บทที่ 695 บดขยี้เหล่าผู้แข็งแกร่ง
ใช่ว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะไม่เคยคิดมาก่อน ด้วยความพิเศษของโลกใบนี้ คนที่ตายไป วิญญาณของพวกเขามักจะปรากฏอยู่ท่ามกลางแม่น้ำอเวจี หรือไม่ก็ปรากฏตัวในแดนทุรกันดาร
เขายังถึงขั้นเคยคิดว่าหลังจากที่ป๋ายฮ่าวตายไป บางทีวิญญาณของเขาก็อาจจะอยู่ในแดนทุรกันดาร…เพียงแต่คิดจะตามหานั้นเป็นเรื่องที่เลื่อนลอยเกินไป ดั่งงมหาเข็มในมหาสมุทร แม้แต่ครึ่งเทพก็ยังทำไม่ได้
ความคิดนี้จึงเพียงแค่วาบผ่านในใจของป๋ายเสี่ยวฉุน ก่อนจะกลายมาเป็นลมหายใจที่ถูกระบายออกมา
เขาเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าเมื่อมาที่กาหลอมวิญญาณ ที่นี่ ที่ที่เขาไม่มีการเตรียมการใดๆ เขากลับได้มาเจอกับ…วิญญาณของป๋ายฮ่าว!!
ต่อให้ลักษณะจะเปลี่ยนแปลงไป ต่อให้วิญญาณพยาบาทดวงนั้นจะเผยความละโมบและบ้าคลั่ง หรือกลิ่นอายแห่งความตายน่าสะพรึงกลัวจะอบอวลไปทั่วร่าง ทว่าแค่มองปราดเดียวป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยัง…จำได้ว่าวิญญาณนี้ก็คือป๋ายฮ่าว!
ความคุ้นเคยที่เขามีต่อป๋ายฮ่าว
สามารถพูดได้ว่าบนโลกใบนี้นอกจากตัวป๋ายฮ่าวเองแล้ว เขาก็คืออันดับที่หนึ่ง นั่นคือลูกศิษย์ของเขา อีกทั้งเขายังใช้ตัวตนของป๋ายฮ่าวอยู่ในแดนทุรกันดารจนเดินมาถึงทุกวันนี้
ยามนี้จิตวิญญาณของป๋ายเสี่ยวฉุนสั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง ทั้งๆ ที่เขาก็รู้ดีว่าอีกประเดี๋ยวจะต้องมีคนอีกมากตามมาฆ่าเขา และบางทีหากตนหยุดชะงักแค่ลมหายใจเดียวก็อาจจะถูกล้อมโจมตี ต้องตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมแห่งการเข่นฆ่าเฉกเช่นในคราที่เพิ่งเข้ามาที่แห่งนี้อีกครั้ง
ทุกอย่างนี้เขาล้วนรู้อย่างชัดเจน ทว่าเขากลับหยุดฝีเท้าลง ไม่ได้เลือกจะหนีไป เพราะว่า…เขาจะพลาดโอกาสนี้ไม่ได้ หากพลาดเมื่อใด ต่อให้อยู่ในโลกของกาหลอมวิญญาณแห่งนี้ แต่คิดจะให้เขาตามหาป๋ายฮ่าวให้เจอครั้งก็เป็นเรื่องยากแสนยาก อีกทั้งหากในช่วงเวลาที่เขาตามหาแล้ววิญญาณของป๋ายฮ่าวถูกดับทำลายไปก่อน ถ้าเช่นนั้นเขาคงเสียใจไปชั่วชีวิต
ขณะเดียวกันเขาก็เข้าใจด้วยว่าการปรากฏตัวของป๋ายฮ่าว นับเป็นวิกฤตอันตรายอย่างใหญ่หลวงต่อตัวเขาเอง หากคนอื่นรู้เข้า ถ้าเช่นนั้นตัวตนของเขาต้องถูกเปิดโปงอย่างแน่นอน หรือบางคนอาจไพล่คิดไปถึงชื่อจริงของเขาก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
ดูเหมือนว่าทางเลือกที่ดีที่สุดที่วางอยู่ด้านหน้าเขาตอนนี้ก็คือจากไปทันที ไม่ต้องสนใจ เมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อให้จะมีภัยร้ายแฝงเร้น แต่ความเป็นไปได้ที่จะมีคนมองเส้นสนกลในออกนั้นก็น้อยนิดจนแทบจะไม่มีอยู่เลย
และยังมีอีกทางเลือกหนึ่งนั่นคือทำลายวิญญาณของป๋ายฮ่าวทิ้งซะ เมื่อเป็นเช่นนี้เขาก็ไม่เหลือพิรุธใดๆ ให้ใครจับได้อีกแล้ว แต่เขาทำอย่างนั้นไม่ได้ แม้แต่คิดเขาก็ยังไม่เคย
ในสมองของเขามีเพียงความคิดเดียว…นั่นคือลูกศิษย์ของเขา คือลูกศิษย์คนแรกในชีวิตของเขา! หากหาไม่เจอก็ยังพอว่า แต่เมื่อเจอแล้ว เขาจะไม่ยอมล่าถอยเด็ดขาด!
