Skip to content

A Will Eternal 162

บทที่ 162 ปราณชีพจรฟ้า!

มองเห็นว่าซ่งเชวียมีแผ่นหยกนำส่งล้ำค่าอยู่ในมือ ดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนก็เปล่งแสงวาววับ เขามองไปยังทิศทางที่ซ่งเชวียถูกนำตัวส่ง แอบสัมผัสได้ถึงสถานที่ที่อีกฝ่ายไปโผล่ ขณะกำลังคิดจะไล่ตาม ฝีเท้าก็พลันชะงักกึก ก้มหน้าลงมองพื้นดินทีหนึ่ง

เวลานี้พื้นดินได้ถูกการระเบิดก่อนหน้านี้ของก้อนเลือดบดทับจนแบนราบ…

‘ทะแม่งๆ แหะ’ ป๋ายเสี่ยวฉุนสงสัย

‘ในเมื่อซ่งเชวียมีแผ่นหยกนำส่งอยู่กับตัว ตามหลักแล้วหลังจากที่ถูกข้าขัดขวางน้ำขึ้นน้ำลงครั้งที่เก้า เขาก็น่าจะใช้การนำส่งทันทีถึงจะถูก เพราะยังไงซะข้าก็สร้างฐานรากด้วยน้ำขึ้นน้ำลงเก้าครั้งสำเร็จแล้ว ส่วนเขาถูกขัดจังหวะกลางคัน น้ำขึ้นน้ำลงในร่างพังทลาย เวลาแบบนี้ถือว่าไม่เป็นผลดีกับเขามากที่สุด!’

‘ทว่าเขากลับไม่ได้ใช้แผ่นหยกนำส่งทันที กลับเอาก้อนเลือดออกมาใช้ ไม่สนใจว่าต้องบาดเจ็บหนัก ยังไงก็จะต่อสู้กับข้าให้ได้ มองดูแล้วเหมือนคิดจะหลั่งเลือดต่อสู้กับข้าด้วยความโกรธแค้น แต่ตอนนี้มาคิดๆ ดูแล้ว ทำไมเหมือนกับว่า…เขาพยายามลบร่องรอยบนพื้นล่ะ?’ ป๋ายเสี่ยวฉุนยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าน่าสงสัย เขาย้อนนึกถึงการกระทำของซ่งเชวียก่อนหน้านี้ ไม่นานดวงตาทั้งคู่ของป๋ายเสี่ยวฉุนก็เปล่งแสงวาบ

‘หลังจากที่ถูกข้าขัดขวาง เขาไม่ได้ทำแค่อย่างเดียว แต่ทำถึงสองอย่าง น้ำขึ้นน้ำลงรอบที่เก้าในร่างกายของเขาแตกสลาย ปราณชีพจรดินกระจายออก นี่เป็นเรื่องปกติ แต่ที่ไม่ปกติก็คือเขารวบรวมชีพจรดินเข้าไว้ด้วยกัน กลายมาเป็นลำแสงหลอมรวมเข้ากับท้องฟ้า เพิ่มความเร็วในการกลับคืน’

‘สองเรื่องนี้มองดูแล้วเหมือนไม่มีอะไร แต่พอมาคิดอย่างละเอียด…กลับเป็นปัญหาใหญ่!’

‘เขาปิดบังเรื่องบางอย่าง!’

‘เรื่องที่ปิดบังนี้เกี่ยวข้องกับท้องฟ้า เกี่ยวข้องกับค่ายกลบนพื้นดิน ส่วนเขาปิดบังเรื่องอะไรอยู่กันแน่นั้น แค่เปรียบเทียบตอนนี้กับก่อนหน้านั้นก็สามารถเดาได้แล้ว’ ป๋ายเสี่ยวฉุนเงยหน้ามองท้องฟ้า เนื่องจากน้ำวนของน้ำขึ้นน้ำลงรอบที่เก้าหายไป เนื่องจากปราณชีพจรดินของซ่งเชวียกลับคืนไปโดยตรง แม้รอบด้านจะยังมีน้ำวนเล็กๆ ปรากฏขึ้นมาบ้าง แต่เห็นได้ชัดเจนว่านภากาศในยามนี้ใหญ่หนาขึ้นมาจากก่อนหน้านี้ไม่น้อย

