บทที่ 1272 ตามหามารดาแห่งนิรันดร์กาล
วินาทีที่จักรพรรดิเซิ่งเอ่ยออกมา ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ได้กระโดดผลุงขึ้นฟ้ามาเผยกายอยู่กลางอากาศ หยุดอยู่ข้างกายจักรพรรดิเซิ่งแล้ว ทั้งยังยกมือขวาขึ้นโบกสร้างปราการไร้รูปลักษณ์ชั้นหนึ่งปกคลุมคนทั้งสองไว้ภายใน เป็นเหตุให้เสียงและอำนาจจิตของพวกเขาไม่ดังออกไป โดยที่ใครก็สัมผัสไม่ถึง
ที่ทำอย่างนี้ก็เพราะการวิเคราะห์ของป๋ายเสี่ยวฉุนก่อนหน้าก็คล้ายคลึงกับคำบอกของจักรพรรดิเซิ่งเหมือนกัน นี่ทำให้คนทั้งสองใจสั่น เรื่องนี้สร้างผลกระทบที่ยิ่งใหญ่เกินไป
และหากมันเป็นจริง ถ้าเช่นนั้นเกรงว่าไม่ต้องรอถึงสามสิบปี ผู้บงการนี่ฝานที่อยู่บนท้องฟ้าก็คงสามารถคลายตราผนึกแล้วฟื้นตื่นขึ้นมาได้ สาเหตุก็เพราะสิ่งที่ประคับประคองพลังตราผนึกเอาไว้ นอกจากสายเลือดแล้ว ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ การเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ในดินแดนเซียนนิรันดร์กาลที่มาจากมารดาแห่งนิรันดร์กาล ก็เหมือนก่อนหน้านี้ที่พอเรือนกายแท้จริงของจักรพรรดิแสตัวปลอม
ซึ่งถูกป๋ายเสี่ยวฉุนถลกหนังคนออกเผยกายในฟ้าดินก็เกิดบิดเบือนและแห้งเหี่ยวลงไป นั่นก็คือกฎเกณฑ์อย่างหนึ่งของโลกนิรันดร์กาล ซึ่งหากว่ากันในบางระดับแล้วก็ถือเป็นการปกป้องชั้นหนึ่งที่มีต่อดินแดนเซียนนิรันดร์กาล
ทว่าตอนนี้เมื่อเสี่ยวเสี่ยวไม่ได้รับการยอมรับ ปัญหานี้จึงสร้างความหวาดกลัวพรั่นพรึงขึ้นในใจของจักรพรรดิเซิ่ง ยามนี้เมื่อหันมามองป๋ายเสี่ยวฉุน ลมหายใจของเขาหอบหนัก สายตาปิดความกังวลเอาไว้ไม่มิด
“ต้องเกิดปัญหากับมารดาแห่งนิรันดร์กาลแน่นอน!”
“หาไม่แล้ว เหตุใดทั้งๆ ที่ตบะของเสี่ยวเสี่ยวมีการฝ่าทะลุ อีกทั้งยังไม่เจอกับทัณฑ์สวรรค์ แต่นางกลับไม่ได้รับการยอมรับจากมารดาแห่งนิรันดร์กาล!”
“เรื่องแบบนี้ไม่เคยปรากฏมาก่อน อันที่จริงเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ข้าก็เริ่มพยายามเรียกหามารดาแห่งนิรันดร์กาลแล้ว ซึ่งหากเป็นเมื่อก่อนจะต้องสัมผัสได้ถึงการดำรงอยู่ของนางมาโดยตลอด ทว่าหนึ่งเดือนมานี้กลับสัมผัสไม่ได้ถึงอะไรสักอย่าง ราวกับว่า… จิตสำนึกเสี้ยวสุดท้ายของมารดาแห่งนิรันดร์กาล ตกอยู่ท่ามกลางภาวะหลับสนิทไปตลอดกาลอย่างไรอย่างนั้น!”
