้ต่างก็เป็นพวกตะเภาเดียวกัน
“คนหนึ่งโหดเหี้ยม คนหนึ่งเสแสร้ง…” ป๋ายเสี่ยวฉุนยิ้มบางๆ แม้เขาจะเสียดายอยู่บ้าง แต่กลับไม่ได้ห่อเหี่ยว ไม่ว่าจะอย่างไร ประโยคหนึ่งของจักรพรรดิเซิ่งก็พูดได้ถูกแล้ว
“ข้าจำเป็นต้องฝึกตนเพื่อให้ตัวเองฝ่าทะลุขั้นในเร็ววันจริงๆ นั่นแหละ!”
ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจเข้าลึก หลังจากหันไปคารวะจักรพรรดิเซิ่งก็เตรียมจะจากไปพร้อมกับราชาผียักษ์ ทว่าเวลานี้เอง พระยาสวรรค์หลิวผู้นั้นพลันหน้าเผือดสี รีบร้องตะโกนเสียงดัง
“ฝ่าบาท จะปล่อยให้เจ้าป๋ายเสี่ยวฉุนผู้นี้อยู่ในนครจักรพรรดิเซิ่งไม่ได้เด็ดขาดเลยนะพะยะค่ะ หาไม่แล้วนครจักรพรรดิเซิ่งจะตกอยู่ในอันตราย!”