‘เนื่องจากน้ำวนของน้ำขึ้นน้ำลงรอบที่เก้า ปราณชีพจรดินหายไปเป็นจำนวนมาก ท้องฟ้าก่อนหน้านี้จึงเบาบาง…’ ดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนวับไหว หลังจากหาจุดที่แตกต่างกันเจอแล้วก็ก้มหน้าลงมองพื้นดินอีกครั้ง

กุ่ยหยาและซ่างกวานเทียนโย่วที่ยืนอยู่ด้านข้างมองท่าทางของป๋ายเสี่ยวฉุน กุ่ยหยาสงสัย แต่ซ่างกวานเทียนโย่วกลับหัวเราะเสียงเย็นอยู่ในใจ หมุนตัวสะบัดร่างจากไปไกล

ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ได้สนใจซ่างกวานเทียนโย่ว เอาแต่มองพื้นดิน มองไปรอบด้าน

‘อันที่จริงที่นี่ไม่เหมาะสำหรับใช้เป็นสถานที่สร้างฐานราก ทว่าซ่งเชวียกลับเจาะจงเลือกที่นี่โดยเฉพาะ และสุดท้ายยังลบร่องรอยทุกอย่างออกไป’ ป๋ายเสี่ยวฉุนขมวดคิ้ว เดินไปเดินมาอยู่ตรงนั้น เดินก้าวหนึ่งก็เงยมองหน้าท้องฟ้าครั้งหนึ่ง

ไม่นานเขาก็มาหยุดอยู่ตรงจุดที่ซ่งเชวียนั่งขัดสมาธิก่อนหน้านี้ เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าจากตรงจุดนั้น ขณะที่กำลังจะก้าวเดินต่อ พลันต้องชะงักฝีเท้า หน้าเปลี่ยนสี จ้องเขม็งไปบนท้องฟ้า

ฟากฟ้าเป็นปกติ หนาขึ้นและมีพลังขึ้นมาไม่น้อย ทว่าวินาทีนี้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะภาพลวงตาหรือไม่ ป๋ายเสี่ยวฉุนอาศัยจุดสูงสุดชีพจรดินของน้ำขึ้นน้ำลงเก้าครั้งในร่างกายของตัวเอง สัมผัสได้ว่าบนท้องฟ้ามีพลานุภาพสยบที่…ทำให้เขาตกตะลึงอยู่เส้นหนึ่ง!

และพลานุภาพสยบนี้ก็ทำให้เขากระหายใคร่รุนแรง คล้ายว่ามหาสมุทรวิญญาณเก้าชั้นในร่างของเขาเกิดการเชื่อมโยงบางอย่างต่อกัน

“นี่คือ…” ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกเหลือเชื่อ ร่างของเขาสั่นเทา หายใจถี่กระชั้น เขากระโดดผลุงขึ้น บินทะยานออกไปไกลด้วยความรวดเร็ว

กุ่ยหยาขมวดคิ้ว มองเห็นว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจากไปแล้ว เขาเดินไปยังจุดที่ป๋ายเสี่ยวฉุนยืนอยู่ก่อนหน้านี้ด้วยความลังเล จากนั้นก็เงยหน้ามองท้องฟ้า ทว่ากลับไม่พบอะไร ผู้ที่สัมผัสได้ถึงความผิดปกติบนท้องฟ้า หากไม่เป็นอย่างซ่งเชวียที่เตรียมอาวุธวิเศษบางอย่างและจุดเชื่อมต่อจำนวนมากมาไว้ก่อนหน้า ก็ต้องเป็น…ผู้ที่ครองจุดสูงสุดชีพจรดินน้ำขึ้นน้ำลงเก้าครั้ง