“คิดๆ ดูแล้วเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับจักรพรรดิแสแล้วก็ผู้บงการนอกฟ้าอยู่มาก ข้าสงสัยว่านี่ก็คือส่วนหนึ่งของแผนการพวกเขาที่เคยวางเอาไว้!”
จักรพรรดิเซิ่งบอกถึงการคาดเดาและความเป็นกังวลของตัวเองออกมารวดเดียว
ป๋ายเสี่ยวฉุนเงียบงันไม่พูดไม่จา เขาก้มหน้าลงมองผู้คนที่อยู่ในวังด้านล่าง พวกเขาแต่ละคนก็กำลังเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าด้วยสีหน้าร้อนรนเหมือนกัน ทั้งหมดนี้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนต้องถอนหายใจเบาๆ เขารู้ดีว่าตนคงปิดบังเรื่องนี้ไว้ได้อีกไม่นานแล้ว
“ด้านนอกมีหายนะจากยักษ์ผู้บงการที่กำลังจะฟื้นตื่น ภายในมีวิกฤตของมารดาแห่งนิรันดร์กาลที่หลับสนิท จักรพรรดิขุย ไม่ว่าก่อนหน้านี้พวกเราจะมีความขัดแย้งกันหรือไม่ แต่ตอนนี้สิ่งที่รออยู่ตรงหน้าพวกเรามีเพียงการร่วมมือกันอย่างเต็มที่เท่านั้น!”
“เมื่อพวกเราร่วมมือกัน หากมีใครคนใดคนหนึ่งได้เป็นผู้บงการ ถ้าเช่นนั้นบางทีพวกเราอาจจะมีโอกาสรอดจากหายนะครั้งนี้ และรักษาเมล็ดพันธ์ของดินแดนเซียนนิรันดร์กาลเอาไว้ได้…”
จักรพรรดิเซิ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงขมขื่น นั่นเป็นเพราะว่าช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ หากเทียบกับการอยู่เคียงข้างคนในครอบครัวของป๋ายเสี่ยวฉุนแล้ว จักรพรรดิเซิ่งกลับร้อนรุ่มกระวนกระวายใจอย่างถึงที่สุด
เรื่องเหล่านี้ป๋ายเสี่ยวฉุนเข้าใจดี แล้วก็รู้ว่าพวกเขาทั้งสองจำเป็นต้องร่วมมือกัน แล้วก็เข้าใจว่าหากสามารถฝ่าทะลุกลายเป็นผู้บงการ บางทีพวกเขาอาจมีโอกาสเสี้ยวหนึ่งรอดพ้นจากเรื่องทุกอย่างนี้
เพียงแต่ว่าหากคิดจะเลื่อนสู่ผู้บงการกลับเป็นเรื่องที่ลำบากยากเข็ญ เพราะจำเป็นต้องได้รับการยอมรับจากปณิธานของโลกแทบทั้งหมด ระดับของการยอมรับเช่นนั้นเหนือเกินกว่าเงื่อนไขยามเลื่อนขั้นเป็นบุพกาลมากนัก อีกทั้งหากนำบุพกาลมาเปรียบเทียบเป็นสารบำรุงหล่อเลี้ยงปณิธานของโลก
ถ้าเช่นนั้นผู้บงการก็คือ…บุตรคนโตของลูกภรรยาหลวง!
