Skip to content

A Will Eternal 229

บทที่ 229 นามมารโรคห่าระบือไกลทั่วใต้หล้า

สวีเสี่ยวซานตะโกนเสียงดังหนึ่งครั้งก็กระโดดผลุงขึ้นไปกอดเฟิงหยาบุตรโลหิต ป๋ายเสี่ยวฉุนฉวยโอกาสนี้โกยแนบ ขณะที่กำลังลอยตัวขึ้น เขารู้สึกโกรธเล็กน้อย

“เฟิงหยา ก่อนหน้าที่ข้าจะหลอมยาเคยบอกเจ้าไว้ก่อนแล้วว่าอาจเกิดปัญหาบ้าง เจ้าเป็นคนบอกข้าเองว่าทุกอย่างวางใจได้ ตอนนี้เจ้าคิดจะทำอะไร แม้เจ้าจะเป็นบุตรโลหิต แต่เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าข้าเย่จั้งจะกลัวเจ้า!”

หลังจากที่ป๋ายเสี่ยวฉุนลอยตัวขึ้นก็คำรามเสียงต่ำใส่บุตรโลหิตเขาซือเฟิง

ในใจเขาตื่นเต้น ยามนี้แสร้งทำท่าโกรธขึง ไอดุร้ายบนร่างก็กระจายออกมาด้วย เมื่อยกมือขวาขึ้น กลางมือของเขามีขวดยาหนึ่งขวดปรากฏขึ้นมา

“นี่ก็คือยาโลหิตผันเลี้ยงศพระดับสี่ที่เจ้าต้องการ!” เมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนพูดเช่นนี้ บุตรโลหิตเฟิงหยาซึ่งยับยั้งสวีเสี่ยวซานที่เข้ามาพัวพันได้สำเร็จ ตอนที่มองมายังป๋ายเสี่ยวฉุน ดวงตาจึงกวาดผ่านขวดยาในมือของเขา ฝืนสะกดกลั้นไฟโทสะที่โหมขึ้นมาก่อนหน้านั้นลงไป

ก่อนหน้านี้เขาเอ่ยปากเช่นนี้จริง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น แต่ในฐานะที่เขาเป็นบุตรโลหิต นิสัยย่อมมีจุดที่โหดร้ายและเย็นชาอยู่บ้าง ยามนี้จึงหรี่ดวงตาทั้งคู่ลง พริบตาเดียวความโกรธก็หายวับไป เผยรอยยิ้มออกมาบนใบหน้า

“ข้าผู้แซ่เฟิงมุทะลุเอง ศิษย์น้องเย่จั้ง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้า ขอแค่ยาวิเศษไม่มีปัญหา คำสัญญาก่อนหน้านี้ ข้าผู้แซ่เฟิงต้องทำได้แน่นอน”

ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ไม่กลัวว่าอีกฝ่ายจะกลับคำ มือขวายกขึ้นโยนขวดยาไปทางบุตรโลหิตเขาซือเฟิง หลังจากเฟิงหยาคว้าไว้ได้แล้ว เมื่อเปิดออกดูก็เผยอารมณ์ออกมาทางสีหน้า ในใจดีใจอย่างบ้าคลั่ง แม้ว่าเขาจะปวดหัวกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นบนเขาซือเฟิง ทว่าตอนนี้เห็นว่ายาหลอมได้สำเร็จแล้ว ทุกอย่างจึงกลายมาเป็นเพียงปัญหาเล็กน้อย

“ขอบคุณมาก!” บุตรโลหิตเขาซือเฟิงเอ่ยปากด้วยรอยยิ้ม ซ่อนแววเย็นเยียบไว้ในดวงตา สะบัดร่างหนึ่งครั้งตรงดิ่งไปยังเขาจู่เฟิง เพื่อไปขอให้ผู้อาวุโสไท่ซ่างแก้ปัญหาความวุ่นวายที่เขาซือเฟิง

ป๋ายเสี่ยวฉุนเห็นว่าอีกฝ่ายจากไปแล้วในใจก็หัวเราะเสียงเย็น รู้สึกว่าบุตรโลหิตเขาซือเฟิงผู้นี้ไร้เหตุผล ทั้งๆ ที่ตนช่วยเขาหลอมยาแท้ๆ ทว่าประกายเย็นเยียบที่อีกฝ่ายซ่อนไว้ในดวงตาเมื่อครู่นี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนเห็นอย่างชัดเจน