โดยเฉพาะฝ่ายหลังที่ยิ่งสัมผัสได้ชัดเจนยิ่งกว่าฝ่ายแรก

ผ่านไปครู่ใหญ่ กุ่ยหยาส่ายหัวและไปจากที่แห่งนี้

ไม่นานนักป๋ายเสี่ยวฉุนก็กลับมาอีกครั้ง สีหน้าเขาตื่นเต้น ข้างกายมีโหวอวิ๋นเฟยตามมาด้วย ก่อนหน้านี้โหวอวิ๋นเฟยกำลังจะสร้างน้ำขึ้นน้ำลงใหม่รอบใหม่ก็ถูกป๋ายเสี่ยวฉุนพามาที่นี่ด้วยกัน

“พี่ใหญ่โหว รวบรวมน้ำขึ้นน้ำลงที่นี่เถอะ ข้าจะช่วยเพิ่มความเร็วให้ท่านเอง ข้าสงสัยว่าท้องฟ้าเบื้องบนจุดนี้ มีปราณพิเศษบางอย่างอยู่!!” ขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเอ่ยปากด้วยความตื่นเต้น โหวอวิ๋นเฟยก็ส่งยิ้มให้ ไม่ได้ซักถามละเอียด สำหรับป๋ายเสี่ยวฉุนแล้ว เขาเชื่อใจอย่างไร้ข้อกังขา เวลานี้จึงนั่งขัดสมาธิตรงจุดที่ป๋ายเสี่ยวฉุนต้องการ หลับตาลงแล้วเริ่มรวบรวมน้ำขึ้นน้ำลง

ป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่ข้างกายโหวอวิ๋นเฟย ยกมือขวากดลงไปบนแผ่นหลังของโหวอวิ๋นเฟย มหาสมุทรวิญญาณเก้าชั้นในร่างหมุนโคจรหลอมรวมเข้าไปในร่างของโหวอวิ๋นเฟย เพิ่มความเร็วในการหมุนวนของน้ำขึ้นน้ำลง

ไม่นานน้ำขึ้นน้ำลงรอบที่สี่ของโหวอวิ๋นเฟยก็โผล่ขึ้นมา ก่อรูปเป็นน้ำวนพุ่งทะยานขึ้นสู่นภากาศ ทำให้ปราณชีพจรดินรอบด้านถูกดึงดูดเข้ามาหาเสียงดังครั่นครืน

แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับรู้สึกว่าช้าเกินไป ภายใต้ตบะตลอดร่างที่หมุนวน อาศัยพลังน้ำขึ้นน้ำลงที่เป็นจุดสุดยอดของชีพจรดินในร่างตัวเองกระตุ้นร่างของโหวอวิ๋นเฟย ทำให้น้ำขึ้นน้ำลงรอบที่ห้า รอบที่หกของโหวอวิ๋นเฟยปรากฏครึกโครมออกมาในพริบตา

วิธีการเช่นนี้คนอื่นทำไม่ได้ มีเพียงป๋ายเสี่ยวฉุนเท่านั้นที่ทำได้ นี่ถือเป็นพลังพิเศษเฉพาะตัวของผู้ที่เป็นจุดสุดยอดชีพจรดิน แต่ว่ามีค่าตอบแทน ช่วยคนคนหนึ่งนั้นได้ แต่หากช่วยสองคนจะทำให้ยอดของชีพจรดินในตัวป๋ายเสี่ยวฉุนถล่มลงมา แต่เดิมทีป๋ายเสี่ยวฉุนก็วางแผนไว้แล้วว่ารอให้ปราณชีพจรดินของโลกใบนี้เข้มข้นขึ้นก็จะใช้สิ่งนี้ช่วยโหวอวิ๋นเฟย

โหวอวิ๋นเฟยใจสั่นไหว เขารู้ว่าสำหรับตัวเองแล้ว นี่คือโอกาสที่ก่อนหน้านั้นทำไม่ได้แม้แต่จะคิด น้ำขึ้นน้ำลงรอบที่สี่ห้าหกปรากฏขึ้นมาพร้อมกันสามรอบ พลังดึงดูดเช่นนี้ได้สูบเอาปราณชีพจรดินรอบท้องฟ้ามาอย่างบ้าคลั่ง

“เสี่ยวฉุน…” โหวอวิ๋นเฟยอบอุ่นใจและยิ่งซาบซึ้งใจ มองไปยังป๋ายเสี่ยวฉุน ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ส่งยิ้มน้อยๆ มาให้