หลังจากที่ป๋ายเสี่ยวฉุนชะงักฝีเท้า เขาก็เปลี่ยนทิศทางอย่างไม่ลังเล พริบตาเดียวก็มาปรากฏตัวอยู่ในฝูงวิญญาณที่วิญญาณของป๋ายฮ่าวปะปนอยู่ วิญญาณเหล่านี้มองไม่เห็นเขา การมาของเขาจึงไม่ได้ชักนำให้เกิดความผิดปกติจากกระแสวิญญาณ วิญญาณของป๋ายฮ่าวที่อยู่ด้านในก็เป็นเช่นเดียวกัน ตอนนี้อีกฝ่ายกำลังพกพาเอาความกระหายใคร่และตะกละตะกลามพุ่งเข้าหาเหล่าศิษย์แห่งความภาคภูมิใจพร้อมกับวิญญาณดวงอื่น
ทว่าวินาทีที่วิญญาณของป๋ายฮ่าวถลาออกไปนั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนที่ใจเต้นกระหน่ำรุนแรงก็ยกมือขวาขึ้นแล้วคว้าหมับเข้าที่วิญญาณของป๋ายฮ่าว ก่อนจะเก็บอีกฝ่ายไว้ในสถูปวิญญาณ
ทำทุกอย่างนี้เสร็จ จิตใจของป๋ายเสี่ยวฉุนกลับยังคงไม่สงบ ลมหายใจของเขาถี่รัวรุนแรง ขณะที่หมุนตัวกำลังจะจากไป ห่างออกไปไกลกลับมีรุ้งยาวสองเส้นทะยานเข้ามาถึงด้วยความเร็วสูงสุด
นั่นคือโจวหงและหลี่เทียนเซิ่ง!
“ป๋ายฮ่าว!!” โจวหงคำรามเดือดดาล ตบะก่อกำเนิดขั้นสมบูรณ์แบบระเบิดออกมากลายเป็นพลังโจมตีขุมหนึ่งที่ม้วนตลบออกไปสี่ทิศ กลายเป็นลูกคลื่นหลายชั้นที่แผ่ออกไป ขณะเดียวกันแผ่นหยกชิ้นหนึ่งที่อยู่ในมือก็ถูกเขาบีบละเอียด พริบตานั้นห้วงอากาศในรัศมีหมื่นจั้งพลันปั่นป่วนยุ่งเหยิงเกิดเป็นตราผนึกที่กักกันการเคลื่อนที่ทุกประเภท
การกระทำนี้ของเขารวดเร็วผิดปกติประดุจเมฆลอยน้ำไหล เสียงของเขาก็ยิ่งดังสะเทือนฟ้าดินราวอสนีบาต
เสียงนั้นยังดังสะท้อน ทว่าร่างของเขาได้หายตัวมาอยู่เบื้องหน้าป๋ายเสี่ยวฉุนเรียบร้อยแล้ว พอก้าวยาวๆ ออกมา ในร่างก็ปรากฏแสงสีดำคล้ายเส้นไหมที่พุ่งพรวดเข้ามาตวัดฟันใส่ป๋ายเสี่ยวฉุน เส้นไหมเหล่านี้น่ากลัวอย่างมาก มันแฝงเร้นไว้ด้วยปราณคนฟ้า เห็นได้ชัดว่าเป็นท่าไม้ตายที่ราชาเก้านรกภูมิพ่อของเขามอบให้
ด้านหลังของเขาคือหลี่เทียนเซิ่ง นัยน์ตาของเขาฉายแววเย็นชาอึมครึม เขาจงใจเดินให้ช้าลงสองสามก้าว ก่อนที่จะสะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งครั้ง ทันใดนั้นควันพิษห้าสีก็แผ่ออกมา พิษนี้น่ากริ่งเกรงอย่างยิ่ง พวกวิญญาณพยาบาทที่หลบไม่ทันพอโดนควันพิษเหล่านี้ก็พากันกรีดร้องโหยหวน ครั้นร่างจึงสลายกลายเป็นเพียงหมอกควัน
ส่วนนักพรตคนอื่นๆ ที่อยู่ที่นี่ พอเห็นว่าโจวหงมาถึงก็ฮึกเหิมทันใด พากันตรงเข้ามาห้อมล้อมป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยความรวดเร็ว พวกเขาเข้าใจดีว่าครั้งนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนหนีไม่รอดแล้ว และขอแค่ถ่วงเวลาให้นานอีกน้อย ศิษย์แห่งความภาคภูมิใจคนอื่นๆ ก็จะตามมาถึง และนั่นก็จะเป็นเวลาตายของป๋ายเสี่ยวฉุน
