บทที่ 1242 นิรันดร์กาลมีจิตวิญญาณ
เผชิญหน้ากับเสียงคำรามของเต้าเฉิน สายตาของนี่ฝานไร้คลื่นอารมณ์ใดๆ ท่าทางเฉยเมยเช่นนั้นราวกับว่าเขาได้ตัดขาดทุกความรู้สึกหมดสิ้นแล้ว สายตาที่มองเต้าเฉินจึงไม่ต่างจากสายตาที่มองคนตาย
แต่เขากลับยังเงียบงัน จนกระทั่งเต้าเฉินคำรามขึ้นมาอีกครั้ง นี่ฝานถึงได้เอ่ยเนิบช้าว่า
“สำหรับในใจของข้า มีเพียงคนสองคนที่เป็นพันธนาการขัดขวางเต๋าที่ยิ่งใหญ่ของข้า คนแรกก็คือสตรีที่เจ้าและข้าหลงรัก ส่วนคนที่สอง…ก็คือเจ้า”
นี่เป็นครั้งแรกที่นี่ฝานเอ่ยปากยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างตนกับเต้าเฉินทางอ้อม คำพูดของเขาทำให้เต้าเฉินตัวสั่น แต่เขารู้จักพี่ชายของตัวเองดี ยามนี้จึงได้แต่ยิ้มขื่นขม
“ข้าเข้าใจแล้ว ดังนั้นเจ้าถึงได้ฆ่าศิษย์น้องหญิงเล็กก่อน และอันดับต่อไปก็คือสังหารข้า…เพื่อที่ว่านับแต่นี้เป็นต้นไป จะไม่มีอุปสรรคใดๆ มาขัดขวางเต๋าที่ยิ่งใหญ่ของเจ้าได้อีก!”
นี่ฝานเงียบงัน ครู่ใหญ่เขาถึงได้มองเต้าเฉินที่อ่อนแอจนไร้เรี่ยวแรงให้โต้กลับพลางพยักหน้ารับช้าๆ
“เมื่อฆ่าเจ้าและทำลายโลกแห่งเซียนใบนี้แล้ว ข้าก็จะไม่มีพันธนาการใดๆ เหลืออยู่อีกต่อไป ส่วนเรื่องที่ว่าดอกไม้แห่งนิรันดร์กาลจะเป็นเพียงตำนานหรือไม่นั้น…หากไม่ลอง แล้วจะรู้ได้อย่างไร”
“ต่อให้มันไม่มีอยู่จริง…แต่การทำเช่นนี้ก็สอดคล้องกับเต๋าของข้าอยู่ดี!”
นี่ฝานพึมพำเสียงแผ่ว ไม่ได้รอให้เต้าเฉินพูดอะไรต่อ ดวงตาของเขามีประกายเย็นเยียบเปล่งวาบ เมื่อยกมือขวาขึ้น ความว่างเปล่ารอบกายพลันบิดเบือนรุนแรง ราวกับว่าบัดนี้ทั้งห้วงจักรวาลได้ก่อตัวขึ้นเป็นกฎเกณฑ์บางอย่างต่อหน้าเขา ครั้นแล้วจึงกลายมาเป็นคมมีดที่มองไม่เห็น แต่กลับสามารถทำลายล้างทุกสิ่งที่ขวางหน้าให้สิ้นซาก ซึ่งคมมีดนั้นเงื้อขึ้นเหนือไหล่ของเต้าเฉินที่โอบกอดศพของภรรยาตนเองอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว…ฟันฉับลงไปที่คอของอีกฝ่าย!
เลือดสดพุ่งทะลักเป็นสาย หัวหลุดปลิวกระเด็น!
พลังของคมมีดนั้นมหาศาลเกินไป เมื่อตวัดผ่าน เมื่อหัวหลุดกระเด็นออกจากบ่า ร่างของเต้าเฉินและภรรยาที่อยู่ในอ้อมกอดเขาพลัน…แหลกสลายกลายเป็นเถ้าธุลีในเสี้ยววินาที
เพียงแต่ศีรษะที่หลุดปลิวยังเปล่งคำพูดประโยคสุดท้ายของเต้าเฉินออกมา!
