บทที่ 388 มังกรเขียวผงาด
“พรรคท้องฟ้าอีกแล้ว!” ป๋ายเสี่ยวฉุนขมวดคิ้วเป็นปม นัยน์ตาเปล่งประกายเย็นเยียบ มองเศษผงสีดำของยาที่ถูกกรีดกลางฝ่ามือตัวเอง หลังจากใคร่ครวญอยู่ชั่วครู่ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็มองไปยังทุกคนของพรรคมังกรเขียว
“ยาหลอนประสาทนี่ขายดีไหม?”
“ขายดีมากขอรับ ลำพังแค่พวกเรา เดือนๆ หนึ่งก็สามารถขายได้หลายร้อยเม็ด หากรวมกับตลอดทั้งเมืองเหนือเข้าไป เดือนหนึ่งเกรงว่าคงขายได้หลายหมื่นเม็ด ส่วนถ้าเป็นตลอดทั้งนครฟ้า…อย่างน้อยก็น่าจะสองแสนเม็ดขึ้นไป ยาหลอนประสาทหนึ่งเม็ดราคาห้าสิบคะแนนคุณความดี หนึ่งเดือนก็เท่ากับสิบล้านคะแนนคุณความดีเชียวนะ!” นักพรตชุดส้มสองคนของพรรคมังกรเขียวเวลานี้หายใจถี่กระชั้น ดวงตาทั้งคู่เปล่งประกายระยิบระยับ รีบเอ่ยปากรัวเร็ว
พอป๋ายเสี่ยวฉุนได้ยินประโยคนี้ดวงตาก็เรืองแสงสีเขียวทันที ลมหายใจเปลี่ยนมาเป็นหอบหนัก
“พรรคท้องฟ้าสามารถเอาควันหลอนของข้ามาหาคะแนนคุณความดี ข้าก็ทำได้เหมือนกัน!”
“พวกเจ้ารออยู่ตรงนี้ หากข้าหลอมยาหลอนประสาทระดับยอดเยี่ยมชุดแรกเสร็จเมื่อไหร่ พวกเจ้าก็เอาออกไปขายได้เลย!” ป๋ายเสี่ยวฉุนลุกขึ้นยืนด้วยความฮึกเหิมแล้วตรงดิ่งไปยังห้องว่างห้องหนึ่งในถ้ำทันที
เมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนจากไป ใจของทุกคนในพรรคมังกรเขียวมีการคาดเดาไปต่างๆ นานา ตอนที่มองมายังเสินซ่วนจื่อต่างก็นึกถึงผลได้ผลเสียอย่างอดไม่ได้
“เสินซ่วนจื่อ ยาหลอนประสาทนั่น…ท่านผู้นำ…เคยหลอมมาก่อนจริงหรือ?”
“ท่านผู้นำก็เป็นอาจารย์โอสถด้วยหรือ? เขา…เขาสามารถหลอมยาหลอนประสาทออกมาได้จริง? สวรรค์ หากเรื่องนี้เป็นจริง ชีวิตที่สุขสบายของพวกเราก็มาถึงแล้ว!!”
เสินซ่วนจื่อเองก็ตื่นเต้น ทว่าตอนที่มองมายังทุกคนเขาไม่แสดงอาการออกมาทางสีหน้าเลยแม้แต่นิดเดียว แค่ยิ้มน้อยๆ ส่งมาให้ แล้วพยักหน้าให้กับทุกคนด้วยนัยน์ตาที่ฉายแววมาดมั่น
“พวกเจ้าวางใจเถอะ หากเป็นด้านอื่นๆ ข้าไม่กล้ารับประกัน ทว่าหากเป็นด้านการหลอมยา…บุรพาจารย์น้อยของข้าฝีมือยอดเยี่ยมอย่างหาใครเปรียบไม่ได้!”
