Skip to content

A Will Eternal 231

บทที่ 231 ข้าในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสก็มีส่วนที่ทำไม่ถูกเหมือน

ความเร็วของซ่งเชวียราวกับบิน แฝงไว้ด้วยไอสังหาร ทั้งยังเชื่อว่าอาหญิงของเขาต้องทวงคืนความยุติธรรมให้ตน หากเจ้าเย่จั้งผู้นั้นไม่ตายก็ต้องยอมแพ้ราบคาบให้ตนนับแต่บัดนี้้

“ข้าคือหลานของตระกูลซ่ง หากไม่เพราะป๋ายเสี่ยวฉุนของสำนักธาราเทพผู้นั้น ข้าก็สร้างฐานรากวิถีฟ้าไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องช่วยอาหญิงน้อยช่วงชิงเอาตำแหน่งบุตรโลหิตของรุ่นนี้มา สามารถช่วงชิงได้ด้วยตัวเอง!” ซ่งเชวียสูดลมหายใจเข้าลึก ความเร็วยิ่งมากกว่าเดิม กลายร่างเป็นรุ้งเส้นยาว ตรงดิ่งไปยังพื้นที่นิ้วส่วนบน

“แต่นี่ก็ยังไม่เท่าไหร่ ที่อาหญิงน้อยต้องการเป็นบุตรโลหิตก็เป็นเพียงแค่แผนการเพื่อสิทธิและผลประโยชน์ ครอบครองตำแหน่งนี้ไว้ชั่วคราว ไม่ให้เซวี่ยเหมยช่วงชิงไปได้ก็เท่านั้น รอจนข้าสร้างฐานรากช่วงท้าย ข้าก็ยังคงสามารถช่วงชิงตำแหน่งบุตรโลหิตได้อยู่ดี แค่เย่จั้งจอมกระจอกผู้หนึ่ง หากข้าสามารถเอามาใช้ได้ยังพอว่า แต่หากเขาไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ข้าจะให้เขาตายโดยไร้ที่ฝังศพ!” ความมั่นใจของซ่งเชวียยิ่งมีมากขึ้น พลังอำนาจระเบิดออก เสียงดังสนั่นหวั่นไหว เหยียบย่างลงไปบนพื้นที่นิ้วส่วนบน เข้าไปใกล้ทะเลสาบของถ้ำซ่งจวินหว่านผู้อาวุโสใหญ่

ปลายทางทะเลสาบที่เป็นสีเลือดแห่งนี้ ในน้ำตก ยามนี้มีเด็กรับใช้สี่คนกำลังหลับตานั่งทำสมาธิ ชั่วขณะที่ซ่งเชวียมาถึง ดวงตาของคนทั้งสี่เปิดขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน นัยน์ตาฉายแววคมกริบ มองไปยังซ่งเชวียที่บินทะยานมาใกล้

ฝีเท้าของซ่งเชวียไม่ได้หยุดชะงักแม้แต่นิดเดียว เดินไปตามทางของทะเลสาบ เหยียบเข้าไปในน้ำตก ขณะที่กำลังจะเข้าไปในถ้ำ เด็กรับใช้ทั้งสี่หน้าเปลี่ยนสีน้อยๆ ลุกขึ้นยืนทันใด ทั้งยังมาสกัดขวางอยู่เบื้องหน้าซ่งเชวีย

“ผู้อาวุโสซ่ง โปรดรอสักครู่…” เด็กรับใช้หนึ่งในนั้นรู้ว่าตำแหน่งของซ่งเชวียไม่ธรรมดา แต่กลับไม่กล้าห้ามปราม ทำได้เพียงฝืนเอ่ยปาก

“ไสหัวไป ข้ามีธุระสำคัญกับผู้อาวุโสใหญ่!” เดิมทีซ่งเชวียก็พกพาเอาไฟแค้นและจิตสังหารมาอยู่แล้ว ยามนี้พอเห็นเด็กรับใช้เฝ้าถ้ำทั้งสี่กล้าขัดขวางตนจึงขมวดคิ้วฉับ ตวาดเสียงต่ำ

