บทที่ 227 ควันดำลึกลับ…
ผู้อาวุโสใหญ่เขาซือเฟิงประสานมือคารวะ รีบเดินออกไป มีความมั่นใจอีกหลายส่วนว่าเย่จั้งจะหลอมยาโลหิตผันเลี้ยงศพออกมาได้ ถึงขั้นที่ว่าหลังจากเดินออกมา เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ถือโอกาสนั่งอยู่ริมขอบนอกเขตพื้นที่แห่งนี้ไปเสียเลย
“ข้าผู้อาวุโสต้องการพิทักษ์ที่แห่งนี้ด้วยตัวเอง ป้องกันไม่ให้อุบัติเหตุใดๆ เกิดขึ้น!”
ผู้อาวุโสใหญ่เขาซือเฟิงสูดลมหายใจเข้าลึก หลังจากตัดสินใจได้แล้วก็นั่งทำสมาธิ แถมยังเรียกให้ผู้อาวุโสสีเลือดสิบคนของเขาซือเฟิงออกมานั่งล้อมรอบด้านเพื่อเป็นผู้พิทักษ์ให้ป๋ายเสี่ยวฉุนด้วย
การปฏิบัติเช่นนี้ มีเพียงบุตรโลหิตเท่านั้นถึงจะได้รับ…
ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ได้สนใจเรื่องด้านนอก เขาเดินไปทั่ววังใต้ดินหนึ่งรอบ รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เขาหลอมยามาหลายปี ยังไม่เคยหลอมยาขนาดใหญ่เช่นนี้มาก่อน!
“ระดับหกขึ้นไปก็คือยาขนาดใหญ่!” ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจเข้าลึก ต่อให้ที่นี่มีศพหลอมอยู่สี่สิบกว่าตน ไอดุร้ายหนาแน่น เขาก็ไม่ใส่ใจอีกแล้ว ยามนี้เริ่มสำรวจทะเลสาบสีเลือดก่อน
น้ำสีเลือดที่อยู่ในนี้เกิดจากน้ำของแม่น้ำทงเทียนและปราณเลือดที่เข้มข้นผสมกัน ทั้งยังใส่พืชหญ้าล้ำค่าจำนวนมากลงไปด้วย กลายมาเป็นน้ำยาที่มีเฉพาะเขาซือเฟิง
และศพหลอมสี่สิบเก้าตนที่อยู่รอบด้าน แต่ละตนต่างก็ผ่านการคัดสรรอย่างประณีต แม้จะเป็นศพขาวทั้งหมด ทว่าทุกตนล้วนเทียบเคียงได้กับจุดสูงสุดของรวมลมปราณ อีกอย่างตลอดทั้งร่างก็ไม่มีรอยแผลเป็นใดๆ ปราณความตายก็ยิ่งเข้มข้น
หลังจากป๋ายเสี่ยวฉุนสังเกตดูแล้วก็พอใจมาก นั่งขัดสมาธิให้ตัวเองใจเย็นลง ใช้เวลาหนึ่งวันทำสมาธิ หลังจากกำลังกายและกำลังใจทั้งหมดไต่ขึ้นสูงถึงจุดสูงสุดแล้ว ดวงตาทั้งคู่พลันเบิกโพลง มือขวายกขึ้นโบกหนึ่งครั้ง ในถุงเก็บของก็มีพืชหญ้าลอยออกมาทันที ขณะที่มันลอยอยู่กลางอากาศก็ถูกเขาคว้าจับผ่านความว่างเปล่า แล้วบีบให้พืชหญ้าแหลกละเอียดกลายเป็นของเหลว
พืชหญ้าต้นแล้วต้นเล่าถูกผสมรวมเข้าไป ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนจับสังเกตแน่วนิ่ง ทั้งยังใช้วิธีพืชหญ้าหมื่นสรรพสิ่งมาวิเคราะห์และศึกษา จนกระทั่งมั่นใจแล้วว่าไม่มีปัญหาถึงได้เอาน้ำยาเหล่านี้หลอมรวมเข้าไปบนศพหลอมตนหนึ่ง
พอน้ำยานี้สัมผัสโดนศพก็ราวกับมีชีวิตชีวา ทะลุทะลวงเข้าไปในร่างของศพอย่างรวดเร็ว
“ยาศพของศพหลอมสี่สิบเก้าตนมองดูเหมือนคล้ายกัน ทว่าทุกเม็ดต่างมีความแตกต่างเล็กๆ น้อยๆ โดยสรุปแล้วก็คือแต่ละเม็ดล้วนไม่สมบูรณ์แบบ ต่างก็มีช่องโหว่อยู่หนึ่งช่อง!”