ทุกคนของพรรคมังกรเขียวได้ยินประโยคนี้ก็ยิ่งรอคอยมากกว่าเดิม เวลาเดียวกันนั้นก็ยิ่งคำนึงถึงผลได้ผลเสียอย่างดุเดือดมากขึ้น
หลังจากที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเดินเข้ามาในห้องก็โบกมืออย่างแรงหนึ่งครั้ง ในถุงเก็บของของเขามีเตาหลอมยาหลายสิบเตาบินออกมาทันที เตาหลอมยาเหล่านี้เล็กใหญ่ไม่เท่ากันซึ่งป๋ายเสี่ยวฉุนรวบรวมเอาไว้ตั้งแต่ตอนอยู่สำนักสยบธาร สำหรับยาหลอนประสาทนี้ เขาไม่ได้เพิ่งหลอมแค่ครั้งสองครั้ง ทว่าคุ้นเคยเป็นอย่างดี ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรให้มากความก็สามารถหลอมหลายเตาได้พร้อมกันทีเดียว
สิ่งเดียวที่เขาต้องระวังก็คือต้องควบคุมปริมาณให้ดี ยานี้ไม่ได้เอาไปใช้กับศัตรู จึงต้องควบคุมให้เกิดภาพหลอนในระดับหนึ่งเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ ความสำคัญจึงอยู่ที่ปริมาณของมัน
และจุดนี้ในฐานะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นผู้สร้างควันหลอนก็ย่อมเชี่ยวชาญยิ่งกว่าอาจารย์โอสถของพรรคท้องฟ้าอยู่แล้ว เขามั่นใจเต็มร้อยว่ายาหลอนประสาทที่ตัวเองหลอมออกมาจะต้องดีกว่ายาหยาบๆ ของพรรคท้องฟ้าไม่ใช่แค่ระดับเดียว
และสำหรับการใช้เปลือกสีดำบรรจุควันหลอนของพรรคท้องฟ้าก็ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับป๋ายเสี่ยวฉุน เมื่อเขาลองศึกษาดูจึงทำการเปลี่ยนแปลงและพัฒนา ทำให้มันหลอมละลายไปพร้อมกับควันหลอน กลายเป็นเนื้อเดียวกัน!
เวลาผ่านพ้นไป ท่ามกลางการรอคอยด้วยความร้อนรนของคนพรรคมังกรเขียวที่อยู่ด้านนอก สามวันให้หลัง เมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนเดินออกมาจากในห้องด้วยดวงตาแดงก่ำไปด้วยเส้นเลือดฝอยทว่ากลับเปี่ยมล้นไปด้วยความฮึกเหิม เขาก็สะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งครั้ง ยาสีม่วงหลายเม็ดบินพรวดออกมาจากในถุงเก็บแล้วกองอยู่บนพื้น กลายมาเป็นเหมือนภูเขาลูกย่อม ปริมาณนั้นมากพอพันเม็ด
ภาพนี้ทำให้ทุกคนของพรรคมังกรเขียวตัวสั่น นักพรตหนึ่งในนั้นหลังจากที่ประสานมือคารวะป๋ายเสี่ยวฉุนแล้วก็รีบเดินออกมาหยิบยาหนึ่งเม็ดขึ้นอย่างระมัดระวัง วางไว้ในปากจากนั้นก็หลับตาลง ไม่นานใบหน้าของเขาก็เผยความหลงใหล ทั้งยังคำรามกร้าวราวกับคนบ้า
แต่เห็นได้ชัดว่าร่างกายของเขากลับไม่มีความเสียหายใดๆ ทุกคนที่อยู่รอบด้านต่างก็จ้องนิ่งมาที่นักพรตผู้นี้ รู้ว่าเขากำลังทดลองยา เมื่อหนึ่งก้านธูปหมดลงและนักพรตผู้นี้ยังไม่ฟื้นตื่น ทุกคนของพรรคมังกรเขียวต่างก็แสดงสีหน้าประทับใจทันที
“เกินหนึ่งก้านธูปแล้ว ยาหลอนประสาทของพรรคท้องฟ้าออกฤทธิ์แค่หนึ่งก้านธูปเท่านั้น ทว่ายาหลอนประสาทของท่านผู้นำกลับอยู่ได้นานถึงขนาดนี้!”