ปกติเวลาเขามาที่นี่ ไม่จำเป็นต้องให้ใครไปรายงาน ด้วยตัวตนของเขา แม้ไม่ถึงขั้นเข้าออกได้ตามใจชอบ แต่ก็ใกล้เคียง และซ่งจวินหว่านเองก็รักและเอ็นดูหลานชายคนนี้อยู่มาก

ทว่าตอนนี้เด็กรับใช้ของที่นี่กลับกล้าขัดขวาง ซ่งเชวียจึงแค่นเสียงเย็น ผลักเด็กรับใช้ด้านหน้าออก เหยียบเข้าไปในถ้ำ

เด็กรับใช้ทั้งสี่นั่นหน้าเผือดสี พวกเขาอยากจะขัดขวาง เพราะยังไงซะคนที่อยู่ในถ้ำของผู้อาวุโสใหญ่ตอนนี้ พวกเขารู้สึกว่าจะต้องมีเรื่องที่เป็นความลับอย่างมาก ทว่าพวกเขาขวางซ่งเชวียไว้ไม่อยู่

ยามนี้ขณะที่ทุกคนหน้าเปลี่ยนสี ซ่งเชวียก็ผลักประตูใหญ่ของถ้ำออกแล้วเดินเข้าไปด้านในเรียบร้อยแล้ว

หากเปลี่ยนเป็นวันปกติ ซ่งเชวียเองก็คงไม่บุ่มบ่ามขนาดนี้ แต่หนึ่งเพราะนั่นคืออาหญิงเล็กของเขา สองคือความโกรธของซ่งเชวียระงับไว้ไม่อยู่อีกแล้ว นี่ถึงได้ทำให้เขาสูญเสียความสงบนิ่งในยามปกติไป แต่ในสายตาเขาแล้วนี่ก็ไม่ว่าเป็น่เรื่องใหญ่โตอะไร

และเมื่อเขาเหยียบย่างเข้าไปในถ้ำนั้นเอง ยังไม่ทันที่เขาจะเดินเข้าไปในโถงใหญ่ก็ได้ยินเสียงหัวเราะของอาหญิงน้อยซ่งจวินหว่านดังลอยมาจากด้านใน เสียงหัวเราะนั้นแฝงไว้ด้วยความเบิกบาน

ซ่งเชวียตะลึง เดินเร็วๆ ไปอีกสองสามก้าว ตอนที่เดินอ้อมฉากบังตาเข้าไปในห้องโถงใหญ่ เขาก็มองเห็นภาพเหตุการณ์ที่ทำให้เขาต้องตะลึงพรึงเพริด สั่นสะท้านราวถูกฟ้าผ่า ในสมองเกิดเสียงดังอึงอล เบิกตากว้างอ้าปากค้างอย่างไม่อยากเชื่อ

ซ่งจวินหว่าน อาหญิงน้อยของเขานั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง ยามนี้มือซ้ายยกขึ้นมาปิดปาก เผยความเขินอาย เสียงหัวเราะดังต่อเนื่อง มือขวาของนางกลับอยู่ในมือของ…เย่จั้งที่นั่งอยู่ข้างกาย ซึ่งเขากำลังประเมินมือนางอย่างละเอียด แถมยังถึงขั้นยกขึ้นดมด้วย…

ภาพนี้ทำให้ซ่งเชวียมองเซ่อไปทันใด รู้สึกเหมือนโลกพลิกคว่ำคะมำหงายยากจะบรรยาย ถึงขั้นรู้สึกว่าทั้งหมดนี้น่าจะเป็นภาพลวงตาด้วยซ้ำ มันไม่มีทางเป็นไปได้เลย…

ทว่าทุกสิ่งที่เขาเห็นอยู่เบื้องหน้ากลับเป็นภาพการลักลอบของชายชู้จริงแท้แน่นอน นั่นจึงทำให้ซ่งเชวียตะลึงลานไปทันที