ความแตกต่างนี้มีมากอย่างถึงที่สุด ขณะเดียวกันระดับการเสียสละของปณิธานแห่งโลกก็น่าตะลึงมากเช่นกัน
อันที่จริงไม่ว่าจะเป็นป๋ายเสี่ยวฉุนหรือจักรพรรดิเซิ่งต่างก็รู้ชัดเจนดีว่า เมื่ออยู่ในสภาวะปกติ ไม่ค่อยมีความเป็นไปได้นักที่ดินแดนเซียนนิรันดร์กาลจะมีผู้บงการปรากฏขึ้น อีกทั้งหลายปีที่ผ่านมานี้ การที่ไม่มีบุพกาลปรากฎขึ้นอีกก็เพราะความอ่อนแอของมารดาแห่งนิรันดร์กาล นางจึงไม่มีโชคชะตาและปณิธานเหลือมากพอที่จะประคับประคองการถือกำเนิดของบุพกาลคนที่สาม ดังนั้นตอนที่ป๋ายเสี่ยวฉุนต่อสู้กับจักรพรรดิแสตัวปลอมก่อนหน้านี้ ทั้งจักรพรรดิเซิ่งและจักรพรรดิแสตัวปลอมถึงได้รู้สึกเหลือเชื่อ และสะท้านสะเทือนไปกับขอบเขตบุพกาลของป๋ายเสี่ยวฉุน
อันที่จริงหากไม่เป็นเพราะป๋ายเสี่ยวฉุนมีโชควาสนาจนได้รับโชคชะตาเสี้ยวสุดท้ายมาจากโลกแห่งเซียน ต่อให้เป็นในเวลานี้ เขาก็คงไม่มีทางเลื่อนเป็นบุพกาลได้
“ช่วงเวลานี้ข้าพยายามเรียกขานหามารดาแห่งนิรันดร์กาลตลอดเวลา แต่ก็ล้มเหลวทุกครั้ง วันนี้เสี่ยวเสี่ยวเลื่อนขั้น ปณิธานของมารดาแห่งนิรันดร์กาลก็ไม่ได้เยื้องกรายลงมา นี่มากพอที่จะบอกได้ว่าเกิดเรื่องกับมารดาแห่งนิรันดร์กาลแล้ว!”
“แต่หากคิดจะกลายมาเป็นผู้บงการกลับจำเป็นต้องได้รับการยอมรับจากมารดาแห่งนิรันดร์กาลเสียก่อนถึงจะได้ จักรพรรดิขุย พวกเราจำเป็นต้องตามหามารดาแห่งนิรันดร์กาลแล้วปลุกนางให้ฟื้นตื่น เพื่อที่จะได้รับโอกาสในการกลายมาเป็นผู้บงการ!”
จักรพรรดิเซิ่งสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะพูดความคิดสุดท้ายของตัวเองออกมา
“มารดาแห่งนิรันดร์กาลอยู่ที่ไหน?”
ป๋ายเสี่ยวฉุนพลันเอ่ยถาม คำถามข้อนี้เขาขบคิดมานานมากแล้ว แต่ทว่าเนื่องด้วยรากฐานของราชวงศ์จักรพรรดิขุยไม่มากพอ ด้วยการล่มสลายของโลกทงเทียน ด้วยการตายของคนเฝ้าสุสาน ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเหตุให้การสืบทอดทั้งหมดหายไป ซึ่งรวมไปถึงความลับทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับมารดาแห่งนิรันดร์กาลซึ่งสืบทอดต่อกันมาด้วย
ทว่าราชวงศ์จักรพรรดิเซิ่งนั้นแตกต่าง สำหรับความลับเหล่านี้ จักรพรรดิเซิ่งเข้าใจอย่างละเอียดและชัดเจนเป็นอย่างดี อีกทั้งยังเคยประสบมากับตัวเองด้วยหลายเรื่อง ยามนี้เมื่อได้ยินคำพูดของป๋ายเสี่ยวฉุน จักรพรรดิเซิ่งจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มหนัก สีหน้าจริงจัง
“ข้าก็ไม่รู้ว่ามารดาแห่งนิรันดร์กาลอยู่ที่ไหนกันแน่ แต่ข้ารู้ว่าสถานที่ที่มารดาแห่งนิรันดร์กาลอยู่จะตัดขาดอำนาจจิตและการรับสัมผัสทุกอย่างของโลกภายนอก เว้นเสียแต่เป็นผู้บงการ หาไม่แล้วคงไม่มีใครตามหานางพบ ในตำนานบอกว่าจุดลึกใต้ดินของดินแดนเซียนนิรันดร์กาลมีแม่น้ำนิรันดร์กาลอยู่สายหนึ่ง แม่น้ำสายนี้เป็นดั่งภาพมายาล่องลอย มองไม่เห็น แล้วก็หาไม่เจอ…”
“คนนอกไม่อาจเข้าไปได้ นอกจากคนที่มีตบะเป็นผู้บงการแล้วก็มีเพียงวัตถุอย่างเดียว… ที่สามารถพาพวกเราไปตามหาแม่น้ำแห่งนิรันดร์กาล อีกทั้งตามหามารดาแห่งนิรันดร์กาลเจอ นั่นก็คือ… เต่าแห่งนิรันดร์กาล!”
