Skip to content

A Will Eternal 1287

บทที่ 1287 สิงห์ร้ายผู้ทะเยอทะยาน

ต่อให้จะสืบทอดเต๋าของผู้บงการนี่ฝานและกลายมาเป็นลูกศิษย์ของอีกฝ่าย อีกทั้งเมื่อได้รับการยอมรับจากผู้บงการนี่ฝาน จึงมีขอบเขตเป็นครึ่งก้าวผู้บงการแล้ว ทว่าบัดนี้นักพรตทงเทียนก็ยังสัมผัสได้ถึงวิกฤตความเป็นความตายที่ร้ายแรงจนเหนือคำบรรยาย!

นั่นเป็นเพราะสิ่งที่เขากำลังเผชิญหน้าคือ… ครึ่งก้าวผู้บงการสองท่าน แม้จักรพรรดิเซิ่งจะสู้ได้แค่พอกล้อมแกล้ม แต่ทางฝ่ายของซ่งเชวีย เดิมทีเขาก็เป็นคนที่ตายไปแล้ว แต่พอถูกป๋ายเสี่ยวฉุนส่งเข้าไปไว้ในเจดีย์ต้นกำเนิดเต๋าเป็นตาย เขากลับเกิดขานรับกับต้นกำเนิดเต๋าเป็นตายที่อยู่ในเจดีย์หลังนั้น และเมื่อผสานต้นกำเนิดเข้าสู่ร่างกาย เขาจึงฟื้นคืนจากความตายดั่งปาฏิหาริย์!!

วินาทีที่ลืมตาขึ้น เขาก็ได้กลายมาเป็นลูกศิษย์ของผู้บงการเต้าเฉินแล้ว และในความเป็นจริงหากเต้าเฉินยังไม่ตาย ถ้าเช่นนั้นซ่งเชวียที่หลังจากฟื้นตื่นขึ้นมาจะไม่มีทางเป็นแค่ครึ่งก้าวผู้บงการ แต่ต้องกลายเป็นผู้บงการที่แท้จริง!

ข้อนี้คล้ายคลึงกับทางฝั่งของนักพรตทงเทียนอยู่มาก เพียงแต่ว่าความต่างระหว่างคนทั้งสองก็คือ เต้าเฉินตายไปแล้ว แต่นี่ฝานยังมีชีวิตอยู่!

ทว่าเนื่องด้วยนี่ฝานหลับสนิทเพราะถูกผนึก จึงเป็นเหตุให้แม้นักพรตทงเทียนจะได้รับการยอมรับ แต่ก็ยังไม่สามารถกลายมาเป็นผู้บงการได้ เป็นได้เพียงครึ่งก้าวผู้บงการเท่านั้น!

แต่หากนี่ฝานฟื้นตื่นเมื่อไหร่ ถ้าเช่นนั้นนักพรตทงเทียนก็จะสามารถอาศัยพละกำลังของนี่ฝานมาเหยียบเข้าสู่ขอบเขตผู้บงการ ต่อให้ผู้บงการนี้จะแตกต่างกับนี่ฝานราวฟ้ากับดิน กระนั้นก็ยังคงเป็นผู้บงการอยู่ดี!

เพียงแต่ดูเหมือนว่านักพรตทงเทียนจะไม่สามารถประคองตนอยู่ได้จนถึงช่วงเวลาที่นี่ฝานฟื้นตื่น วินาทีนี้เขากับซ่งเชวียเหมือนได้ร่วมกันสืบเนื่องบุญคุณความแค้นระหว่างนี่ฝานและเต้าเฉินในปีนั้นอีกครั้ง แต่นักพรตทงเทียนโชคไม่ดี หากมีเพียงแค่พวกเขาสองคน บางทีเขาอาจจะยังพอต่อสู้ด้วยได้

ทว่าจักรพรรดิเซิ่งที่ต่อให้จะอ่อนแอแค่ไหนก็ยังเป็นถึงครึ่งก้าวผู้บงการ และการร่วมมือของเขาก็ทำให้ซ่งเชวียกลายเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบอย่างถึงที่สุดทันที

เสียงตูมตามดังสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วแปดทิศ เส้นผมของนักพรตทงเทียนพันกันยุ่งเหยิง ดวงตาแดงก่ำ ภายใต้แรงกระตุ้นที่จะตัดสินเป็นตายนี้ เขาจำต้องร่ายใช้ทุกวิธีการทั้งหมดที่มี สภาพของเขาในเวลานี้กระเซอะกระเซิงอย่างถึงที่สุด พลันกัดปลายลิ้นตัวเองแล้วพ่นเลือดสดออกมาติดต่อกันถึงเจ็ดครั้ง ทุกครั้งที่เลือดสดถูกพ่นออกมา เส้นผมของเขาก็จะหงอกเพิ่มขึ้นส่วนหนึ่ง ร่างของเขาจะเสื่อมชราขึ้นอีกนิดหนึ่ง และพอพ่นเลือดครบเจ็ดครั้ง สภาพของเขาก็แก่โทรมอย่างถึงที่สุด สายตาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง ปากก็แผดเสียงร้องคำรามแหบโหย

“ผู้บงการ!!”

เสียงคำรามนี้คล้ายแฝงเร้นไว้ด้วยกฎเกณฑ์บางอย่าง วินาทีที่ดังออกมาจึงก่อให้เกิดริ้วคลื่นแผ่ลามไปทั่ว

แทบจะชั่วขณะเดียวกันกับที่ริ้วคลื่นซัดแผ่และเสียงนี้ดังออกมา ตรงหว่างคิ้วของผู้บงการนี่ฝานร่างใหญ่โตมโหฬารที่ยืนตระหง่านอยู่ด้านหลังเขาก็พลันมีน้ำวนหมุนคว้างเสียงดังครืนครั่น ก่อนที่อำนาจจิตขุมหนึ่งจะระเบิดออกมาจากในน้ำวนกลางหว่างคิ้วของเขา

อำนาจจิตนี้สะท้านฟ้าสะเทือนดิน ภายในซุกซ่อนปราณแห่งความตายและการดับสูญที่เข้มข้น

พอแผ่ออกมาได้ก็ปกคลุมมืดฟ้ามัวดิน อาบย้อมท้องฟ้าให้กลายมาเป็นสีดำทะมึน ครั้นแล้วจึงกลายมาเป็นการโจมตีที่มาจากจิตวิญญาณ ซึ่งต่อให้เป็นซ่งเชวียกับจักรพรรดิเซิ่งก็ยังยากที่จะต้านทานได้!

เสียงตูมตามดังกึกก้องอยู่ข้างหูของซ่งเชวียและจักรพรรดิเซิ่ง พวกเขากระอักเลือดออกมาพร้อมกัน ทั้งยังมีเลือดสดไหลรินออกมาจากทวารทั้งเจ็ด ร่างก็โงนเงนจะล้มมิล้มแหล่ จำต้องถอยหนีออกห่างอย่างช่วยไม่ได้

นั่นเป็นเพราะการโจมตีของอำนาจจิตขุมนี้แข็งแกร่งเกินไป เป็นเหตุให้ต่อให้พวกเขาจะเป็นถึงครึ่งก้าวผู้บงการก็ยังไม่อาจต้านทานได้ ยังดีที่อำนาจจิตขุมนี้ปรากฏขึ้นเพียงแค่วูบเดียวก็จางหายไป หาไม่แล้วเกรงว่าไม่ต้องให้นักพรตทงเทียนลงมือ ลำพังเพียงแค่อำนาจจิตขุมนี้ก็มากพอจะทำให้พวกเขาสองคนบาดเจ็บสาหัสได้แล้ว!

อำนาจจิตขุมนี้มาจากผู้บงการนี่ฝาน แล้วก็เป็นค่าตอบแทนที่นักพรตทงเทียนจ่ายไปเพื่อแลกมาด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส ซ้ำยังเป็นท่าไม้ตายที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น!

