บทที่ 51 ศิษย์พี่เฝิงเป็นคนดีเหลือเกิน
หนังหัวของป๋ายเสี่ยวฉุนแทบจะระเบิดออก ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ ตะโกนเสียงดังก้อง ยันต์จำนวนมากถูกเขาควักออกมาแปะลงไปทั่วร่างอย่างแรง เสียงดังตู้มๆๆ ชั้นแสงคุ้มกันรอบกายเขาเพิ่มพรวดขึ้นมาราวครึ่งจั้งในพริบตา
และทันทีที่ชั้นแสงปรากฏ หญิงสาวชุดแดงที่เผยกายก่อนหน้าก็เดินพรวดพราดออกมาจากความมืดข้างๆ ป๋ายเสี่ยวฉุน กระแทกตัวเข้ามาในชั้นแสง
เสียงตึงดังหนึ่งที หญิงสาวผู้นี้เดินทะลุเข้ามาในชั้นแสงได้สามฉื่อ แต่เมื่อถูกสกัดกั้นไม่ให้เดินทะลุเข้ามาต่อได้ หญิงสาวจึงกรีดร้องเสียงแหลม เสียงนี้มีพลังในการทะลุทะลวงเป็นอย่างดี ทำให้แก้วหูของป๋ายเสี่ยวฉุนสั่นสะเทือน สติสตังก็เริ่มเลอะเลือน
เขาเผลอกัดลิ้นตัวเองอย่างแรงทีหนึ่ง ชั่วพริบตาที่ฟื้นคืนสตินั้น มองเห็นหญิงสาวชุดแดงแปลงกายเป็นแมลงเต่าทองสีแดงจำนวนไม่ถ้วน พยายามบินมุดเข้ามาในแสงคุ้มกันจากรอบทิศ
แต่แสงคุ้มกันของป๋ายเสี่ยวฉุนหนาเกินไป แมลงเต่าทองสีแดงพวกนั้นใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีก็ไม่สามารถทะลุเข้ามายังชั้นป้องกันเจ็ดชุ่นสุดท้ายได้ ถูกดีดกระเด็นออกไปไกล หลังจากที่เกาะตัวเข้าด้วยกันกลางอากาศ ก็พลันกลายมาเป็นร่างของหญิงสาวชุดแดง
นางจ้องป๋ายเสี่ยวฉุนเขม็ง หัวเราะคิกคักเสร็จก็โจนทะยานเข้ามาใหม่
ในเวลาเดียวกันนั้นมีเสียงคำรามดังมาจากรอบทิศ เห็นแค่เพียงว่าภูเขาจำลองแต่ละลูกขยับขยุกขยิก แล้วก็ลุกขึ้นยืนกลายเป็นมนุษย์หิน ต้นผลไม้พวกนั้นก็ยืดแขนขาออกมาท่ามกลางการสั่นสะเทือน ถอนรากออกจากพื้นดิน ก้าวยาวๆ โผล่พรวดขึ้นมารอบทิศ พุ่งตรงมาหาคนทั้งสาม โดยเฉพาะผลไม้ที่อยู่บนต้นไม้เหล่านั้น ในเวลานี้แต่ละผลก็พากันเผยใบหน้าเปื้อนยิ้มออกมาอีกครั้ง ร้องเพลงกล่อมเด็กอย่างต่อเนื่อง
ต้นไม้หนึ่งในนั้นอยู่ใกล้ป๋ายเสี่ยวฉุนมากที่สุด เวลานี้ได้ตามประชิดเบื้องหลังหญิงสาวชุดแดง ทะยานเข้าหาเขา
“หุ่นเชิด!” ตู้หลิงเฟยร้องตะลึง
ป๋ายเสี่ยวฉุนตัวสั่น อันตรายประเภทนี้ โตมาจนขนาดนี้แล้วเขาก็ยังไม่เคยได้พบมาก่อน ในเวลานี้ดวงตาจึงแดงก่ำ มองเห็นผู้หญิงคนนั้นพุ่งเข้าหาอีกครั้ง เขารีบทำมุทรา ใช้พลังวิญญาณทั้งหมดที่มีชี้ไปที่ผู้หญิงคนนั้น