แทบจะวินาทีเดียวกันกับที่ซ่งเชวียเข้ามา ซ่งจวินหว่านดึงมือขวาที่ถูกป๋ายเสี่ยวฉุนกุมไว้กลับคืนมาอย่างรวดเร็ว เก็บรอยยิ้ม ไอแห้งๆ หนึ่งครั้ง สีหน้าเคร่งขรึม มองไปยังซ่งเชวียด้วยท่าทางของผู้อาวุโส

“ทำไมถึงได้ใจร้อนขนาดนี้ ช่างเถอะ เจ้ามาที่นี่มีธุระอันใด?” แม้ว่าซ่งจวินหว่านจะพยายามวางท่าของผู้อาวุโส ทว่ารอยแดงก่ำบนแก้มทั้งสองข้างนั้นไม่สามารถจางหายไปได้ในเวลาอันรวดเร็ว ทำให้ความสวยและความเคร่งขรึมของนางตัดสลับกัน งดงามจนไม่สามารถแยกแยะได้

ขณะเดียวกันในใจก็ให้รู้สึกขัดเขิน หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นที่บุกเข้ามาด้วยความบุ่มบ่ามเช่นนี้ นางต้องลงโทษอย่างหนักแน่นอน ทว่าซ่งเชวียคือหลานชายของตน นางจึงไม่อยากพูดมาก

ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็จัดเสื้อผ้าให้ดีและกลับมานั่งด้วยท่าทางเรียบร้อย การที่ซ่งเชวียบุกเข้ามาอย่างกะทันหันก็ทำให้เขาตกใจเหมือนกัน มีความรู้สึกเหมือนถูกจับชู้…หวาดผวาเหมือนวัวสันหลังหวะ เขาเองก็มาที่นี่ได้ไม่นาน หลังจากมอบยาวิเศษให้เลยครุ่นคิดว่าตนควรจะเป็นฝ่ายยกหัวข้อขึ้นมาพูดคุยก่อน ดังนั้นจึงดูลายมือให้กับซ่งจวินหว่าน

ซ่งจวินหว่านจดจำภาพความมหัศจรรย์ในสำนักธาราเทพของเขาวันนั้นได้เป็นอย่างลึกซึ้ง ดังนั้นจึงปล่อยให้ป๋ายเสี่ยวฉุนจับมือของตัวเอง ฟังป๋ายเสี่ยวฉุนเปลี่ยนลูกไม้มาชื่นชมตนอย่างต่อเนื่อง เสียงหัวเราะที่แฝงไว้ด้วยความเบิกบานของซ่งจวินหว่านถึงได้ดังขึ้นมา

ยามนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจเข้าลึก นั่งอยู่ด้านข้างด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เลียนแบบท่าทางของซ่งจวินหว่าน มองไปยังซ่งเชวีย

ซ่งเชวียหายใจถี่กระชั้น ครู่ใหญ่ถึงได้ฟื้นคืนสติกลับมาจากความเลื่อนลอยก่อนหน้านี้ แต่ต่อให้คืนสติกลับมาแล้ว เขาก็ยังมิอาจเชื่อภาพทุกอย่างที่ตนเห็นก่อนหน้านั้นได้ อาหญิงน้อยที่สูงส่งสง่างามอย่างถึงที่สุดในใจเขา กลับถูกคนอื่นจับมือ แถมเสียงหัวเราะยังแฝงไว้ด้วยความปิติยินดี

นี่เป็นสิ่งที่ซ่งเชวียไม่เคยคาดคิดมาก่อน หากเพียงเท่านี้ก็ยังพอว่า แต่คนที่จับมืออาหญิงน้อยของเขา…กลับเป็นเย่จั้งผู้ที่ทำให้ความโกรธของเขาโหมกระหน่ำ

เรื่องแบบนี้จึงยิ่งทำให้ไฟโทสะของซ่งเชวียระเบิดรุนแรงทันที ลมหายใจของเขายุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบ ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ จ้องเขม็งไปยังเย่จั้งด้วยความคลุ้มคลั่ง