ใช่ว่าเขาจะไม่อยากเอามาใช้บ่อยๆ ทว่าหากผู้บงการนี่ฝานที่หลับสนิทยังไม่ฟื้นตื่น เขาก็ทำได้แค่ปล่อยอำนาจจิตออกมาสังหารเพียงแค่ครั้งเดียวนี้เท่านั้น!!

แม้ว่าอำนาจจิตนี้จะสลายไปในเสี้ยววินาที แต่สำหรับจักรพรรดิเซิ่งและซ่งเชวียแล้ว จิตวิญญาณของพวกเขากลับยังคงสั่นสะท้านไม่หาย สมองก็ยิ่งสูญเสียความสามารถในการครุ่นคิด นี่จึงเป็นเหตุให้การร่วมมือกันพิฆาตสังหารที่พวกเขามีต่อนักพรตทงเทียนก่อนหน้านี้เกิดช่องว่างไปเสี้ยววินาทีหนึ่ง!

ช่องว่างเพียงเสี้ยววินาทีนี้ก็คือโอกาสที่นักพรตทงเทียนแลกมาโดยไม่เสียดายค่าตอบแทน เขาไม่มีความลังเลใด เมื่อยกมือทั้งคู่ขึ้นทำมุทรา ควันดำคลุ้งโขมงจำนวนมหาศาลก็พลันผุดออกมาจากมือทั้งคู่ของเขา

ควันดำนี้หมุนโคจรเสียงดังครืนครั่น พริบตาเดียวก็แผ่ลามกินอาณาเขตร้อยจั้งซึ่งแยกกันตรงดิ่งเข้าหาซ่งเชวียและจักรพรรดิเซิ่งในทันที!

“ตาย!”

ขณะเดียวกันกับที่นักพรตทงเทียนเปล่งเสียงเยียบเย็น ควันดำสองกลุ่มก็พากันพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูงสุด พลังแห่งการเขมือบกลืนที่ส่งออกมาจากด้านในเป็นระลอกคล้ายจะสามารถกัดกินทุกสิ่งอย่าง ริ้วคลื่นที่แผ่ออกมาจากด้านใน ต่อให้เป็นซ่งเชวียและจักรพรรดิเซิ่งก็ยังม่านตาหดตัว

ซ้ำควันเหล่านี้ยังเหมือนกับสิ่งมีชีวิต ควันเป็นเส้นๆ ที่อยู่ด้านในพลิกตลบอบอวลและคล้ายจะมีเสียงคำรามดังแว่วมา หากหันไปมองอย่างละเอียดจะเห็นได้ว่า จุดลึกของกลุ่มควันนี้เหมือนจะมีแสงสีแดงเปล่งวูบขึ้น!

เห็นได้ชัดว่านักพรตทงเทียนทุ่มสุดชีวิตแล้วจริงๆ ควันสองกลุ่มนี้ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง พอถูกร่ายใช้ก็เห็นได้ชัดว่าร่างของเขาแห้งเหี่ยวลงอีกไม่น้อย นั่นคือเวทคาถาสะท้านฟ้าที่แลกมาด้วยการดึงพลังต้นกำเนิด ยิ่งไปกว่านั้นยังเบิกเอาพลังชีวิตและจิตวิญญาณของตัวเขาเองมาใช้ล่วงหน้าด้วย!

“ห้ามสัมผัสมัน!” ซ่งเชวียและจักรพรรดิเซิ่งต่างก็พยายามข่มกลั้นความวุ่นวายในจิตใจ คนทั้งสองถอยร่นออกห่างมาอย่างยากลำบาก ทว่าควันสองกลุ่มนั้นเหมือนจะหมายหัวคนทั้งสองเอาไว้แล้วจึงลอดทะลวงความว่างเปล่าขยับมาใกล้ในชั่วพริบตา แต่เวลานี้เอง ดวงตาทั้งคู่ของซ่งเชวียกลับถลึงโปนด้วยความเดือดดาล ครั้นแล้วเขาก็พลันตบหน้าผากตัวเอง ใช้อาการบาดเจ็บและการสะเทือนของจิตวิญญาณตัวเองแลกมาด้วยการมีสติในช่วงเวลาสั้นๆ แล้วจึงยังกวาดอำนาจจิตออกไปอย่างไม่ลังเล และทันใดนั้น… ทาสบุพกาลสองท่านที่ถูกเขาเรียกออกมาจากพัดวิเศษก็ถูกซ่งเชวียควบคุม ท่ามกลางวิกฤตของเขากับจักรพรรดิเซิ่ง ทาสบุพกาลสองท่านนี้พลันหายตัวไป เมื่อปรากฎตัวอีกครั้งก็มาโผล่พรวดอยู่ตรงหน้าซ่งเชวียและจักรพรรดิเซิ่ง เพื่อต้านรับควันดำประหลาดสองกลุ่มนั้นแทนพวกเขา!!