“หึ ยังดีที่ถึงแม้ข้าป๋ายเสี่ยวฉุนจะเป็นคนซื่อสัตย์ แต่ก็ฉลาดมากเช่นกัน ยาโลหิตผันเลี้ยงศพนั่นเจ้าไม่ใช้ก็ว่าไปอย่าง แต่หากใช้ขึ้นมาเมื่อใด ศพหลอมของเจ้าก็ต้องฟังคำสั่งของข้า!” ป๋ายเสี่ยวฉุนลำพองใจ รู้สึกว่าถึงเวลาที่ตัวเองดีดนิ้วก็สามารถทำให้เขาบุตรโลหิตเขาซือเฟิงสิ้นราบพนาสูรได้แล้ว ดังนั้นจึงเชิดคางขึ้น สายตากวาดมองไปบนร่างของทุกคนหนึ่งครั้ง นักพรตของทั้งสามเขา เมื่อเห็นสายตาของป๋ายเสี่ยวฉุนกวาดมา ส่วนใหญ่ล้วนหวาดผวาในใจ รีบถอยกรูด เผยสีหน้าเป็นมิตร ประสานมือคารวะป๋ายเสี่ยวฉุน

สำหรับเย่จั้งผู้นี้ พวกเขาหวาดกลัวจนตัวสั่นไปหมดแล้ว ในสายตาของพวกเขาวิธีการหลอมยาแบบนี้อยู่เหนือเกินกว่าวิชาอภินิหาร ฆ่าคนโดยไร้รูปลักษณ์…

“อั๊ยย่ะ คนเก่งนี่น้า เดินไปที่ไหนก็ต้องมีสายตาเช่นนี้คอยมองมา ปวดหัวเสียจริง” ป๋ายเสี่ยวฉุนยิ่งภาคภูมิใจมากขึ้นกว่าเดิม ขณะที่กำลังทอดถอนใจอยู่ในใจ ทันใดนั้นสายตาของเขาก็ดันไปประสานเข้ากับสายตาของซ่งจวินหว่าน มองเห็นซ่งจวินหว่านยกมุมปากยิ้มเย็น ป๋ายเสี่ยวฉุนก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ

“คือว่า…พี่หญิงซ่ง…”

“ตอนนี้รู้จักเรียกพี่หญิงแล้วหรือ?” ซ่งจวินหว่านยิ้มเย็น ถลึงตาใส่ป๋ายเสี่ยวฉุนหนึ่งครั้ง ทำเสียงหึอีกหนึ่งทีก็หมุนกายเดินไปทางเขาจงเฟิง ทุกคนที่อยู่รอบด้านมองหน้ากันไปมา แล้วจึงพากันแยกย้าย

ไม่นานกลางอากาศก็เหลือแค่ป๋ายเสี่ยวฉุนคนเดียว

ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกกลุ้มเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าในสายตาของซ่งจวินหว่านก่อนหน้านี้มีความหมายแฝงว่าจะต้องให้ตนได้เห็นดีกัน พอนึกถึงว่าวันหลังซ่งจวินหว่านจะต้องเปลี่ยนลูกไม้มาทรมานตน ป๋ายเสี่ยวฉุนก็อดที่จะถอนหายใจติดๆ กันไม่ได้

แต่เขาจะไม่กลับไปก็ไม่ได้อีก ยามนี้จึงทำหน้านิ่วคิ้วขมวด แอบกลับเข้าไปที่ถ้ำบนเขาจงเฟิง นั่งอยู่ตรงนั้นแล้วก็ยังกลุ้มใจไม่หาย

“จะทำยังไงดี…ซ่งจวินหว่านผู้นี้ทำไมถึงได้เจ้าคิดเจ้าแค้นนักนะ ข้าก็แค่ไม่ได้กลับมาตอนนั้นไม่ใช่หรือ…” ป๋ายเสี่ยวฉุนขยี้หว่างคิ้ว ครุ่นคิดว่าควรจะใช้วิธีแบบใดถึงจะผ่อนคลายความสัมพันธ์กับซ่งจวินหว่านได้

ขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังขบคิดอย่างหนักอยู่นั้นเอง หลายวันผ่านไป เหตุการณ์ประสาทหลอนของเขาซือเฟิงมาเร็วแต่ก็ไปเร็วเช่นกัน นักพรตเหล่านั้นทยอยกันคืนสภาพกลับมาเป็นปกติ มองรอบด้านด้วยความเลื่อนลอย จนกระทั่งค่อยๆ ย้อนนึกภาพทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้ก็มีคนไม่น้อยที่เปล่งเสียงร้องโหยหวนออกมาทันที

“เย่จั้ง ข้าไม่ขออยู่ร่วมโลกกับเจ้า!!”

“อ๋าๆๆ เย่จั้ง ข้าจะฆ่าเจ้า!!”