“เย่จั้ง!!” ซ่งเชวียคำรามเสียงดัง เดินรุดหน้าเข้าไปใกล้ มองไปยังอาหญิงน้อยของเขา ผู้อาวุโสใหญ่ซ่งจวินหว่าน

“อาหญิงน้อย นับตั้งแต่ที่เย่จั้งผู้นี้เข้ามาอยู่ในเขาจงเฟิง เขาก็สร้างความพินาศให้แก่สำนัก แผนการชั่วร้ายมากมาย ทำให้ลูกศิษย์ของเขาจงเฟิงเกลียดเข้ากระดูก สิ่งมีชีวิตจบสิ้นชีวิตไปเป็นจำนวนมาก ข้าสงสัยว่าคนผู้นี้คือสายลับของสำนักอื่น จงใจสร้างความวุ่นวายให้กับสำนักธาราโลหิตของเรา ขออาหญิงน้อยโปรดกำจัดคนผู้นี้เพื่อเชือดไก่ให้ลิงดู!!” ยามนี้ในสมองของซ่งเชวียยังคงส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เสียงคำรามดังก้องไปทั่วในถ้ำ

ป๋ายเสี่ยวฉุนหน้าขาวเผือดน้อยๆ ในใจโมโหหนัก รู้แล้วว่าที่แท้ซ่งเชวียมานี่ก็เพื่อกล่าวหาเขา ทว่าคำพูดของซ่งเชวียกลับถูกต้องทุกประการ นี่ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนตื่นตะลึงอยู่ในใจ ขณะที่กำลังจะโต้กลับ ซ่งจวินหว่านที่อยู่ข้างกันพลันมีสีหน้ามืดคล้ำลง ยกมือขวาขึ้นมาตบโต๊ะ

เสียงปังดังหนึ่งครั้ง โต๊ะหินที่อยู่ด้านข้างส่งเสียงดังกึกก้อง กลบทับเสียงของซ่งเชวียทันที

“หุบปาก!” ซ่งจวินหว่านหน้านิ่งราวกับผืนน้ำ นัยน์ตาดุร้าย น้ำเสียงสะท้อนไปทั่ว ตลอดทั้งถ้ำพลันเกิดบรรยากาศเยือกเย็นกดดัน ต่อให้เป็นซ่งเชวียเองก็ยังตัวสั่นเทิ้ม ตั้งแต่เด็กเขาก็กลัวอาหญิงน้อยผู้นี้อยู่แล้ว เวลานี้เห็นว่าอาหญิงน้อยโกรธ ซ่งเชวียจึงก้มหน้าลงต่ำโดยอัตโนมัติ

มองเห็นท่าทางเช่นนี้ของซ่งเชวีย แม้ว่าซ่งจวินหว่านจะโกรธทว่ากลับสะกดกลั้นความโกรธลงไป สำหรับหลานชายคนนี้นางรักและเอ็นดูเสมอมา เวลานี้จึงพูดเนิบช้าด้วยถ้อยคำที่เต็มไปด้วยความจริงใจ ราวกับเจ็บใจที่ไม่สามารถทำให้เหล็กหลอมกลายเป็นเหล็กกล้าได้

“เชวียเอ๋อร์ เจ้าคือหลานรุ่นนี้ของตระกูลซ่งเรา อนาคตของเจ้าไร้ขีดจำกัด เหตุใดถึงได้โง่เขลาเบาปัญญา สายตาคับแคบถึงเพียงนี้ ประวัติความเป็นมาของเย่จั้งใสสะอาด สร้างคุณูปการอันใหญ่หลวงต่อสำนัก เขาทำให้สหายนักพรตเหล่านั้นลำบากนิดๆ หน่อยๆ ก็จริง ทว่าทุกอย่างนี้เขาล้วนไม่ได้ตั้งใจ เขาทำก็เพื่อวิถีโอสถแห่งสำนัก ความลำบากของเขา พวกเจ้ารู้บ้างหรือไม่!” ซ่งจวินหว่านพูดด้วยความเจ็บปวดและเสียดาย สำหรับหลานชายคนนี้ นางรู้สึกว่าการกระทำของอีกฝ่ายในวันนี้ไม่ฉลาดเอาเสียเลย