“ที่ในปีนั้นข้าให้ความสำคัญกับเต่าแห่งนิรันดร์กาลขนาดนั้น นอกจากตำนานที่บอกว่ามันเป็นของสิริมงคลแล้ว ที่สำคัญที่สุดก็คือ… คิดจะเปิดเส้นทางในการเลื่อนสู่ผู้บงการให้กับตัวเองด้วย!”
น้ำเสียงของจักรพรรดิเซิ่งเต็มไปด้วยความจริงใจ เขาไม่ได้โกหก มาถึงเวลานี้ เขาไม่มีความจำเป็นให้ต้องโกหกอีกแล้ว นี่ก็คือความคิดของเขาในตอนนั้นจริงๆ และหากไม่เป็นเพราะหายนะกำลังจะมาเยือน เขาก็คงไม่มีทางยอมพูดเรื่องพวกนี้ออกมา
ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ใจสั่นเหมือนกัน เขาเพิ่งเคยได้ยินเรื่องเหล่านี้เป็นครั้งแรก และหลังจากที่วิเคราะห์อย่างละเอียดแล้ว ป๋ายเสี่ยวฉุนก็วิเคราะห์ได้ว่าทุกอย่างที่จักรพรรดิเซิ่งพูดไม่ใช่เรื่องโกหก
ในฐานะที่เป็นสิ่งมีชีวิตซึ่งอยู่เคียงข้างมารดาแห่งนิรันดร์กาล หากจะบอกว่าบนโลกนี้มีใครที่ตามหาปณิธานของดินแดนเซียนนิรันดร์กาล ซึ่งเกิดจากการก่อตัวของวิญญาณบุปผาแห่งนิรันดร์กาลเจอ ถ้าเช่นนั้นก็มีแต่เจ้าเต่าน้อยเท่านั้นที่ถึงจะทำได้
หลังจากขบคิดอย่างง่ายๆ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็รีบแผ่อำนาจจิตออกไปปกคลุมทั่วนครจักรพรรดิขุยอย่างไม่ลังเล ไม่นานนักเขาก็พบเห็นร่องรอยของเจ้าเต่าน้อย จึงยกมือขวาคว้าจับไปกลางอากาศ วินาทีต่อมาเจ้าเต่าน้อยที่ปากคาบปลาตัวใหญ่ตัวหนึ่ง ก็มาปรากฎตัวอยู่ในมือของป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยสีหน้างงงัน
“เจ้าคิดจะทำอะไร!”
เจ้าเต่าน้อยสะดุ้งโหยง ก่อนหน้านี้มันเพิ่งจะไปเอาปลามังกรสวรรค์ตัวหนึ่งที่มาจากบ่อสวรรค์ของนครจักรพรรดิเซิ่งออกมา แต่จู่ๆ กลับถูกน้ำวนลูกหนึ่งที่มันมิอาจต้านทานดูดเอามา
พอปรากฎตัวอีกครั้งก็มาอยู่ตรงหน้าป๋ายเสี่ยวฉุนและจักรพรรดิเซิ่งแล้ว มันไม่เคยพบเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน เวลานี้จึงเกิดตกใจและตระหนกลน
“นี่ไม่ใช่ปลามังกรสวรรค์… ป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นคนสั่งให้ข้าทำ!”
