Skip to content

A Will Eternal 54

บทที่ 54 คุณธรรมในใจ!

มองเห็นว่าคนที่มีพลังรวมลมปราณขั้นหกสองคนนั้นคิดจะหนีไป ป๋ายเสี่ยวฉุนทำมุทราชี้ไปข้างหน้า กระบี่ไม้เล่มเล็กร้องคำราม บินตวัดผ่านลำคอของคนหนึ่งในนั้นทันที

แม้จะตายไปแล้ว นัยน์ตาของคนในตระกูลที่มีพลังรวมลมปราณขั้นหกผู้นี้ก็ยังแฝงไว้ด้วยความตะลึงลานและหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

เดิมทีพวกเขาควรเป็นฝ่ายไล่ฆ่า แต่ตอนนี้…ทุกอย่างกลับตาลปัตร กลายเป็นฝ่ายถูกไล่ฆ่าเสียเอง!

ในเวลาสั้นๆ ป๋ายเสี่ยวฉุนฆ่าคนไปติดๆ ถึงสี่คน!

คนที่มีพลังรวมลมปราณขั้นหกคนสุดท้ายที่เมื่อครู่เพิ่งร่วมมือกันโอบล้อมโจมตีป๋ายเสี่ยวฉุน ยามนี้สีหน้าซีดเผือด ถอยหลังกรูดอย่างสุดกำลัง หัวใจเต้นโครมคราม ร่างกายสั่นสะท้าน เขานึกภาพไม่ออกเลยว่า ลูกศิษย์สำนักธาราเทพที่ตัวผอมแห้ง ผิวขาวสะอาดสะอ้านเบื้องหน้า จะ…น่ากลัวได้ถึงเพียงนี้

นัยน์ตาป๋ายเสี่ยวฉุนเผยแววสังหาร กำลังจะไล่ตามไป แต่เวลานี้เอง ในใจพลันสัมผัสถึงอันตรายได้อย่างกะทันหัน

เวลาเดียวกันนั้น น้ำเสียงร้อนรนของตู้หลิงเฟยก็ดังมา

“ระวัง!”

ร่างป๋ายเสี่ยวฉุนก้าวถอยหลังโดยพลัน และวินาทีที่เขาก้าวถอยนั้น หัวกะโหลกสีม่วงขนาดใหญ่ประมาณหนึ่งจั้งก็มาปรากฏยังตำแหน่งที่เขายืนเมื่อครู่ด้วยความรวดเร็วและระเบิดตัวทันใด

เสียงตูมดังหนึ่งที แรงระเบิดนี้ก่อให้เกิดพลังโจมตี ทำให้ร่างทั้งร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนสะท้านไหว หนังเหล็กคงกระพันของเขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเป็นครั้งแรก เลือดสดไหลรินออกมาจากมุมปาก ร่างถอยร่นไปไม่หยุด

ผู้ที่ลงมือก็คือเฉินเยว่ที่มีพลังรวมลมปราณขั้นแปดคนนั้น

สีหน้าเขาดูไม่ได้ นัยน์ตาหนักอึ้ง พอช่วยคนของตัวเองได้แล้วก็สะบัดร่างหนึ่งครั้ง ดิ่งทะยานเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน คนในตระกูลที่มีพลังรวมลมปราณขั้นหกสองคนเบื้องหลังเขาในเวลานี้ก็กัดฟันกรอด ตามติดมาด้วย

สามคนพุ่งเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน

โหวอวิ๋นเฟยดิ้นรนคิดจะเข้าไปช่วยเหลือ แต่เดิมทีเขาก็อ่อนแออยู่แล้ว การต่อสู้อย่างเต็มกำลังก่อนหน้านี้ดึงเอาพลังวิญญาณสายสุดท้ายของเขาไปจนหมด เวลานี้มุมปากมีเลือดสดไหลริน ไม่อาจออกไปสู้รบปรบมือกับใครได้อีก

ตู้หลิงเฟยเองก็บาดเจ็บหนัก ยามนี้นางมองป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยความร้อนใจ ความดูหมิ่นทั้งหลาย อคติทั้งหมดในใจที่มีต่อป๋ายเสี่ยวฉุนก่อนหน้านี้หายไปอย่างไร้ร่องรอยนานแล้ว

