บทที่ 1248 เก็บราชินีเซียน
“แต่จะอย่างไรซะ… โลกแห่งเซียนก็ได้มอบโชคชะตาเสี้ยวสุดท้ายให้แก่ข้า”
“อีกอย่างพี่ใหญ่เต้าเฉินก็มีบุญคุณกับข้ามาก ในอดีตภรรยาของเขาต้องตายอนาถ ตามเหตุตามผลแล้ว ข้าไม่ควรที่จะลงมือกับนาง” ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ใช่คนที่ไร้คุณธรรมน้ำมิตร แม้ว่าจะถูกแม่เฒ่าผีไล่ฆ่าอยู่หลายต่อหลายครั้ง โดยเฉพาะครั้งนี้ที่อีกฝ่ายมาดักรอหมายสังหารตน จนไปกระตุ้นปณิธานการต่อสู้ของป๋ายเสี่ยวฉุนให้พลุ่งพล่าน ทว่าท้ายที่สุดแล้วเขาก็ยังสำนึกรู้ในบุญคุณ
เขาจึงสูดลมหายใจเข้าลึก ข่มกลั้นปณิธานในการต่อสู้ลงไป แผ่อำนาจจิตควบคุมให้ทาสบุพกาลทั้งสองหยุดชะงัก ทั้งยังสยบแสงแห่งบุพกาลหลายสิบเส้นเอาไว้ ทำให้พวกมันหยุดรออยู่นอกพื้นที่ และลึกๆ ในใจป๋ายเสี่ยวฉุนก็กำลังใคร่ครวญว่า จะมีวิธีการใดมาคลี่คลายการไล่ฆ่าของอีกฝ่ายหรือไม่
ทว่าวินาทีที่ความคิดนี้ของป๋ายเสี่ยวฉุนผุดขึ้นมานั้นเอง ท่ามกลางพื้นที่ว่างเปล่าที่บิดเบือน เสียงร้องคำรามที่ราวกับจะสะเทือนห้วงจักรวาลให้แหลกยับของแม่เฒ่าผี ก็ดังก้องกังวานไปสี่ทิศ
และเงาร่างของแม่เฒ่าผีที่อยู่กลางพื้นที่ ซึ่งอบอวลไปด้วยแรงดึงดูดของเวลา ก็บิดเบือนตามไปด้วย เดี๋ยวๆ ก็ชัดเจน เดี๋ยวๆ ก็พร่าเลือน จากนั้นร่างของนางก็ถูกลากยาว คล้ายกำลังดิ้นรนอย่างรุนแรง เพื่อจะพุ่งเข้าใส่ป๋ายเสี่ยวฉุนให้ได้!
ความเร็วนั้นมีมากจนมาอยู่ห่างพัดวิเศษไปร้อยจั้งในเวลาเพียงแค่ชั่วพริบตา แต่ดูเหมือนว่าตรงจุดนี้จะเป็นขีดจำกัดสูงสุดของนางแล้ว เพราะเรือนกายที่ถูกดึงให้ยืดยาวของแม่เฒ่าผีไม่สามารถขยับมาข้างหน้าได้อีก มองไกลๆ ร่างของนางคล้ายเส้นก๋วยเตี๋ยวยาวๆ อย่างไรอย่างนั้น
ภาพนี้ทำเอาป๋ายเสี่ยวฉุนผงะตกใจ หลังจากสัมผัสได้ว่าแม่เฒ่าผีไม่สามารถกระโจนออกมาได้ในเวลาสั้นๆ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็กระแอมหนึ่งที ก่อนจะเดินขยับไปยืนอยู่ริมขอบของพัดวิเศษ แล้วกุมมือคารวะแม่เฒ่าผีก่อนหนึ่งครั้ง
“ผู้อาวุโสราชินีเซียน ข้าผู้น้อยป๋ายเสี่ยวฉุนได้รับการสืบทอดเต๋าจากพี่ใหญ่เต้าเฉิน ได้รับโชคชะตาสุดท้ายของโลกแห่งเซียน ก่อนหน้านี้ที่เคยล่วงเกินท่านไป หากท่านผู้อาวุโสราชินีเซียนคิดว่ามีสิ่งใดที่ผู้น้อยพอจะทำได้ ผู้น้อยก็ยินดีทำเพื่อชดเชยความผิด”
ท่าทางของป๋ายเสี่ยวฉุนเต็มไปด้วยความจริงใจ พอกล่าวจบก็ก้มหัวคารวะอีกครั้ง
ทว่าสิ่งที่ตอบเขากลับมากลับเป็นเสียงแผดคำรามที่รวดร้าวยิ่งกว่าเดิมของแม่เฒ่าผี เพียงแต่ว่าในเสียงคำรามของอีกฝ่ายครั้งนี้ กลับมาพร้อมเสียงมาดร้ายที่ดังก้องในจิตวิญญาณของป๋ายเสี่ยวฉุน
“ข้าต้องการ… วิญญาณของเจ้า!”
