Skip to content

A Will Eternal 538

บทที่ 538 เสี่ยวฉุนหนีเร็ว

ป๋ายเสี่ยวฉุนร้องคร่ำครวญอยู่ในใจ รู้สึกชาไปทั้งหนังหัว ต่อให้เขาจะสู้เก่งแค่ไหน ทว่านักพรตของแดนทุรกันดารที่อยู่รอบด้านนี้มีเยอะเกินไป โดยเฉพาะนึกถึงเรื่องที่ตนเคยไปล่วงเกินพวกเขาเอาไว้ แถมยังมีเรื่องรางวัลนำจับของตน ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยิ่งตัวสั่น รีบเปลี่ยนตำแหน่งอย่างรวดเร็ว คิดจะหลบซ่อนตัวอีกครั้ง

แต่เมื่อเสียงคำรามของพวกคนที่เห็นป๋ายเสี่ยวฉุนดังขึ้น สายตาของนักพรตแดนทุรกันดารที่อยู่รอบด้านก็ยิ่งคมกริบ ทั้งยังมีบางคนที่ถึงขั้นบินออกมา ตอนที่สายตาประหนึ่งลูกธนูแหลมคมเหล่านั้นพุ่งเป้าเข้าใส่ นักพรตห้ากองทัพใหญ่ที่อยู่รอบกายป๋ายเสี่ยวฉุนก็เริ่มทนรับไม่ไหวจึงกระจายตัวกันออกโดยอัตโนมัติ คนของกองที่สามเองก็ถูกผลักให้ถอยห่าง โดยเฉพาะชายร่างใหญ่ที่อยู่ด้านหน้าป๋ายเสี่ยวฉุน ความกดดันของเขามากมหาศาลยิ่งกว่าใคร สายตาเหล่านั้นทำให้ลมหายใจของเขายุ่งเหยิง ขณะที่กำลังจะเบี่ยงตัวหลบอย่างรวดเร็ว ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับร้องอุทานด้วยความเศร้าใจ

“พี่ชาย อย่าเพิ่งไปสิ ช่วยบังให้ข้าหน่อย ผ่านเคราะห์ครั้งนี้ไปได้ ข้าจะตอบแทนอย่างงามเลย” คำพูดของป๋ายเสี่ยวฉุนเพิ่งจะดังจบ ชายฉกรรจ์คนนั้นก็รีบเผ่นหนีออกห่างโดยไม่แม้แต่จะเหลียวหลังกลับมามองเขา

ป๋ายเสี่ยวฉุนร้อนใจเสียแล้ว ขณะที่กำลังจะหานักพรตคนอื่นๆ มาช่วยบังกลับพบว่านักพรตที่อยู่รอบด้านพากันถอยห่างอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็เปิดที่โล่งให้เห็นเขาซึ่งยืนอยู่ตรงนั้น

และทันใดนั้นทุกคนก็ล้วนมองเห็นป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างชัดเจน!

“มารป๋าย!!”

“มารป๋ายไม่ตายคือความอัปยศอย่างใหญ่หลวงของแดนทุรกันดารเรา!!”

“ไม่นึกเลยว่าเขาจะมาที่นี่ด้วย ฮ่าๆ เจ้ามารป๋ายผู้นี้ข้าจองแล้ว สมบัติอะไร วิญญาณคนฟ้าอะไร ข้าผู้อาวุโสไม่สนใจแล้ว ขอแค่ได้รางวัลจากการสังหารป๋ายเสี่ยวฉุนผู้นี้…นั่นมันวิญญาณสัตว์ฟ้าครบทั้งห้าธาตุเชียวนะ ไม่ต่างอะไรไปจากวิญญาณคนฟ้าเลย!!”

“ช่างโอหังยิ่งนัก เขามีค่าหัวมูลค่ามหาศาลถึงวิญญาณสัตว์ฟ้า แต่กลับยังกล้าออกมา นี่เท่ากับว่าเขาต้องการท้าทายพวกเราชัดๆ!!”