“อาจารย์เองก็เคยบอกว่า หากดอกไม้แห่งนิรันดร์กาลมีอยู่จริง การที่ดอกไม้ดอกนี้ดูดเอาความเงียบเหงาและความตายของทั้งห้วงจักรวาลเข้าไป มันก็ต้องมีจิตวิญญาณแน่นอน! นี่ฝาน เจ้าไม่มีทางทำสำเร็จแน่!!” เสียงนี้ดังก้องอยู่ในห้วงจักรวาลเนิ่นนานไม่จางหาย
สีหน้านี่ฝานเป็นปกติ เขายืนหลับตาอยู่ตรงนั้น และบัดนี้ปราณของเขาก็ไต่ทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว และเมื่อเสียงอึกทึกดังก้องไม่จางหาย ลูกทรงกลมทั้งหมดที่อยู่รอบโลกแห่งเซียนก็ระเบิดแตก แผ่นดินเก้าชั้นฟ้าของโลกแห่งเซียนที่มีขนาดกว้างใหญ่มโหฬารกลายมาเป็นเพียงซากปรักหักพัง สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่อยู่บนนั้นล้วนมอดม้วยกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของเงาปีศาจ…
เมื่อมาถึงเวลานี้ ปราณบนร่างของนี่ฝานก็ได้แข็งแกร่งจนเกินคำบรรยายแล้ว ครั้นแล้วเขาจึงลืมตาขึ้นมาช้าๆ เมื่อหมุนตัวกลับก็นำพากองทัพเงาปีศาจกองใหญ่โอฬารด้านหลังเริ่มการเดินทางแห่งการทำลายล้างโลกของเขา!
และวินาทีนี้เองที่ภาพเหตุการณ์ทั้งหมดจางหายไป จิตสำนึกของป๋ายเสี่ยวฉุนกลับคืนมาเป็นของตัวเองอีกครั้ง ดวงตาทั้งคู่ของเขาพลันเบิกโพลง โชคชะตาอีกไม่กี่ส่วนสุดท้ายที่อยู่ในหัวกะโหลกผู้บงการเบื้องหน้าล้วนพากันบินออกมาแล้วมุดหายเข้าไปในร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนจนหมด
ขณะเดียวกันหัวกะโหลกผู้บงการนี้ก็คล้ายจะทำตามปรารถนาสุดท้ายได้สำเร็จ จึงค่อยๆ สลายเป็นฝุ่นผงต่อหน้าป๋ายเสี่ยวฉุน แล้วจึงปลิวปรายหายไปท่ามกลางซากปรักหักพังของโลกแห่งเซียน ราวกับว่าต่อให้มาถึงตอนนี้ เต้าเฉินก็ยังคงต้องการฝังร่างของตัวเองไว้กับโลกแห่งเซียน
ป๋ายเสี่ยวฉุนยืนอยู่ตรงนั้นเงียบๆ มองเถ้าธุลีที่ปลิวปรายจมหายไปกับกองฝุ่น จากความทรงจำของเต้าเฉินเซียนจุนทำให้เขาเข้าใจประสบการณ์ในอดีตของอีกฝ่ายอย่างลึกซึ้ง และตอนนี้เขาก็ยิ่งเข้าใจด้วยว่า…ดินแดนเซียนนิรันดร์กาล ก็คือดอกไม้แห่งนิรันดร์กาล แล้วก็เข้าใจว่ายักษ์ที่ถูกผนึกอยู่นอกดินแดนเซียนนิรันดร์กาลคือใคร
“นี่ฝาน…” ป๋ายเสี่ยวฉุนพึมพำ ในสมองของเขาสามารถนำเรื่องราวมากมายมาเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ต่อให้จะขาดไปบางส่วน แต่จากการอนุมานและการคาดเดาก็พอจะผสานเรื่องได้อย่างสมบูรณ์แบบถึงแปดส่วนขึ้นไป
เห็นได้ชัดว่าหลังจากที่นี่ฝานสังหารน้องชายและผู้หญิงที่ตัวเองรักไป เขาก็ได้ทำลายโลกแห่งเซียนทิ้ง จากนั้นจึงพากองทัพเงาปีศาจเดินทางทำลายล้างทุกอย่างไปตลอดทาง…
จนกระทั่งสุดท้ายเขาได้ฆ่าล้างทุกชนเผ่า ทำลายทุกโลกที่มีอยู่ในห้วงจักรวาล ทำให้ห้วงจักรวาลแห่งนี้เปลี่ยนมาเป็นมืดมนอย่างที่เขาเคยพูดไว้ เพราะในตำนานกล่าวไว้ว่า มีเพียงทุกอย่างในห้วงจักรวาลถูกทำลายสิ้น และห้วงจักรวาลแห่งนี้จมอยู่กับความตายที่เปลี่ยวร้างแล้วเท่านั้น ถึงจะมีดอกไม้ที่เรียกว่าดอกไม้แห่งนิรันดร์กาลดอกหนึ่งผลิบานตรงใจกลางของห้วงเอกภพแห่งนี้
และในตำนานก็บอกไว้ว่า ดอกไม้แห่งนิรันดร์กาลคือหนทางเดียวที่จะทำให้นักพรตฝ่าทะลุขอบเขตผู้บงการ ก้าวเข้าสู่ขอบเขตนิรันดร์กาล…ซึ่งมีอยู่เพียงแค่ในตำนานเช่นเดียวกัน!
