บทที่ 1286 ซ่งเชวีย!
“ไม่มีคำว่าถ้า” ในแสงสีดำมีเสียงเยียบเย็นของนักพรตทงเทียนดังแว่วมา เมื่อแสงสีดำเปล่งประกายวูบอีกครั้ง แสงนั้นก็พุ่งกระโจนเข้าหาจักรพรรดิเซิ่ง!
อีกนิดเดียวก็จะใกล้สัมผัสโดนจักรพรรดิเซิ่ง บัดนี้ดวงตาของจักรพรรดิเซิ่งเองก็ฉายความบ้าคลั่ง อันที่จริงเขาจะไม่ปรากฎตัวก็ได้ อันที่จริงตอนที่ลืมตาขึ้นมา เขาก็ตระหนักได้แล้วว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนักพรตทงเทียน
แต่เขาก็ยังมาปรากฏตัว ที่นี่คือบ้านเกิดของเขา เขาคือจักรพรรดิเซิ่ง เต๋าของเขามาจากมารดาแห่งนิรันดร์กาล สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องมา ทว่าเหตุผลที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ…. ป๋ายเสี่ยวฉุน!
เขารู้ดีว่า ป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังเลือกเส้นทางที่แตกต่างจากตนอย่างสิ้นเชิง ตอนแรกเขาก็ไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้เมื่อกระจ่างแจ้ง เมื่อได้รับการยอมรับจากมารดาแห่งนิรันดร์กาล เขาก็เข้าใจแล้วว่าหากเส้นทางที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเลือกเดินนั้นประสบความสำเร็จ ถ้าเช่นนั้น… ผลเก็บเกี่ยวที่ป๋ายเสี่ยวฉุนได้รับก็จะมากจนที่มิอาจหาคำมาพรรณนาได้!
เต๋าของเขาจะไม่มาจากใครทั้งสิ้น เต๋าของเขาจะเป็นของตัวเขาเองทั้งหมด ซึ่งหากว่ากันในบางระดับแล้ว เต๋าของเขาจะถือว่าอยู่ในระดับชั้นเดียวกันกับผู้บงการนี่ฝาน!!
ดังนั้นในสถานการณ์ที่จักรพรรดิเซิ่งเข้าใจดีว่าตนไม่อาจเอาชนะอีกฝ่ายได้ แต่เขากลับยังเลือกที่จะเดินออกมา และยังเลือกที่จะลงมือ ต่อให้เป็นเวลานี้ เขาก็ยังยอมที่จะระเบิดตัวเอง ยอมที่จะให้ร่างกายและจิตวิญญาณของตัวเองมอดดับ เพียงเพื่อที่จะทำให้นักพรตทงเทียนหยุดชะงักและไม่มีพลังเหลือมากพอให้ไปทำลายค่ายกลดอกบัวที่เขาจัดวางไว้!
ทว่าชั่วขณะที่จักรพรรดิเซิ่งตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาด แสงสีดำที่จำแลงมาจากร่างนักพรตทงเทียนได้ขยับเข้ามาใกล้ วินาทีที่ทั้งสองกำลังจะปะทะกันนั้นเอง จู่ๆ …แสงแห่งบุพกาลเส้นหนึ่งกลับกระแทกตูมลงมาจากท้องฟ้า!
จากนั้นก็ตามมาด้วยเส้นที่สอง เส้นที่สาม เส้นที่สี่… เพียงชั่วพริบตา แสงแห่งบุพกาลสามร้อยหกสิบเอ็ดเส้นก็พากันร่วงกราวลงมาจากฟากฟ้า ไม่ว่าเส้นไหนก็ล้วนมีพลังของบุพกาล แม้จะไม่สามารถเขย่าคลอนนักพรตทงเทียนได้ ทว่าจำนวนที่มากมายนี้กลับยังพอจะขัดขวางนักพรตทงเทียนเอาไว้ได้
และที่ยิ่งสำคัญไปกว่านั้นก็คือ สำหรับในใจของจักรพรรดิเซิ่งและของนักพรตทงเทียน หรืออาจถึงขั้นพูดได้ว่าสำหรับในใจของนักพรตทั่วทั้งดินแดนเซียนนิรันดร์กาลแล้ว แสงแห่งบุพกาลเช่นนี้ก็คือ… ตัวแทนของป๋ายเสี่ยวฉุน!
“ป๋ายเสี่ยวฉุน!”
ลมหายใจของจักรพรรดิเซิ่งชะงักค้าง พลันเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
“ป๋ายเสี่ยวฉุน!!”
