บทที่ 328 ต้นไม้ปีศาจมะเดื่อฟ้า!
ในเส้นทางแม่น้ำตอนกลางที่กว้างขวาง ร่างกายของบรรพบุรุษโลหิตที่ป๋ายเสี่ยวฉุนควบคุมเกิดความรู้สึกโล่งสบายขึ้นมาทันที ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในกระแสธาร ก็คล้ายว่าเดินอยู่ท่ามกลางซอกแคบๆ ทว่าตอนนี้ร่างกายของเขาเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่ว ปราดเปรียวเป็นอิสระขึ้นมาเยอะมาก
อีกทั้งก้นแม่น้ำตรงนี้ก็ลึกกว่าไม่น้อย เมื่อร่างของบรรพบุรุษโลหิตที่ป๋ายเสี่ยวฉุนควบคุมร่วงลงมา ร่างท่อนบนจึงจมลงไปในน้ำถึงครึ่งหน้าอก ที่เผยออกมาเหนือน้ำมีเพียงหน้าอกท่อนบนขึ้นไป
เรือรบทงเทียนสามลำ หลังจากที่มาถึงเส้นทางแม่น้ำตอนกลางแล้ว ความเร็วก็ต่างไปจากก่อนหน้านี้ เนื่องจากความเข้มข้นของปราณวิญญาณรอบด้านที่เพิ่มมากขึ้น ดุจดั่งพลังของคนฟ้าได้ฟื้นตื่น เรือรบทงเทียนทั้งสามลำจึงระเบิดความเร็วเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเท่าตัว
แล่นฉิวทะยานไปบนแม่น้ำทงเทียนท่ามกลางเสียงอึกทึกดังกึกก้อง
ภายใต้การเดินทางเคลื่อนหน้านี้ เมื่อบุรพาจารย์ทั้งสามสายออกคำสั่ง บนเรือรบจึงมีผืนผ้าใบขนาดใหญ่ยักษ์กางสะบัด บนผ้าใบนั้นเขียนอักษรขนาดใหญ่สีทองไว้สามคำ!
สำนักสยบธาร!!
นี่เป็นครั้งแรกที่ชื่อของสำนักสยบธารได้ปรากฏขึ้นในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรแม่น้ำตอนกลาง เมื่อลมพัดกระโชก ผ้าใบก็โบกสะบัดส่งเสียงดังฟึ่บฟั่บ ทำให้ตัวอักษรทั้งสามคำยิ่งเด่นชัดสะดุดตา!
นี่เป็นเรื่องที่บุรพาจารย์ทั้งสี่สายได้ปรึกษากันไว้ตั้งแต่ตอนอยู่ในเมืองคูน้ำแล้ว
ตอนนั้นเฟิงเสินจื่อปฐมาจารย์ธาราโลหิตไม่แน่ใจว่าร่างของบรรพบุรุษโลหิตสามารถเคลื่อนย้ายได้หรือไม่ ดังนั้นจึงไม่ได้พูดอะไร ตามแผนการของพวกเขา เรือรบทงเทียนทั้งสามลำนี้ นอกจากจะบรรทุกคนแล้ว ยังต้องกำราบและเรียกขานด้วย
กำราบผู้ที่มีใจคิดไม่ซื่อ เรียกขานอิทธิพลต่างๆ ในขอบเขตของสำนักธารฟ้าที่มีใจอยากไขว่คว้าอนาคตเอาไว้
และเห็นได้ชัดว่าวิธีการนี้ใช้ได้ผล!
อาณาเขตของโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรแม่น้ำตอนกลางกว้างขวางกว่าตอนล่างมากมายนัก ลำพังเพียงแค่ขอบเขตอิทธิพลของสำนักหนึ่งก็เทียบเคียงได้กับตลอดทั้งโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรแม่น้ำตอนล่างแล้ว นี่จึงแสดงให้เห็นถึงความกว้างใหญ่ไพศาลของตอนกลาง
ตลอดทางที่ผ่านมา สองฝั่งแม่น้ำบางครั้งสามารถมองเห็นสำนักเล็กๆ รวมไปถึงตระกูลผู้บำเพ็ญเพียรบางส่วน ตระกูลและสำนักเหล่านี้ต่างก็มีความสัมพันธ์ที่พิเศษบางอย่างถึงได้รับอนุญาตจากสำนักธารฟ้าให้ตั้งถิ่นฐานอยู่ใกล้กับแม่น้ำทงเทียน
ปกติพวกเขาทุกคนล้วนหยิ่งยโสถือตัว อาศัยฐานะที่สูงส่งของผู้ที่อยู่ในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรแม่น้ำตอนกลาง จึงมักจะดูถูกโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรแม่น้ำตอนล่างอย่างมาก
ทว่าตอนนี้ เมื่อสำนักธารฟ้าถูกลงโทษ ในใจพวกเขาจึงกระวนกระวายไม่เป็นสุข อีกทั้งตอนนี้ยังได้เห็นเรือรบทงเทียนสามลำบนแม่น้ำนั่นอีก แต่ละคนจึงเบิกตาค้าง สะท้านสะเทือนไปกับเรือรบทั้งสามลำนี้ และที่ทำให้พวกเขาตัวสั่นเทิ้มได้มากที่สุดจนถึงขั้นกลั้นลมหายใจเพราะความเหลือเชื่อ ก็คือสิ่งที่อยู่ด้านหน้าเรือรบทงเทียนทั้งสามลำ ยักษ์ที่มีร่างใหญ่โตมโหฬาร…จนทุกคนไม่กล้ามองตรงๆ
“พวกเขาคือ…สำนักสยบธาร?”
“มาจากโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรแม่น้ำตอนล่าง…”
“หมายจะโจมตีสำนักธารฟ้าเพื่อเข้ามาแทนที่!!”
ตระกูลผู้บำเพ็ญเพียรและสำนักเล็กๆ ที่อยู่สองฝั่งแม่น้ำพากันฮือฮาขึ้นมาทันที นักพรตแต่ละคนตัวสั่นตื่นตระหนก ครั่นคร้ามไปกับกลุ่มของป๋ายเสี่ยวฉุนที่มาจากแม่น้ำตอนล่าง!
มองเห็นเรือรบและยักษ์ตนนี้จากไปไกล สำนักเล็กๆ และตระกูลผู้บำเพ็ญเพียรเหล่านั้นก็รีบส่งข่าวไปทั่วโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรแม่น้ำตอนกลาง พริบตาเดียว ในขอบเขตของสำนักธารฟ้า ทุกขอบข่ายอำนาจล้วนแตกตื่นครึกโครม หรือแม้แต่บริเวณเขตที่ตั้งของอีกสามสำนักใหญ่ก็ยังได้ยินข่าวนี้
ในอาณาบริเวณของสำนักธารฟ้า ตระกูลผู้บำเพ็ญเพียรและสำนักเล็กๆ เหล่านั้นมีทั้งที่หวาดกลัว มีทั้งที่ตึงเครียด และยังมีบางส่วน…ที่พอได้ยินเรื่องนี้แล้วก็ตกอยู่ในอาการคิดหนัก ทว่าไม่นานดวงตาทั้งคู่ก็หดตัวแน่วนิ่ง นัยน์ตามีประกายแสงสีแดงวาบผ่าน ราวกับกำลังดิ้นรน กำลังสองจิตสองใจ
แต่บางคนก็ตัดสินใจเฉียบขาดได้อย่างรวดเร็ว…อย่างเช่นตระกูลผู้บำเพ็ญเพียรบางส่วนที่อยู่ในขอบเขตอิทธิพลของสำนักธารฟ้าทว่าค่อนไปทางริมชายแดนที่ไม่ได้รับความสำคัญ หรือถึงขั้นถูกเมินเฉยซึ่งตัดสินใจเด็ดเดี่ยวได้ทันที!
“สำหรับสำนักสยบธารแล้ว นี่คือโอกาสของพวกเขา ขณะเดียวกันสำหรับตระกูลลสกุลโจวของพวกเราแล้ว…นี่ก็คือโอกาสของพวกเราเช่นกัน!”
“ตอนที่สำนักสยบธารต้องการมากที่สุด พวกเราปรากฏตัว เข้าไปรวมกับพวกเขา ช่วยกันโจมตีสำนักธารฟ้า ความดีความชอบในการสู้รบครั้งนี้มากพอที่จะรับประกันได้ว่าตระกูลของพวกเราจะไม่ล่มสลายไปอย่างน้อยอีกหลายพันปี!!”