ป๋ายเสี่ยวฉุนทั้งเจ็บแค้นทั้งเศร้าอาดูร ยามนี้หัวใจเขาถึงขั้นหดรัดตัว เขามองออกว่าสายตาละโมบที่แฝงไว้ด้วยความเคียดแค้นจากผู้ฝึกวิญญาณและชนพื้นเมืองของแดนทุรกันดารเหล่านั้นมีความกระหายใคร่และละโมบอยู่มากกว่า…

แล้วก็มองเห็นได้ว่าสหายนักพรตรอบด้านที่พอกระจายตัวกันออกไป สายตาของหลายคนที่หันมามองตนเปล่งแสงวิบวับ ทั้งหมดนี้ทำให้ใจของป๋ายเสี่ยวฉุนเย็นเยียบ

“ข้าเองก็ไม่อยากมาเหมือนกัน ข้าไม่ได้ท้าทายพวกเจ้าเสียหน่อย…” ป๋ายเสี่ยวฉุนใกล้จะร้องไห้อยู่เต็มแก่ รอบกายของเขาไม่ว่าจะเป็นแดนทุรกันดารหรือฝั่งกำแพงเมือง ไม่พูดว่าทุกคน แต่คนส่วนใหญ่ตอนที่หันมามองตน ความละโมบและความคลุมเครือที่อยู่ในสายตาของคนเหล่านั้นล้วนทำให้เขาตัวสั่นทั้งที่ไม่หนาว

ป๋ายเสี่ยวฉุนมองออกว่าไม่ว่าจะเป็นคนกันเองหรือพวกนักพรตของแดนทุรกันดารต่างก็มีใจคิดไม่ซื่อกับตน เหงื่อเย็นๆ จึงผุดออกมาจากหน้าผากของป๋ายเสี่ยวฉุน เขารู้สึกได้อย่างเลือนรางว่าสายตาที่คนเหล่านี้มองมายังตนเหมือนมองเห็นสมบัติล้ำค่า

เพราะอย่างไรซะไม่ว่าใครก็ตามที่สังหารตนได้ก็ล้วนได้รับวิญญาณสัตว์ฟ้าห้าธาตุอย่างครบถ้วน และทุกคนก็รู้กันดีว่าวิญญาณคนฟ้าหนึ่งดวงสามารถแลกวิญญาณสัตว์ฟ้าครบทั้งห้าธาตุได้

“ที่สำคัญที่สุดก็คือ…หลังจากสังหารข้าแล้วจะไม่ใช่แค่ได้รับวิญญาณสัตว์ฟ้าห้าธาตุเท่านั้น ที่ตัวข้ายังมีวิญญาณคนฟ้าอยู่ตั้งสองดวง นี่หากใครเป็นคนฆ่าข้าได้ก็จะกลายมาเป็นมหาเศรษฐีในชั่วข้ามคืนทันที!”

คิดมาถึงตรงนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ถอนหายใจอยู่ในใจไม่หยุด หากเขาไม่คิดอย่างนี้ก็ยังพอว่า แต่พอคิดเช่นนี้เขาก็รู้สึกทันทีว่าตนล้ำค่าเสียยิ่งกว่าสมบัติที่ซ่อนอยู่ในเขาวงกตนี่เสียอีก…

“นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไม…ทำไมข้าถึงมีค่ามากยิ่งกว่ากรุสมบัติของที่นี่ได้เล่า…” ยามนี้น้ำตาของป๋ายเสี่ยวฉุนขึ้นมาเอ่อคลออยู่เต็มหน่วย ในใจเขารู้สึกคับแค้นเพราะไม่ได้รับความเป็นธรรม ยิ่งรู้สึกว่าตนสร้างความดีความชอบใหญ่หลวงให้กับกำแพงเมืองมากมายแต่กลับต้องมาเจอจุดจบเช่นนี้ ความรู้สึกแบบนั้นทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนเคียดแค้นจนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ดวงตาอาบไปด้วยสีเลือด พริบตาเดียวเส้นเลือดฝอยก็ลอยขึ้นเต็มตา

สายตาของพวกผู้ฝึกวิญญาณและชนพื้นเมือง หรือแม้แต่อาจารย์หลอมวิญญาณที่ปะปนอยู่ในกลุ่มคนแสดงให้เห็นถึงความไม่เป็นมิตร แถมบางคนยังทำท่าเหมือนจะพุ่งเข้ามาสังหารตนทันทีทันใด