“พวกเราเป็นพี่น้องกันก็ควรช่วยเหลือกัน ข้าเองก็ต้องการให้ปราณชีพจรดินของที่นี่หายไป เพื่อสะดวกในการมองเห็นบางอย่าง” ป๋ายเสี่ยวฉุนกังวลว่าโหวอวิ๋นเฟยจะรู้สึกติดหนี้บุญคุณใหญ่หลวงยากจะตอบแทน ดังนั้นจึงพูดปลอบใจ ทว่าโหวอวิ๋นเฟยรู้ดี ต่อให้เรื่องจะเป็นเช่นนี้จริง ทว่าป๋ายเสี่ยวฉุนเลือกที่จะให้ตนได้รับโอกาสครั้งนี้ ไม่เสียแรงที่ก่อนหน้านี้โหวอวิ๋นเฟยยอมสละชีวิตเพื่อปกป้องป๋ายเสี่ยวฉุน

จนกระทั่งถึงน้ำขึ้นน้ำลงรอบที่เจ็ด ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็อยากช่วยให้โหวอวิ๋นเฟยสร้างขึ้นมาเช่นกัน แต่นี่กลับเป็นขีดจำกัดของโหวอวิ๋นเฟยแล้ว ยากที่จะทำได้ และในเวลานี้ เมื่อน้ำขึ้นน้ำลงสามรอบโคจรพร้อมกัน ในที่สุดก็ทำให้ท้องฟ้ากลับมาเบาบางลงอีกครั้ง!

ขณะเดียวกันกับที่มันบางลง ป๋ายเสี่ยวฉุนก็สัมผัสได้ทันทีว่าในนภากาศนั้น คลับคล้ายคลับคลาว่าจะมีปราณเส้นหนึ่ง กำลังค่อยๆ…เยื้องกรายมาเยือน

ปราณนี้เต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ เหมือนดวงตาสวรรค์กำลังค่อยๆ เปิดออก ทำให้ตลอดทั้งโลก ตลอดทั้งนภากาศและผืนดินล้วนสั่นสะเทือนหมอบกราบ!

หลังจากป๋ายเสี่ยวฉุนยืนยันกับตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าจนแน่ใจแล้ว ร่างของเขาก็สั่นเทา นัยน์ตาเผยความบ้าคลั่ง

“ปราณ…ปราณชีพจรฟ้า!!”

“เจ้าสำนักพูดถูกแล้ว ในโลกกระบี่อุกกาบาตแห่งนี้ซุกซ่อนปราณชีพจรฟ้าเส้นหนึ่งเส้นเดียวเอาไว้จริงด้วย ซึ่งนั่นสามารถทำให้คนนำมาใช้สร้างฐานรากชีพจรฟ้าได้!”

“ปราณชีพจรฟ้า…สามารถเพิ่มอายุขัยได้ห้าร้อยปี!!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนคล้ายโดนสายฟ้าฟาดใส่ไปทั่วร่าง บัดนี้เลือดเนื้อทุกก้อนของเขากำลังสั่นระริกด้วยความตื่นเต้น

เวลาเดียวกันนี้ ห่างออกไปไกลหลายร้อยลี้ ซ่งเชวียเลือกนั่งสมาธิอยู่ในหุบเขาแห่งหนึ่ง คอยควบคุมเข็มทิศในมืออยู่ตลอดเวลา ขณะที่กำลังเตรียมตัวอยู่นั้น เขาก็พลันหน้าเปลี่ยนสี เงยหน้าขึ้นทันควัน มองไปยังทิศทางที่ป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่ มองท้องฟ้าที่กำลังเบาบางลงไปอย่างรวดเร็ว

เขาเบิกตาโพลง สมองดังอื้ออึง

“แย่แล้ว!!” ซ่งเชวียร้อนใจ เขาใกล้จะบ้าแล้ว ปราณชีพจรฟ้าที่มีเพียงเส้นเดียวนี้คือสิ่งที่สำนักธาราโลหิตของเขาศึกษากันมาหลายปี คนแต่ละรุ่นช่วยกันสรุปออกมา จนกระทั่งปีนั้นที่อู๋จื๋จื่อสร้างฐานรากด้วยจุดสุดยอดของชีพจรดิน ถึงได้ข้อสรุปสมบูรณ์แบบในที่สุด อีกทั้งหลายพันปีมานี้ยังต้องสูญเสียทรัพยากรมากมหาศาล ซึ่งหลังจากที่ตั้งข้ออนุมานและวางแผนกันแล้ว ท้ายที่สุดก็ค้นพบวิธีที่ช่วยล่อมันออกมาได้!