พริบตาเดียวกระบี่ไม้ของเขาก็บินฉิวออกมา ความเร็วของมันประหนึ่งสายฟ้าสีดำที่แลบแปลบปลาบ ก่อให้เกิดลมพัดโหมกระหน่ำ เสียงตูมดังหนึ่งที พร้อมกับกระบี่ที่เจาะทะลุหัวของหญิงนางนี้ไป
หญิงสาวเปล่งเสียงกรีดร้องโหยหวน ร่างกลายเป็นแมลงเต่าทองสีแดงเหลือคณานับร่วงกราว แมลงเต่าทองเหล่านั้นดิ้นรน ระหว่างที่ร่วงลงไปก็แตกสลายไปทีละตัว
พลังของกระบี่ไม้ยังไม่หมดไป นี่คือการโจมตีด้วยพละกำลังทั้งหมดซึ่งเกิดจากความเกรงภัยของป๋ายเสี่ยวฉุน หลังจากที่ทะลุกะโหลกศีรษะของหญิงสาวไปแล้ว ก็พุ่งตรงไปยังมนุษย์ต้นไม้ที่อยู่ด้านหลังหญิงสาว
พริบตาที่พุ่งทะลุ มนุษย์ต้นไม้นี้ก็ชะงักค้าง ส่วนหัวระเบิดตูมทันที ผลไม้แต่ละลูกที่อยู่บนต้นเหี่ยวแห้งทันตาเห็น แต่ถึงแม้ความตายจะมาเยือน พวกมันก็ยังคงร้องเพลงอย่างเบิกบาน
ภาพนี้ยิ่งทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนสยองพองขนอยู่ในใจ ยังดีที่พละกำลังของกระบี่ไม้มีมาก เวลานี้จึงยังคงห้อทะยาน ตรงดิ่งไปกระแทกกำแพงที่อยู่ด้านข้าง เสียงกัมปนาทสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน เมื่อกำแพงแตกออก มีโพรงขนาดยักษ์โพรงหนึ่งปรากฏออกมา สามารถมองเห็นลายเส้นจำนวนมากปลิวว่อนฉวัดเฉวียน เหมือนหนวดแต่ละเส้นที่พยายามถักทอเข้าด้วยกันใหม่อีกครั้ง
“ฝ่าออกไป!” ตู้หลิงเฟยเอ่ยปากน้ำเสียงร้อนรน สะบัดร่างหนึ่งครั้ง ทะยานดิ่งไปยังโพรงนั้น แต่เฝิงเหยียนอยู่ใกล้โพรงนี้มากที่สุด เขาสะกดกลั้นความเสียดายหยิบเอายาสีดำหนึ่งเม็ดออกมาอีกครั้ง เขวี้ยงไปด้านหน้าชายหนุ่มที่ประมืออยู่กับเขา เสียงระเบิดดังก้องสะท้อนกลับไปมา เมื่อกระเด็นแยกออกจากกัน เขาก็พุ่งถลาตัวออกไป ตรงดิ่งไปยังโพรง
เสียงวูบดังขึ้นหนึ่งทีก็มาถึงด้านข้างโพรง ขณะกำลังจะฝ่าออกไปสีหน้าของเฝิงเหยียนก็พลันเปลี่ยนสี เห็นแค่เพียงว่าสิงโตหินขนาดมหึมาสองตัวถลาพรวดเข้ามาจากนอกโพรง เงยหน้าคำรามเสียงก้อง ตัวหนึ่งพุ่งเข้าโรมรันเฝิงเหยียน อีกตัวพุ่งเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน
สิงโตหินสองตัวนี้ก็คือสิงโตที่เฝ้าอยู่ด้านนอกประตูก่อนหน้านั้น!