น้ำเสียงของแม่เฒ่าผีเหี้ยมเกรียมอย่างถึงที่สุด ทั้งยังมีไอสังหารรุนแรง เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้ที่นางไล่ฆ่าป๋ายเสี่ยวฉุน หาใช่เพราะเรื่องที่ป๋ายเสี่ยวฉุนช่วงชิงผู้ใต้บังคับบัญชาส่วนหนึ่งของนางไป แต่เป็นเพราะวิญญาณของป๋ายเสี่ยวฉุนมีความพิเศษบางอย่าง ที่ทำให้แม่เฒ่าผีเกิดความละโมบ จึงต้องการจะกลืนกินวิญญาณของเขา
พอได้ยินคำพูดของแม่เฒ่าผี ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ฉายแสงคมกริบ เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง เขาก็สะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งครั้ง ดวงตาจ้องนิ่งไปยังแม่เฒ่าผีที่ยังดิ้นรนพลางเอ่ยเสียงเรียบ
“หากผู้น้อยไม่มอบดวงวิญญาณให้ท่าน ท่านผู้อาวุโสก็จะตามไล่ฆ่าข้าไม่เลิกแบบนี้ ต่อไปใช่หรือไม่?”
ครั้งนี้คำตอบรับจากแม่เฒ่าผีคือ เสียงร้องคำรามท่ามกลางการดิ้นรนรุนแรง ทำเอาพื้นที่แห่งกาลเวลาของป๋ายเสี่ยวฉุนปริแตก ราวกับว่าอีกไม่นานแม่เฒ่าผีผู้นี้ก็จะหลุดออกมาได้
“เต้าเฉินเซียนจุน ข้าผู้น้อยแสดงน้ำใจอย่างเต็มที่แล้ว ราชินีของท่านเองก็ตายไปนานแล้ว วิญญาณของนางที่หลงเหลืออยู่ในวันนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป คงต้องล่วงเกินแล้ว!”
ป๋ายเสี่ยวฉุนสะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งครั้ง ไม่เหลือความลังเลใดๆ อีก ตอนที่เดินออกมาหนึ่งก้าว อำนาจจิตของเขาก็แผ่ออกไป ทันใดนั้นทาสบุพกาลสองท่านที่เฝ้าอยู่ท่ามกลางห้วงจักรวาลนอกพื้นที่บิดเบือนก็พลันลงมือ พลังการต่อสู้ของบุพกาลระเบิดเทียมฟ้า ก่อตัวกลายมาเป็นพายุสองลูกที่ซัดครืนครั่น
เสียงตูมตามดังสะเทือนไปทั้งฟ้าดิน แสงบุพกาลหลายสิบเส้นที่ป๋ายเสี่ยวฉุนสยบไว้ก่อนหน้านี้ระเบิดออกพร้อมกัน แสงเจิดจ้าส่องสว่างพร่างพราว ครั้นแล้วก็พร้อมใจกับทาสบุพกาลทั้งสองตรงเข้าจู่โจมแม่เฒ่าผี
ความเร็วนั้นก่อให้เกิดเสียงกัมปนาทสะเทือนฟ้า แทบจะวินาทีเดียวกับที่แม่เฒ่าสลัดหลุดออกมาได้ วิชาอภินิหารของทาสบุพกาล ความเฉียบคมของแสงแห่งบุพกาล ก็พุ่งเข้าทะลวงร่างแม่เฒ่าผีที่หลุดจากกับดักในทันที!