“นี่ยังไม่ใช่จุดที่ยากที่สุด ที่ยากก็คือช่องโหว่ของยาจากศพสี่สิบเก้าตนนี้ล้วนไม่เหมือนกัน ทำให้สุดท้ายพอเกาะตัวเข้าด้วยกันถึงชดเชยกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ…สุดท้ายกลายมาเป็นยาเม็ดใหญ่”
หน้าผากของป๋ายเสี่ยวฉุนมีเหงื่อหยดลงมา เขาไม่ได้สนใจ ตกอยู่ในภวังค์การหลอมยา
เวลาอีกครึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว การหลอมยาของป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นไปอย่างเงียบสงบ ไม่นานพวกนักพรตของเขาจงเฟิงต่างก็พากันวางใจลง และยิ่งมีคนมากขึ้นที่รู้สึกว่าเขาจงเฟิงทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่กันไปเอง หลอมยาจะไปน่ากลัวขนาดนั้นได้อย่างไร…
จนกระทั่งผ่านไปอีกหนึ่งเดือน หลังจากที่ตลอดทั้งเขาซือเฟิงยังคงไม่มีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้น ลูกศิษย์ของเขาซือเฟิงยิ่งวางใจเข้าไปใหญ่ แม้แต่นักพรตของเขาจงเฟิงก็ยังรู้สึกแปลกใจ
พอพวกเขาได้ยินว่าเย่จั้งไปเขาซือเฟิง เดิมทีคิดจะรอดูเรื่องสนุก ทว่าตอนนี้ผ่านไปสองเดือนแล้ว เขาซือเฟิงเป็นเหมือนเดิมทุกประการ ไร้ซึ่งการเปลี่ยนแปลงใดๆ จึงทำให้คนมากมายของเขาจงเฟิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่ยินยอม
“ทำไมถึงมีแต่พวกเราที่ซวย เจ้ามารโรคห่านี่ไปเขาจงเฟิง แต่ทำไมเขาจงเฟิงถึงไม่เกิดเรื่อง!!”
“ทำไมไม่มีเตาระเบิดล่ะ ทำไมไม่มีโรคท้องร่วงล่ะ…พวกเราไม่ยอม!”
“หรือว่ามารโรคห่าเปลี่ยนนิสัยแล้ว?”
จนกระทั่งผ่านไปอีกครึ่งเดือน นักพรตเขาซือเฟิงวางใจอย่างสมบูรณ์แบบ บางคนถึงขนาดลืมไปแล้วว่าป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังหลอมยา ทว่าคนของเขาจงเฟิงกลับไม่ลืม พวกเขาจ้องเป๋งไปยังเขาซือเฟิง ราวกับว่าหากไม่เห็นคนของเขาซือเฟิงซวย จะไม่ยอมเลิกราเด็ดขาด
และเวลานี้เอง ในที่สุดป๋ายเสี่ยวฉุนก็ดำเนินขั้นตอนที่หนึ่งในการหลอมยาโลหิตผันเลี้ยงศพสำเร็จ เขาปลูกพืชหญ้าจำนวนมากเพียงพอลงไปในร่างของศพทั้งสี่สิบเก้าตนเรียบร้อยแล้ว เริ่มใช้หินเพลิงโลหิตกระตุ้นอุณหภูมิให้สูงขึ้น ทำให้น้ำยาในทะเลสาบสีเลือดโหมซัดสาด ปกคลุมศพทั้งสี่สิบเก้าตนนั้นไว้ภายใน
ผ่านไปอีกหนึ่งเดือน ลูกศิษย์เขาซือเฟิงตัดใจไปเรียบร้อยแล้ว พวกเขาเจ็บใจทั้งคับแค้น รู้สึกว่าไม่ยุติธรรม รู้สึกว่าเย่จั้งผู้นี้ช่างไม่สมกับฉายามารโรคห่าเลยสักนิดเดียว
และเวลานี้เอง อยู่ๆ ก็เกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดขึ้น!
