Skip to content

A Will Eternal 1304

บทที่ 1304 นิ้วหลัวเทียน

“จักรพรรดิขุย!!”

“ท่านพ่อ!!”

“เสี่ยวฉุน!!”

หมัดสุดท้ายของคนทั้งสองปรากฏเด่นชัดอยู่ในสายตาของทุกคนบนดินแดนเซียนนิรันดร์กาล เสียงร้องอุทานด้วยความตกตะลึงและเสียงครวญสิ้นหวังจึงดังออกมาทันที แล้วพวกเขาก็ยิ่งเห็นภาพที่ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนปลิวละลิ่วลงมาจากฟ้าตรงดิ่งเข้าหามหาสมุทรหย่งเหิง!

กลางห้วงจักรวาล นี่ฝานเองก็ตัวสั่นสะท้าน นั่นเป็นเพราะการต่อสู้ระหว่างเขากับป๋ายเสี่ยวฉุนในครั้งนี้ได้เผาผลาญพลังของเขาไปมากจนเกินกว่าจะบรรยาย และความรับมือยากรวมถึงความแข็งแกร่งของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยิ่งเป็นสิ่งที่เขาเพิ่งเคยพบเจอเป็นครั้งแรกในชีวิต

ยามนี้ในที่สุดเขาก็สามารถสังหารร่างแห่งเต๋าทั้งหมดของป๋ายเสี่ยวฉุนได้สำเร็จ ต่อให้ร่างแห่งเต๋าของเขาจะเหลืออยู่แค่แปดร่าง

แต่เขาก็เข้าใจดีว่า หากให้เวลาป๋ายเสี่ยวฉุนได้ฟื้นคืนพลัง ถ้าเช่นนั้นการต่อสู้ระหว่างคนทั้งสองก็จะไม่มีทางจบสิ้นลงเหมือนเดิม

“ข้าไม่มีทางให้โอกาสเจ้าแน่!” ดวงตานี่ฝานเป็นประกายวาบ พลันยกมือขวาขึ้นคว้าจับผ่านอากาศ ทันใดนั้นห้วงจักรวาลก็ส่งเสียงสะเทือนเลือนลั่น เรือรบเก่าแก่ที่เคยปรากฏตัวอยู่เหนือซากปรักหักพังของโลกแห่งเซียนได้โผล่พรวดออกมาเสียงดังสนั่นหวั่นไหวอีกครั้ง!

หลังจากปรากฏตัว เรือรบที่เป็นสีดำสนิททั้งลำก็ไม่ได้หยุดชะงัก แต่พุ่งทะยานเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน…หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ ทะยานเข้าชนมหาสมุทรหย่งเหิงที่อยู่ใต้ร่างป๋ายเสี่ยวฉุน

ดูจากลักษณะของมันแล้วน่าจะต้องพุ่งชนทำลายดินแดนเซียนนิรันดร์กาลแห่งนี้ก่อน!

การที่สุดท้ายแล้วป๋ายเสี่ยวฉุนย้ายสมรภูมิรบมาที่ดินแดนเซียนนิรันดร์กาล

นี่ฝานย่อมมองออกอยู่แล้วว่าเป็นเพราะเหตุใด แต่เป้าหมายของเขาก็คือดินแดนเซียนนิรันดร์กาลเหมือนกัน นี่จึงเป็นความต้องการที่สอดคล้องกับป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างพอดิบพอดี

พลังอำนาจของเรือรบน่าครั่นคร้าม พายุหมุนสีดำที่ก่อตัวขึ้นสูงทะยานเทียมฟ้าหมุนคว้างซัดตะลุยมาอย่างต่อเนื่อง ราวกับว่าได้พกพาเอาปราณของการดับสูญและความมืดมิด ยิ่งไปกว่านั้นคือซุกซ่อนปราณแห่งความตายไร้ที่สิ้นสุดให้ทะยานเข้ามาใกล้ในฉับพลัน

ทุกอย่างเหมือนได้หวนคืนไปสู่จุดเริ่มต้น คนทั้งสองเริ่มเปิดฉากสงครามกันที่นี่ และจะปิดฉากสงครามลงที่นี่เช่นกัน!