“สู้เต็มที่ ไม่ลงมือตอนนี้ คิดจะรอโอกาสครั้งต่อไป ใครจะรู้ว่าวันนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่!”
ไม่นานในขอบเขตของสำนักธารฟ้าก็เกิดกระแสคลื่นพัดกระพือฮือโหม อิทธิพลมากมายต่างก็เริ่มเคลื่อนพล ตรงดิ่งไปที่ประตูสำนักธารฟ้า
เวลาเดียวกันนั้น บนแม่น้ำทงเทียน ความเร็วของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ชะลอลงไปเล็กน้อย นี่คือการปรึกษากันของบุรพาจารย์ทั้งสี่สาย สำนักธารฟ้าตั้งอยู่ตรงนั้น ไปถึงเร็วกว่าหนึ่งวันหรือถึงช้าไปหนึ่งวัน ถือว่าไม่มีอะไรแตกต่างสำหรับสำนักธารฟ้า ทว่าสำหรับสำนักสยบธารแล้ว ความหมายไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง
พวกเขาต้องการรอ รอให้ข่าวการมาถึงของสำนักสยบธารแพร่ไปทั่วสี่ทิศ รอให้คนที่ยินดีเดิมพันเข้ามาร่วมเป็นพันธมิตร ขณะเดียวกันก็รอสำนักและตระกูลอีกมากมายที่เลือกจะมองดูอยู่เฉยๆ หรืออาจกำลังลังเล ให้เวลาพวกเขาได้เดินทางไปที่สำนักธารฟ้าเพื่อชมสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นในระยะประชิด
และหลังจากที่เงื่อนไขทุกอย่างนี้สุกงอม การทำสงครามกับสำนักธารฟ้าอาจจะพ่ายแพ้ ทว่าหากชนะขึ้นมา…ถ้าเช่นนั้นก็จะสามารถปราบปรามทุกอย่างได้ในพริบตาเดียว ได้รับพละกำลังจากภายนอกมาเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเองในเวลาที่รวดเร็วที่สุด!
หลังจากที่ป๋ายเสี่ยวฉุนได้ยินแผนการทั้งหมดนี้ก็ปลงอนิจจัง รู้สึกว่าบุรพจารย์เหล่านี้แต่ละคนล้วนเป็นนักพนันกันทั้งนั้น เรื่องวางเล่ห์อุบายลึกซึ้งนี่ไม่มีใครด้อยกว่าใคร
คนเหล่านี้พอมารวมตัวกันเล่นงานสำนักหนึ่งก็วางแผนรับมือทั้งในและนอกอย่างแน่นหนาไม่มีช่องโหว่เล็ดรอด
“การทำสงครามกับสำนักธารฟ้า พวกเราดำเนินการเป็นสามฝ่าย!” บนแม่น้ำทงเทียน บุรพาจารย์ของอีกสามสายมารวมตัวกันอยู่บนไหล่ของบรรพบุรุษโลหิต ทุกคนนั่งขัดสมาธิ เฟิงเสินจื่อปฐมาจารย์สำนักธาราโลหิตกลายร่างเป็นเงาอยู่บนใบหูของบรรพบุรุษโลหิต เผยหน้าออกมาปรึกษากับทุกคน
ทั้งยังมีการกักเสียงไม่ให้ดังออกไป หลีกเลี่ยงไม่ให้คนนอกสืบความ อีกทั้งเมื่ออยู่บนร่างของบรรพบุรุษโลหิตด้วยแล้ว ต่อให้ต่างฝ่ายต่างปรึกษากันก็ไม่มีทางเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้เด็ดขาด
ป๋ายเสี่ยวฉุนเหล่ตามองมดตัวน้อยเหล่านั้นที่อยู่บนไหล่ด้วยความรำคาญเล็กน้อย…
“ส่วนที่หนึ่งคือต่อสู้บนแม่น้ำ! การต่อสู้นี้พวกเราจำเป็นต้องใช้ความเร็วที่มากที่สุดคว้าเอาชัยชนะมาให้ได้โดยไว มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นถึงจะสามารถสยบคนของตระกูลผู้บำเพ็ญเพียรและสำนักเล็กๆ เหล่านั้นได้ มอบความมั่นใจให้พวกเขามาเข้าร่วมกับพวกเรา!”