ตอนที่มองไป ร่างของแม่เฒ่าผีระเบิดแหลก ถูกแทงทะลวงเป็นรูโหว่หลายสิบรู ขณะเดียวกันพายุที่มาจากทาสบุพกาลก็พัดให้ร่างของนางแหลกทลาย!
เพียงแต่ว่าเวลาเดียวกันกับที่ร่างของแม่เฒ่าผีแหลกสลาย เปลวเพลิงสีดำกองหนึ่งได้ระเบิดออกมาจากในร่างของนาง แล้วซัดตะลุยไปสี่ทิศ ในทะเลเพลิงสีดำนั้นมีเงาร่างของราชินีเซียนจำแลงขึ้นมาอีกครั้ง ความเดือดดาลและความบ้าคลั่งอย่างไร้ที่สิ้นสุดของนางแผ่กำจาย ใบหน้าที่งดงามของนางบิดเบี้ยว ปากก็แผดเสียงร้องแหลมดัง
เสียงคำรามนี้ก่อเกิดเป็นริ้วคลื่นที่แผ่ไปสี่ทิศ
ขณะเดียวกันก็หอบเอาทะเลเพลิงสีดำที่อยู่รอบกายนางให้ซัดตะลุยไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังก่อตัวขึ้นเป็นหัวกะโหลกผี เปลวเพลิงขนาดใหญ่ยักษ์ที่อ้าปากกระโจนเข้ามา หมายเขมือบกลืนป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยพลังอำนาจพลิกภูเขาคว่ำมหาสมุทร
ป๋ายเสี่ยวฉุนส่ายหน้า พลังอำนาจของราชินีเซียนผู้นี้อาจดูน่าตะลึง
อีกทั้งตอนที่ป๋ายเสี่ยวฉุนยังไม่เลื่อนเป็นบุพกาลก็ถือเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่หลวงสำหรับป๋ายเสี่ยวฉุน เจอหน้ากันเมื่อไหร่เขาก็ได้แต่หันหัวกลับแล้วเผ่นหนี
ทว่าในความรู้สึกของป๋ายเสี่ยวฉุนตอนนี้ พลังอำนาจของอีกฝ่ายมองดูเหมือนน่าครั่นคร้าม แต่แท้จริงแล้วกลับอ่อนด้อยจนไม่มีค่าพอให้พูดถึง
“เจ้าไปซะเถอะ ข้าจะให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย!”
ป๋ายเสี่ยวฉุนเพิ่งพูดจบ ราชินีเซียนไม่เพียงแต่ไม่ถอยหนี กลับยิ่งใช้ทะเลเพลิงมาสร้างเป็นใบหน้าผีจำนวนมากกว่าเดิม กระโจนเข้ามาใกล้เสียงดังครืนครั่น
สายตาของป๋ายเสี่ยวฉุนยิ่งเย็นชา เขาไม่ได้ลงมือเองด้วยซ้ำ เพียงแค่ยืนอยู่บนพัดวิเศษ ปล่อยอำนาจจิตออกไป เรือลำน้อยที่อยู่บนหน้าพัดวิเศษก็หายวับไปในพริบตา พอปรากฏตัวอีกครั้งก็มาอยู่กลางห้วงจักรวาล กลายร่างเป็นรุ้งยาวเส้นหนึ่งที่ล้อมวนกวาดตะลุยไปรอบพัดวิเศษเสียงดังตูมตาม ใบหน้าผีเปลวเพลิงทั้งหมดพังทลาย ความเร็วของเรือลำนี้มีมากเกินไป ผ่านที่ใดเปลวเพลิงก็วูบดับ และพอล้อมวนอยู่รอบพัดได้สองสามรอบมันก็ทะยานเข้าหาราชินีเซียน
ความเคียดแค้นในดวงตาของราชินีเซียนยิ่งเข้มข้น เสียงกรีดแหลมที่ดังออกมาจากปากของนางทำให้ในร่างของนางมีโคมสีขาวจำนวนมากจำแลงขึ้นมา ก่อนที่โคมเหล่านี้จะกระจายตัวออกไปปกคลุมแปดทิศ แล้วก็ส่งอิทธิพลต่อกฎเกณฑ์ของห้วงจักรวาล จึงทำให้ทุกอย่างกลายมาเป็นกระดาษอย่างรวดเร็ว!!