นักพรตทงเทียนเองก็หน้าเปลี่ยนสี สายตาเคร่งเครียดอย่างถึงที่สุด แสงสีดำที่จำแลงมาจากตัวเขาพลันถอยกรูดไปด้านหลัง แล้วก็เงยหน้ามองท้องฟ้าเช่นกัน เพราะทั้งเขาและจักรพรรดิเซิ่งต่างก็สัมผัสได้ว่า ขณะนี้มีปราณน่าครั่นคร้ามขุมหนึ่งกำลังทะยานครืนครั่นลงมาจากบนนภากาศ!!
ไม่เพียงแต่พวกเขาเท่านั้นที่ใจสั่น พวกซ่งจวินหว่าน โหวเสี่ยวเม่ย โจวจื่อโม่และกงซุนหว่านเอ๋อร์ที่อยู่ในนครจักรพรรดิขุยเบื้องล่าง ต่างก็เบิกตากว้างด้วยความเหลือเชื่อ
เสี่ยวเสี่ยว ต้าเป่าและเสี่ยวเป่าสามคนก็เป็นเช่นเดียวกัน ซ้ำพวกเขายังหันกลับไปมองสถานที่ปิดด่านของป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่ด้านหลังตัวเอง พวกต้าเทียนซือก็ทำแบบเดียวกัน
พวกเขารู้สึกลังเลใจอย่างมาก แต่สำหรับนักพรตของดินแดนเซียนนิรันดร์กาลแล้ว พวกเขาไม่รู้อะไรมากมายขนาดนั้น แค่พอเห็นว่าแสงแห่งบุพกาลที่เป็นตัวแทนของป๋ายเสี่ยวฉุนปรากฏตัว ก็พากันฮึกเหิมดีใจขึ้นมาทันที
“คือจักรพรรดิขุย!!”
“จักรพรรดิขุยออกจากด่านแล้ว!!”
ขณะที่เสียงไชโยโห่ร้องดังรับกันเป็นทอดๆ อยู่ในดินแดนเซียนนิรันดร์กาล นักพรตทงเทียนกลับขมวดคิ้ว เพราะแม้ว่าพลังอำนาจที่พุ่งทะยานเข้ามานั้นจะแกร่งกร้าวสุดประมาณ แต่ดูเหมือนว่าจะแตกต่างจากของป๋ายเสี่ยวฉุนที่เขาเคยจำได้
แม้แต่จักรพรรดิเซิ่งก็ยังสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ
และเวลานี้เองที่สายตาพวกเขามองเห็นว่า บนท้องฟ้ามีพัดขนาดใหญ่ยักษ์เล่มหนึ่งปรากฏขึ้น พัดเล่มนี้มีความเร็วมากเกินไปจึงก่อให้เกิดเสียงอึกทึกมาตลอดทาง และกำลังขยับเข้ามาใกล้ดินแดนเซียนนิรันดร์กาลมากขึ้นทุกขณะ!
พัดเล่มนี้ก็คือพัดวิเศษของป๋ายเสี่ยวฉุน และในเจดีย์อันเป็นต้นกำเนิดที่ผู้บงการเต้าเฉินทิ้งไว้ในพัดวิเศษ ศพของซ่งเชวียที่เดิมทีนอนแน่นิ่งไม่ขยับ บัดนี้กลับลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิ!
แม้สีหน้าของเขาจะยังซีดเซียวเหมือนคนตาย แต่ในกลิ่นอายแห่งความตายที่อยู่บนร่างของเขากลับอบอวลไปด้วยพลังชีวิต!!
ต้นกำเนิดเต๋าเป็นตายที่อยู่ในนี้ บัดนี้ได้สลายหายไปสิ้นหมดแล้ว และหากรับสัมผัสอย่างละเอียดจะรู้ได้ว่า พวกมันหายเข้าไปอยู่ในร่างของซ่งเชวีย!!
โดยเฉพาะตรงหว่างคิ้วของซ่งเชวียที่มีตราประทับเด่นหรา และตราประทับนี้ก็คือใบหน้าของเต้าเฉิน!! แต่หากมองอย่างละเอียดจะเห็นว่ามีความคล้ายคลึงกับใบหน้าของซ่งเชวียอยู่มาก นี่เป็นเพราะว่าเต้าเฉินตายไปแล้ว ดังนั้นแม้ว่าซ่งเชวียที่ผสานรวมกับเต๋าของเขาจะมีตราประทับของเขาปรากฎขึ้น แต่ซ่งเชวียกลับมีสิทธิ์ในการควบคุมด้วยตัวเอง!
เมื่อพัดวิเศษขยับเข้ามาใกล้ เมื่อดวงตาทั้งคู่ของนักพรตทงเทียนหรี่ลง เมื่อเสียงกู่ร้องด้วยความดีใจของผู้คนดังกึกก้อง ดวงตาของซ่งเชวียที่นั่งขัดสมาธิอยู่ในเจดีย์สูงก็พลันลืมโพลง!
เผยให้เห็นดวงตาสองข้างที่ข้างหนึ่งเป็นสีขาว อีกข้างหนึ่งเป็นสีดำ แต่ไม่มีลูกตาดำทั้งคู่!