ศพหลอมสี่สิบเก้าตน แต่ละตนเริ่มแห้งเหี่ยวโรยรา ป๋ายเสี่ยวฉุนฮึกเหิมทันใด ภายใต้การทำมุทราควบคุมของเขา ยาศพสีเทาหลายเม็ดก็บินออกมาจากในทะเลสาบเลือด
“เวลาสำคัญมาถึงแล้ว!” ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจเข้าลึก ปล่อยความคิดออกมา ศพขนเขียวที่นั่งขัดสมาธิอยู่ด้านหลังเขาตลอดเวลาก็พลันเบิกตาโพลง ขนสีเขียวบนร่างสี่สิบเก้าเส้นแผ่ขยายออกมาทันใด ตรงดิ่งเข้าไปรับยาศพสี่สิบเก้าเม็ดนั้นไว้ พริบตาเดียวก็เจาะทะลุเม็ดยาแล้วสูบเข้าไปอย่างแรง
ยาศพสี่สิบเก้าเม็ดแห้งเหี่ยวไปในทันที
กลายมาเป็นเถ้าธุลี ส่วนที่ดีที่สุดล้วนถูกศพขนเขียวดูดเอาไปหมด เมื่อหลอมรวมเข้าไปในร่างกายแล้วจึงกลายมาเป็นปราณความตายสี่สิบเก้าเส้น ไหลเวียนต่อเนื่อง
สีหน้าป๋ายเสี่ยวฉุนเคร่งเครียด หันไปมองศพขนเขียวที่อยู่ข้างกายทันที มือขวายกขึ้นตบลงไปกลางอากาศติดต่อกัน ใช้ร่างของศพหลอมขนเขียวเป็นเตาหลอมยา เพื่อหลอมรวมปราณความตายสี่สิบเก้าเส้นนั้นให้กลายมาเป็น…ยาโลหิตผันเลี้ยงศพ
จากการที่มือของเขาตบลงไป ร่างของศพขนเขียวก็สั่นสะท้าน สีหน้าบูดเบี้ยว ปราณเหี้ยมโหดระลอกแล้วระลอกเล่าแผ่ซ่านออกมาจากในร่างของมันไม่ขาดสาย เส้นผมของป๋ายเสี่ยวฉุนสยายยุ่งเหยิง
นัยน์ตาแฝงไว้ด้วยความเครียด โบกมือขวาอย่างแรงหนึ่งครั้ง ศพขนเขียวตนนั้นก็บินดิ่งลงไปในทะเลสาบสีเลือดทันควัน
เพิ่งจะลงไป ทะเลสาบสีเลือดก็พลันเดือดพล่าน ป๋ายเสี่ยวฉุนสะบัดร่างหนึ่งครั้งบินขึ้นไปกลางอากาศ พอนั่งขัดสมาธิเรียบร้อย มือทั้งคู่ก็ทำมุทราชี้ไปยังศพขนเขียวติดต่อกัน ทุกครั้งที่นิ้วของเขาชี้ลงไป ทะเลสาบเลือดก็จะดังตูมหนึ่งครั้ง ปราณเลือดจำนวนมากแทรกซอนเข้าไปในร่างของศพขนเขียว
ไม่นานก็ผ่านไปสามวัน ปราณความตายสี่สิบเก้าเส้นในร่างของศพขนเขียวยังไม่สามารถผสมรวมเข้าด้วยกันได้ ทุกครั้งที่ใกล้รวมตัวกันจะต้องกระจัดกระจายออกไปเองก่อนทุกครั้ง และสามวันมานี้ร่างของศพขนเขียวเองก็เหี่ยวเฉาลงไปอย่างรวดเร็ว ถึงขั้นที่มีหลายจุดปรากฏลางจะพังทลาย มันยิ่งดิ้นรนรุนแรงขึ้น ฟัน เล็บ ปุ่มกระดูกโผล่ออกมาหมด บิดเบือนต่อเนื่อง ทว่ากลับไม่มีประโยชน์อะไร
“เป็นอย่างนี้ไปได้ยังไง!” ป๋ายเสี่ยวฉุนร้อนใจเสียแล้ว เห็นว่าถ้าหากยังเป็นอย่างนี้ต่อไป ศพขนเขียวจะต้องพังทลายไปทั้งร่างอย่างแน่นอน ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ยินยอมให้การหลอมยาครั้งนี้ล้มเหลวง่ายๆ อยู่ๆ เขาก็ยกมือขวาขึ้นกดลงไปบนหว่างคิ้ว ทันใดนั้นหว่างคิ้วของเขาพลันปรากฏรอยแยกหนึ่งรอย เนตรทงเทียนเผยตัวตนออกมาในวินาทีนั้น พอกวาดตามองไป ป๋ายเสี่ยวฉุนก็เห็นทันทีว่าในร่างของศพขนเขียวนอกจากปราณความตายสี่สิบเก้าเส้นแล้ว ยังมีปราณอีกมากมายที่คละเคล้าปะปนกันยุ่งเหยิง