ป๋ายเสี่ยวฉุนในยามนี้ยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยว ในบรรดานักพรตของกำแพงเมืองที่อยู่รอบด้าน คนบางส่วนของกองที่สามต่างก็ร้อนรน พยายามจะเข้ามาช่วยเหลือ แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ทันกาลแล้ว

และหากมีนักพรตของแดนทุรกันดารลงมือสังหารเขาจริงๆ สถานการณ์ก็จะเปลี่ยนมาเป็นควบคุมไม่ได้ทันที เมื่อเห็นว่าวิกฤตความเป็นความตายมาเยือน ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงพลันเดินขึ้นหน้าไปหนึ่งก้าวด้วยดวงตาแดงฉาน ทั้งยังคำรามด้วยสีหน้าดุร้าย

“ยังมีใครอยากตายอีก!!”

ประโยคนี้ดังราวอสนีบาตที่ก้องสะท้อนไปสี่ทิศ พวกฝึกวิญญาณและชนพื้นเมืองของแดนทุรกันดารที่ทำท่าจะถลันออกมาพากันชะงักฝีเท้า นึกขึ้นได้ถึงภาพการสู้รบของป๋ายเสี่ยวฉุนในปีนั้นทันที!

ศึกครั้งนั้นพวกเขาบางคนเคยได้เห็นกับตาตัวเอง และบางคนก็ได้ยินคนอื่นเล่าให้ฟังอีกที ซึ่งทุกคนต่างก็ตกตะลึงไปตามๆ กัน พอตอนนี้มาได้ยินประโยคนี้จึงอดที่จะลังเลไม่ได้

เพราะอย่างไรซะพลังในการต่อสู้ของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ไม่ธรรมดา คนแรกที่พุ่งออกไปเกรงว่าคงไม่เพียงไม่สามารถสังหารป๋ายเสี่ยวฉุนได้ ตัวเองก็อาจจะถึงขั้นเอาชีวิตรอดได้ยาก และชั่วขณะที่ทุกคนของแดนทุรกันดารกำลังสองจิตสองใจกันอยู่นั้น ก้อนเมฆบดบังพระอาทิตย์ที่ตกดิน ยามสนธยาเยื้องกรายมาถึง

เมื่อท้องฟ้ากลายมาเป็นสีเหลืองทองอย่างเห็นได้ชัด ม่านแสงสีเทาที่ปิดทางเข้าของเขาวงกตกลางแอ่งที่ราบก็พลันหายวับไป…ขณะเดียวกันกับที่มันหายไป เสียงร้องโหยหวนหวีดหวิวก็ดังออกมาจากในทางเข้าเขาวงกตแห่งนั้นทันที

เสียงนี้คล้ายเสียงร้องคำรามของผีร้ายจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่ในเขาวงกต เมื่อดังเข้าหูของทุกคน จิตวิญญาณของพวกเขาก็ถูกสั่นคลอน

ลมหายใจของป๋ายเสี่ยวฉุนถี่กระชั้น เขารู้สึกว่าตัวเองไม่มีทางเลือกอื่น ตอนนี้เมื่อเห็นว่าทางเข้าของเขาวงกตเปิดออกแล้ว แม้ว่ามันจะเต็มไปด้วยภยันอันตราย ทว่าสำหรับเขาแล้วนั่นคือโอกาสครั้งหนึ่ง

ดังนั้นวินาทีที่ทางเข้าเขาวงกตเปิดออก ชั่วพริบตาที่ทุกคนถูกดึงดูดให้หันไปมอง ป๋ายเสี่ยวฉุนที่กัดฟันเงียบงันก็ร่ายใช้ความเร็วเต็มกำลัง เรือนกายพุ่งถลาไปข้างหน้า กลายมาเป็นภาพติดตา หมายดิ่งทะยานลงไปในทางเข้าเขาวงกต

ความรวดเร็วนั้นแค่พริบตาเดียวก็เข้าไปใกล้ แถมป๋ายเสี่ยวฉุนยังร่ายใช้ชนาเขย่าภูเขา ท่ามกลางเสียงกัมปนาทราวฟ้าผ่า ป๋ายเสี่ยวฉุนก็เหยียบพรวดลงไปในทางเข้า ก่อนหน้าที่จะเข้าไป เขายังรู้สึกว่าจะปล่อยให้คนอื่นคิดว่าตนกลัวไม่ได้ ดังนั้นจึงคำรามกร้าวหนึ่งประโยค

“ศิษย์พี่จ้าว ศิษย์พี่หญิงเฉิน ข้าป๋ายเสี่ยวฉุนมาช่วยพวกเจ้าแล้ว!” ขณะที่เสียงตะโกนดังก้อง ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนก็วูบหายเข้าไปในทางเข้า พริบตาเดียวก็ไม่เหลือแม้แต่เงาราวกับว่าวินาทีที่เขาเหยียบลงไปก็ได้ถูกเขาวงกตนำส่งเข้าไปโดยอัตโนมัติ

“เจ้ามารป๋ายอย่าคิดหนีนะ!!”