แม้แต่ทาสบุพกาลทั้งสองท่านก็ยังเป็นเช่นนี้ ต่อให้เป็นเรือลำนั้นที่แม้จะไม่ได้กลายเป็นกระดาษ ทว่าความเร็วของมันก็ลดน้อยลง เป็นเหตุให้ราชินีเซียนแค่ขยับตัววูบเดียวก็ตรงดิ่งเข้าหาพัดวิเศษ สายตาของนางเต็มไปด้วยแววละโมบ มือขวาของนางที่ยกขึ้นกลายมาเป็นกรงเล็บผีซึ่งตรงเข้าคว้าป๋ายเสี่ยวฉุน
“พอได้แล้ว!”
ป๋ายเสี่ยวฉุนถลึงตาใส่อีกฝ่าย เขาอดทนข่มกลั้นมานานมากแล้ว ตอนนี้ความอดทนนั้นไม่มีเหลือ จะอย่างไรซะเขาก็ไม่ใช่เต้าเฉินเซียนจุน อีกทั้งเมื่อเผชิญกับเรื่องครั้งนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็วิเคราะห์ได้แล้วว่า ในร่างของตนไม่เหลือดวงจิตที่ยึดมั่นของเต้าเฉินอีกต่อไป หาไม่แล้วเกรงว่าเขาคงได้รับผลกระทบทางอารมณ์จากอีกฝ่ายนานแล้ว
ด้านหนึ่งก็เพราะทดสอบกับตัวเองจนมั่นใจ อีกด้านหนึ่งก็มองการณ์จนทะลุปรุโปร่ง ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ต้องการตอบแทนคุณคนด้วยการเนรคุณ ทว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเวลานี้ ไม่อาจทำให้เขานิ่งเฉยไม่ตอบโต้ได้อีกแล้ว
พอคิดมาถึงตรงนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ตัดสินใจได้อย่างเฉียบขาด วินาทีที่ราชินีเซียนกระโจนเข้ามาอย่างคลั่งแค้น ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงเดินออกไปหนึ่งก้าว ความเร็วของเขามีมากจนทะลวงผ่านร่างของแม่เฒ่าผีไปโดยตรง เมื่อปรากฏตัวอีกครั้งก็มาอยู่ด้านหลังของอีกฝ่ายแล้ว สีหน้าของเขายังคงเป็นปกติ ครั้นแล้วจึงยกมือขวาขึ้นกดลงไปบนร่างราชินีเซียนที่ยังคงร้องคำรามเบาๆ
การกดลงมาครั้งนี้ มือของป๋ายเสี่ยวฉุนเหมือนกลายมาเป็นน้ำวนขนาดใหญ่ยักษ์ในทันที น้ำวนลูกนี้หมุนโคจรดังครืนครั่น และวิญญาณของราชินีเซียนก็ถูกใจกลางฝ่ามือของป๋ายเสี่ยวฉุนดึงดูดเข้าหา อย่างที่นางไม่อาจควบคุมตัวเองได้ และร่างกายของนางก็หดเล็กลงจากขนาดใหญ่โตมโหฬารอย่างรวดเร็ว ราชินีเซียนที่พยายามขัดขืนแผดเสียงร้องแหลมดัง ทว่ากลับไม่ช่วยอะไร ท่ามกลางความนิ่งเฉยของป๋ายเสี่ยวฉุน พลานุภาพสยบที่เกิดจากตบะบุพกาลของเขา มากพอจะข่มขวัญซากวิญญาณของราชินีเซียนได้!