ต่อให้ป๋ายเสี่ยวฉุนแข็งแกร่งแค่ไหน แล้วอย่างไร พวกเขาคนเยอะกำลังมากกว่า เมื่อทุกคนลงมือกันหมด คนฟ้าก็ยังไม่กล้าบุ่มบ่ามปะทะด้วย
ข้อนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนก็รู้ดีเหมือนกัน พอเห็นว่าโจวหงตรงเข้ามาเข่นฆ่า สายตาของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ไปตกอยู่บนเส้นไหมเหล่านั้น เส้นไหมพวกนี้ทำให้เขารู้สึกถึงวิกฤตอันตรายจึงเหวี่ยงหมัดออกไป ในหมัดนี้ได้ระเบิดพลังกล้ามเนื้อที่แฝงเร้นไว้ด้วยตบะของเขา พายุหมุนลูกหนึ่งก่อตัวขึ้นพร้อมเสียงอึกทึกกังวานสะท้านฟ้า โจวหงหน้าเปลี่ยนสี ม่านตาทั้งคู่หดตัวลง เส้นไหมที่อยู่รอบด้านถูกดึงกลับมาสกัดกั้น ท่ามกลางเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เขากระอักเลือดออกมาหนึ่งคำ นัยน์ตาฉายแววเหลือเชื่อและตะลึงพรึงเพริด
“ทำไมถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้!” ดวงตาที่แดงฉานของโจวหงฉายความบ้าคลั่งคล้ายไม่ยินยอม ในร่างก็ยิ่งมีแสงมืดดำที่มาพร้อมกับเส้นไหมซึ่งถูกปล่อยออกมาคร่าชีวิตป๋ายเสี่ยวฉุนอีกครั้ง ทว่าป๋ายเสี่ยวฉุนกลับเบี่ยงตัวหลบ ก่อนจะร่ายความเร็วเต็มกำลังอ้อมตัวโจวหงไปหาพวกศิษย์แห่งความภาคภูมิใจก่อกำเนิดช่วงกลางที่กำลังจะล้อมเข้ามาสังหารเขาแทน
ขณะเดียวกันร่มราตรีนิรันดร์ก็ถูกหยิบออกมาแทงเข้าไปตรงชายโครงของเมี่ยวหลินเอ๋อร์อย่างไม่มีลังเล
ชั่วขณะที่พลังชีวิตถูกสูบออกไป เหมี่ยวหลินเอ๋อร์หวีดร้องเสียงแหลมด้วยความเจ็บปวด เส้นผมพลันเปลี่ยนมาเป็นขาวโพลน ร่างผอมซูบลงไป เป็นเวลาเดียวกับที่ป๋ายเสี่ยวฉุนโคจรกระดูกคงกระพัน ในร่างของเขามีเสียงกัมปนาทอื้ออึงดังออกมา อาศัยพลังชีวิตระลอกหนึ่งชุบหลอมกระดูกรอบที่สองไปพร้อมกัน
เมี่ยวหลินเอ๋อร์คนเดียวก็ทำให้การชุบหลอมกระดูกรอบสองของเขาไต่ไปถึงระดับเกือบจะสมบูรณ์แบบ นี่ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนแปลกใจอย่างมาก เพราะพลังชีวิตในร่างของเมี่ยวหลินเอ๋อร์เหนือล้ำกว่าคนอื่นๆ อย่างแท้จริง
“ยัยผู้หญิงคนนี้ฝึกวิชาอะไรกันแน่ เหตุใดถึงมีพลังชีวิตเยอะขนาดนี้ ดูจากเสื้อผ้าที่เปิดเผยเนื้อตัว ท่าทางยั่วยวนป่วนราคะของนาง แค่มองก็รู้แล้วว่าต้องฝึกวิชามาร” ป๋ายเสี่ยวฉุนพึมพำ