“ฆ่ามารป๋ายเพื่อเอารางวัลมาครอบครอง!!”

“ตาม!!” แทบจะเวลาเดียวกันกับที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเหยียบเข้าไปในทางเข้า ไอสังหารของพวกชนพื้นเมืองและผู้ฝึกวิญญาณของแดนทุรกันดารรวมไปถึงอาจารย์หลอมวิญญาณต่างก็พวยพุ่งเทียมฟ้า ก่อนที่พวกเขาจะพากันพุ่งตัวลงไปในทางเข้า

เฉินเห้อเทียนมองภาพทุกอย่างนี้ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์มาโดยตลอด เพียงแต่ว่าตอนที่ได้ยินประโยคนั้นของป๋ายเสี่ยวฉุน หนังหน้าของเขากลับกระตุกอยู่หลายครั้งอย่างมิอาจควบคุมได้ ยามนี้จึงรีบสะบัดปลายแขนเสื้อ

“ห้ากองทัพฟังคำสั่ง จงเข้าไปในเขาวงกต!” เสียงของเขาดังออกมา นักพรตสามหมื่นคนไม่กล้าไม่ทำตามจึงพากันบินเข้าไปในเขาวงกต ส่วนตัวเฉินเห้อเทียนเองก็เข้าไปข้างในนั้นด้วย

พริบตาเดียวทุกคนที่อยู่นอกเขาวงกตก็ล้วนทยอยกันเข้าไปด้านใน ไม่นานรอบด้านก็เริ่มว่างเปล่า ทว่าบนท้องฟ้ากลับยังคงมีรุ้งยาวปรากฏตัวอย่างต่อเนื่อง เมื่อเข้ามาใกล้ก็มุดลอดเข้าในเขาวงกตทันที

เวลาเดียวกันนั้น เรื่องที่ป๋ายเสี่ยวฉุนปรากฏตัวอยู่ที่เขาวงกตก็แพร่ออกไปจากปากของผู้ฝึกวิญญาณแดนทุรกันดาร ทำให้ผู้ฝึกวิญญาณและชนพื้นเมืองของพื้นที่แห่งนี้รับรู้กันหมด

“ว่าไงนะ มารป๋ายปรากฏตัว!” ในชนเผ่าแห่งหนึ่งของแดนทุรกันดาร หัวหน้าเผ่าชนพื้นเมืองกำลังนั่งทำสมาธิ พอได้ยินรายงานจากสหายร่วมเผ่าที่อยู่เบื้องหน้า เขาก็เงยหน้าขึ้นทันใด

“มารป๋ายต้องตายเท่านั้น ข้าผู้อาวุโสจะไปเอง!” หัวหน้าใหญ่ผู้นี้กัดฟัน ขยับตัวได้ก็บินออกไปทันที

ภาพเหตุการณ์เช่นเดียวกันนี้ล้วนเกิดขึ้นในชนเผ่ามากมาย ขณะเดียวกันก็มีผู้ฝึกวิญญาณที่เป็นพวกฝึกบำเพ็ญตบะด้วยตัวเองจำนวนมากที่ต่างก็รู้เรื่องนี้ผ่านทางช่องทางของใครของมัน แต่ละคนลมหายใจเปลี่ยนมาเป็นถี่กระชั้น ดวงตาโชนแสง

“มารป๋าย…รางวัลค่าหัวที่หงเฉินหนวี่ตั้งให้เขาได้เพิ่มไปถึงวิญญาณสัตว์ฟ้าห้าธาตุแล้ว…นั่นคือห้าธาตุที่ครบถ้วน หากใครได้ไปครองก็สามารถรวมกำเนิดได้ทันที!!”