“พวกเจ้าหนีไม่รอดหรอก สำนักธาราเทพ…สมควรตายกันให้หมด!” ชายหนุ่มที่ประมือกับเฝิงเหยียนเปล่งเสียงหัวเราะดังก้องในเวลานี้ สะบัดตัวหนึ่งทีก็เข้ามาประชิดติดพันกับเฝิงเหยียนอีกครั้ง
เห็นว่าโพรงนั้นใกล้จะปิดเข้าหากัน เฝิงเหยียนตวาดเสียงดัง มือทั้งสองทำมุทรา รอบกายของเขาปรากฏลูกไฟขนาดเท่าศีรษะจำนวนไม่ถ้วน แผ่กระจายไอร้อน ริมขอบบิดเบี้ยว ระเบิดตูมตามไปทั่วบริเวณ กลายเป็นคลื่นไฟกระจายไปทั่ว
สิงโตหินตัวนั้นถูกบีบให้ถอยกรูดไป ส่วนชายหนุ่มตระกูลลั่วเฉินก็หน้าเปลี่ยนสี ยังมีมนุษย์ต้นไม้อีกสองต้นที่เมื่อถูกลูกไฟกระแทกเข้าที่ลำตัว ต้นหนึ่งก็ระเบิดกระจายทันที
ขณะที่อีกต้นกำลังถอยหลังหนี กลับถูกตู้หลิงเฟยที่พุ่งเข้ามาใช้กระบี่ฟันฉับจนลำตัวแตกสลาย
เสียงตูมตามดังสะท้อน ร่างของมนุษย์ต้นไม้สองต้นนี้มีของเหลวสีเขียวปริมาณมากทะลักออกมา ในลำตัวของพวกมันแต่ละต้นกลับเผยร่างที่หายใจผะแผ่วต้นละหนึ่งร่าง กายของพวกเขาล้วนผอมซูบ ราวกลับถูกดูดพลังชีวิตออกไปเกินครึ่ง
หนึ่งในนั้นสลบไสล อีกร่างหนึ่งกลับพยายามฝืนลืมตาขึ้นมา หลังจากมองเห็นตู้หลิงเฟยก็เผยสีหน้าตื่นเต้น
“ศิษย์พี่โหว!” ตู้หลิงเฟยร้องอย่างตื่นตะลึง จำได้ว่าอีกฝ่ายคือโหวอวิ๋นเฟย จึงเดินเข้าไปประคองอีกฝ่ายเอาไว้
“ตระกูลลั่วเฉินก่อกบฏ รีบหนีไป ส่งข่าวให้สำนัก!!” โหวอวิ๋นเฟยอ่อนแรง มือคว้าจับแขนของตู้หลิงเฟย ถ่ายพลังชีวิตเฮือกสุดท้ายให้นาง
พลังวิญญาณตลอดร่างของตู้หลิงเฟยพลันเพิ่มพรวดขึ้น ฟันขาวสะอาดขบกันแน่น ประคองโหวอวิ๋นเฟยฝ่าถลาออกไป ความเร็วเพิ่มขึ้นมหาศาล ทะยานตรงไปยังโพรง
ป๋ายเสี่ยวฉุนมองไปแวบเดียวก็จำได้ทันทีว่าคนๆ นี้คือโหวอวิ๋นเฟย เขาสะบัดร่างหนึ่งครั้ง หลบหลีกสิงโตหินที่เข้ามาหา ฝ่าออกไปตรงโพรงเช่นกัน
เวลานี้ทั้งสามคนล้วนกำลังห้อทะยาน ตู้หลิงเฟยอยู่ใกล้โพรงที่สุด เฝิงเหยียนและป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่ด้านหลังไม่ไกลนัก แต่เห็นได้ชัดว่าป๋ายเสี่ยวฉุนเร็วที่สุด ถึงขนาดเกือบเข้ามาใกล้ตู้หลิงเฟยแล้วด้วยซ้ำ
เฝิงเหยียนหน้าซีดเผือด วิชาลูกไฟผลาญพลังเขาไปเยอะมาก ในเวลานี้หลังจากสังเกตเห็นความเร็วของป๋ายเสี่ยวฉุนแล้ว ประกายมาดร้ายในดวงตาเขาเปล่งวาบ มือขวาพลิกหมุน ยาเม็ดสีดำปรากฏขึ้นมาอีกหนึ่งครั้ง
“ศิษย์น้องตู้รีบไป นำข่าวไปบอกกับสำนัก ข้าจะช่วยเจ้าอีกแรง!” ขณะที่เสียงของเขาเปล่งออกไป ยาสีดำในมือขวาก็ถูกขว้างแรงๆ ไปตรงตำแหน่งกลางอากาศระหว่างป๋ายเสี่ยวฉุนและตู้หลิงเฟย
เสียงตูมดังขึ้น ยาเม็ดนี้ระเบิดออกกลายเป็นพลังโจมตี ผลักดันให้ความเร็วของตู้หลิงเฟยยิ่งเพิ่มมากขึ้น ร่างของนางกระโดดทะยานสูง กระแทกเข้ากับโพรงดังปึง! ราวกับหลอมรวมเข้ากับผิวน้ำ พุ่งถลาออกไป