ป๋ายเสี่ยวฉุนสีหน้าซีดขาว เลือดสดไหลซึมออกมาอีกครั้ง ร่างกายไหวเอน ความเร็วก็ลดช้าลง พวกเฉินเยว่สามคนยิ่งเห็นเช่นนี้ก็ยิ่งไล่โจมตีเข้ามาใกล้

แต่วินาทีที่สามคนนั้นเข้าใกล้ นัยน์ตาป๋ายเสี่ยวฉุนพลันเปล่งไอสังหาร การโจมตีด้วยอาคมของเฉินเยว่ก่อนหน้านี้ แม้ผิวหนังคงกระพันไม่อาจสกัดกั้นได้ทั้งหมด แต่พลังก็หายไปเกินครึ่ง ที่มองดูเหมือนอ่อนแรง แถมริมฝีปากยังมีเลือดสดไหลออกมา ทั้งหมดนี้เพราะเขาแสร้งทำต่างหาก

เวลานี้ความเร็วพลันเพิ่มพรวดขึ้น ไม่ได้ถอยกรูดอีกต่อไป แต่ใช้ความเร็วที่กระตุ้นให้เพิ่มขึ้นในพริบตาพุ่งผ่านตัวเฉินเยว่ไป เป้าหมายของเขา…คือคนตระกูลลั่วเฉินที่มีพลังรวมลมปราณขั้นหกสองคนนั้น

เฉินเยว่หน้าเปลี่ยนสี กำลังจะเข้าขัดขวาง เสียงคำรามพลันดังวนเวียน กระบี่ไม้ของป๋ายเสี่ยวฉุนพุ่งเข้ามาใกล้เขา เฉินเยว่ทำมุทรา ด้านหน้าปรากฏหัวกะโหลกขึ้นมาทันที ระหว่างที่ส่งเสียงดังแผดก้อง มันกลับไม่สามารถสกัดกั้นป๋ายเสี่ยวฉุนเอาไว้ได้

ดวงตาของเขาฉายความดุร้าย สะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งครั้ง พลันโคมไฟหนึ่งอันก็ปรากฏขึ้นมาและกลายเป็นลูกไฟหนึ่งลูก ลอยเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุนเสียงดังฟู่

เวลาเดียวกันนี้ สองคนที่มีพลังรวมลมปราณขั้นหกสะดุ้งโหยง เปล่งเสียงร้องตกตะลึงและถอยหลังกรูดอย่างรวดเร็ว แต่เงาร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนกลับเหมือนสายฟ้าแลบ พลังทุกด้านระเบิดออก ใช้ความเร็วราวกับบินไล่กวดเข้าหาคนหนึ่ง เมื่อยกมือขวาขึ้น นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ก็มีแสงสีดำเปล่งประกาย บิดลงไปแรงๆ ยังคนตระกูลลั่วเฉินที่อยู่เบื้องหน้า

ตรวนสลายลำคอ!

เสียงกร๊อบดังหนึ่งที คนตระกูลลั่วเฉินผู้นี้ถูกบิดคอจนหักภายใต้เสียงร้องโหยหวน ทว่าลูกไฟที่อยู่เบื้องหลังป๋ายเสี่ยวฉุนก็พุ่งเข้ามาใกล้แล้ว ไอความร้อนแผ่กระจาย เขาหลบไม่ทัน เสียงตูมดังหนึ่งครั้ง ลูกไฟนี้ก็ร่วงหล่นลงตรงหน้าเขา

เมื่อมันระเบิดออก ทะเลเพลิงผืนหนึ่งโอบล้อมไปทั่วร่างป๋ายเสี่ยวฉุน ภาพนี้ทำให้ตู้หลิงเฟยและโหวอวิ๋นเฟยเปล่งเสียงร้องตกตะลึง

“ป๋ายเสี่ยวฉุน!!”

คนในตระกูลที่มีพลังรวมลมปราณขั้นหกซึ่งยืนอยู่ไม่ไกล สีหน้าเผยความตกตะลึงระคนดีใจ พอเห็นว่าป๋ายเสี่ยวฉุนถูกเปลวไฟกลืนกินก็พลันหัวเราะร่าเสียงดัง

แต่เวลานี้เอง ในทะเลเพลิงพลันมีร่างหนึ่งพุ่งพรวดออกมา รวดเร็วราวกับบิน พริบตาเดียวก็มาเข้าใกล้เบื้องหน้าคนที่มีพลังขั้นหกซึ่งกำลังหัวเราะเสียงดัง ขณะที่คนผู้นี้เบิกตาถลน คิดจะถอยหลบ กลับถูกป๋ายเสี่ยวฉุนที่เพิ่งมาถึงดึงหัวเข้ากระแทกกับร่างกาย แม้แต่เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดก็ยังไม่มีเล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน สิ้นใจตายทันที