ไม่ว่าจะเป็นควันกลุ่มนี้หรือทาสบุพกาลสองคนที่ถูกซ่งเชวียควบคุม ก็ล้วนมีความเร็วมากพอกัน จนนักพรตทงเทียนไม่ทันได้ปรับเปลี่ยนทิศทาง สองฝ่ายก็ปะทะเข้าด้วยกันแล้ว

นักพรตทงเทียนที่พอเห็นว่าเวทคาถาของตนถูกซ่งเชวียคลี่คลายไปได้ ดวงตาก็อัดแน่นไปด้วยปราณสังหาร เขาเองก็เป็นคนดุดันเฉียบขาดมากพอ วินาทีที่ควันสองกลุ่มปะทะกับร่างของทาสบุพกาลทั้งสอง มือทั้งคู่ของเขาก็พลันทำมุทรา สิบนิ้วประกบกันตรงหน้า ปากเปล่งเสียงที่เป็นดั่งเสียงของภูตผีปีศาจออกมาอย่างไม่ลังเล!

“มารสุริยาปีศาจจันทรา!” เสียงคำรามกระหึ่มที่ราวกับดังมาจากกาลเวลาอันไกลโพ้นทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือน ทั้งดินแดนเซียนนิรันดร์กาลเหมือนตกสู่ห้วงแห่งอันธการ เสียงนี้แฝงไว้ด้วยพละกำลังที่ไม่อาจหาคำมาบรรยาย วินาทีที่ดังกึกก้อง ควันทั้งสองกลุ่มที่พอเขมือบกลืนร่างของทาสบุพกาลสองคนไว้ได้แล้วก็พุ่งฝ่าเข้าไปในร่างของพวกเขา ก่อนจะเริ่มกัดกิน เวลาเพียงแค่ชั่วพริบตาก็กลืนกินพลังชีวิต ดูดจิตวิญญาณ เลือดเนื้อและทุกสิ่งทุกอย่างของทาสบุพกาลสองคนนั้นไปจนเกลี้ยง!

ต่อให้ทาสบุพกาลทั้งสองจะได้รับตราผนึกที่เต้าเฉินเคยทิ้งไว้ให้ ทว่ามาวันนี้เมื่อเต้าเฉินตายไป แล้วต้องมาเจอกับเวทคาถาพิลึกพิลั่นของนักพรตทงเทียนก็ยังไม่อาจหยุดยั้งการถูกกลืนกินของพวกเขาได้ หลังจากที่ดูดกลืนทาสบุพกาลทั้งสองคนนี้เข้าไปแล้ว ควันสองกลุ่มนั้นก็พลันเกิดการเปลี่ยนแปลง เพียงชั่วพริบตา… ก็ขยายใหญ่กว่าเดิมหลายสิบเท่าอย่างน่าอกสั่นขวัญผวา มองไกลๆ พวกมันก็เหมือนกลายร่างมาเป็นพระอาทิตย์และพระจันทร์!

นั่นคือพระอาทิตย์กลมดิก นั่นคือพระจันทร์เต็มดวง!