แต่ทางฝ่ายของป๋ายเสี่ยวฉุนกลับถูกพลังโจมตีนี้ขัดขวางเอาไว้ ร่างเขาชะงักเล็กน้อย จึงถูกสิงโตหินตัวหนึ่งพุ่งเข้ามาขวางทันที ดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนแดงฉานไปหมด
“เฝิงเหยียน!!” ขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนตวาดเสียงต่ำ เสียงลมก็คำรามขึ้นรอบทิศ สิงโตหินตัวนั้นโจนทะยานเข้าหาโดยตรง ป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังคิดจะเบี่ยงตัวหลบ ต้นผลไม้สามต้นดันเลือกเอาเวลานี้พุ่งเข้าหาเขาพร้อมกันอีก หุ่นเชิดสี่ตัวร่วมมือกัน ถือโอกาสที่ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่สามารถหลบเลี่ยงไปได้ พากันพุ่งเข้าชนร่างของเขาโดยตรง
เสียงปึงดังทีหนึ่ง แสงคุ้มกันทั่วร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนหลังจากที่กะพริบอยู่สามสี่ครั้งก็แตกสลายไป แม้แต่แสงสีเขียวของหยกก็แตกออกระหว่างที่ค่อยๆ ดับแสงลงด้วย แม้ว่าพลังภายนอกจะสกัดกั้นไว้ได้เกินครึ่ง แต่สิงโตหินตัวนั้นไม่ธรรมดา พลังที่เหลืออยู่จึงยังคงกระแทกลงมาบนอกของป๋ายเสี่ยวฉุน
พลังโจมตีมหาศาลทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนสะเทือนไปทั้งร่าง ร่างกายถูกกระแทกจนลอยกระเด็นออกไป
“ศิษย์น้องป๋าย…” เฝิงเหยียนมองเห็นภาพนี้มุมปากก็เผยยิ้มเย็นชา แต่ปากกลับส่งเสียงเป็นห่วงเป็นใย ความเร็วไม่ลดลง แผล็บเดียวก็เข้ามาใกล้โพรง เกือบครึ่งตัวหลอมรวมเข้ากับผิวน้ำของโพรงนั้นแล้วและกำลังจะฝ่าออกไปได้ แต่เวลานี้เอง ชายหนุ่มตระกูลลั่วเฉินผู้นั้นพลันส่งเสียงกรีดร้องแหลม ร่างกายแตกสลายไปในพริบตา กลายเป็นก้อนเนื้อไร้เลือดจำนวนนับไม่ถ้วนตรงดิ่งเข้าหาเฝิงเหยียน
พริบตาที่เฝิงเหยียนจะฝ่าออกไปนั้น ก้อนเนื้อพวกนี้ก็เข้ามาใกล้อย่างฉับพลัน รัดพันรอบตัวของเฝิงเหยียนแล้วกระชากออกมาแรงๆ หนึ่งที
เฝิงเหยียนคำรามอย่างเคียดแค้น ถูกกระชากให้ออกห่างจากโพรงอีกครั้ง และตอนนี้โพรงก็เหลือพื้นที่ว่างอีกไม่มากแล้ว
ท่ามกลางความวิตก เขากัดฟันกรอด กัดแรงจนปลายลิ้นมีเลือดทะลักออกมา หยดลงบนกระบี่ของตนเอง ทำให้กระบี่บินกลายเป็นสีชาดโดยพลัน มันไม่ได้พุ่งเข้าไปหาใคร แต่เป็นแตกกระจายดังตูม กลายเป็นเศษมีดชิ้นเล็กชิ้นน้อยนับไม่ถ้วน พุ่งตรงเข้าหาตัวเอง
และด้วยวิธีที่ใกล้เคียงกับการทำให้ตัวเองพิการเช่นนี้ ทำให้เศษมีดจำนวนไม่ถ้วนพุ่งทะลุร่างกายของเขา ขณะเดียวกันกับที่ทำร้ายตนเองจนบาดเจ็บ ก็สามารถฟาดฟันก้อนเนื้อที่รัดพันตัวเองเหล่านั้นให้ขาดออกจากกันได้สำเร็จ!