ป๋ายเสี่ยวฉุนนั่งอยู่ข้างกายซ่งจวินหว่าน หลังจากมองเห็นภาพนี้กับตาตนเองก็เกิดประทับใจขึ้นมาทันที นัยน์ตาของเขาเผยความอ่อนโยน ตอนที่มองไปยังซ่งจวินหว่านเขาพบว่าซ่งจวินหว่านพูดสิ่งที่อยู่ในใจเขาออกมาหมด เหตุการณ์ทุกอย่างเหล่านั้น ตนไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้นจริงๆ

ตอนนี้เขารู้สึกว่าซ่งจวินหว่านคือคนรู้ใจของตัวเอง สำนักธาราโลหิตช่างดีกับตนจนไม่มีอะไรต้องพูดแล้วจริงๆ

ขณะที่ในใจของป๋ายเสี่ยวฉุนเกิดความประทับใจไร้ที่สิ้นสุด ซ่งเชวียตัวสั่นเทิ้ม ตั้งแต่เล็กจนโตเขามักถูกอาหญิงน้อยตำหนิสั่งสอนเป็นประจำ น้อยครั้งนักที่จะเถียงกลับ ทว่ายามนี้เขาทนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว โดยเฉพาะมองเห็นท่าทางประทับใจของป๋ายเสี่ยวฉุน ในสมองของเขาก็มีภาพที่อีกฝ่ายจับมือของอาหญิงน้อยเอาไว้ ทั้งสองคนทำท่าทางเหมือนลักลอบเล่นชู้กัน ซ่งเชวียหายใจหอบหนัก เงยหน้าขึ้นพรวด

“เย่จั้ง เจ้า…”

ซ่งจวินหว่านมองเห็นว่าซ่งเชวียยังไม่รู้จักสำนึกผิด สีหน้าก็ยิ่งดำคล้ำ ตวาดเสียงดังด้วยความโกรธออกมาทันที

“เชวียเอ๋อร์ เจ้ากลับไปซะ!” พูดจบซ่งจวินหว่านก็มองไปทางป๋ายเสี่ยวฉุน เอ่ยปากเสียงเบา

“ศิษย์น้องเย่จั้งอย่าได้ถือสา ซ่งเชวียเด็กคนนี้ไม่ค่อยรู้ประสานัก”

ป๋ายเสี่ยวฉุนถอนหายใจยาวหนึ่งครั้ง วางมาดของผู้อาวุโส พยักหน้าน้อยๆ แล้วก็ยิ้มเจื่อนออกมาเช่นกัน

“ไม่เป็นไร เชวียเอ๋อร์เป็นคนหนุ่มย่อมใจร้อนมุทะลุ ถือเป็นเรื่องปกติ พวกเราที่เป็นผู้อาวุโสแค่ให้คำแนะนำสั่งสอนมากหน่อยก็พอ”

ได้ยินคำว่าเชวียเอ๋อร์หลุดออกมาจากปากของป๋ายเสี่ยวฉุน ซ่งเชวียก็แทบเป็นบ้าทันที ตบะตลอดร่างระเบิดเลือนลั่น ไอดุร้ายสะเทือนฟ้า

“เย่จั้ง ข้าจะฆ่าเจ้า!” ซ่งเชวียคำรามเดือดดาลหนึ่งเสียง พุ่งเข้าใส่ป๋ายเสี่ยวฉุน การจู่โจมนี้มาอย่างกะทันหัน แถมยังอยู่ใกล้มาก ต่อให้เป็นซ่งจวินหว่านเองก็ไม่สามารถห้ามปรามได้ทัน