โดยเฉพาะผู้อาวุโสสีเลือดเหล่านั้นที่ยิ่งโกรธแค้นสิ้นหวัง ทุกคนปิดด่าน และผู้อาวุโสใหญ่เขาซือเฟิงที่พอฟื้นคืนสติมาก็ยิ่งแหงนหน้าขึ้นฟ้าตะโกนดังด้วยความรวดร้าว นับแต่นั้นมาห้ามให้ใครพูดคำว่าพญาอินทรีกับเขาอีก…เลือกปิดด่านเช่นกัน

นี่ยังไม่เท่าไหร่ มีลูกศิษย์คนหนึ่งที่ตอนเกิดประสาทหลอนนึกว่าตนเองคือศพหลอม จนเกือบจะเอาตัวเองลงไปหลอมด้วย พอฟื้นคืนสติ เสียงร้องโหยหวนของเขาก็ดังไปสี่ทิศ

มีใจอยากไปกำจัดเย่จั้ง ทว่าพวกเขาขึ้นไปบนเขาซือเฟิงไม่ได้ แต่ละคนจึงยิ่งคลุ้มคลั่ง แต่ก็ทำได้เพียงกัดฟันทน เช่นเดียวกัน สำหรับฉายามารโรคห่าของเย่จั้ง ภายในเวลาไม่กี่วันหลังจากนั้นก็สะท้านสะเทือนไปทั่วทั้งสำนักอีกครั้ง

นามมารโรคห่าระบือไกลไปทั่วใต้หล้า…

เรื่องพวกนี้พอป๋ายเสี่ยวฉุนได้ยินแล้วก็รู้สึกประทับใจเล็กน้อย ด้านหนึ่งรู้สึกว่าลูกศิษย์ของสำนักธาราโลหิตแห่งนี้ไม่มีมนุษยธรรม แต่อีกด้านหนึ่งก็รู้สึกว่าฝ่ายสูงของสำนักธาราโลหิตดีกับตนอย่างมาก เกิดปัญหาใหญ่ขนาดนี้ตนเองกลับไม่ต้องรับผิดชอบอะไรสักอย่าง

ส่วนซ่งจวินหว่านนั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนก็หาวิธีได้อย่างหนึ่งแล้ว

“คงทำได้แค่เอาของขวัญไปมอบให้แล้วล่ะ…” ป๋ายเสี่ยวฉุนถอนหายใจ ใคร่ครวญอยู่นานมาก แล้วจึงเริ่มหลอมยาอยู่ในถ้ำ หลายวันต่อมา เขาหลอมยาวิเศษสีเขียวเม็ดหนึ่งได้สำเร็จ บรรจุลงไปในขวดสีชมพูหนึ่งขวด เสร็จแล้วถึงได้เดินออกจากถ้ำด้วยความกระวนกระวายใจ ตรงดิ่งไปยังพื้นที่นิ้วส่วนบน

ระหว่างทางที่เจอกับนักพรตเขาจงเฟิง พอเห็นป๋ายเสี่ยวฉุนแล้วพวกเขาล้วนหน้าเปลี่ยนสี คารวะด้วยความเคารพยำเกรงเป็นอย่างมาก ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่มีอารมณ์สนใจ ทำหน้าเคร่งห้อตะบึงไปเบื้องหน้า

ยิ่งเขาเป็นแบบนี้ทุกคนก็ยิ่งรู้สึกปกติ หากป๋ายเสี่ยวฉุนส่งยิ้มให้กับพวกเขา คนเหล่านี้ก็จะรู้สึกขนลุกขนชันไปทั่วทั้งร่าง อยู่ไม่เป็นสุขทันที

ไม่นานป๋ายเสี่ยวฉุนก็มาถึงนอกทะเลสาบเลือดที่ซ่งจวินหว่านอยู่ เดินตามเส้นทางเล็กๆ ไปถึงนอกน้ำตกสีเลือด ประสานมือคารวะหันไปทางด้านใน

“เย่จั้งขอเข้าพบพี่หญิงซ่ง”

ในน้ำตก นอกประตูใหญ่ของถ้ำ เด็กรับใช้สองคนที่เฝ้าอยู่ที่นี่ ยามนี้สายตาแน่วนิ่ง หลังจากมองกันไปมาแล้ว คนหนึ่งก็ไปรายงาน อีกคนหนึ่งรีบออกไปข้างนอก ยืนอยู่ด้านหน้าป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยท่าทางเกรงอกเกรงใจ สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างป๋ายเสี่ยวฉุนและซ่งจวินหว่าน ตลอดทั้งสำนักล้วนกำลังเล่าลือกัน พวกเขาเองก็ยิ่งคาดเดาไปมากมาย ไม่กล้าล่วงเกินป๋ายเสี่ยวฉุน กลัวจะไปทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนโกรธแค้นฝังใจ