แต่จะอย่างไรซะ… นี่ก็คือซากวิญญาณของราชินีเซียน ท่ามกลางการดิ้นรนที่เหมือนจะไร้ประโยชน์นี้ ร่างของราชินีเซียนกลับแหลกสลายลงด้วยตัวเอง แล้วกลายมาเป็นวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนที่แผ่กระจายออกไปรอบด้าน
วิญญาณเหล่านั้นมีจำนวนมากมายจนน่าจะใช้หลักหมื่นล้านมาคำนวณได้ มองไปมืดฟ้ามัวดินเบียดเสียดกันแน่นขนัด บางส่วนก็หันกลับมาเขมือบกลืนป๋ายเสี่ยวฉุน แต่บางส่วนเผ่นกระเจิงไปรอบด้าน เพียงแค่ชั่วพริบตาก็แยกไม่ออกว่าวิญญาณไหนเป็นวิญญาณไหน และวิญญาณของราชินีเซียนก็เหมือนจะซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรวิญญาณผืนนี้!
ป๋ายเสี่ยวฉุนขมวดคิ้วน้อยๆ เขารู้ดีว่าหากปล่อยให้ราชินีเซียนหนีไปได้ วันหน้าเกรงว่านางคงยังตามตื๊อไม่เลิกรา และหากอีกฝ่ายไปพบเจอดินแดนเซียนนิรันดร์กาลเข้า แม้เขาจะไม่กลัว แต่ก็อีกฝ่ายก็ย่อมต้องสร้างปัญหาให้วุ่นวายใจ
ป๋ายเสี่ยวฉุนส่ายหน้าเบาๆ แล้วพลันหลับตาลง เมื่อดวงตาทั้งคู่ของเขาลืมขึ้นอีกครั้ง ปราณขุมหนึ่งที่แตกต่างจากของเขาอย่างสิ้นเชิงก็พลันระเบิดปะทุ พลังอำนาจนี้เต็มไปด้วยความสุขุมเยือกเย็น เต็มไปด้วยบารมีของผู้ที่อยู่เหนือสุด ซึ่งนี่ก็คือ… ปราณของเต้าเฉิน!
วิญญาณวัตถุน้อยตัวสั่นสะท้าน ขณะเดียวกันในบรรดาวิญญาณมากมายก็มีวิญญาณอยู่ดวงหนึ่งที่พลันหยุดชะงัก หันกลับมามองป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยอาการตัวสั่น และนั่นทำให้อำนาจจิตของป๋ายเสี่ยวฉุนพุ่งไปหาวิญญาณดวงนั้นทันที!
นี่คือวิญญาณของหญิงสาวผู้หนึ่ง มองดูแล้วหน้าตาของนางธรรมดาอย่างมาก เพียงแต่ว่าตรงหว่างคิ้วมีจุดดำๆ อยู่จุดหนึ่ง วินาทีที่มันหันมามองป๋ายเสี่ยวฉุน ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนก็หายวับไป พอปรากฏตัวอีกครั้งก็มาอยู่ตรงหน้าวิญญาณผู้หญิงดวงนี้ แล้วจากนั้นเขาก็ยกมือขวาขึ้นโบกหนึ่งครั้ง ดวงวิญญาณของหญิงสาวก็ถูกเก็บเข้ามาไว้ในถุงเก็บของของเขา
เขามั่นใจว่า วิญญาณดวงนี้ก็คือ… ราชินีเซียน!
ไม่ได้ทำร้ายอีกฝ่าย แต่พอเก็บอีกฝ่ายมาไว้เรียบร้อยแล้ว ป๋ายเสี่ยวฉุนถึงกวาดสายตามองไปยังมหาสมุทรวิญญาณ ที่อยู่รอบด้านด้วยประกายตาประหลาด
“ข้าไม่อาจทำร้ายราชินีเซียนได้ แต่ว่าวิญญาณพวกนี้ ช่วยในการหลอมไฟของข้าได้มาก ถือว่าเป็นกำไรก็แล้วกัน”
ป๋ายเสี่ยวฉุนกระแอมแห้งๆ ดวงตาทั้งคู่โชนแสงลุกเรือง ครั้นแล้วก็สาดยารวมวิญญาณกำใหญ่ออกไปเก็บวิญญาณที่อยู่ในห้วงจักรวาลมาอย่างบ้าคลั่ง