เมื่อเรือรบขยับเข้ามาใกล้ ผืนแผ่นดินของดินแดนเซียนนิรันดร์กาลก็เริ่มปริแตกเหมือนจะแหลกสลาย สายตาป๋ายเสี่ยวฉุนพร่าเลือนเล็กน้อย เรือนกายของเขาอ่อนกำลังอย่างถึงที่สุด เมื่อบทมิวางวายไม่สามารถฟื้นคืนพลังมาให้ได้ อวัยวะภายในของเขาก็คล้ายจะแหลกสลายเป็นเสี่ยงๆ

อาการบาดเจ็บของเขาสาหัสเกินไป แม้ว่าหมัดสุดท้ายของนี่ฝานจะไม่สามารถสังหารร่างจริงของเขาได้โดยตรง แต่กลับทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส ระหว่างที่ร่างปลิวละลิ่วลงมา ป๋ายเสี่ยวฉุนฝืนลืมตามองเรือรบสีดำสนิทบนท้องฟ้าอย่างยากลำบาก แล้วจึงเห็นว่ามันทำท่าจะบดขยี้ดินแดนเซียนนิรันดร์กาล และนั่นทำให้เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งความตายที่แผ่มาจากดินแดนเซียนนิรันดร์กาลในทันที

“ที่สุดท้ายแล้วข้าเลือกจะกลับมาที่นี่…ก็เพราะคิดว่า หากไม่ตายไปพร้อมกับญาติมิตรของข้า ถ้าเช่นนั้น…ก็จะอาศัยต้นกำเนิดแห่งนิรันดร์กาลของที่นี่ มาโจมตีกลับคืนไปเป็นครั้งสุดท้าย!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนพยายามควบคุมลมหายใจ ในดวงตาฉายแววของความหวังเสี้ยวหนึ่ง ภายใต้สถานการณ์ที่ส่วนประกอบทั้งในและนอกร่างกำลังเดินไปสู่ความตาย ภายใต้สถานการณ์ที่ไฟแห่งชีวิตอาจดับลงได้ทุกเมื่อนี้ เขาเหมือนจะสัมผัสได้ถึงการชักนำบางอย่าง ราวกับว่า…การที่อยู่ในภาวะเช่นนี้ได้ทำให้เขาสัมผัสถึงต้นกำเนิดแห่งนิรันดร์กาลชัดเจนมากที่สุดในชีวิต!

“ต้นกำเนิด คืออะไรกันแน่…” ป๋ายเสี่ยวฉุนเงยหน้ามองเรือรบสีดำที่พุ่งทะยานครืนครั่นลงมาจากท้องฟ้า เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังแห่งการทำลายล้างที่เรือลำนี้แผ่ออกมา เมื่อสัมผัสได้ว่าดินแดนเซียนนิรันดร์กาลกำลังสั่นสะท้านราวกับใกล้จะแหลกสลายเป็นเสี่ยงๆ เพราะไม่อาจต้านรับพลังน่าครั่นคร้ามจากเรือรบได้ไหว เมื่อสัมผัสได้ถึงเปลวเพลิงแห่งชีวิตที่ส่ายไหวโอนเอนของทุกชีวิตที่อยู่บนดินแดนแห่งนี้ เขาก็อดที่จะพึมพำกับตัวเองเบาๆ ไม่ได้

“ต้นกำเนิดไร้รูปไร้ลักษณ์ ราวกับว่าไม่ดำรงอยู่ ขณะเดียวกันก็สร้างและครอบคลุมทุกการดำรงอยู่และทุกรูปลักษณ์” ป๋ายเสี่ยวฉุนเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขากลายมาเป็นเหมือนห้วงจักรวาลที่อัดแน่นไปด้วยหมื่นสรรพสิ่ง และเมื่อคำพูดของเขาดังออกมา ต้นกำเนิดแห่งนิรันดร์กาลทั้งหมดที่จำแลงมาเป็นปราณแห่งความลี้ลับซึ่งอบอวลอยู่รอบดินแดนเซียนนิรันดร์กาลก็สั่นสะเทือนอย่างพร้อมเพรียงกัน ราวกับถูกป๋ายเสี่ยวฉุนเขย่าคลอนจึงเกิดการขานรับ