ปราณที่วุ่นวายพวกนี้มาจาก…น้ำเลือดในทะเลสาบสีเลือดแห่งนี้ น้ำเลือดนี้แม้ว่าจะเป็นน้ำยาที่ล้ำค่าของเขาซือเฟิง ทว่าในสายตาของป๋ายเสี่ยวฉุนตอนนี้ ด้านในนั้นมีสิ่งเจือปนอยู่มากเกินไป
สิ่งเหล่านี้ต่างหากถึงจะเป็นจุดสำคัญ เพราะมันทำให้ศพขนเขียวสกปรก ปราณแห่งความตายจึงไม่สามารถผสานเข้าด้วยกันได้
“บัดซบ น้ำยาในบ่อเลือดแห่งนี้เหตุใดถึงได้มีสิ่งเจือปนมากถึงเพียงนี้!” ป๋ายเสี่ยวฉุนร้อนใจเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่ายาน้ำในทะเลสาบสีเลือดแห่งนี้ถือเป็นส่วนกลั่นดีเยี่ยมที่หาได้ยากแล้ว น้ำที่นักพรตคนอื่นใช้หลอมศพมีสิ่งเจือปนมากกว่านี้เยอะ
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าป๋ายเสี่ยวฉุนฝึกวิชาอมตะมิวางวาย ปราณเลือดคงกระพันของเขาต่างหากถึงจะบริสุทธิ์ดั้งเดิมมากที่สุด
แน่นอนว่าเขาย่อมรู้สึกว่าทะเลสาบเลือดนี่มีสิ่งเจือปนเยอะ
“ทำได้เพียงหาวิธีมาทำให้มันสะอาดโดยเร็วที่สุด ไม่มีเวลาชะลอการดำเนินการ คงต้องใช้วิธีที่รุนแรงเสียแล้ว!” เมื่อมองเห็นว่าศพขนเขียวด้านหน้าใกล้จะยืนหยัดไม่ไหวแล้ว ป๋ายเสี่ยวฉุนก็กัดฟันกรอด มือขวายกขึ้นโบกหนึ่งครั้ง พืชหญ้าหลายร้อยชนิดพลันปรากฏตัวออกมา นัยน์ตาป๋ายเสี่ยวฉุนเผยการอนุมาน ทั้งยังเปล่งประกายคมกริบ ปล่อยให้พืชหญ้าเหล่านี้หลอมรวมกัน เปลี่ยนแปลงต่อเนื่อง จนกระทั่งพืชหญ้านับร้อยต่างเกาะตัวเข้าหากันทั้งหมด ใช้วิชาพืชหญ้าหมื่นสรรพสิ่งอิงตามความคิดของป๋ายเสี่ยวฉุน พอพวกมันกลายมาเป็นพลังเผาไหม้ที่น่าหวาดกลัวระลอกหนึ่ง เขาก็ชี้ลงไปยังทะเลสาบด้านล่าง
พืชหญ้านับร้อยชนิดกลายมาเป็นน้ำยาร่วงลงไปเบื้องล่างทันที วินาทีที่มันสัมผัสเข้ากับทะเลสาบสีเลือดก็เกิดการผลักดันกันอย่างรุนแรงจนระเบิดออก เผาไหม้กลายเป็นเปลวไฟสีดำ ปกคลุมไปทั่วทะเลสาบเลือด
ไม่เพียงแต่ผิวน้ำของทะเลสาบเท่านั้นที่ลุกไหม้ แม้แต่ในทะเลสาบเองก็ยังติดไฟไปด้วย ควันดำจำนวนมากลอยออกมา ลอดทะลุไปตามผนังรอบด้านอย่างไม่ขาดสาย น้ำสีเลือดในทะเลสาบก็ลดลงไปอย่างรวดเร็ว
วิธีการเช่นนี้มีข้อเสียมากมาย ถือเป็นการกระทำที่บุ่มบ่ามที่สุด โดยเฉพาะควันดำที่แผ่กระจายออกมานั้นก็ยิ่งยากที่จะสลายหายไป ราวกับสิ่งปฏิกูลที่สกปรกร้ายแรงอย่างถึงขีดสุด
ทว่าป๋ายเสี่ยวฉุนไม่มีเวลาพิจารณามากขนาดนั้น ยามนี้กำลังเพิ่มพลังบังคับให้ทะเลสาบเลือดยิ่งลุกไหม้ ไม่นานควันสีดำจำนวนมากยิ่งกว่าเดิมก็ลอดทะลุผนังทั้งสี่ด้าน กระจายออกไป…ทั่วทั้งเขาซือเฟิง!