เสียงตูมดังหนึ่งครั้ง ระหว่างที่ซ่งเชวียทำมุทรา ลายมือขนาดยักษ์สีเลือดมือหนึ่งก็ปรากฏขึ้น พุ่งเข้าใส่เบื้องหน้าของป๋ายเสี่ยวฉุน ก่อให้เกิดคลื่นโทสะทำลายโต๊ะและเก้าอี้จนแตกย่อยยับ ขณะเดียวกันนั้นป๋ายเสี่ยวฉุนก็กลอกตาหนึ่งครั้ง ไม่ได้หลบเลี่ยง ปล่อยให้พลังกระแทกลงบนร่างโดยตรง สีหน้าพลันซีดเผือด กระอักเลือดสดออกมาคำหนึ่ง โซซัดโซเซถอยไปด้านหลัง

มองเห็นว่าป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นเช่นนี้ ซ่งจวินหว่านก็รู้สึกเจ็บปวดใจและสงสาร ยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่ มือขวายกขึ้นโบกอย่างแรงหนึ่งครั้ง พละกำลังมหาศาลระลอกหนึ่งแผ่กระจายตรงเข้าไปกดทับซ่งเชวีย ทำให้ร่างของซ่งเชวียมิอาจเคลื่อนมาด้านหน้าได้อีก ได้แต่ยืนตัวสั่นเทิ้มตาแดงก่ำ เขารู้ว่าเลือดที่เจ้าเย่จั้งผู้นี้กระอักออกมาเป็นของปลอม ต่อให้ได้รับบาดเจ็บจริงๆ ก็ไม่มีทางเกินจริงขนาดนี้แน่นอน

“ซ่งเชวีย เจ้าช่างบังอาจยิ่งนัก!” ซ่งจวินหว่านโกรธถึงขีดสุด ขณะที่กำลังจะสั่งสอนต่อกลับถูกป๋ายเสี่ยวฉุนคว้ามือขวาเอาไว้

“เชวียเอ๋อร์ไม่ผิด ข้าในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ก็มีส่วนที่ทำไม่ถูกเหมือนกัน ทำร้ายให้เชวียเอ๋อร์ไม่มีเส้นผม รอข้ากลับไปเมื่อไหร่จะปิดด่านหลอมยาทันที จะต้องหลอมยาวิเศษชนิดหนึ่งที่ทำให้เชวียเอ๋อร์มีขนงอกขึ้นมาใหม่ให้ได้” ป๋ายเสี่ยวฉุนมองซ่งจวินหว่าน ริมฝีปากยังมีเลือดสด เอ่ยปากอย่างเคร่งขรึม ทั้งยังออกแรงบีบลงไปบนมือของซ่งจวินหว่านน้อยๆ เพื่อแสดงการตัดสินใจของตัวเองด้วย

ข้างแก้มของซ่งจวินหว่านแดงก่ำอีกครั้ง การกระทำของอีกฝ่ายที่จับมือตนต่อหน้าหลานชายของตนเช่นนี้ ทำให้หัวใจนางเต้นรัวเร็วอยู่หลายที เกิดความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่างขึ้นในใจ

“เชวียเอ๋อร์ ยังไม่ขอโทษ…อาจารย์อาเย่ของเจ้าอีก!” ซ่งจวินหว่านดึงมือกลับ ตอนที่มองไปยังซ่งเชวีย ความเดือดดาลก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง

ภาพนี้ทำให้ซ่งเชวียตัวสั่นตลอดร่าง ใบหน้ามีเส้นเอ็นสีเขียวปูดโปน หัวเราะเสียงขื่น

“พวกเจ้าที่ลักลอบเป็น…” ยังไม่ทันรอให้เขาพูดจบ ดวงตาของซ่งจวินหว่านก็เผยความเย็นเยียบ สะบัดชายแขนเสื้อข้างซ้ายหนึ่งครั้ง ลมพายุระลอกหนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ ม้วนตลบเอาตัวซ่งเชวียออกไปจากถ้ำโดยตรง

“ซ่งเชวียไร้มารยาท ลงโทษให้ปิดด่านสามเดือน ห้ามออกมาข้างนอก!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!