บทที่ 1210 ป๋ายเสี่ยวฉุน ช่วยข้าด้วย!
หากจะใช้คำว่าผลัดดาวเปลี่ยนเดือนมาบรรยายดินแดนเซียนหนึ่งผืนครึ่งของโลกทงเทียนในเวลานี้ก็ไม่เหมาะสมเท่าใดนัก นั่นก็เพราะว่าการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ อยู่เหนือเกินกว่าขีดจำกัดที่จะใช้ถ้อยคำมาบรรยายได้แล้ว
เมื่อคนหลายล้านคนเดินออกมาจากในกระบี่ใหญ่สายเหนือ บวกกับคนของดินแดนเซียนนิรันดร์กาลดั้งเดิมที่เดิมทียินดีอยู่ต่อเพราะหมดใจกับจักรพรรดิแส ทั้งหมดนี้ก็ล้วนทำให้ดินแดนเซียนของโลกทงเทียน แทบจะมีการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฟ้าพลิกดินเกิดขึ้นทุกๆ วัน!
ภูเขาหลายลูกถูกลบทิ้งไป มีเทือกเขาเส้นใหม่ก่อตัวกันขึ้นมาบนแผ่นดินใหญ่ อีกทั้งเมื่ออยู่ภายใต้การวางแผนของต้าเทียนซือ พื้นที่ใจกลางแห่งหนึ่งที่ถูกเลือกไว้ก็เริ่มมีการก่อสร้าง…นครจักรพรรดิแห่งหนึ่ง…ที่แม้ทุกคนจะไม่ได้พูดออกมาจากปาก แต่ก็ล้วนรับรู้ร่วมกันอยู่ในใจ!!
และในนครจักรพรรดิแห่งนี้ก็มีรูปปั้นแห่งหนึ่งกำลังถูกนักพรตจำนวนมากสลักขึ้นมา รูปปั้นนี้สลักเป็นภาพของ… ป๋ายเสี่ยวฉุนที่สวมชุดและมงกุฎจักรพรรดิ!
บวกกับที่ทุกวันจะต้องมีนักพรตของโลกทงเทียนจำนวนมากเดินทางมาจากราชวงศ์จักรพรรดิเซิ่ง ทั้งหมดนี้จึงทำให้สายตาของคนทั่วทั้งดินแดนเซียนนิรันดร์กาลจับจ้องรวมกันอยู่ ณ ที่แห่งนี้
และสายตาของทุกคนก็ล้วนคอยสังเกตการณ์…การลุกผงาดของราชวงศ์จักรพรรดิใหม่!
เมื่อเทียบกับทุกคนแล้ว ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับเป็นคนที่ว่างงานมากที่สุด
ซ่งจวินหว่านและโจวจื่อโม่ที่แม้ว่าจะถูกป๋ายเสี่ยวฉุนนำออกมาจากพัดวิเศษแล้ว แต่ตอนนี้เรือนกายของหญิงสาวทั้งสองนับว่าสูงส่งล้ำค่าอย่างถึงที่สุด แทบจะเพิ่งปรากฏตัว ไม่ว่าจะเป็นราชาผียักษ์หรือต้าเทียนซือ หรือแม้แต่หลี่ชิงโหว บุรพาจารย์ธาราเทพ เกือบทุกคนที่ค่อนข้างอาวุโสต่างก็คอยให้การดูแลหญิงสาวทั้งสองเป็นอย่างดี ทั้งยังจัดหาคนไม่น้อยให้คอยติดตามดูแลพวกนางโดยเฉพาะ หากจะว่ากันในบางระดับแล้ว พวกนางทั้งสองคนได้รับการปฏิบัติที่ดียิ่งกว่าป๋ายเสี่ยวฉุนหลายเท่านัก
เป็นเหตุให้ป๋ายเสี่ยวฉุนที่ได้เห็นรู้สึกปลงอนิจจังอยู่ในใจ รู้ดีว่าตาแก่พวกนี้ให้ความสนใจเด็กที่อยู่ในท้องซ่งจวินหว่านและโจวจื่อโม่มากเป็นพิเศษ
“แต่พวกเขาก็เป็นแค่ลูกนะ ข้าคือพ่อของพวกเขา จะปฏิบัติกันอย่างไม่เป็นธรรมแบบนี้ไม่ได้”
ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกไม่ยอมแพ้ แต่ครุ่นคิดว่าจะอย่างไรตนก็ไม่ควรไปชิงดีชิงเด่นกับลูกตัวเอง ดังนั้นจึงส่ายหน้า ก่อนจะพาเถี่ยตั้นที่ว่างงานไม่ต่างกันเดินไปบนดินแดนเซียน มองทุกคนที่ทำงานด้วยความขมีขมันกระตือรือร้น เขาเองก็อยากมีส่วนร่วมด้วย แต่ทุกครั้งพอเขาปรากฏตัว ทุกคนก็จะต้องหันมาคารวะถวายบังคมเสียทุกครั้ง