“อีกทั้งมองดูแล้วไม่สร้างผลกระทบด้วย!!” ขณะที่ทุกคนของพรรคมังกรเขียวฮือฮา เวลาก็ผ่านไปอีกหนึ่งก้านธูป นักพรตที่ทดลองยาผู้นั้นถึงได้ค่อยๆ ลืมตาขึ้น นัยน์ตาฉายแววเลื่อนลอย ขณะเดียวกันก็เผยความพึงพอใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ครู่หนึ่งหลังจากนั้นถึงได้ฟื้นคืนสติเต็มที่ ร่างของเขาสั่นไหวน้อยๆ พูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น
“สมจริงยิ่งกว่า เปลี่ยนแปลงง่ายยิ่งกว่ายาหลอนประสาทของพรรคท้องฟ้า ทั้งยังให้ความรู้สึกลุ่มหลง ไม่จำเป็นต้องควบคุมก็สามารถจมจ่อมอยู่ในความรู้สึกนั้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ บริสุทธิ์ดีเยี่ยมอย่างแท้จริง นี่…นี่ต่างหากถึงจะเรียกว่ายาหลอนประสาท!!”
คำพูดนี้ของเขาดังออกมา ทุกคนของพรรคมังกรเขียวก็พลันตื่นเต้นขึ้นมาทันที แต่ละคนลมหายใจหอบหนัก มองยาหลอนประสาทเหล่านั้นด้วยดวงตาที่ราวกับมองเห็นคะแนนคุณความดีจำนวนนับไม่ถ้วน
“ท่านผู้นำ ยาหลอนประสาทเหล่านี้มอบให้พวกเราจัดการเอง อย่างมากสองเดือน พวกเราต้องขายได้หมดแน่!” นักพรตชุดส้มสองคนของพรรคมังกรเขียวเอ่ยขึ้นด้วยเสียงอันดังฮึกเหิม เวลานี้พวกเขามีความรู้สึกเหมือนได้เจอกับคนสูงศักดิ์อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็รู้สึกว่าป๋ายเสี่ยวฉุนช่างยิ่งใหญ่อย่างหาที่เปรียบมิได้
ป๋ายเสี่ยวฉุนเองแม้ว่าจะอ่อนเพลียเล็กน้อย ทว่าสีหน้ากลับคึกคักห้าวหาญไม่ต่างกัน เขามองประสิทธิผลของยาหลอนประสาทที่ตัวเองหลอมด้วยความพึงพอใจ แล้วก็มองมายังเสินซ่วนจื่อ
“ขายยาหลอนประสาทนี้ต้องระวังพรรคท้องฟ้าให้ดี พวกมันอาจมาแย่งของของเราหรืออาจไม่แย่ง แต่ถ้าแย่ง…การต่อยตีกันเล็กๆ น้อยๆ ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ข้าต้องการ!”