ซึ่งนี่ฝานก็เกือบจะทำได้สำเร็จแล้ว
เขาทำให้ห้วงจักรวาลแห่งนี้เปลี่ยนมาเป็นมืดมน เขาทำลายทุกสรรพสิ่งจนสิ้นซาก ทำให้ห้วงจักรวาลเปลี่ยวร้างได้อย่างแท้จริง อีกทั้งเขาก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว่าตำนานคือเรื่องจริง เพราะเขาได้เห็นดอกไม้แห่งนิรันดร์กาลผลิบานกับตาของตัวเอง!
หากมือทั้งสองข้างที่ยกขึ้นของนี่ฝานร่างมโหฬารนอกดินแดนเซียนนิรันดร์กาลร่วงลงมา และเมื่อดอกไม้แห่งนิรันดร์กาลพังทลายแล้วผสานรวมเข้าสู่ร่างของเขา เขาก็ต้องกลายเป็นนิรันดร์กาลได้สำเร็จแน่นอน
เพียงแต่…เห็นได้ชัดว่ามีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้น!
“อุบัติเหตุที่ว่านี้ น่าจะเป็น…สิ่งที่เต้าเฉินเทียนจุนกล่าวไว้ นิรันดร์กาลมีจิตวิญญาณ!” ป๋ายเสี่ยวฉุนพูดเสียงเบา หวนนึกไปถึงตำนานเกี่ยวกับบุตรทั้งสามท่านของมารดาแห่งนิรันดร์กาลที่เล่าลืออยู่ในดินแดนเซียนนิรันดร์กาล หวนนึกไปถึงตอนที่ตนเลื่อนเป็นเทียนจุนแล้วข้างหูเหมือนมีเสียงพึมพำของมารดาแห่งนิรันดร์กาลดังขึ้นมาดั่งเสียงที่มารดาเอ่ยกับบุตร
“ถ้าเช่นนั้นก็พอจะอนุมานเรื่องจริงออกมาได้แล้ว ชั่วขณะที่นี่ฝานยกมือทั้งคู่ขึ้นเพื่อผสานรวมกับดอกไม้แห่งนิรันดร์กาล จิตวิญญาณแห่งนิรันดร์กาล ซึ่งก็คือมารดาแห่งนิรันดร์กาล นางไม่ต้องการผสานรวมกับเขา ดังนั้นจึงแยกร่างแบ่งจิตวิญญาณของตนออกเป็นสามส่วน กลายมาเป็น…บุตรแห่งนิรันดร์กาลสามท่านได้แก่ขุย เซิ่งและแส!”
“บุตรแห่งนิรันดร์กาลทั้งสามท่านต่อสู้กับนี่ฝาน ทั้งยังได้รับความช่วยเหลือจากมารดาแห่งนิรันดร์กาล สุดท้ายจึงต้องจ่ายด้วยค่าตอบแทนมหาศาล แม้ว่าจะคลี่คลายวิกฤตได้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่ก็ทำได้เพียงปิดผนึกนี่ฝานเอาไว้เท่านั้น”
“ถ้าอย่างนั้นก็ยังมีปัญหาอีกข้อหนึ่ง นั่นคือพวกผู้คนที่อยู่ในดินแดนเซียนนิรันดร์กาลถือกำเนิดขึ้นมาได้อย่างไร…” ป๋ายเสี่ยวฉุนหลับตาลง เนิ่นนานต่อมาเมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง ในสมองของเขาก็มีการคาดเดาอย่างหนึ่ง
“เพื่อคลี่คลายวิกฤตนี้ในอนาคต มารดาแห่งนิรันดร์กาลจึงเลือกที่จะให้บุตรแห่งนิรันดร์กาลทั้งสามท่านกลายร่างเป็นรูปปั้น แล้วแบ่งอำนาจจิตของนางเข้าไปสร้างโลกในร่างกายของบุตรทั้งสาม ให้กำเนิดสรรพชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วน นางหวังว่าหลายปีหลังจากนั้น ก่อนหน้าที่ผนึกของนี่ฝานจะคลายออก สุดท้ายแล้วจะมีคนที่ได้เลื่อนสู่ขอบเขตนิรันดร์กาลและเป็นผู้คลี่คลายหายนะครั้งนี้!”