ท่ามกลางการแผ่กระจายของควันนี้ เปลวเพลิงในทะเลสาบค่อยๆ เปลี่ยนจากสีดำมาเป็นสีม่วง สุดท้ายเมื่อกลายมาเป็นสีแดง น้ำเลือดในทะเลสาบก็ลดลงไปถึงประมาณเก้าส่วน ชั้นสุดท้ายที่เหลืออยู่ แม้ว่าจะยังมีสิ่งเจือปนอยู่บ้าง แต่กลับพอนำมาใช้ได้อย่างกล้อมแกล้ม ป๋ายเสี่ยวฉุนทำมุทราชี้ไปหนึ่งครั้ง น้ำเลือดที่เหลืออยู่นี้ก็ตรงดิ่งเข้าหาศพขนเขียว หลอมรวมเข้าไปในร่างกายของมัน ป๋ายเสี่ยวฉุนคำรามเสียงต่ำหนึ่งครั้ง ปราณความตายสี่สิบเก้าเส้นที่ไม่ยอมผสานตัวเข้าหากัน พลันเกาะตัวเข้าด้วยกันทันทีทันใด
หลังจากผสานกันไปทีละปราณแล้วจึงกลายมาเป็นน้ำวนหนึ่งลูก โคจรอย่างรวดเร็วอยู่ในจุดตันเถียนของศพขนเขียว เริ่มปรากฏลางที่จะกลายเป็นยาเม็ดใหญ่!
ป๋ายเสี่ยวฉุนตื่นเต้น มองตาไม่กะพริบ เมื่อแก้ไขลางของความล้มเหลวในการหลอมยาทั้งหมดลงไปได้ ผมเผ้าของเขากระเซอะกระเซิงสุดๆ แล้วอยู่ๆ ก็นึกถึงควันดำพวกนั้นที่แผ่ออกไปข้างนอกขึ้นมา…
“น่าจะไม่เป็นไรหรอกมั้ง…” ป๋ายเสี่ยวฉุนเงยหน้าขึ้นมองผนัง หวาดผวาเล็กน้อย ด้านในควันดำพวกนั้นแฝงเร้นไว้ด้วยสิ่งเจือปนเยอะเกินไป แม้แต่เขาเองก็ยังไม่รู้ว่าเมื่อพวกมันรวมตัวเข้าด้วยกันแล้วจะก่อให้เกิดผลลัพธ์เช่นไร…
แต่พอนึกว่าก่อนหลอมยาตนได้ย้ำนักย้ำหนาไปแล้ว อีกทั้งบุตรโลหิตและผู้อาวุโสใหญ่ก็รับประกันหลายต่อหลายรอบ บอกว่าทั้งหมดนี้ล้วนไม่ใช่ปัญหา ให้ป๋ายเสี่ยวฉุนวางใจได้เลย
นึกมาถึงตรงนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ลูบคลำป้ายคำสั่งในถุงเก็บของที่บุรพาจารย์ตระกูลซ่งมอบให้ รู้สึกมั่นคงไม่น้อย ดังนั้นจึงก้มหน้าลง จมจ่อมอยู่กับการหลอมยาอีกครั้ง
เวลาเดียวกันนั้น…ตลอดทั้งเขาจงเฟิง เกิดเหตุการณ์…แปลกประหลาดบางส่วน เป็นเหตุการณ์ที่น่าเหลือเชื่ออย่างมาก…
เหตุการณ์แรกสุดเกิดขึ้นกับนักพรตหนุ่มคนหนึ่งซึ่งกำลังหลอมศพ เขากำลังมองศพที่จมอยู่ในบ่อเลือด ทำมุทราคอยบำรุงมัน…
ไม่รู้ตัวสักนิดเลยว่ามีปราณที่มองไม่เห็นมากมายหลายเส้น กำลังแผ่ขยายออกมาจากกำแพงรอบด้าน ไม่นานร่างของนักพรตหนุ่มผู้นี้ก็สั่นเยือก ดวงตาเลื่อนลอย หยุดการทำมุทรา แต่ลุกขึ้นยืน สีหน้าเคร่งขรึมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งยังเดินออกไปนอกถ้ำ พอออกมาด้านนอกได้มือขวาก็ทำมุทราชี้ลงไปบนพื้น ขุดหลุมออกมาหลุมหนึ่ง
เขาเดินลงไปในหลุม กวาดเอาดินโคลนรอบด้านมาถมตัวเองครึ่งร่าง ร่างอีกครึ่งหนึ่งโผล่ออกมาด้านนอก ชูมือทั้งคู่ขึ้นกลางอากาศ ใบหน้าจริงจัง แล้วค่อยๆ ส่ายสะบัดร่างช้าๆ…