“ต้นกำเนิดไร้จุดเริ่มต้นไร้ที่สิ้นสุด แต่ขณะเดียวกันก็สร้างและครอบคลุมทุกจุดกำเนิดและทุกการสิ้นสุด” พอประโยคนี้ของป๋ายเสี่ยวฉุนดังออกมา ปราณลี้ลับทั้งหมดที่อยู่รอบด้านก็พลันระเบิดออกพร้อมกัน ครั้นแล้วจึงพุ่งมารวมตัวกันที่ร่างป๋ายเสี่ยวฉุน พากันโอบล้อมอยู่นอกกายเขา ทำให้กลายมาเป็นพายุลูกหนึ่งที่มองไม่เห็น!

“ต้นกำเนิดไม่มีห้วงมิติ แต่ขณะเดียวกันก็สร้างและครอบคลุมทุกห้วงมิติ” ประโยคที่สามของป๋ายเสี่ยวฉุนเอ่ยจบ พายุที่เกิดจากปราณแห่งความลี้ลับก็หมุนคว้างอย่างรวดเร็ว กลายมาเป็นน้ำวนที่คนนอกมองไม่เห็นซึ่งผลักดันร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนเอาไว้ ทำให้เรือนกายที่อ่อนระโหยโรยแรงอย่างถึงที่สุดของเขาไม่ร่วงดิ่งลงมาอีก แต่ลอยค้างอยู่ระหว่างฟ้าและดิน!

“ต้นกำเนิดไม่มีห้วงเวลา แต่ขณะเดียวกันก็สร้างและครอบคลุมทุกห้วงเวลา” ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนฉายประกายแสงแรงกล้า ชั่วขณะที่ประโยคที่สี่ของเขาดังออกไป น้ำวนรอบกายเขาที่ก่อตัวขึ้นจากปราณของความลี้ลับก็พลันหมุนคว้างรวดเร็ว ผลักดันให้ร่างของเขาไม่ลอยนิ่งอีกต่อไป แต่กลับทะยานขึ้นสู่ห้วงจักรวาล!

มองไกลๆ ก็ราวกับว่าเขาได้ลุกผงาดขึ้นมาอีกครั้ง!

ทั้งยังทำให้ห้วงจักรวาลสั่นสะเทือนราวกับมีเสียงแห่งการขานรับของเต๋าที่ยิ่งใหญ่ดังกึกก้องไปทั่ว หรือแม้แต่ความมืดในโลกซากปรักหักพังนับล้านแห่งที่เดิมทีถูกปิดผนึกไว้ด้วยน้ำแข็ง บัดนี้ก็ยังเริ่มปริแตก

นี่ฝานที่ยืนอยู่ในห้วงจักรวาลพลันเบิกตากว้าง หัวใจมีคลื่นลูกยักษ์โถมกระหน่ำ ถึงกับร้องอุทานเสียงหลง

“นี่มัน…ปราณแห่งนิรันดร์กาล!!”

และขณะที่นี่ฝานกำลังตะลึงพรึงเพริดนั้นเอง เสียงของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ดังขึ้นมาระหว่างฟ้าดินของดินแดนเซียนนิรันดร์กาล ก้องสะท้อนไปในห้วงจักรวาล อื้ออึงไปทั่วทั้งโลกแห่งนิรันดร์กาลอีกครั้ง!