ภาพเหตุการณ์นี้ปรากฏในคลองจักษุของนักพรตทุกคนบนดินแดนเซียนนิรันดร์กาล ความกดดันบีบคั้นนี้ทำให้พวกเขาแทบจะหายใจกันไม่ออก พวกเขาส่วนใหญ่ล้วนมองรายละเอียดปลีกย่อยไม่ออก แต่พวกต้าเทียนซือกลับมองเห็นอย่างชัดเจน เมื่อเห็นว่านักพรตทงเทียนสามารถพลิกฟื้นสถานการณ์ที่เดิมทีต้องตายแน่ๆ กลับมาเป็นฝ่ายครองความได้เปรียบ พวกเขาแต่ละคนก็อดใจสั่นไม่ได้

“นักพรตทงเทียน…”

“หากไม่เป็นเพราะเขา ช่วงแรกๆ หลังจากที่คนของโลกทงเทียนเข้ามาอยู่ในดินแดนเซียนนิรันดร์กาลก็คงไม่มีคนตายไปมากมาย และต้องแบกรับกับค่าตอบแทนที่สาหัสทุกข์ทรมานขนาดนั้น!”

พวกต้าเทียนซือต่างก็มีความรู้สึกที่ซับซ้อนต่อนักพรตทงเทียน แม้ว่าความเกลียดแค้นของพวกเขาที่มีต่อทงเทียนจะไม่มากเท่าที่ป๋ายเสี่ยวฉุนมี แต่ก็แทบจะไม่ได้ต่างกันสักเท่าไหร่

แต่ไม่ว่าจะเกลียดแค้นอย่างไร พวกเขาก็จำต้องยอมรับว่า นักพรตทงเทียน…คือบุคคลที่มากพรสวรรค์ มีฝีมือน่าครั่นคร้ามอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นพรสวรรค์ของตัวเขาเอง หรือการที่เขาเคยอาศัยกำลังของตัวเองคนเดียวมาทำให้สายเลือดของจักรพรรดิขุยเกือบขาดหายตอนที่อยู่ในร่างของจักรพรรดิขุย หรือแม้แต่การที่เขาไม่ใยดีสายเลือดของตัวเอง ไม่แยแสสิ่งใด ยอมที่จะทำลายเรือนกายของจักรพรรดิขุยเพียงแค่เพื่อให้ตัวเองได้จากมา ทุกอย่างนี้ล้วนคู่ควรกับคำว่าสิงห์ร้ายผู้ทะเยอทะยาน และเขาก็สามารถพาตัวเองขึ้นสู่จุดสูงและมีตบะที่คนนับไม่ถ้วนจำต้องสะท้านสะเทือนและไม่กล้าเอาตัวมาเปรียบเทียบได้อย่างแท้จริง ทั้งหมดนี้ที่เกิดขึ้นกับตัวของเขาจึงเป็นเหตุให้แม้ใครอื่นจะเกลียดแค้นนักพรตทงเทียน แต่ก็จำต้องยอมรับในความแข็งแกร่งเหี้ยมหาญของเขา!

โดยเฉพาะการตัดสินใจที่เฉียบขาดในวินาทีตัดสินความเป็นความตายเมื่อครู่นี้ที่สามารถพูดได้ว่าทั่วทั้งดินแดนเซียนนิรันดร์กาล คนที่จะสามารถทัดเทียมกับเขาได้นั้นมีน้อยยิ่งกว่าขนหงส์เขากิเลน!

ขณะเดียวกันกับที่ดินแดนเซียนนิรันดร์กาลพลิกเปลี่ยนสถานการณ์กลับคืนมา ในห้วงจักรวาล ผู่กงอิงเมล็ดสุดท้ายที่แฝงเร้นพลังชีวิตและอำนาจจิตของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ได้หล่นลงบนซากปรักหักพังแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างไปไกลแสนไกลแล้ว

วินาทีนี้ทั้งห้วงจักรวาลได้อบอวลไปด้วยผู่กงอิงที่จำแลงมาจากป๋ายเสี่ยวฉุน และพื้นที่สามส่วนในนั้นก็ได้มีประกายแสงไฟเปล่งวูบวาบ ราวกับว่าในห้วงจักรวาลที่มืดมิดแห่งนี้ ความมืดและแสงสว่างกำลังประชันพละกำลังกัน!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!