ซ้ำด้วยเรื่องนี้ ต้าเทียนซือและราชาผียักษ์ยังเคยมาหาป๋ายเสี่ยวฉุน บอกกับเขาว่าวันปกติอย่าเอาแต่โผล่ไปโน่นมานี่ เพราะมันจะส่งผลกระทบต่อการก่อสร้างดินแดนเซียนและนครหลวง…
เพียงแต่ว่า…ต่อให้เฒ่าเจ้าเล่ห์ต้าเทียนซือจะรู้จักป๋ายเสี่ยวฉุนดีแค่ไหน เขาก็ยังคำนวณผิดไปข้อหนึ่ง… เขาไม่รู้เลยว่า ต่อให้ตอนนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนจะเป็นเทียนจุนช่วงท้ายและมีพลังการต่อสู้ของบุพกาลแล้ว แต่แท้จริงแล้วลึกลงไปถึงกระดูก… กลับยังคงซุกซ่อนความชื่นชอบในการถูกผู้คนสรรเสริญเยินยอ เฉกเช่นที่เคยเป็นตอนอยู่สำนักธาราเทพ
ดังนั้น…คำพูดโน้มน้าวของต้าเทียนซือจึงไร้ประโยชน์เมื่อนำมาใช้กับป๋ายเสี่ยวฉุน ภายนอกเขาก็หัวเราะร่าพยักหน้ารับเป็นดิบดี แต่เพียงแค่พริบตาเดียวก็ฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีคนสนใจ กระแอมเบาๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะแอบดอดออกไปด้วยความพึงพอใจมากเป็นพิเศษ
พอเป็นเช่นนี้ สถานที่ใดในดินแดนเซียนที่ป๋ายเสี่ยวฉุนปรากฏตัวก็จะต้องมีเสียงกู่ร้องแห่งความยินดี และป๋ายเสี่ยวฉุนก็มักจะชอบหยุดอยู่ที่หนึ่งนานๆ จึงเป็นเหตุให้อัตราความก้าวหน้าของเนื้องานของที่แห่งนั้นลดฮวบลงอย่างหนัก
มาถึงท้ายที่สุด ยังคงเป็นหลี่ชิงโหวที่รู้จักป๋ายเสี่ยวฉุนดีที่สุด ซ้ำฐานะของเขายังสูงส่งเหนือใคร จึงไปพบป๋ายเสี่ยวฉุนโดยตรงแล้วถลึงตาใส่
คำพูดของคนอื่น ป๋ายเสี่ยวฉุนยังพอจะรับฟังอย่างลวกๆ ได้ แต่กับหลี่ชิงโหว ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่กล้า…
“เอาเถอะๆ ข้าไม่ออกไปเดินเล่นแล้วก็ได้”
ป๋ายเสี่ยวฉุนจนใจ กะว่าจะออกไปหาที่สงบๆ ผ่อนคลายอารมณ์กับเถี่ยตั้นเสียหน่อย แต่กลับพบว่าแม้แต่เถี่ยตั้นก็ไม่อยู่แล้ว…
หลังจากที่เถี่ยตั้นมาถึงที่นี่ มันก็เต็มไปด้วยความสนใจต่อสัตว์ร้ายหลากหลายชนิดของดินแดนเซียนแห่งนี้ ก่อนหน้านี้เป็นเพราะว่าต้องปกป้องซ่งจวินหว่าน มันจึงไม่กล้าขยับขยายกองทัพคู่บำเพ็ญเพียรของตน…ตอนนี้พอมีเวลาว่าง มันจึงไปเดินเล่นกับป๋ายเสี่ยวฉุนแค่ไม่กี่วัน หลังจากนั้นก็แอบบินออกไปท่องเที่ยวหาความรักจากสัตว์ร้ายสารพัดชนิดที่อยู่ในดินแดนเซียนนิรันดร์กาล
หลังจากป๋ายเสี่ยวฉุนรู้เรื่องพวกนี้ เขาก็ยิ่งอัดอั้นตันใจเข้าไปใหญ่ นั่งเหม่อลอยอยู่ในตำหนักใหญ่ของนครหินยักษ์เพียงลำพัง กำลังครุ่นคิดว่าที่นี่น่าเบื่อขนาดนี้ ตนควรจะกลับไปที่พัดวิเศษดีหรือเปล่า แต่แล้วทันใดนั้นในถุงเก็บของของเขาก็มีแรงสั่นสะเทือนส่งผ่านมา
ป๋ายเสี่ยวฉุนตะลึงงัน กวาดอำนาจจิตไปในถุงเก็บของ เพียงแค่พลิกฝ่ามือ ในมือก็มีแผ่นหยกส่งข้อความเสียงปรากฏ แทบจะชั่วขณะเดียวกันกับที่อำนาจจิตของเขาผสานรวมเข้าไปในแผ่นหยก ในสมองของเขาก็มีเสียงคุ้นเคยที่แฝงไว้ด้วยความร้อนรนส่งผ่านมา
“ป๋ายเสี่ยวฉุน ช่วยข้าด้วย!!”