และวินาทีที่เขาลืมตาขึ้นมานั้น ตราประทับกลางหว่างคิ้วของเขาก็พลันเปล่งแสงพริบพราว ปราณของว่าที่ผู้บงการระเบิดตูมออกมาจากร่างของเขา ครั้นแล้วจึงกลายมาเป็นพายุสองลูกที่หมุนคว้างไปรอบด้าน ส่วนร่างของซ่งเชวียก็ผุดลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว!
ตอนที่ปรากฏตัวอีกครั้งก็มาโผล่อยู่บนดินแดนเซียนนิรันดร์กาล อยู่ตรงหน้า…นักพรตทงเทียนแล้ว!
“ทางเส้นนี้ ห้ามผ่าน!”
ซ่งเชวียเงยหน้าขึ้นเอ่ยด้วยเสียงทุ้มหนัก ดวงตาทั้งคู่หนึ่งขาวหนึ่งดำของเขาทำให้ม่านตาของนักพรตทงเทียนหดตัว ส่วนจักรพรรดิเซิ่งนั้นไม่เคยรู้จักกับซ่งเชวียมาก่อน แต่ไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงสั่นเครือของซ่งจวินหว่านที่ดังมาจากนครจักรพรรดิขุยด้านล่าง
“เชวียเอ๋อร์!!”
ดูเหมือนว่าซ่งเชวียเองก็ได้ยินเสียงนี้เหมือนกัน
เขาจึงผินหน้ากลับมามองซ่งจวินหว่าน ใบหน้านิ่งขรึมพลันคลี่ยิ้ม
ทว่าวินาทีที่เขาหันหน้ามานั้นเอง นักพรตทงเทียนกลับกลายร่างมาเป็นแสงสีดำแล้วกระโจนเข้าใส่ซ่งเชวียอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง!
“เต๋าแห่งการดับสูญ? ที่เจ้าร่ายใช้ มีเพียงแค่การดับ แต่ยังไม่มีการสูญ!”
ซ่งเชวียเอ่ยเสียงเรียบ มือขวาพลันยกขึ้น ครั้นแล้วบนมือเขาก็มีแสงสีดำที่คล้ายคลึงกับของนักพรตทงเทียนปรากฎขึ้นมา แล้วแสงนั้นก็ปะทะเข้ากับแสงของนักพรตทงเทียนในชั่วพริบตา
เสียงกัมปนาทเกริกก้องไปทั้งชั้นฟ้า แสงสีดำที่จำแลงมาจากร่างของนักพรตทงเทียนถูกกระเทือนจนแหลกสลายเป็นครั้งแรก ร่างของเขาที่หวนกลับคืนสู่สภาพเดิมถอยกรูดออกไปหลายก้าว ตอนที่เงยหน้าขึ้นมองซ่งเชวีย สายตาของเขาถึงกับฉายแววตกตะลึง
“ต้นกำเนิดเต๋าเป็นตาย นี่คือเวทต้นกำเนิดที่ผู้บงการเต้าเฉินเตรียมไว้ชุบชีวิตคนที่เขาต้องการให้ฟื้นคืนชีพ และทั้งเตรียมไว้เพื่อ… สยบนี่ฝาน!”
“แม้ไม่รู้ว่าจะสยบนี่ฝานได้จริงหรือไม่ แต่คิดจะสยบเจ้า… กลับยังพอจะทำได้!”