“หึหึ เดิมทีข้ายังไม่คิดจะสนใจเขาวงกตนั่น เพราะอย่างไรซะหากคิดจะได้ครอบครองวิญญาณคนฟ้า เมื่อไม่มีวาสนาและโชคช่วยก็ย่อมไม่สามารถเอามาครองได้ ทว่าตอนนี้…มีทางเลือกเพิ่มขึ้นมาอีกอย่าง เรียกได้ว่าในเขาวงกตแห่งนี้มีสมบัติถึงสองชิ้น!”

“ไป ไปเขาวงกต!”

ไม่เพียงแต่ผู้ฝึกวิญญาณและชนพื้นเมืองเท่านั้นที่บ้าคลั่ง ยังมีอาจารย์หลอมวิญญาณของในพื้นที่แห่งนี้ พวกเขามีฐานะสูงส่งอยู่ในแดนทุรกันดาร ทว่าก็ยังคงมีความต้องการอย่างแรงกล้าต่อวิญญาณสัตว์ฟ้าห้าธาตุอยู่ดี ตอนนี้หลังจากที่ได้รู้ว่าป๋ายเสี่ยวฉุนปรากฏตัวจึงพากันหวั่นไหว รีบมุ่งหน้าไปยังเขาวงกตทันที

เมื่อเวลาผ่านไปแล้วหลายชั่วยาม บนท้องฟ้านอกเขาวงกต เงาร่างของนักพรตแห่งแดนทุรกันดารที่มาที่นี่แทบไม่เคยขาดสาย เงาร่างเหล่านั้นพอมาถึงต่างก็เหยียบเข้าไปในเขาวงกตอย่างไร้ซึ่งความลังเลทันที

เป้าหมายของพวกเขาไม่ได้คิดจะเข้าไปในเขาวงกตเพื่อผ่านการประลอง ช่วงชิงอันดับที่หนึ่งเพื่อให้ได้รับวิญญาณคนฟ้า เรื่องนี้คนหลายคนล้วนรู้สึกว่าระดับความยากนั้นมีมากเกินไป แถมยังเลื่อนลอยจนแทบมิอาจเป็นจริงได้ ดังนั้นเป้าหมายของพวกเขาก็คือสังหารป๋ายเสี่ยวฉุน!

สังหารป๋ายเสี่ยวฉุนเพื่อเอารางวัลอย่างวิญญาณสัตว์ฟ้ามาครอง

อีกอย่างพวกเขาส่วนหนึ่งที่มีจำนวนค่อนข้างมากที่ถึงแม้เป้าหมายในการมาเขาวงกตคือช่วงชิงวิญญาณคนฟ้า แต่ในความเป็นจริงแล้วก็วางแผนว่าจะเอาวิญญาณคนฟ้าไปแลกวิญญาณสัตว์ฟ้าห้าธาตุ ดังนั้นสำหรับพวกเขาแล้ว การสังหารป๋ายเสี่ยวฉุนถึงจะคุ้มค่ามากที่สุด และได้มาง่ายๆ โดยตรงที่สุด!

เมื่อเป็นเช่นนี้ ในสายตาของคนอื่นๆ มูลค่าของป๋ายเสี่ยวฉุนในเขาวงกตจึงไม่ต่างอะไรไปจากวิญญาณคนฟ้า ทั้งยังมอบความรู้สึกที่ผิดเพี้ยนอย่างหนึ่งให้กับผู้คนว่า ป๋ายเสี่ยวฉุนต่างหาก…ถึงจะเป็นสมบัติในเขาวงกตแห่งนี้…

กำจัดป๋ายเสี่ยวฉุน ก็ได้จะทุกอย่างมาในครอบครอง!

ยามนี้พวกนักพรตที่ไม่ว่าจะเป็นคนที่ตามมาทีหลัง หรือคนที่ไล่ตามป๋ายเสี่ยวฉุนเข้าไปในเขาวงกตก่อนหน้านี้ พวกเขาล้วนกำลังตามหาป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างรวดเร็ว พายุบ้าคลั่งที่พัดผ่านไปทั่วสุสานใต้ดินเพื่อตามหาป๋ายเสี่ยวฉุนได้เริ่มแผ่ขยายออกไปอย่างต่อเนื่องในเขาวงกตแห่งนี้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!