ทำทั้งหมดนี้เสร็จ ป๋ายเสี่ยวฉุนหอบหายใจฮัก เส้นเลือดฝอยในดวงตายิ่งมีมากขึ้น บนผิวตลอดร่างปรากฏรอยไหม้ เลือดสดไหลออกจากมุมปาก พอเงยหน้าก็จ้องเขม็งไปยังคนตระกูลลั่วเฉินคนสุดท้ายที่เหลืออยู่…เฉินเยว่!

เฉินเยว่ถูกจ้องจนขนลุก เขามีพลังรวมลมปราณถึงขั้นแปด ถือว่าเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของคนทั้งตระกูล แม้จะสู้ผู้นำน้อยของตระกูลไม่ได้ แต่ก็ได้รับคำชื่นชมจากท่านผู้อาวุโส ปกติเข่นฆ่าสัตว์ร้ายในเทือกเขาลั่วซิงเป็นประจำ ผ่านความเป็นความตายมาหลายครั้ง พลังการสู้รบในตัวไม่ธรรมดา

สำหรับลูกศิษย์สำนักธาราเทพ เขาเหยียดหยามยิ่งนัก แม้สถานะของอีกฝ่ายจะสูงส่งกว่าตนเอง แต่เขาคิดมาตลอดว่า พวกผู้บำเพ็ญตนในสำนักเหล่านั้นล้วนเป็นดอกไม้ที่ถูกเลี้ยงเอาไว้ในคอก แม้แต่ละคนจะมีพลังวิเศษไม่ธรรมดา แต่พอมาสู้รบตัดสินเป็นตายย่อมสู้ตนไม่ได้อย่างแน่นอน

แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกหวาดกลัวป๋ายเสี่ยวฉุน โดยเฉพาะสายตาของป๋ายเสี่ยวฉุนในเวลานี้ ที่ดูน่ากลัวยิ่งกว่าตอนที่เขาเผชิญหน้ากับเหล่าสัตว์ร้ายในเทือกเขาลั่วซิงเสียอีก

สายตานั้นแฝงเร้นไว้ด้วยความเหี้ยมโหด ราวกับต้องการเขมือบกลืนเขาทั้งเป็น ทำให้ความเหน็บหนาวในใจของเฉินเยว่ยิ่งเพิ่มระดับ

โดยเฉพาะนึกถึงว่าอีกฝ่ายฆ่าคนติดต่อกันถึงหกคนในเวลาอันสั้น ฝีมือเช่นนี้ทำให้จิตใจของเขาถูกเขย่าให้สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และที่ยิ่งทำให้เขาไม่อยากเชื่อก็คือเขาเห็นอยู่กับตาว่าพลังของอีกฝ่าย…มีเพียงแค่ขั้นสมบูรณ์แบบของการรวมลมปราณขั้นหกเท่านั้น

‘พลังของเขาแข็งแกร่งเกินไป ความเร็วอยู่ในระดับสูงสุด คนผู้นี้ฝึกอาคมทางกายบางอย่าง อีกทั้งยังฝึกได้ถึงระดับดีพอสมควร ถึงสามารถฆ่าคนได้ในการโจมตีครั้งเดียว!’

‘โดยเฉพาะการป้องกันของเขา ก็ยิ่งน่ากลัวเกินไป!’

‘แม้ว่าเขาไม่มีคาถาอาคมอะไร แต่การควบคุมกระบี่บินของเขากลับไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่ความเร็วที่เหนือการคาดเดา พลังในการตวัดกระบี่แต่ละครั้งก็ยิ่งน่าตกตะลึง และกระบี่ไม้เล่มนี้ก็ไม่ธรรมดา เป็นอาวุธระดับสูงสุด ถึงได้ฆ่าคนมีพลังรวมลมปราณขั้นหกได้ในพริบตาเดียว!’