เสินซ่วนจื่อมองเห็นแสงคมกล้าในดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ทำท่าครุ่นคิดแล้วพยักหน้ารับ ช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาเองก็ได้ไปสืบข่าวเหตุการณ์ที่เมืองตะวันออกมาแล้ว รู้เรื่องสุดยอดยาปี้กู่ที่อาจารย์โอสถแซ่ป๋ายคนหนึ่งเป็นผู้หลอม รวมไปถึงวิธีการจัดการของพรรคท้องฟ้า
ในใจเขามั่นใจเก้าส่วนตั้งแต่แรกแล้วว่าต้องเป็นป๋ายเสี่ยวฉุนแน่นอน ตอนนี้ความมั่นใจจึงเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งส่วน เข้าใจแล้วว่าเหตุใดป๋ายเสี่ยวฉุนถึงต้องเปลี่ยนแปลงรูปโฉมของตัวเอง ต่อให้มาอยู่ที่นี่ก็ยังไม่เคยพูดชื่อตัวเองออกมา
“พรรคท้องฟ้า…” เสินซ่วนจื่อหรี่ดวงตาทั้งคู่ลง ในสมองมีแผนชั่วร้ายแผนแล้วแผนเล่าหมุนผ่าน จากนั้นก็เอ่ยสั่งความทุกคนของพรรคมังกรเขียว
ป๋ายเสี่ยวฉุนนั่งฟังอยู่ข้างๆ พักหนึ่งก็มองเสินซ่วนจื่อด้วยสายตาพึงพอใจ รู้สึกว่ามีเสินซ่วนจื่ออยู่ด้วย ตนก็ไม่ต้องโดดเดี่ยวเพียงลำพังอีกแล้ว
“หากทุกคนอยู่ด้วยกันหมดก็ดีน่ะสิ พวกคนไร้น้ำใจไร้คุณธรรม ทิ้งข้ากันไปหมดเลย…” ป๋ายเสี่ยวฉุนนึกถึงพวกสวีเป่าไฉก็รู้สึกหงุดหงิดคับข้องใจ แล้วก็ไม่ได้สนใจทุกคนอีก แต่ไปฝึกบำเพ็ญตบะของตัวเองต่อ
ไม่นาน ภายใต้การจัดการของเสินซ่วนจื่อ สมาชิกทุกคนของพรรคมังกรเขียวล้วนถูกเคลื่อนพล แม้แต่ญาติมิตรของพวกเขาก็ยังได้เข้าร่วมการขายยาครั้งนี้ด้วย ทั้งยังอาศัยเส้นสายของพรรคมังกรเขียวตลอดหนึ่งร้อยปีมานี้ติดต่อกับองค์กรอื่นๆ ในเมืองเหนือที่รู้จักมักคุ้นกันดี นำยาหลอนประสาทชุดนี้ออกขายในเวลาที่รวดเร็วมากที่สุด
เมื่อได้คะแนนคุณความดีมาก็เอาคะแนนส่วนใหญ่ใช้หมดไปกับการซื้อหากำลังคนเพิ่มอีกครั้ง ในนครฟ้าที่ทุกคนต่างก็ใช้ชีวิตกันอย่างยากลำบาก ขอแค่ยอมจ่ายคะแนนคุณความดี กำลังคนจึงเป็นสิ่งที่ไม่เคยขาด
และทางฝ่ายป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ไม่ได้พักผ่อน ความเร็วในการหลอมยาหลอนประสาทก็ยิ่งรวดเร็ว ถึงขั้นที่ว่าครั้งหนึ่งที่มากที่สุดคือเขาหลอมได้ทีเดียวห้าสิบกว่าเตา
เมื่อมีการรับประกันด้านปริมาณของยาหลอนประสาทจากเขา รวมถึงเส้นสายที่พรรคมังกรเขียวมีมานับร้อยปี สุดท้ายบวกกับแผนการและการบริหารจัดการของเสินซ่วนจื่อ ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ การเปลี่ยนแปลงด้านจำนวนคนของพรรคมังกรเขียวก็ได้สร้างความตกตะลึงให้กับทุกคน
ขนาดของพรรคที่ขยายใหญ่พรวดพราดซึ่งทุกวันจะต้องมีนักพรตจำนวนมากถูกรับสมัครเข้ามา ขณะเดียวกันการขายยาหลอนประสาทก็ไต่ไปถึงระดับที่น่าตกใจจนเริ่มสร้างความฮือฮาให้กับเมืองฝั่งเหนือ