ซ่งเชวียเอ่ยเสียงเรียบเฉย ครั้นแล้วจึงขยับร่างตรงดิ่งเข้าหานักพรตทงเทียน
จักรพรรดิเซิ่งมีสีหน้าฮึกเหิม แล้วก็บินออกไปร่วมมือกับซ่งเชวีย ว่าที่ผู้บงการทั้งสองท่านอย่างพวกเขาสองคนลงมืออย่างพร้อมเพรียงกัน ต่างก็กลายร่างเป็นพายุลมกรดที่พุ่งเข้ากำราบนักพรตทงเทียน
เวลาสั้นๆ เพียงแค่ไม่กี่อึดใจ เสียงกัมปนาทสะท้านฟ้าที่ดังเป็นระลอกก็ระเบิดกังวานอยู่ท่ามกลางฟ้าดินไม่ขาดหาย และไม่นานคนทั้งสามก็บินออกไปจากท้องฟ้า เหยียบลงบนห้วงอวกาศนอกดินแดนเซียนนิรันดร์กาลแล้วลงมือกันอีกครั้ง
นักพรตทงเทียนที่เดิมทีแกร่งกร้าว เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเวทแห่งต้นกำเนิดของซ่งเชวีย ความรู้สึกที่ถูกสยบกำราบเช่นนั้นทำให้เขาไม่อาจพลิกกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบ หากมีเพียงแค่ซ่งเชวียคนเดียว เขายังพอจะใช้วิธีการอื่นมารับมือกับอีกฝ่ายได้ แต่นี่กลับยังมีจักรพรรดิเซิ่งมาเพิ่มเข้าอีกคน
ว่าที่ผู้บงการสองท่าน ซ้ำหนึ่งในนั้นยังฝึกเต๋าที่มีไว้เพื่อกำราบเขาโดยเฉพาะ ทั้งหมดนี้ล้วนทำให้นักพรตทงเทียนไม่อาจโต้ตอบกลับคืนได้ และระหว่างการลงมือของว่าที่ผู้บงการ หากเกิดข้อผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว ค่าตอบแทนที่ต้องจ่ายย่อมมากมหาศาล
เขาในเวลานี้กระอักเลือด ร่างถอยร่นออกไป เพิ่งจะหลบพ้นต้นกำเนิดเต๋าเป็นตายของซ่งเชวียมาได้ แต่กลับไม่สามารถหลบเลี่ยงเวทอภินิหารจากบุปผาแห่งนิรันดร์กาลของจักรพรรดิเซิ่งได้
ท่ามกลางเสียงอึกทึกครึกโครม นักพรตทงเทียนกระอักเลือดอีกครั้ง เตรียมจะถอยห่าง ทว่าสายตาของซ่งเชวียกลับเป็นประกายวาบ เมื่อยกมือขวาขึ้น พัดวิเศษกลับหดเล็กลงแล้วบินทะยานเข้าหาซ่งเชวียในทันที!
ซ่งเชวียได้ครอบครองต้นกำเนิดเต๋าเป็นตาย จึงสามารถพูดได้ว่าเขาต่างหากที่เป็นผู้สืบทอดตัวจริงของเต้าเฉิน ต่อให้เป็นเจ้าวิญญาณวัตถุน้อยเองก็ยังเลือกที่จะเชื่อฟังเขา แน่นอนว่าทุกอย่างนี้ล้วนไม่ได้อยู่ในการคาดการณ์ของป๋ายเสี่ยวฉุนมาก่อน
หากป๋ายเสี่ยวฉุนไม่อนุญาตให้ทำเช่นนี้ วิญญาณวัตถุน้อยก็คงเลือกที่จะปฏิเสธทุกคำขอร้องที่มาจากซ่งเชวีย
ชั่วขณะที่พัดวิเศษหดเล็กลงแล้วถูกซ่งเชวียคว้ามาไว้ในมือ เมื่อเขาสะบัดพัดวิเศษออกดั่งพรึ่บ แม่น้ำใหญ่สายหนึ่งก็พุ่งแหวกอากาศออกมาด้วยพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกร ครั้นแล้วจึงแผ่ปกคลุมไปทั่วห้วงจักรวาลรอบด้าน เป็นเหตุให้นักพรตทงเทียนไร้หนทางถอยหนี จึงต้องถูกปกคลุมไว้ภายในโดยตรง
ขณะเดียวกันก็ยังมีเรือน้อยอีกลำหนึ่งจำแลงขึ้นมา แสงแห่งบุพกาลที่อยู่ในนั้นระเบิดขึ้นพร้อมกัน ทาสบุพกาลสองท่านก็พากันลงมือ
ยังไม่สิ้นสุด ที่ทำให้นักพรตทงเทียนใจหายมากที่สุดก็คือ… ยอดเขาอันเป็นที่ตั้งของเจดีย์ต้นกำเนิดเต๋า รวมไปถึง… มือของผู้บงการขนาดมโหฬารข้างหนึ่งที่ปรากฏขึ้นในห้วงจักรวาล!!
นี่ก็คือ… “พลานุภาพของสมบัติอาคม!”
โดยเฉพาะแม่น้ำสายนั้นที่เมื่อมาไหลรินที่อยู่ท่ามกลางห้วงจักรวาลก็ได้สร้างพลังแห่งการปิดผนึก ซึ่งสอดคล้องกับต้นกำเนิดเต๋าเป็นตายของซ่งเชวียอย่างสมบูรณ์แบบ แม้จะพูดไม่ได้ว่าไม่มีความแตกต่างอะไรจากการร่ายใช้ด้วยน้ำมือของผู้บงการเต้าเฉินเอง แต่กระนั้นก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก ท่ามกลางเสียงเกริกก้อง ไม่ว่านักพรตทงเทียนจะดิ้นรนและร้องคำรามแค่ไหนก็ยังยากที่จะสลัดหลุดออกมาได้
ภูเขาต้นกำเนิดแห่งเต๋า รวมถึงแขนของผู้บงการที่คล้ายจะสามารถสยบกำราบทุกอย่าง เวลานี้กำลังพุ่งครืนครั่นเข้าหานักพรตทงเทียน!!