ทุกอย่างนี้พูดแล้วเหมือนช้า ทว่าทุกอย่างกลับเกิดขึ้นเพียงเวลาชั่วสายฟ้าแลบ หลังจากโยนเมี่ยวหลินเอ๋อร์เก็บไว้ในถุงเก็บของอย่างไม่ใส่ใจ ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนก็มีเส้นเลือดฝอยปรากฏ ความเร็วเพิ่มขึ้นจากเดิม ร่มราตรีนิรันดร์ถูกเขาเหวี่ยงควงกลายเป็นแสงสีดำเส้นหนึ่ง พวกนักพรตก่อกำเนิดช่วงกลางหน้าเปลี่ยนสี พากันลงมือร่ายเวทอภินิหารโจมตี แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับกางร่มราตรีนิรันดร์สกัดกั้นทุกเวทคาถา ก่อนที่เขาจะแทงปลายร่มเข้าไปบนร่างของศิษย์แห่งความภาคภูมิใจก่อกำเนิดคนหนึ่งแล้วดูดสวบอย่างแรง
ศิษย์แห่งความภาคภูมิใจคนนั้นร้องด้วยเสียงน่าสังเวช ร่างแห้งเหี่ยวในฉับพลัน แล้วจึงถูกป๋ายเสี่ยวฉุนเก็บเอาไป ส่วนตัวเขาก็เปลี่ยนทิศทางพุ่งเข้าหาคนต่อไปอย่างรวดเร็ว ไฟโทสะของโจวหงลุกโชติช่วง ร้องคำรามพลางไล่กวดมาอย่างรวดเร็ว ทว่าความเร็วของเขายังห่างชั้นกับป๋ายเสี่ยวฉุนมากนัก เห็นเพียงว่าป๋ายเสี่ยวฉุนที่เคลื่อนที่วูบวาบว่องไวใช้ร่มประหลาดนั่นสูบดึงพลังชีวิตของคนที่อยู่โดยรอบติดๆ กันต่อหน้าต่อเขา โจวหงที่เดือดดาลจึงยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองอย่างแรง เส้นสีดำที่ล้อมวนอยู่รอบร่างของเขาพลันพุ่งเข้ามารวมตัวกันกลายเป็นลำแสงสีดำเส้นหนึ่งที่พุ่งเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน
ปราณคนฟ้าระเบิดออกมาจากลำแสงสีดำนี้อย่างเห็นได้ชัด ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจเข้าลึก หม้อกระดองเต่าถูกเรียกออกมาสกัดกั้นทันใด
เสียงตูมดังหนึ่งครั้ง ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนถอยกรูดออกไปหลายสิบจั้ง ทว่าร่มราตรีนิรันดร์ที่สั่นระริกอยู่เพียงครู่เดียวกลับแทงเข้าไปบนร่างของศิษย์แห่งความภาคภูมิใจก่อกำเนิดช่วงกลางอีกคนหนึ่งที่หลบไม่ทัน
ศิษย์แห่งความภาคภูมิใจคนนี้ร่างซูบผอมอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางเสียงร้องโหยหวนของเขา กระดูกคงกระพันในร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ผลักเอาพลังชีวิตที่ไหลบ่าเข้ามานี้ให้ไปชุบหลอมกระดูกอีกครั้งจนรอบที่สองไต่มาถึงขั้นสมบูรณ์แบบ