“ต้นกำเนิด ข้ายังไม่อาจบรรลุอย่างกระจ่างแจ้ง แต่นิรันดร์กาล ข้ากลับพอรู้อย่างผิวเผิน…” ป๋ายเสี่ยวฉุนยังคงหลับตา เขายังคงอ่อนแรง แต่เมื่อดวงตาทั้งคู่บนเรือนกายที่อ่อนเปลี้ยลืมขึ้นอีกครั้ง ดวงตาของเขากลับฉายความมั่นใจอย่างแรงกล้า!

“แต่…เต๋ายิ่งใหญ่ที่ทุกชีวิตพากันขานรับ ความลี้ลับที่ทุกชีวิตพากันกู่ก้อง ใช้สิ่งนี้…สังหารนี่ฝาน ก็เพียงพอแล้ว!”

ทันใดนั้นเปลวเพลิงขุมหนึ่งก็พลันลุกไหม้ขึ้นบนร่างของป๋ายเสี่ยวฉุน นั่นคือการเผาไหม้ของเต๋า นั่นก็คือการเผาไหม้ของพลังชีวิต และนั่นก็ยิ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงสะท้านฟ้าบางอย่างที่เกิดขึ้นในร่างของเขาอย่างเงียบเชียบ ราวกับว่า…ได้ฝ่าทะลุขอบเขตของผู้บงการมาส่วนหนึ่ง เป็นเหตุให้ปราณแห่งความลี้ลับมหัศจรรย์ที่เกิดจากการรวมตัวกันของต้นกำเนิดแห่งนิรันดร์กาลรอบด้านปะทุเดือดพล่าน

อาศัยการเดือดพล่าน อาศัยสัมผัสที่เชื่อมโยงถึงกัน ป๋ายเสี่ยวฉุนพลันยกมือขวาขึ้นแล้วชี้ไปยังเรือรบสีดำที่พกพาเอาปราณของการทำลายล้างไร้ที่สิ้นสุดให้พุ่งทะยานครืนครั่น…เข้าใส่!

การชี้ครั้งนี้มองดูเหมือนเรียบง่ายไร้ความอัศจรรย์ใดๆ ไม่มีพลังของวิชาอภินิหารแฝงเร้น ยิ่งไม่มีริ้วคลื่นของเวทคาถาใดๆ แต่เมื่อนิ้วนี้ชี้ลงไป นี่ฝานที่ยืนอยู่กลางห้วงจักรวาลกลับหน้าเปลี่ยนสีในฉับพลัน ทั้งยังร้องอุทานตกใจออกมาอีกครั้งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“เจ้า…”

แต่ยังไม่ทันรอให้เขาพูดจบ เรือรบสีดำที่พุ่งเข้าชนดินแดนเซียนนิรันดร์กาลซึ่งอยู่ระหว่างฟ้าดินยังคงท่วงท่าของการจู่โจมเอาไว้ แต่กลับเหมือนภาพวาดภาพหนึ่งที่ถูกมือใหญ่ซึ่งมองไม่เห็นลบทิ้งโดยเริ่มจากหัวเรือเป็นต้นมา…

มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าหัวเรือสลายหายไปก่อน จากนั้นก็ตามมาด้วยตัวเรือ จนกระทั่งเรือรบที่อบอวลไปด้วยปราณแห่งความตาย เปี่ยมไปด้วยพลังไร้ที่สิ้นสุดแห่งนี้ล้วน…หายไปหมดอย่างไร้ร่องรอย!!

ร่องรอยทุกอย่างที่บอกให้รู้ถึงการดำรงอยู่ของมันล้วนหายไปสิ้นไม่มีหลงเหลือ!

บนท้องฟ้าไม่มีริ้วคลื่นใดๆ ป๋ายเสี่ยวฉุนหน้าขาวซีดเล็กน้อย การชี้ครั้งนี้คือการที่เขาควบคุมปราณแห่งความลี้ลับของต้นกำเนิดแห่งนิรันดร์กาล ไม่ได้ทำเหมือนการย้อนเวลากลับอย่างก่อนหน้านี้ที่อาศัยการนำพาเพื่อหาโอกาสมาโจมตีนี่ฝาน คราวนี้เขาผสานตัวเองเข้าไป ใช้การเผาผลาญชีวิตของตัวเองเป็นค่าตอบแทน อาศัยการขานรับที่ตัวเองมีต่อห้วงจักรวาลและต้นกำเนิดแห่งนิรันดร์กาลมาขับไล่นี่ฝานออกไป!