วินาทีที่ได้ยินเสียงนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็สั่นสะท้านไปทั้งร่าง ลมหายใจหอบรัว ถึงกับถลันลุกขึ้นยืน เพราะคนที่เอ่ยประโยคนี้…ก็คือกงซุนหว่านเอ๋อร์!!
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น เจ้าอยู่ที่ไหน!”
สำหรับกงซุนหว่านเอ๋อร์นั้น ด้านหนึ่งเขาก็ซาบซึ้งในบุญคุณ อีกด้านหนึ่งก็เพราะในอดีตคนทั้งสองเคยมีความสัมพันธ์ที่คลุมเครือร่วมกันอยู่ช่วงหนึ่ง พอได้ยินเสียงของกงซุนหว่านเอ๋อร์ ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงร้อนใจขึ้นมาครามครัน
“จักรพรรดิแส จะสังหารข้า…” กงซุนหว่านเอ๋อร์เพิ่งจะส่งข้อความมาได้ถึงตรงนี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุใด เสียงของนางถึงได้ขาดหายไปกลางคัน ลมหายใจของป๋ายเสี่ยวฉุนหอบรัว หายตัวไปอย่างไม่มีความลังเล เมื่อปรากฏตัวอีกครั้งก็มาอยู่บนท้องฟ้าแล้ว และอำนาจจิตของเขาก็ได้แผ่ครืนครั่นไปแปดทิศ
“การส่งข้อความผ่านแผ่นหยกต้องมีระยะที่แน่นอน ต่อให้ระยะที่กว้างใหญ่ที่สุดจะมากพอจนปกคลุมดินแดนเซียนสองแห่งได้…ทว่ามากสุดก็ได้แค่นี้!”
“หากจักรพรรดิแสจะลงมือ ถ้าเช่นนั้นทิศทาง…ก็ต้องอยู่ตรงนั้น!”
ดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นประกายวาบ ไม่ได้มองไปยังราชวงศ์จักรพรรดิแส ก่อนหน้านี้หลังจากที่เขาต่อสู้กับจักรพรรดิแส ระหว่างที่ตามหากระบี่ใหญ่สายเหนือก็เคยตามหากงซุนหว่านเอ๋อร์ไปด้วย ซ้ำยังเคยส่งข้อความไปหาอีกฝ่าย แต่กลับไม่มีการตอบรับใดๆ ส่งคืนมา
ตามการวิเคราะห์ของป๋ายเสี่ยวฉุน ความเป็นไปได้ที่กงซุนหว่านเอ๋อร์จะซ่อนตัวอยู่ในราชวงศ์จักรพรรดิแสมีไม่สูงมากนัก เพราะอย่างไรซะที่นั่นก็อาจถูกอำนาจจิตของจักรพรรดิแสปกคลุมได้ตลอดเวลา หากเกิดปัญหาขึ้น นางก็ไม่มีทางหนีออกมาได้เลย
ทว่าราชวงศ์จักรพรรดิเซิ่งก็ไม่เหมาะสมเช่นกัน ถ้าอย่างนั้นสถานที่ซ่อนตัวที่ดีที่สุดก็ควรจะต้องเป็นมหาสมุทรหย่งเหิง
ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ไม่สามารถวิเคราะห์ใคร่ครวญไปได้มากกว่านี้ เวลานี้ได้แต่อาศัยความเร็วสุดขีดของตัวเองทะยานไปยังทิศทางที่ตั้งของมหาสมุทรหย่งเหิง อำนาจจิตของเขาแผ่ออกไปอย่างเต็มที่เพื่อคอยตามหาคลื่นผิดปกติใดๆ ก็ตามที่เกิดขึ้นระหว่างฟ้าดิน
บุพกาลลงมือย่อมต้องมีริ้วคลื่นพลังปรากฏแน่นอน!
และในความเป็นจริงเวลาผ่านไปแค่ครึ่งก้านธูป ป๋ายเสี่ยวฉุนก็สัมผัสได้ทันทีว่าระหว่างฟ้าดินตรงทิศทางที่ตั้งของมหาสมุทรหย่งเหิงมีริ้วคลื่นที่รุนแรงอย่างถึงที่สุด เขาเพิ่งแค่รับสัมผัสกับคลื่นนี้ก็จำได้ทันทีว่า…มันเป็นของจักรพรรดิแส!