การรอครั้งนี้ยาวนานถึงหนึ่งชั่วยามเต็ม ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกเกลียดชังอยู่ในใจลึกๆ กว่าจะได้รับอนุญาตจากซ่งจวินหว่านสีท้องฟ้าก็ใกล้พลบค่ำแล้ว ประตูใหญ่ของถ้ำเปิดออก ใบหน้าของป๋ายเสี่ยวฉุนกลับเผยความองอาจเย็นชา ก้าวเท้าเข้าไปในถ้ำ

เพิ่งจะเข้ามาก็มองเห็นบ่อน้ำขนาดใหญ่ยักษ์นั่น น่าเสียดายที่ครั้งนี้ซ่งจวินหว่านไม่ได้อยู่ในบ่อน้ำสีเลือด แต่นั่งอยู่บนเก้าอี้ของห้องโถงหลัก มองป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ ราวกับว่ายังโกรธไม่หาย

“เจ้าบอกว่าจะไม่กลับมาไม่ใช่หรือ ทำไมไม่เพียงแต่กลับมาทั้งยังมาหาข้าถึงที่นี่ด้วย?” ซ่งจวินหว่านเอ่ยปากเสียงราบเรียบ นางสวมชุดกระโปรงยาวสีม่วง มวยผมปักปิ่นหงส์ บนอาภรณ์ปักลายทึบอยู่บางส่วน ทำให้นางเต็มไปด้วยความสุภาพเรียบร้อย

ทว่าลำคอขาวราวหิมะที่โผล่พ้นออกมานั้นยังคงมีหยดน้ำที่เพิ่งผ่านการอาบน้ำมาเกาะอยู่ ทำให้คนที่มองรู้สึกวู่วามอยากจะตรงไปกำราบนางให้อยู่หมัด

ป๋ายเสี่ยวฉุนกะพริบตาปริบๆ ยืดอกตั้ง สะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งครั้ง สีหน้ายังคงดุดันเย็นชา ยืนอยู่ตรงนั้น เอ่ยปากพร้อมขมวดคิ้วมุ่น

“พอที!” เขาพูดออกมาเช่นนี้ ทำให้ซ่งจวินหว่านอึ้งตะลึง นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะถึงขั้นกล้าพูดกับตนขนาดนี้ นางตบเก้าอี้ป้าบใหญ่ สั่นเทิ้มไปทั้งร่าง ทำให้นางในยามนี้มองดูแล้วยิ่งมีเสน่ห์มากมายไร้ขีดจำกัด…

พลังอำนาจบนร่างระเบิดออกครั่นครืน นัยน์ตายิ่งฉายประกายเย็นเยียบ ขณะที่กำลังจะตวาดกลับ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็แค่นเสียงเย็นหนึ่งครั้ง มือขวายกขึ้นโบก ขวดยาขวดหนึ่งก็ลอยดิ่งเข้าไปหาซ่งจวินหว่าน

ซ่งจวินหว่านยังไม่หายโมโหจึงยิ้มเย็นแล้วสะบัดมือขวาหนึ่งครั้ง ขวดยานั้นก็พังทลายทันที เม็ดยาด้านในบินออกมาตกอยู่ด้านข้าง

ป๋ายเสี่ยวฉุนมองซ่งจวินหว่านด้วยความนิ่งสงบ เมื่อเห็นว่าขวดยาพังทลายแล้วยาตกลงบนพื้น ดวงตาของเขาหม่นแสง ใบหน้าเผยความเยาะหยันตัวเอง

“ที่ข้าเย่จั้งกลับมาครั้งนี้มีเพียงเรื่องเดียว ก็คือเอายาเม็ดนี้มามอบให้ท่าน บนร่างของข้าไม่มีเงินติดตัวแม้แต่แดงเดียว พืชหญ้าที่บุรพาจารย์ให้ก็ใช้หลอมยาเพื่อสำนักไปหมดแล้ว ดังนั้นจึงทำได้เพียงไปหลอมยาให้กับเฟิงหยาที่เขาซือเฟิง นั่นถึงได้สะสมเอาพืชหญ้ามาหลอมยาวิเศษเม็ดนี้ซึ่งเป็นยาที่ข้าต้องการหลอมมากที่สุด เพื่อมอบมันให้กับ…คนที่ข้าอยากมอบให้มากที่สุด!” น้ำเสียงทุ้มต่ำของป๋ายเสี่ยวฉุนดังไปทั่วทิศ