นำพากับขับไล่ ความหมายนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง!

ร่างกายของเขายิ่งอ่อนระโหยโรยแรงมากกว่าเดิม แต่ดวงตาของเขากลับยิ่งฉายแสงคมกล้า นิ้วมือของเขายังคงยกขึ้น แต่นี่ฝานที่ยืนอยู่ในห้วงจักรวาลกลับจิตวิญญาณสั่นสะท้านรุนแรงถึงขีดสุด ทุกชีวิตก็ล้วนอึ้งค้าง ทุกคนเหมือนจะตะลึงพรึงเพริดไปหมดเพราะการยกนิ้วขึ้นชี้ของป๋ายเสี่ยวฉุน!

ท่ามกลางความเงียบงัน ร่างของนี่ฝานสั่นเทิ้มเป็นครั้งแรก เขามีความรู้สึกอย่างแรงกล้างบางอย่างว่าหากไม่ขัดขวางป๋ายเสี่ยวฉุน ถ้าเช่นนั้นเขาก็จะไม่มีโอกาสอีกตลอดชีวิต

นั่นเป็นเพราะป๋ายเสี่ยวฉุนในเวลานี้สร้างความหวาดกลัวอย่างไร้ที่สิ้นสุดให้แก่เขา ถึงขั้นที่ว่าแม้แต่เงาร่างของเมี่ยเซิ่งที่อยู่ด้านหลังซึ่งเขามองไม่เห็นนั้นก็ยังตัวสั่นเช่นกัน นัยน์ตาของอีกฝ่ายฉายแววของการย้อนทวนความทรงจำกลับไปในกาลเวลาที่ผ่านมาเนิ่นนาน ริมฝีปากทั้งคู่ของเขาสั่นระริก ไม่ได้มีเสียงใดเล็ดรอดออกมา แต่ดูจากรูปปากของเขาเหมือนจะเอ่ยสองคำว่า

หลัวเทียน!

“ขัดขวางเขา!!” นี่ฝานคำราม เงาร่างของเมี่ยเซิ่งที่อยู่ด้านหลังก็คำรามเช่นกัน ซ้ำวินาทีนี้คนทั้งสองยังผสานร่างรวมเข้าด้วยกันจนแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร ครั้นแล้วตราประทับรูโหว่ตรงกลางหว่างคิ้วของนี่ฝานก็จำแลงมาเป็นดวงตาที่สามของเขา พอลืมโพลงขึ้นก็เผยให้เห็น…สายตาที่ไม่ใช่ของนี่ฝานอีกต่อไป แต่เป็นสายตาของผู้ที่ถูกเรียกขานว่า…เมี่ยเซิ่ง!!

บัดนี้ร่างของนี่ฝานที่พุ่งกระโจนเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุนคล้ายจะแผ่ริ้วคลื่นที่น่ากลัวยิ่งกว่าเดิม!

และป๋ายเสี่ยวฉุนในเวลานี้ ร่างของเขาที่ได้การค้ำประคองจากน้ำวนปราณแห่งความลี้ลับที่ก่อตัวขึ้นจากต้นกำเนิดแห่งนิรันดร์กาลก็เดินทีละก้าวขึ้นไปบนห้วงจักรวาล จนกระทั่งวินาทีที่เดินออกจากดินแดนเซียนนิรันดร์กาล มายืนอยู่ในห้วงจักรวาลนั้นก็คือชั่วขณะเดียวกันกับที่ผู้บงการนี่ฝานพุ่งเข้ามาถึง

ป๋ายเสี่ยวฉุนยกนิ้วมือขึ้นชี้เป็น…ครั้งที่สอง!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!