มาถึงรุ่นของซ่งเชวีย ในฐานะที่เป็นหนึ่งในลูกศิษย์ผู้ได้รับความสำคัญมากที่สุดในสำนัก ตระกูลซ่งของเขาต้องจ่ายค่าตอบแทนมากเกินกว่าที่ใครจะจินตนาการออก ถึงได้แย่งชิงโอกาสนี้จากมือของอู๋จี๋จื่อเอามามอบให้กับซ่งเชวีย

เพื่อโอกาสในครั้งนี้ ซ่งเชวียเองก็ต้องเตรียมตัวมามากเช่นกัน รวมไปถึงการเปิดจุดเชื่อมต่อเหล่านั้น หรือแม้แต่การเสียเวลาไปมากมาย ทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนเพื่อล่อปราณชีพจรฟ้าเส้นนี้ออกมา

เดิมทีตามแผนการที่วางไว้ จุดเชื่อมต่อที่เขาสร้างฐานรากก่อนหน้านี้ หากน้ำขึ้นน้ำลงครั้งที่เก้าของเขาสิ้นสุดลง อาศัยการดึงรั้งของน้ำขึ้นน้ำลงเก้าครั้ง อาศัยความช่วยเหลือจากเข็มทิศในมือเขา เขาก็จะสามารถล่อปราณชีพจรฟ้าออกมาหลอมรวมเข้ากับร่างกาย กลายเป็นสร้างฐานรากวิถีฟ้า

ทว่ากลับถูกป๋ายเสี่ยวฉุนขัดขวาง จำต้องลบร่องรอยแล้วหลบหนีมา ที่แห่งนี้คือจุดเชื่อมต่อที่เป็นรองตำแหน่งก่อนหน้านั้น เดิมเขาคิดจะใช้เข็มทิศไปชักนำมาช้าๆ ให้ปราณชีพจรฟ้าที่ซุกซ่อนอยู่ในนภากาศซึ่งไม่มีใครจับสัมผัสได้เส้นนั้นค่อยๆ ถูกชักนำมา

แต่กลับคิดไม่ถึงว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะเจอเบาะแส ทำให้ปราณชีพจรฟ้าเส้นนั้นเกิดลางที่จะเยื้องกรายลงมา ตอนนี้แม้ว่าจะมีเพียงเขาและป๋ายเสี่ยวฉุนเท่านั้นที่สัมผัสถึง ทว่าอีกไม่นาน เมื่อการปรากฎตัวยิ่งเด่นชัดขึ้น นักพรตทุกคนที่อยู่ในโลกกระบี่อุกกาบาตแห่งนี้ก็จะสัมผัสถึงมันได้

“บัดซบ บัดซบ บัดซบ!!” ซ่งเชวียผมเผ้ากระเซอะกระเซิง แทบจะใกล้เคียงกับคนบ้า

“เตรียมตัวต่อไม่ได้อีกแล้ว และก็รอต่อไปไม่ได้อีกเหมือนกัน หากช้ากว่านี้ ปราณชีพจรฟ้าเส้นนั้นเลือกสถานที่เยื้องกรายลงไป ทุกอย่างก็จะสายไปแล้ว!”