“จักรพรรดิแส เจ้ากล้ารึ!” ดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนเปลี่ยนมาเป็นแดงฉาน ระเบิดปราณตบะออกมาปั่นป่วนฟ้าดิน ขณะเดียวกันก็ติดต่อไปหาจักรพรรดิเซิ่ง จากนั้นจึงระเบิดความเร็วอีกครั้ง ทะยานออกไปรวดเร็วราวกับหายตัวจนโลกทั้งใบบิดเบือนเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น!
และบนท้องฟ้าเหนือมหาสมุทรหย่งเหิงในเวลานี้ จักรพรรดิแสที่มีสีหน้ามืดทะมึน ดวงตาฉายแสงเยียบเย็นก็ร้อนใจอยู่มาก เขาจ้องเขม็งไปยังมหาสมุทรหย่งเหิงที่อยู่เบื้องล่าง มือขวายกขึ้น พลังมหาศาลขุมหนึ่งระเบิดออกมาจากมือของเขา เป็นเหตุให้มหาสมุทรเบื้องล่างเกิดน้ำวนขนาดใหญ่ยักษ์
จุดลึกของน้ำวนลูกนี้มีหยดน้ำมหึมาอยู่ลูกหนึ่ง บนหยดน้ำเต็มไปด้วยอักขระ ส่วนด้านในหยดน้ำก็คือกงซุนหว่านเอ๋อร์ที่นั่งขัดสมาธิอยู่ด้วยสีหน้าหวาดกลัวและสิ้นหวัง
“มารดาผี เราจะไม่ฆ่าเจ้า แต่จะช่วยให้เจ้ากำราบร่างแยกวิญญาณ เพื่อที่วิญญาณหลักของเจ้าจะได้ฟื้นตื่นขึ้นมาอีกครั้ง!”
จักรพรรดิแสหรี่ตาลง นี่ต่างหากถึงจะเป็นจุดประสงค์ที่แท้จริงของเขา เพราะว่าสูญเสียเทียนจุนใต้บังคับบัญชามากเกินไป จักรพรรดิแสจะไม่ร้อนใจได้อย่างไร เขาจึงถึงขั้นใช้เวทลับบางอย่างมาคำนวณหาสถานที่ซ่อนตัวของกงซุนหว่านเอ๋อร์คร่าวๆ
หลังจากพบกงซุนหว่านเอ๋อร์ เขาจึงลงมือทันที หมายจะได้ตัวมารดาผีกลับคืนมา
เพียงแต่เขาคาดไม่ถึงว่า หลายปีมานี้มองดูเหมือนกงซุนหว่านเอ๋อร์กำลังซ่อนตัว แต่อันที่จริงกลับคอยสร้างค่ายกลไว้รอบกายตลอดเวลา สุดท้ายจึงสามารถสร้างค่ายกลวารีที่ใช้เวลาสามสิบปีได้สำเร็จ แม้ว่าจะไม่สามารถต้านทานพลังของบุพกาลได้ตลอดไป แต่หากจะแลกด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส เพื่อให้ยืนหยัดได้ครึ่งก้านธูปก็ยังพอจะทำได้
แล้วก็ด้วยเหตุนี้ถึงเป็นเหตุให้จักรพรรดิแสไม่ได้จับตัวกงซุนหว่านเอ๋อร์ในทันที อีกทั้งเนื่องจากการส่งข้อความเสียงของกงซุนหว่านเอ๋อร์ ก็ยังทำให้สถานการณ์ของจักรพรรดิแสเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายถูกกระทำด้วย ด้วยความคับแค้นใจ ดวงตาของจักรพรรดิแสจึงเปล่งแสงเยียบเย็น
“ในเมื่อจับเป็นมันยุ่งยากนัก ถ้าเช่นนั้นก็คงได้แค่สังหารเจ้าเท่านั้น หลังจากฆ่าเจ้าให้ตายแล้ว ข้าย่อมสามารถอาศัยเมล็ดพันธ์แห่งเต๋าของเจ้ามาชุบชีวิตเจ้าคืนกลับสู่วังหลวงของข้าอีกครั้ง!” จักรพรรดิแสแค่นเสียงเย็น มือขวาพลันสะบัดลง
ทันใดนั้นท่ามกลางฟ้าดินก็มีฝ่ามือขนาดมหึมาเผยตัว แล้วเงื้อฟาดเข้าใส่หยดน้ำท่ามกลางความสิ้นหวังของกงซุนหว่านเอ๋อร์!
พลังอำนาจท่วมเทียมฟ้า มหาสมุทรหย่งเหิงถึงกับยุบยวบลงไปเป็นรูปฝ่ามือ บัดนี้แม้แต่ฟ้าดินก็ยังเปลี่ยนสี