ทุกอย่างนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไปจนเหล่าศิษย์แห่งความภาคภูมิใจที่อยู่รอบด้านไม่ทันหายใจได้คล่องคอ แต่ละคนมองป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยสายตาหวาดผวาสุดขีด ไม่มีใครกล้าขยับขึ้นหน้ามาอีก มีแต่ถอยกรูดหนีห่างด้วยความว่องไว จิตวิญญาณของพวกเขาถูกวิธีการประหลาดชวนขนลุกของป๋ายเสี่ยวฉุนสั่นคลอนไปเรียบร้อย
“ป๋ายฮ่าว เจ้ากล้าสู้กับข้าตัวต่อตัวหรือไม่!!” โจวหงโมโหถึงขีดสุด ไล่ตามไปอีกครั้ง ทว่าหลี่เทียนเซิ่งที่ใบหน้าซีดขาวกลับถอยร่นออกห่าง เขาเองก็สัมผัสได้ถึงความพิลึกพิลั่นของร่มในมือป๋ายเสี่ยวฉุนเหมือนกันจึงไม่กล้าเข้าใกล้
“อย่าเพิ่งรีบร้อน ที่เก็บเจ้าไว้ก็เพราะอีกเดี๋ยวจะทดลองหมัดที่แข็งแกร่งที่สุดของข้า”
ป๋ายเสี่ยวฉุนมองเมินโจวหง สายตามาตกอยู่บนร่างหลี่เทียนเซิ่งซึ่งกำลังถอยหนี เขาแสยะปากยิ้มพร้อมยกเท้าขึ้น แม้ว่าผนึกมิวางวายจะร่ายใช้ไม่ได้ชั่วคราวเพราะตราผนึกของโจวหง ทว่าความเร็วของกล้ามเนื้อป๋ายเสี่ยวฉุนเทียบเคียงได้กับการหายตัว และยังคงเป็นที่หนึ่งไร้คนทัดเทียม ยามนี้พอเท้าของเขาเหยียบลงบนพื้น ร่างจึงกลายเป็นภาพติดตาที่พุ่งเข้าหาหลี่เทียนเซิ่ง!
รอยยิ้มของเขาที่ปรากฏอยู่ในสายตาของหลี่เทียนเซิ่งทำให้หลี่เทียนเซิ่งชาไปทั้งหนังหัว ในสมองก็ยิ่งมีเสียงตูมระเบิดดัง ถอยหนีเร็วกว่าเดิม อีกทั้งขณะที่ถอยมือทั้งคู่ของเขาก็ยังโบกสะบัดอย่างต่อเนื่อง ปลดปล่อยควันพิษออกมารวดเร็ว
ควันพิษเหล่านี้เมื่อรวมเข้าด้วยกันจึงกลายมาเป็นหัวกะโหลกเจ็ดสีที่อ้าปากกระโจนเข้าเขมือบป๋ายเสี่ยวฉุน
ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่แม้แต่จะชายตามองหัวกะโหลกเจ็ดสีนั้น เขาลอดผ่านมันมาโดยตรง เวลาเดียวกันในร่างก็มีเสียงเปรี๊ยะๆ ดังขึ้น อาวุธวิเศษทั่วร่างที่ผ่านการหลอมพลังจิตสิบสี่ครั้งต่างระเบิดแสงสีทองอร่ามช่วยสกัดกั้นไว้ให้เขา นั่นทำให้เขามาโผล่อยู่ตรงหน้าหลี่เทียนเซิ่งในพริบตา
“ปล่อยควันพิษสนุกนักหรือ…” เสียงของป๋ายเสี่ยวฉุนดังออกมาพร้อมกับร่มราตรีนิรันดร์ที่พุ่งแทงเข้าไปยังร่างหลี่เทียนเซิ่ง หลี่เทียนเซิ่งคำรามกร้าว ทั่วร่างระเบิดแสงสีแดง ทั้งยังหยิบเอาอาวุธวิเศษอีกหลายชิ้นออกมาหมายสกัดกั้น ทว่าวินาทีที่อาวุธเหล่านี้ปรากฏออกมา ในดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนกลับมีแสงห้าสีวาบผ่าน พริบตานั้นตบะในร่างของหลี่เทียนเซิ่งพลันปั่นป่วนยุ่งเหยิง ทั้งยังหยุดชะงักมิอาจโคจร ในสมองของเขามีเสียงดังอื้ออึง จิตวิญญาณเคว้งคว้าง ถึงกับเหม่อลอยในช่วงเวลาคับขัน…เสียงตูมดังหนึ่งครั้ง ปลายร่มก็แทงลงไปบนร่างของหลี่เทียนเซิ่งจังๆ