“ถูกต้อง การต่อสู้ส่วนที่สองพวกเราจะดำเนินการในผืนป่า! สำนักธารฟ้ากว้างใหญ่เกินไป ทั้งสองด้านล้วนมีป่า ในป่านี้ต้องสู้ประจัญบานกันอย่างแน่นอน ถึงเวลานั้นจะเป็นช่วงที่โหดร้ายทารุณมากที่สุด เป้าหมายของการต่อสู้นี้ก็เพื่อบุกโจมตีเข้าสู่ประตูสำนักธารฟ้า!”
“หึหึ ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าการต่อสู้ส่วนที่สาม ก็คือ
…การต่อสู้หน้าประตูสำนักน่ะสิ!”
“ทว่าความยากที่สุดของศึกนี้…ไม่ใช่นักพรตของสำนักธารฟ้า แต่เป็น…ต้นไม้ปีศาจมะเดื่อฟ้าที่ทุกร้อยปีจะต้องเขมือบกินเลือดเนื้อของคนนับล้านครั้งหนึ่ง!! แม้ว่าบุรพาจารย์คนฟ้าของสำนักธารฟ้าจะตายไปแล้ว ทว่าต้นไม้ปีศาจมะเดื่อฟ้าต้นนั้น ตามที่สายลับรายงานมา คล้ายว่ามันยังมีพลังชีวิต…ต้นไม้นี้หากอยู่ในสภาวะพรั่งพร้อมสูงสุดก็เทียบได้กับคนฟ้าเลยทีเดียว…”
บุรพาจารย์หลายสิบคนนี้ปรึกษารายละเอียดต่อกันอีกครั้ง ป๋ายเสี่ยวฉุนที่ได้ยินแผนการชั่วร้ายเหล่านั้นอยู่ข้างหูก็แอบตกใจ พอได้ยินชื่อต้นไม้ปีศาจมะเดื่อฟ้าก็เริ่มระแวดระวังชื่อนี้มากขึ้น
เวลาผันผ่าน ครึ่งเดือนต่อมา ในที่สุดก็มีตระกูลผู้บำเพ็ญเพียรตระกูลแรกมอบคำสัตย์สาบานว่าจะสวามิภักดิ์ที่บนชายฝั่งระหว่างการเดินทางของสำนักสยบธาร
ยอมติดตามสำนักสยบธาร บุกเข้าเข่นฆ่าสำนักธารฟ้า!
กลุ่มอิทธิพลที่ไม่จำเป็นต้องรอให้สงครามเปิดฉากขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบก็เลือกที่จะเข้าร่วมอย่างเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ ได้รับความสำคัญอย่างถึงที่สุดจากสำนักสยบธาร แม้ว่าจะไม่ได้ให้พวกเขาเข้ามาอยู่ในเรือด้วย แต่ก็มอบคำมั่นสัญญาที่มากพอจะรับรองอนาคตของพวกเขาได้
หลายวันต่อจากนั้น กลุ่มอิทธิพลเช่นนี้ทยอยกันปรากฏตัว จนกระทั่งผ่านไปอีกครึ่งเดือน มีตระกูลผู้บำเพ็ญเพียรทั้งหมดสิบสามตระกูล และสำนักเล็กๆ อีกห้าสำนักเข้าร่วมกองกำลังภายนอกของสำนักสยบธาร กลายเป็นพันธมิตรกัน
ส่วนกลุ่มอิทธิพลที่มากกว่านั้นเวลานี้ล้วนมาอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับสำนักธารฟ้า คอยสังเกตการณ์ในระยะประชิด ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์จะส่งผลต่อการตัดสินใจของพวกเขา
หลังจากที่ทุกอย่างเตรียมพร้อม สำนักสยบธารไร้ซึ่งความลังเลใดๆ อีก แผ่ขยายความเร็วเต็มกำลัง ร่างของบรรพบุรุษโลหิตบินทะยานเคลื่อนหน้าไปในแม่น้ำทงเทียนพร้อมเสียงดังสนั่นหวั่นไหว พุ่งผ่าผิวน้ำไปตลอดทาง เรือรบทงเทียนสามลำที่อยู่ด้านหลังต่างก็ระเบิดศักยภาพเต็มกำลัง
หลายวันหลังจากนั้น ในที่สุดทุกคนของสำนักสยบธารก็มองเห็นว่าบนแม่น้ำทงเทียนสายนี้ มี…ต้นไม้ขนาดยักษ์ต้นหนึ่ง…ทอดตัวข้ามผ่านสองชายฝั่ง…ตั้งตระหง่านสูงเสียดฟ้า!!