“เมื่อมอบยาให้แล้วข้าก็จะจากไป นับแต่นี้ท่านก็คือผู้อาวุโสใหญ่ ข้าคือเย่จั้ง” ในน้ำเสียงของป๋ายเสี่ยวฉุนแฝงไว้ด้วยความขมขื่น ราวกับใจของเขาได้แตกสลายไปพร้อมกับขวดยาที่แตกนั่น และเสียงที่เม็ดยาตกกระทบลงบนพื้นก็ทำให้ความตั้งใจของเขากลายเป็นเถ้าธุลี

ยามนี้จึงประสานมือโค้งคารวะต่ำ ป๋ายเสี่ยวฉุนหมุนกาย เงาร่างเผยความเปล่าเปลี่ยว เดินออกไปทางประตูใหญ่ของถ้ำ

ซ่งจวินหว่านอึ้งงัน เดิมนางนึกว่าการมาครั้งนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนต้องมาด้วยใบหน้ายิ้มแต้เพื่อประจบเอาใจ เมื่อครู่ที่นางให้ป๋ายเสี่ยวฉุนรออยู่ด้านนอกนานมาก นอกจากเพื่อเปลี่ยนอาภรณ์ชุดใหม่แล้วยังเป็นเพราะต้องการขัดเกลานิสัยของป๋ายเสี่ยวฉุน ให้เขาได้รู้ว่าต่อให้บุรพาจารย์จะเห็นความสำคัญของเขา แต่เขาจงเฟิงแห่งนี้ตนยังคงเป็นผู้อาวุโสใหญ่ ไม่ใช่คนที่เขาจะบังอาจมาเล่นหัวด้วยได้

แต่กลับนึกไม่ถึงว่าพอมาถึงป๋ายเสี่ยวฉุนจะตวาดตน นางเป็นคนหยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเอง ตำแหน่งก็สูงส่ง มีหรือที่จะไม่โกรธ เมื่อไฟโทสะพลุ่งพล่าน ขวดยาที่โยนมาให้ตน นางย่อมโบกสะบัดให้แตกกระจายอยู่แล้ว นางเองก็มองเห็นยาเม็ดที่กลิ้งตกลงมาเช่นกัน เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะพูดออกมาแบบนี้

เวลานี้ซ่งจวินหว่านมองยาที่อยู่บนพื้น แล้วก็มองแผ่นหลังอ้างว้างของป๋ายเสี่ยวฉุน นางไม่รู้ว่าทำไมในใจถึงได้วูบโหวง ความรู้สึกเช่นนี้นางไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนในชีวิต จึงเอ่ยปากออกไปโดยไม่รู้ตัว

“หยุดนะ!”

ป๋ายเสี่ยวฉุนที่ยืนหันหลังให้ซ่งจวินหว่านชะงักฝีเท้า หันหน้ากลับมาคารวะด้วยสีหน้าราบเรียบ

“ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสใหญ่มีอะไรจะสั่งการหรือ” น้ำเสียงเรียบเรื่อยราวกับไม่มีอารมณ์ใดแฝงเร้นอยู่ สีหน้าเย็นชาเคร่งขรึม ดุจดั่งว่าความทรงจำทั้งหมดได้ถูกตัดขาดไปแล้วกลางใจ อีกทั้งคำเรียกขานก็ยังเปลี่ยนจากพี่หญิงซ่งมาเป็นผู้อาวุโสใหญ่ด้วย

“เจ้า…” สีหน้าของซ่งจวินหว่านซีดขาวน้อยๆ นางไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดยามนี้หัวใจถึงได้ว้าวุ่นนัก

“หากไม่มีเรื่องอะไร เย่จั้งขอลา” ป๋ายเสี่ยวฉุนสีหน้าเป็นปกติ หมุนตัวเดินออกจากถ้ำ จนกระทั่งลงมาจากเขตพื้นที่นิ้วส่วนบน ป๋ายเสี่ยวฉุนถึงได้พรูลมหายใจออกมายาวเหยียด หัวใจเต้นกระหน่ำดังตึกตัก

“วิธีนี้น่าจะใช้ได้ผลกระมัง…หากไม่ได้ผล ข้าก็ไม่มีหนทางอื่นแล้วจริงๆ” ป๋ายเสี่ยวฉุนตึงเครียด รีบกลับเข้าไปในถ้ำ ถอนหายใจอยู่ในใจ เขารู้สึกว่าผู้หญิงช่างเรื่องมากนัก โดยเฉพาะพวกประเภทที่ตำแหน่งสูงส่งก็ยิ่งเผด็จการ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!