“นี่คือวิธีเดียวที่นางพอจะทำได้!” ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่รู้ว่าการคาดเดาสุดท้ายนี้ของตนจะเป็นจริงสักกี่ส่วน ทว่าเมื่อเขาได้เบาะแสเหล่านี้มาก็พอจะคาดเดาความเป็นไปได้ที่มากที่สุดออกมาได้แล้ว
ท่ามกลางความเงียบงัน ป๋ายเสี่ยวฉุนถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะยกมือขึ้นกุมกันแล้วโค้งตัวคารวะต่ำๆ ให้แก่เถ้าธุลีที่แหลกสลายจากหัวกะโหลกของเต้าเฉินเซียนจุนซึ่งปลิวหายไปในซากปรักหักพังของโลกแห่งเซียน จากนั้นถึงกลับมาบนพัดวิเศษ
วิญญาณวัตถุน้อยทำท่าจะพูดแต่ก็ไม่พูดออกมา ท่ามกลางความเงียบงัน มันได้แต่เหม่อมองเถ้าธุลีที่สลายจากหัวกะโหลกของเต้าเฉินเซียนจุนด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความเจ็บปวดเศร้าอาดูร
“เจ้าอยากรู้ความทรงจำเกี่ยวกับเต้าเฉินเซียนจุนหรือไม่ ข้าสามารถบอกแก่เจ้าได้” ป๋ายเสี่ยวฉุนหันมามองวิญญาณวัตถุน้อยแล้วเอ่ยขึ้นเบาๆ
“ไม่จำเป็นหรอก เรื่องพวกนั้นล้วนเป็นอดีตไปแล้ว” วิญญาณวัตถุน้อยส่ายหน้าแล้วก็ไม่พูดอะไรอีก
ป๋ายเสี่ยวฉุนมองวิญญาณวัตถุน้อยนิ่งนาน ก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ หลังจากนั่งลงขัดสมาธิ เขาก็เริ่มรับสัมผัสกับชะตาชีวิตเสี้ยวสุดท้ายของโลกแห่งเซียนที่ไหลเวียนอยู่ในร่าง สูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง ตบะเคลื่อนโคจร ครั้นแล้วจึงเริ่มทดลอง…ฝ่าสู่ขอบเขตบุพกาล!!
ท่ามกลางห้วงจักรวาลที่ไม่มีผู้บงการเหลืออยู่นี้ ขอบเขตบุพกาลจึงถือเป็นขอบเขตสุดท้ายสูงสุดที่นักพรตสามารถเดินไปถึง และระดับความยากของมันก็เป็นเหตุให้ทั่วทั้งดินแดนเซียนนิรันดร์กาลในทุกวันนี้มีบุพกาลอยู่เพียงแค่สองท่านเท่านั้น
นี่คือขอบเขตที่เทียนจุนทุกคนปรารถนาแม้ในยามหลับฝัน แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่สามารถเอื้อมถึง!
เมื่อก่อนป๋ายเสี่ยวฉุนไม่เข้าใจ ทว่าตอนนี้เขาเข้าใจอย่างแจ่มชัดแล้ว หากคิดจะเป็นบุพกาล ไม่เพียงแต่ตนต้องแข็งแกร่งมากพอ ยังจำเป็นต้องได้รับการยอมรับจากโลกใบนี้อีกด้วย!
หากไม่มีการยอมรับก็จะไม่สามารถเลื่อนขั้นได้สำเร็จ และการที่บนดินแดนเซียนนิรันดร์กาลไม่มีบุพกาลคนที่สาม เรื่องนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนก็พอจะเดาคำตอบได้แล้ว
“มารดาแห่งนิรันดร์กาลอ่อนแอเกินไป การยอมรับที่ว่านี้น่าจะจำเป็นต้องให้นางแบ่งพลังส่วนหนึ่งของตัวเองออกมา ซึ่งก็คือชะตาชีวิต…และเห็นได้ชัดว่าตอนนี้มารดาแห่งนิรันดร์กาลอ่อนกำลังลงมากแล้ว พลังชีวิตของนางแห้งขอดเต็มทีจนไม่อาจประคับประคองให้มีบุพกาลได้ถึงสามท่าน! บางทีอาจไม่ใช่สามคน แต่ได้แค่สองคนเท่านั้น!” ดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นประกายวาบ ขณะที่เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง เมื่อตบะเคลื่อนโคจร เมื่อชะตาชีวิตเสี้ยวสุดท้ายของโลกแห่งเซียนผสานรวมเข้ามาในร่าง บนกายเขาก็เริ่มมีสัญญาณของการฝ่าทะลุขอบเขตปรากฏขึ้น!
จะอย่างไรซะที่นี่ก็คือโลกแห่งเซียน มันเคยเป็นสถานที่ที่มีชนเผ่าที่แข็งแกร่งที่สุดและกองกำลังที่ใหญ่ที่สุดของห้วงจักรวาลอยู่อาศัย ต่อให้ตอนนี้จะพังทลายกลายเป็นซากปรักหักพัง หลงเหลืออยู่เพียงแค่โชคชะตาเสี้ยวสุดท้าย ทว่าเพียงแค่เสี้ยวนี้…ก็มากพอจะทำให้คนคนหนึ่งกลายเป็นบุพกาลได้สำเร็จ!!