“ต่อให้เป็นการดึงดูดความสนใจของทุกคนล่วงหน้าข้าก็ไม่สนแล้ว ต้องฉวยโอกาสตอนที่ปราณชีพจรฟ้าเส้นนี้ยังไม่ได้เลือกสถานที่จุติ ล่อมันมาที่นี่ก่อนให้ได้!!” ซ่งเชวียราวกับคนสติไม่สมประดี กัดปลายลิ้นพ่นเลือดสดลงไปบนเข็มทิศที่อยู่ด้านหน้า มือทั้งคู่ทำมุทรากดลงไปบนเข็มทิศ คำรามเสียงต่ำ

“ปราณชีพจรฟ้า จงลงมายังที่แห่งนี้!” ชั่วขณะที่หยดเลือดของเขาตกลงไปบนเข็มทิศ เข็มทิศก็ระเบิดพลังอันน่าตื่นตะลึง พุ่งทะยานเข้าหาท้องฟ้า ลอดทะลุผ่านความว่างเปล่าไปผสานเข้ากับปราณชีพจรฟ้าเส้นนั้นในชั่วพริบตา เริ่มการดึงดูด!

ปราณชีพจรฟ้าเส้นนี้เดิมทียังค่อยๆ ลดลงต่ำอย่างเชื่องช้า ทว่าบัดนี้กลับสั่นสะเทือนรุนแรง พลันร่วงดิ่งลงมาปรากฏอยู่…ใต้ท้องฟ้า!

ชั่วขณะนั้นตลอดทั้งนภากาศถูกย้อมให้เป็นสีทอง เสียงครั่นครืนดังก้อง ประกายแสงพริบพราวสาดส่องไปแปดทิศ และปราณเส้นนี้ที่อยู่ตรงจุดศูนย์กลางก็ประหนึ่งดั่งดวงอาทิตย์

นั่นคือปราณสีทองเส้นหนึ่ง สูงส่งไร้เทียมทาน คือบารมีแห่งวิถีฟ้า เป็นที่จับตามองของคนนับหมื่น

นั่นคือปราณที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลกกระบี่อุกกาบาตแห่งนี้!

นั่นคือปราณที่ต่อให้เป็นตลอดทั้งโลกแห่งการบำเพ็ญเพียร ก็ยังมีจำนวนจำกัด สุดยอดปรารถนาที่หมื่นปีก็ยากจะได้พบเห็น

นั่นคือ…อายุขัยที่เพิ่มขึ้นห้าร้อยปี เหนือล้ำชีพจรดิน จุดสูงสุดของสร้างฐานรากทั้งมวล!

มันรวมตัวกันกลายมาเป็นแก่นแท้ กลายเป็นเส้นสีทอง วินาทีที่ปรากฏอยู่ใต้ท้องฟ้า เจตนารมณ์แห่งวิถีฟ้าอันเกรียงไกรแผ่ขยายไปทั่วโลกกระบี่อุกกาบาตโดยพลัน

ทุกที่ที่ผ่าน นักพรตทุกคนจิตใจเต้นกระหน่ำบ้าคลั่ง นั่นเป็นดั่งความยึดมั่นถือมั่นในชีวิต เป็นดั่งการแสวงหาที่เหนือล้ำเกินธรรมดาสามัญ เป็นดั่ง…ความกระหายใคร่อย่างถึงขีดสุดที่เกิดขึ้นในส่วนลึกของสายเลือดนักพรตทุกผู้ทุกคน!

ความกระหายใคร่นี้อยู่เหนือสติปัญญา ทำให้คนเป็นบ้า!

“ปราณ…ปราณชีพจรฟ้า!”

“นี่คือ…ชีพจรฟ้า!”

“มันเป็นของข้า!” พริบตานั้น นักพรตแทบทุกคนต่างแผดเสียงร้องคำราม แต่ละคนห้าวหาญและคลุ้มคลั่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!

ส่วนจิ๋วต่าวที่เวลานี้กำลังรักษาบาดแผลก็ร่างสั่นเทิ้มขึ้นมาอย่างรุนแรง คำรามแหบห้าว

“ปราณชีพจรฟ้า!”

กุ่ยหยา ซ่างกวานเทียนโย่ว และนักพรตทุกคนทั้งที่สร้างฐานรากแล้วและยังไม่สร้างฐานราก บัดนี้ต่างดวงตาแดงก่ำ คลุ้มคลั่งอย่างสมบูรณ์แบบ!

คนจากสี่ทิศแปดด้านพุ่งถลาออกมาหมด!

และเวลาอย่างนี้ ต่อให้เป็นสหายร่วมสำนัก ก็ยังต้องเข่นฆ่ากันเอง!

————

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version