เมื่อร่างถูกคลายจากการบีบรัด บนตัวเฝิงเหยียนมีบาดแผลเกินจะนับ เลือดเนื้อไหลปนกันมั่วไปหมด ทำให้ดวงตาเขาพร่าเลือน ยังดีที่ก่อนจะกลายเป็นเศษมีด เขาได้ควบคุมให้หลีกเลี่ยงจุดสำคัญของตนเอง เวลานี้จึงกัดฟัน เคลื่อนร่างพุ่งไปยังโพรง
เวลาเดียวกันนี้เอง ป๋ายเสี่ยวฉุนที่ถูกสิงโตหินตัวนั้นตะปบเข้าที่หน้าอกดังตึงจนร่างถอยกรูด เขาเปล่งเสียงร้องโหยหวน แต่เสียงโหยไห้นี้เพิ่งจะเปล่งออกมาไม่กี่แอะก็ชะงักกึก ป๋ายเสี่ยวฉุนกะพริบตาปริบๆ อย่างงุนงง ก้มหน้าลงมองหน้าอกของตัวเอง พบว่าถึงแม้อาภรณ์จะเสียหาย แม้ว่าเสื้อหนังพวกนั้นจะฉีกขาดพังยับไปไม่น้อย แต่…ตนเองกลับไม่รู้สึกเจ็บ
เขารีบสำรวจตัวเองรวดเร็วด้วยความสงสัย แน่ใจแล้วว่า…ตั้งแต่ที่ตัวเองเริ่มลงไม้ลงมือต่อสู้จนถึงตอนนี้ มองดูแล้วเหมือนอันตราย แต่ในความเป็นจริง…ตลอดทั้งร่างเขากลับไม่มีแม้แต่บาดแผลเล็กๆ ให้เห็น
ฝ่ามือของสิงโตหินตัวนั้น ถึงแม้ว่าเขาจะถูกตบจนลอยกระเด็น แต่กลับไม่รู้สึกอะไร
ขณะที่กำลังตกตะลึงระคนดีใจ ต้นผลไม้รอบกายของเขาก็ไล่ตามมา หมัดหนึ่งต่อยกระแทกลงบนหม้อสีดำที่เขาแบกไว้ด้านหลัง ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนถลามาข้างหน้า หลังจากพบว่าหม้อสีดำยังคงเป็นปกติ และตนเองก็ยิ่งไม่มีความรู้สึกอะไร ก็เงยหน้าขึ้นฟ้าหัวเราะฮ่าเสียงดัง
“ที่แท้ข้าก็แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ แม่งเอ้ย แล้วข้าจะยังกลัวอะไรอยู่อีกวะ” ป๋ายเสี่ยวฉุนจิตใจฮึกเหิม ในเวลานี้ก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้น เขาเร่งระดับความเร็ว เสียงฟิ้วดังหนึ่งทีก็พุ่งดิ่งไปยังโพรง ความเร็วในตอนนี้มีมากกว่าก่อนหน้านั้นมากมายนัก พริบตาเดียวก็มาปรากฏอยู่ตรงโพรงแล้ว
เวลานี้ร่างกายครึ่งหนึ่งของเฝิงเหยียนโผล่ออกไปข้างนอกแล้ว ด้วยเพราะความเร็วของป๋ายเสี่ยวฉุนมีมากเกินไป เฝิงเหยียนจึงสัมผัสถึงอีกฝ่ายไม่ได้แม้แต่นิด ในความคิดของเขา เมื่อครู่ที่ป๋ายเสี่ยวฉุนถูกพวกหุ่นเชิดหลายตัวโจมตี ก็คงตายไปตั้งนานแล้ว
มองเห็นว่าเฝิงเหยียนจะออกไปได้ ในดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนเผยแววอาฆาตมาดร้าย มือขวาพลันยกขึ้น คว้าหมับเข้าที่แขนของเฝิงเหยียนซึ่งห้อยอยู่ด้านนอกแล้วกระชากออกมาแรงๆ
“ในที่สุดก็ออกมาได้แล้ว!” เวลานี้ขณะที่เฝิงเหยียนกำลังตื่นตะลึงระคนดีใจ แต่ทันใดนั้นแขนของเขาก็รู้สึกเจ็บ ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ทั้งร่างก็ถูกกำลังมหาศาลกระชากพรวดกลับเข้ามาในทางเข้าโพรง