นี่คือต้นมะเดื่อต้นหนึ่ง และชื่อของมันก็คือมะเดื่อฟ้า!
ต้นไม้ต้นนี้ดำรงอยู่มาอย่างยาวนาน ความสูงของลำกายมากพอหลายหมื่นจั้ง ฝังรากลงลึกยังชายฝั่งทั้งสอง ขณะเดียวกันก็มีกิ่งก้านจำนวนนับไม่ถ้วนห้อยลู่ลงมาบนผิวน้ำ เบียดเสียดแน่นขนัด มีหลายส่วนที่พัวพันเติบโตไปพร้อมกัน กลายมาเป็นเส้นทางให้คนได้เดิน มากพอให้ทุกคนที่ได้เห็นใจหายใจคว่ำ!
และชายฝั่งสองด้านก็ยังมีกิ่งก้านอีกจำนวนมากที่หยั่งรากลงไปใต้ดิน ก่อเกิดเป็นต้นมะเดื่อฟ้าเล็กๆ ใหญ่ๆ ไม่เท่ากันจำนวนนับไม่ถ้วน ประหนึ่งลูกหลานของต้นแม่ที่เชื่อมโยงกันจนกลายมาเป็นผืนป่าขนาดใหญ่ยักษ์!
ในผืนป่าแห่งนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด ทั้งยังถึงขั้นมองเห็นได้ด้วยว่าในต้นมะเดื่อฟ้าแต่ละต้นนั้นคล้ายจะฝังไว้ด้วยซากศพกองพะเนินและเลือดที่แห้งกรังเป็นจำนวนมาก ซึ่งพวกมันได้อาศัยพลังของเลือดเนื้อเหล่านี้มาบำรุงร่างกายตัวเอง
ต้นมะเดื่อฟ้าก็คือต้นไม้…ที่ชอบกินเลือดเนื้อ!
ต้นมะเดื่อฟ้าที่ใหญ่โตมโหฬารน่าตกใจเช่นนี้ทำให้หลายคนของสำนักสยบธารที่ถึงแม้ว่าบุรพาจารย์จะบอกไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่พอได้เห็นกับตาตัวเองก็ยังสำลักลมหายใจ หัวใจสั่นระรัว
และต้นไม้ใหญ่ที่ทำให้ทุกคนสะท้านสะเทือนต้นนี้ก็ยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย ทั้งยังมีหลายส่วนที่เหี่ยวเฉาโรยราไปแล้ว ซึ่งผืนป่าทั้งสองฝั่งก็ยังถูกทำลายไปไม่น้อย มองดูแล้วระเกะระกะไม่เป็นระเบียบ
โดยเฉพาะในตำแหน่งที่เด่นชัดที่สุดตรงลำต้นของไม้ใหญ่นี้ มีรอยฝ่ามือขนาดยักษ์ประทับลึกลงไปด้านใน ราวกับว่าหมายจะสังหารต้นไม้ปีศาจมะเดื่อฟ้านี้ด้วยฝ่ามือเดียว!
แต่เห็นได้ชัดว่าต้นไม้ปีศาจมะเดื่อฟ้านี้ยังไม่ตาย เวลานี้ยังคงดิ้นรนเฮือกสุดท้าย แม้จะเหลือพลังของช่วงระยะเวลาเจริญงอกงามเต็มที่เพียงน้อยนิด ทว่าพลานุภาพสยบ…ก็ยังแผ่ออกไปสี่ทิศ!
ตลอดทั้งสำนักธารฟ้าอึมครึมทะมึนทึบ มองไม่เห็นนักพรตแม้แต่คนเดียว แต่กลับคล้ายว่ามีประกายสายตาที่แฝงไว้ด้วยความอำมหิตแผ่ออกมาจากทั่วทุกมุมในบริเวณต้นมะเดื่อฟ้า สายตาเหล่านั้นตกอยู่บนตัวของสำนักสยบธารที่ค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้ โดยเฉพาะร่างของบรรพบุรุษโลหิตที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นผู้ควบคุมก็ยิ่งมีสายตาเกินครึ่งจับจ้องมา