เจ้าเต่าน้อยตัวสั่นเทิ้ม ก่อนจะรีบกลืนปลามังกรสวรรค์ในปากลงท้อง หัวใจของมันเต้นกระหน่ำเป็นรัวกลอง มีความรู้สึกเหมือนวัวสันหลังหวะ
ต่อให้จักรพรรดิเซิ่งจะร้อนใจเรื่องผู้บงการนอกโลกและเรื่องที่มารดาแห่งนิรันดร์กาลหลับสนิทแค่ไหน แต่พอสังเกตเห็นปลามังกรสวรรค์ที่อยู่ในปากเจ้าเต่าน้อย หนังหน้าของเขาก็ยังกระตุกอย่างห้ามไม่ได้
นั่นเป็นเพราะตอนนั้นที่เจ้าเต่าน้อยหายตัวไป สิ่งที่หายไปพร้อมกับมันด้วย ก็คือปลามังกรสวรรค์แทบเก้าส่วนที่อยู่ในบ่อสวรรค์… เดิมทีจักรพรรดิเซิ่งนึกว่าพวกมันถูกเจ้าเต่าน้อยกินทีเดียวจนเกลี้ยงหมดแล้ว แต่ตอนนี้พอได้มาเห็นกลับรู้เลยว่าถูกมันขโมยมาเลี้ยงไว้เอง เพื่อที่จะจับกินได้ตลอดเวลา
อีกอย่างการเลี้ยงปลามังกรสวรรค์ก็จำเป็นต้องทุ่มเทแรงกายและแรงใจไม่น้อย จักรพรรดิเซิ่งเชื่อว่าลำพังแค่ตัวเจ้าเต่าน้อยเองคงไม่มีทางจับปลามังกรสวรรค์มาเลี้ยงอย่างจริงจังได้มากมายขนาดนี้ และคนที่สามารถช่วยมันได้ก็มีแค่ป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่ตรงหน้านี้เท่านั้น
เวลานี้เขาจึงมองป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยสายตาลึกล้ำ แต่ไม่ได้พูดอะไร
ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็รู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย เขาจึงหันไปถลึงตาใส่เจ้าเต่าน้อย สำหรับเรื่องที่เจ้าเต่าน้อยขโมยปลามังกรสวรรค์มาเป็นจำนวนมากนั้น ตอนแรกเขาก็ไม่รู้เรื่อง แต่หลังจากที่จับได้กลับรู้สึกว่าเรื่องนี้ก็ไม่เลว แล้วก็รู้ด้วยว่าปลามังกรสวรรค์เหล่านี้ได้ถูกพวกเทียนจุนอย่างราชาผียักษ์ร่วมด้วยช่วยกันเลี้ยง
“เอาเถอะ ข้าจะไม่ถามเจ้าเกี่ยวกับเรื่องของปลามังกรสวรรค์อีก เจ้าเต่าน้อย ข้าถามเจ้า เจ้าจะตามหาแม่น้ำแห่งนิรันดร์กาลเพื่อพาพวกเราไปหามารดาแห่งนิรันดร์กาลได้หรือไม่”
ป๋ายเสี่ยวฉุนกระแอมหนึ่งที ก่อนจะเอ่ยถามด้วยสีหน้าจริงจัง
เจ้าเต่าน้อยกะพริบตาปริบๆ พอได้ยินคำพูดของป๋ายเสี่ยวฉุนมันก็พลันคลายใจลงได้ เมื่อหันไปมองจักรพรรดิเซิ่งแล้วเห็นว่าอีกฝ่ายจ้องมองมาตาไม่กะพริบ จึงยิ่งมั่นใจว่าป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ได้คิดจะวางแผนเล่นงานตัวเอง แต่เป็นเพราะว่าเมื่อครู่นี้ถูกจับมาโดยที่มีหลักฐานมัดตัวแน่นหนา มันที่กินปูนร้อนท้องจึงรีบพยักหน้ารับ
“มารดาแห่งนิรันดร์กาล? ก็คือดอกไม้ดอกนั้นใช่ไหม แม้ว่าการตามหามันจะค่อนข้างยากสักหน่อย แต่มีเรื่องอะไรบ้างที่นายท่านเต่าทำไม่ได้ เรื่องนี้ไม่มีปัญหา!”
เจ้าเต่าน้อยรีบพูดรัวเร็ว