‘บุคคลประเภทนี้ต้องเป็นศิษย์แห่งความภาคภูมิใจที่มีชื่อเสียงของสำนักธาราเทพอย่างแน่นอน แต่ทำไมก่อนหน้านี้ข้าถึงไม่เคยได้ยินชื่อของเขามาก่อน ป๋ายเสี่ยวฉุน!’ ขณะที่ใจเฉินเยว่หวาดหวั่น ปณิธานในการสู้รบก็ยิ่งดุเดือดขึ้นมาด้วย เขาโบกมือขวาหนึ่งที เบื้องหน้าพลันปรากฏกะโหลกศีรษะที่ทำมาจากหยกขนาดเท่ากำปั้นสามอัน

สีหน้าเขาเคร่งเครียด มองไปยังป๋ายเสี่ยวฉุน

“ก่อนหน้านี้ข้าประเมินเจ้าต่ำไป ตอนนี้ไม่แล้ว มาดูกันว่าอาคมของสำนักธาราเทพเจ้าร้ายกาจ หรืออาคมเข่นฆ่าอันเหี้ยมโหดของตระกูลลั่วเฉินข้ากันแน่ที่เยี่ยมยอด!”

เมื่อคำพูดเปล่งออกไป เฉินเยว่ทำมุทรา พลันหัวกะโหลกสามอันที่อยู่รอบกายเขาก็พากันมีชีวิตขึ้นมา แต่ละอันเปล่งเสียงคำรามต่ำ ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งทุกอันมีขนาดประมาณหนึ่งจั้ง ก็พุ่งดิ่งเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน

ป๋ายเสี่ยวฉุนลมหายใจถี่กระชั้น ในสมองของเขาเวลานี้ว่างเปล่า ชี้นิ้วไปเบื้องหน้า กระบี่ไม้เล่มเล็กคำรามพุ่งออกมา ขณะเดียวกันยังมีกระบี่บินอีกสองเล่มที่ปรากฏตัวขึ้นในชั่ววินาทีนั้น กระบี่สามเล่มที่ถูกควบคุมกลายร่างเป็นแสงกระบี่จำนวนมากถลาไปข้างหน้าตามร่างกาย

นอกจากนั้นยังมีโล่เล็กหนึ่งอันหมุนวนไปรอบกายเขา เปล่งพลังแสงวิบวับ

พริบตานั้นกระบี่บินของป๋ายเสี่ยวฉุนก็เสียบทะลุเข้าไปในหัวกะโหลกกลวงๆ เหล่านั้น เสียงตูมดังสะท้อนกลับไปมา เขาและเฉินเยว่เคลื่อนไหวรวดเร็ว ต่อสู้กันอย่างดุเดือด

เฉินเยว่มีพลังรวมลมปราณขั้นแปด ตบะมีมากกว่าป๋ายเสี่ยวฉุน แต่พละกำลังและการป้องกันกลับสู้ไม่ได้ การประมือของทั้งสองคนก่อให้เกิดเสียงกัมปนาท ฝีมือสูสีกินกันไม่ลง!

ภาพนี้ทำให้ตู้หลิงเฟยใจหายใจคว่ำ นางกำหมัดแน่น แม้เล็บจะจิกเข้าไปในเนื้อก็ไม่รู้สึกเจ็บ

ป๋ายเสี่ยวฉุนที่น่ารังเกียจตอนประลองเล็กหายไปแล้ว แทนที่ด้วยป๋ายเสี่ยวฉุนที่ในเวลานี้ทั้งร่างราวกับเต็มไปด้วยไอบุกบั่น ประมือสู้เฉินเยว่จากตระกูลลั่วเฉินอย่างดุเดือด!

‘ก่อนหน้านี้ข้าเข้าใจเขาผิดไป…นี่ต่างหากถึงจะเป็นตัวตนที่แท้จริงของป๋ายเสี่ยวฉุน…’

‘เขากลัวตายก็จริง แต่เขาสามารถย้อนกลับมาเข่นฆ่าศัตรู ความกล้าหาญที่เขาจำเป็นต้องมี มากกว่าคนทั่วไปหลายต่อหลายเท่านัก…’ ตู้หลิงเฟยมองป๋ายเสี่ยวฉุน นัยน์ตาของนางค่อยๆ มีชีวิตชีวาเพิ่มมากขึ้น

‘เขากลัวตายขนาดนั้น แต่ในใจกลับมีความมุ่งมั่น มีคุณธรรมของเขา ไม่ละทิ้งพวกพ้องเพราะความกลัวตาย…’