เมื่อเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังออกมา ร่างของหลี่เทียนเซิ่งก็เหี่ยวเฉาไปในฉับพลัน พลังชีวิตอันไพศาลของเขาล้วนไหลทะลักเข้าหาร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนแล้วกระจายไปทั่วทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนสั่นเยือกไปทั้งร่าง เสียงอื้ออึงหนักทึบดังสะท้อนอยู่ในร่าง จุดลึกของดวงตาเขากลับมีแสงสีทองอ่อนจางปรากฏขึ้นเสี้ยวหนึ่ง กระดูกคงกระพันในร่าง…ในที่สุดเวลานี้ก็ฝ่าทะลุสู่รอบที่สามของขั้นกระดูกหลอม!!
เมื่อการชุบหลอมกระดูกมาถึงรอบที่สาม ป๋ายเสี่ยวฉุนก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงความอุ่นสบายที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง เขารู้สึกได้ว่าระดับการป้องกันของเลือดเนื้อเขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าก่อนหน้านี้มากมายนัก และที่ยิ่งทำให้เขาตื่นเต้นก็คือเขาในเวลานี้บรรลุถึงเงื่อนไขต่ำสุดของการร่ายใช้หมัดเทพไม่ดับสูญแล้ว!
เวลานี้รอบด้านมีเสียงแหวกอากาศดังขึ้นมา ห่างออกไปไกลกงซุนอี้ ซวี่ซาน องค์ชายรองและเฉินม่านเหยา รวมไปถึงศิษย์แห่งความภาคภูมิใจมากมายกำลังเร่งรุดเดินทางมายังที่แห่งนี้
“โจวหง สกัดกั้นคนผู้นี้เอาไว้!!”
“อย่าให้เขาหนีไปได้!!”
โจวหงเห็นหลี่เทียนเซิ่งถูกจับตัวไปคาตาของตัวเอง พอได้ยินเสียงทุกคนดังลอยมาแว่วๆ ด้วยความโกรธที่พานมาเป็นความอับอายจึงแหงนหน้าแผดเสียงคำราม ในร่างก็ยิ่งมีเส้นสีดำระเบิดออกมามากกว่าเดิม เส้นสีดำนี้พลันแผ่กระจายไปทั่วด้าน เห็นได้ชัดว่าเมื่อถูกกระตุ้นให้โกรธจึงเกิดเป็นท่าไม้ตายที่แกร่งกร้าวยิ่งกว่าเดิม
เส้นสีดำเหล่านั้นระเบิดกำลังออกทุกด้าน สะท้านฟ้าสะเทือนดิน มันแผ่ออกไปทั่วกายเขาแล้วม้วนตลบกลับเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุนจากสี่ด้านแปดทิศ!
ลมหายใจของป๋ายเสี่ยวฉุนชะงักค้าง กำหมัดแน่น นัยน์ตาฉายแสงคมกริบ ปราณทั่วร่างพลันถูกเก็บเข้าไปอย่างน่าพิศวง ราวกับว่าสัญญาณแห่งชีวิตทั้งหมดของเขาล้วนหายไปคล้ายถูกบีบอัดให้มารวมกันอยู่บนหมัดขวาของเขา ทั้งยังมีน้ำวนสีดำลูกหนึ่งหมุนคว้างอย่างรวดเร็ว
ในน้ำวนนี้แผ่คลื่นน่าหวาดกลัวที่ทำให้ทุกคนหน้าเปลี่ยนสี แทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น!!
นี่ก็คือรูปแบบขั้นต้นของหมัดเทพไม่ดับสูญ!