และเนื่องจากการจัดการของเสินซ่วนจื่อรวมไปถึงรากฐานที่มั่นคงของพรรคมังกรเขียวจึงทำให้การสังเกตการณ์ของพรรคท้องฟ้าที่มีต่อเรื่องนี้ล่าช้าออกไป แม้ว่าระยะเวลาที่ล่าช้านั้นจะไม่นาน เพียงแค่ครึ่งเดือน ทว่าครึ่งเดือนนี้สำหรับพรรคมังกรเขียวแล้วก็เรียกได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่พลิกฟ้าพลิกดิน
และกว่าที่พรรคท้องฟ้าจะรู้ข่าวและเริ่มให้ความสำคัญ เวลาก็ผ่านไปแล้วอีกสิบวัน ในระยะเวลาเกือบหนึ่งเดือนมานี้ พรรคมังกรเขียวได้ใช้คะแนนคุณความดีมหาศาลที่สะสมมา บวกกับการทุ่มวางเดิมพันครั้งสุดท้ายของป๋ายเสี่ยวฉุนโดยการนำจระเข้ตัวนั้นไปขายเพื่อแลกเอาคะแนนคุณความดีมา ทำให้ขนาดของพรรคขยายใหญ่ และจำนวนนักพรตที่อยู่ใต้บังคับบัญชาก็มีมากพอพันคน
แม้ว่าขนาดเช่นนี้เมื่ออยู่ในนครฟ้าจะไม่ถือว่าใหญ่โตอะไร แต่กลับมากพอจะทำให้พรรคท้องฟ้าขมวดคิ้วได้ การขมวดคิ้วนี้เป็นเพราะว่าตอนนี้ไม่เหมาะที่พวกเขาจะใช้กำลังมาแก้ไขปัญหาของพรรคมังกรเขียวอีกแล้ว เพราะหากเกิดการปะทะกันขึ้นมา จะไปละเมิดกฎของสำนักอันตมรรคาฟ้าดารา
เมื่ออยู่ภายใต้กฎนั้น ต่อให้เป็นพรรคท้องฟ้าเองก็ไม่สามารถแบกรับได้
ส่วนทางฝ่ายป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยิ่งหลอมยาหลอนประสาทได้อย่างคล่องแคล่วราบรื่น หลายครั้งเขาแค่จะตั้งเตาหลอมไว้ตรงนั้น
ตัวเองแค่รับผิดชอบขั้นตอนการผสมพืชหญ้าและหลอมยา ส่วนเวลาที่เหลือมีเสินซ่วนจื่อเป็นผู้ควบคุมด้วยตัวเอง ไม่อนุญาตให้คนอื่นเข้าใกล้แม้แต่นิดเดียว
เวลาที่เหลือ นอกจากการฝึกบำเพ็ญตบะที่จำเป็นต้องทำทุกวันของป๋ายเสี่ยวฉุนแล้ว ชีวิตของเขาก็ได้กลับมาหรูหราฟู่ฟ่าอีกครั้ง ข้าวอัญมณีวิเศษเขาไม่กินอีกแล้ว ตอนนี้เริ่มหันมากินข้าววิเศษทงเทียนที่ใช้ต้องใช้น้ำของแม่น้ำทงเทียนปลูกเป็นพิเศษถึงจะงอกขึ้นมาได้
ส่วนสุราที่ดื่มก็เป็นเช่นเดียวกัน แม้แต่พาหนะขับขี่ก็ยังเปลี่ยนมาเป็นกิ้งก่ากิเลนตาสีเขียวตัวหนึ่ง บารมีน่าเกรงขาม ทุกครั้งที่ออกไปด้านนอกจะต้องมีคนติดตามนับร้อย มีหน้ามีตาอย่างถึงที่สุด
เวลาผ่านไปอีกสองเดือนอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันกับที่พรรคมังกรเขียวขยายใหญ่อย่างต่อเนื่องจนแผ่กว้างออกไปอีกสามพื้นที่ ปริมาณการขายยาหลอนประสาทที่เพิ่มขึ้นอย่างพรวดพราดก็ได้ทำให้ยาหลอนประสาทของพรรคท้องฟ้าลดลงฮวบฮาบลงไปด้วย
เพราะอย่างไรซะเมื่อเปรียบเทียบยาของทั้งสองฝ่ายแล้วก็เรียกได้ว่าคนละชั้นกันอย่างสิ้นเชิง!
ส่วนชีวิตของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยิ่งสมบูรณ์พูนพร้อม