ไม่นานนักก็มีเสียงดังลั่นราวแก้วหูจะดับ กระบี่บินทั้งสามเล่มของป๋ายเสี่ยวฉุน เวลานี้แตกสลายไปแล้วสองเล่ม มีเพียงกระบี่ไม้ที่ยังอยู่ ส่วนหัวกะโหลกสามอันนั้น เวลานี้ก็ดับแสงลงจนมืดสลัว พลังวิเศษถูกทำลาย บินกลับไปอยู่ข้างกายเฉินเยว่

เวลาเดียวกันนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนคว้าโอกาสไล่ฆ่าต่อ เฉินเยว่กระอักเลือด ด้วยหลบเลี่ยงไม่ทันจึงถูกตรวนสลายลำคอของป๋ายเสี่ยวฉุนกดลงบนแขน เสียงกร๊อบลั่นหนึ่งครั้ง กระดูกแขนซ้ายของเขาก็แตกหักออกจากกันทันที แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ในปากของเขากลับมีกระบี่เล็กเล่มหนึ่งบินออกมา พุ่งตรงเขาแทงไหล่ป๋ายเสี่ยวฉุน ทะลุเข้าเนื้อไปหนึ่งชุ่น!

แม้แต่ผิวหนังเหล็กคงกระพันก็ยากที่จะสกัดกั้น เลือดสดไหลทะลัก เฉินเยว่รีบถอยร่น แต่ยังไม่ทันที่เขาจะถอยไปได้ไกล ป๋ายเสี่ยวฉุนที่เลือดเข้าตาไม่สนใจอาการบาดเจ็บ พุ่งพรวดเข้าไล่กวด ความรวดเร็วนั้นก่อให้เกิดเสียงคำรามก้อง

สีหน้าเฉินเยว่ไม่น่าดู ท่ามกลางวิกฤตที่เผชิญ เขาเลือกกัดฟันแน่น ทำมุทราชี้ไปที่หว่างคิ้ว ร่างกายสั่นไหวโดยพลัน เลือดลมทั่วร่างทะลักทลาย เขาคำรามเสียงดังหนึ่งครั้ง พลันตบลงหน้าผากอย่างแรงหนึ่งที

“ป๋ายเสี่ยวฉุน วันนี้ไม่เจ้าตาย ก็ข้าที่สิ้น!” หากเปลี่ยนเป็นเวลาอื่น เฉินเยว่คงล้มเลิกการต่อสู้ไปนานแล้ว แต่ตอนนี้เรื่องราวเกี่ยวพันกับงานใหญ่ของคนทั้งตระกูล เขาจำเป็นต้องไล่ฆ่าป๋ายเสี่ยวฉุน ยามนี้เลือดหล่อเลี้ยงชีวิตในร่างกายถูกพ่นออกมา พริบตาเดียวก็ถูกหัวกะโหลกสามหัวนั่นกลืนกินอย่างกระหายหิว

“วิญญาณอาฆาตเข่นฆ่า!” เฉินเยว่คำรามเสียงต่ำ ใช้พลังวิเศษลึกลับ หัวกะโหลกสามอันที่อยู่เบื้องหน้าพลันเบิกตากว้างฉายแสงสลัวราง ทะยานเข้าหาเฉินเยว่ ฉีกกัดร่างเขาอย่างบ้าคลั่ง พริบตาเดียวก็กลืนกินเลือดเนื้อบนร่างของเฉินเยว่เข้าไปไม่น้อย เจาะทะลวงเข้าไปในร่างของเขา

ความแปลกประหลาดของภาพนี้ทำให้ตู้หลิงเฟยและโหวอวิ๋นเฟยที่มองดูอยู่สูดลมหายใจเฮือก เวลาเดียวกันนั้น เฉินเยว่ก็คำรามเสียงโหยไห้ ร่างกายสั่นสะท้าน สีหน้าดุร้าย รอบกายปรากฏควันดำจำนวนมาก กลายร่างเป็นผีร้ายสูงหนึ่งจั้งกว่า!

“ตาย!” น้ำเสียงของเขาน่าสะพรึงกลัว มือขวายกขึ้นแล้วกดไปทางป๋ายเสี่ยวฉุนแรงๆ

“แกนั่นแหละตาย!” ป๋ายเสี่ยวฉุนคำรามเสียงต่ำ สองมือทำมุทราชี้ไปกลางอากาศ พลังวิญญาณในร่างกายระเบิดออกมาราวกับม้าป่าถูกปลดบังเหียน วาดกระถางขนาดมโหฬารกลางอากาศอย่างรวดเร็ว!

นั่นคือ…

พลังลมปราณม่วงแปลงกระถาง!

———

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version