“ไม่!!” เฝิงเหยียนคำรามโกรธแค้น ยังไม่ทันที่เขาจะมองเห็นชัดเจนว่าตนเองถูกกระชากกลับมาได้อย่างไร ถุงเก็บของก็หลุดออกไปก่อน จากนั้นทั้งร่างก็ถูกพละกำลังมหาศาลสะบัดแรงๆ หนึ่งที ตัวกระเด็นออกไปไกล
เวลานี้เองเขาถึงได้เห็นเงาร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนที่ปากโพรง
“ป๋ายเสี่ยวฉุน!!” ดวงตาทั้งคู่ของเฝิงเหยียนแดงก่ำ แต่ที่ตามมาติดๆ คือเขาโดนโอบล้อมไว้ด้วยสิงโตหินสองตัวนั้น ขณะที่เสียงครืนครันดังขึ้น เสียงร้องโหยหวนของเขาก็สะท้อนก้อง
“ศิษย์พี่เฝิง!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนเปล่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดใจถึงขีดสุด สะบัดร่างหนึ่งทีก็เหยียบย่างเข้าไปในโพรง ขณะที่โพรงนี้กำลังจะปิดลง ทั้งตัวเขาก็ลอดออกไปได้
และทันทีที่เขาลอดออกไปนั้น โพรงนี้ก็ปิดสนิททันที
นอกทางออกไม่ได้อยู่ในเขตที่พักของตระกูลลั่วเฉินอีกแล้ว แต่เป็นนอกประตูใหญ่ หลังจากที่ตู้หลิงเฟยหนีออกมาได้ก็ไม่กล้าหยุดพัก รอคอยอย่างร้อนใจอยู่ตรงริมป่าที่ห่างออกไปไกล คอยมองรอบกายอยู่ตลอดเวลา ครั้นเห็นว่าป๋ายเสี่ยวฉุนฝ่าออกมาได้ก็กำลังจะตะโกนเรียก แต่กลับเห็นว่าป๋ายเสี่ยวฉุนเปล่งเสียงหวนไห้อาวรณ์ ดวงตาแดงก่ำ
“ศิษย์พี่เฝิง!! เพื่อช่วยข้าแล้ว ท่านไม่เพียงยกถุงเก็บของให้ข้า ยังเอาตัวเองไปสกัดขวางหุ่นเชิดพวกนั้นอีก ศิษย์พี่เฝิง!”
“ป๋ายเสี่ยวฉุน พวกเรารีบไปกันเถอะ!” ได้ยินคำพูดของป๋ายเสี่ยวฉุน ในใจตู้หลิงเฟยก็ให้เศร้าโศกนัก มองเห็นว่าโพรงหายไป ป๋ายเสี่ยวฉุนยังคงนั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่ตรงนั้น จึงรีบตะโกนออกมา
ป๋ายเสี่ยวฉุนน้ำตาคลอ รีบวิ่งเข้ามาหา ช่วยตู้หลิงเฟยประคองโหวอวิ๋นเฟย ทะยานดิ่งเข้าไปในป่า
“ศิษย์พี่เฝิงเป็นคนดีเหลือเกิน…” ป๋ายเสี่ยวฉุนหน้าตาเศร้าสร้อย ทั้งยังหันกลับไปมองอยู่ตลอดเวลา
ตู้หลิงเฟยรวดร้าวใจ นางไม่คิดเลยว่าภารกิจครั้งนี้จะอันตรายถึงระดับนี้ นึกถึงก่อนหน้านั้น หากเชื่อฟังคำพูดของป๋ายเสี่ยวฉุน ไม่มาที่ตระกูลลั่วเฉินนี่ บางทีเฝิงเหยียนก็คงจะไม่ตาย
โดยเฉพาะมองเห็นท่าทางอาดูรเอาแต่ตีอกชกหัวโทษตัวเองของป๋ายเสี่ยวฉุนแบบนั้น ในใจนางก็ยิ่งเศร้า ถอนหายใจเบาๆ หนึ่งที
“ศิษย์น้องป๋าย พวกเรารีบหนีกันให้เร็วเถอะ ตระกูลลั่วเฉินก่อกบฏ พวกเขาไม่มีทางให้พวกเราส่งข่าวกลับไปยังสำนักแน่ เมื่อครู่ข้าลองดูแล้ว ที่นี่ถูกตัดขาดการสื่อสารทั้งหมด…แผ่นหยกถ่ายทอดเสียง ใช้ไม่ได้แล้ว” ตู้หลิงเฟยมองป๋ายเสี่ยวฉุน พูดเสียงเจื่อน
ร่างป๋ายเสี่ยวฉุนสะท้านเฮือก ตระหนักถึงอันตรายได้โดยพลัน
———