Skip to content

A Will Eternal 709

บทที่ 709 อาจารย์นามว่าป๋ายเสี่ยวฉุน

“อาจารย์…” ป๋ายฮ่าวยังคงมองเงาร่างที่เหมือนกับตัวเองราวกับแกะด้วยท่าทางเหม่อลอย พอได้ยินอีกฝ่ายพูดว่าเป็นอาจารย์ของตน เขาก็งุนงงเล็กน้อย เขาไม่เห็นจำได้ว่าตัวเองเคยมีอาจารย์ด้วย ชั่วชีวิตนี้ของเขา ก่อนที่จะตายไป เขาไม่เคยมีอาจารย์คนไหนมาก่อน ทั้งหมดทั้งมวลล้วนมาจากการคลำหาทางด้วยตัวเองทั้งสิ้น หากจะบอกว่ามีจริงๆ ถ้าเช่นนั้นก็ควรบอกว่าคัมภีร์ลับหลายเล่มในตระกูลที่ใช้ฝึกตนต่างหากที่เป็นอาจารย์ของเขา

ความทรงจำอันสมบูรณ์แบบของเขายังคงหยุดอยู่ที่วินาทีก่อนตาย ส่วนทุกอย่างหลังจากนั้นกลับมีแต่ความมืดมิด มีเพียงเศษซากความทรงจำบางส่วน ในความทรงจำเหล่านั้นเขาเห็นว่าตัวเองเต็มไปด้วยความอำมหิตบ้าคลั่ง ว่ายวนอยู่ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยหมอกหนาไม่หยุด หากเห็นเลือดเนื้อเมื่อไหร่ก็จะกระโจนเข้ากัดกินอย่างไม่สนใจสิ่งใด

ความทรงจำเหล่านี้ทำให้ลมหายใจของป๋ายฮ่าวรัวเร็ว ทั้งยังถึงขั้นรู้สึกหวาดกลัวจับใจ

เมื่อความทรงจำทั้งหมดหวนคืนมาก็ราวกับว่าก่อนหน้านี้เขาแค่หลับตานอนหลับลึกไปเท่านั้น ยามนี้พอตื่นขึ้นมา ในใจจึงยิ่งเลื่อนลอย เขาได้แต่เงียบงัน ก้มหน้ามองร่างกายของตัวเอง ทั้งพอลองยื่นมือออกมาลูบคลำก็พบว่ามือของเขาสามารถลอดทะลุร่างไปได้

“ร่างวิญญาณ…” นัยน์ตาของป๋ายฮ่าวหม่นหมอง เขาตระหนักได้ว่าตัวเองตายไปแล้วจริงๆ

“ในเมื่อข้าคือวิญญาณ แต่เหตุใดยังมีความทรงจำ ทั้งยังมีความคิดเป็นของตัวเอง?” ยิ่งค้นพบทุกอย่างที่เกิดกับร่างกายของตัวเอง ป๋ายฮ่าวก็ยิ่งเคว้งคว้างเข้าไปใหญ่

ส่วนป๋ายเสี่ยวฉุนเวลานี้ก็ยังคงยืนเอามือไพล่หลังเชิดหน้า หันข้างให้ป๋ายฮ่าวด้วยท่าทางลึกล้ำสุดจะหยั่ง ทว่าดวงตากลับแอบมองประเมินป๋ายฮ่าว จนกระทั่งเห็นว่าอีกฝ่ายแค่อึ้งงัน ไม่ได้มีท่าทีจะสนใจตน ป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันรู้สึกประดักประเดิด ทั้งยังมากด้วยความขุ่นเคือง จำต้องกระแอมเสียงดังเพื่อเตือนให้ป๋ายฮ่าวรู้ว่าตัวเองอยู่ตรงนี้

ป๋ายฮ่าวได้ยินเสียงกระแอมดังลั่นของป๋ายเสี่ยวฉุน เขาก็เงยหน้าขึ้นด้วยความแปลกใจเล็กน้อย มองป๋ายเสี่ยวฉุนที่วางท่าประหลาดอยู่เบื้องหน้าตนเอง นัยน์ตาก็เริ่มเผยความเฉลียวฉลาด พลันเอ่ยขึ้นว่า

“ผู้อาวุโสคงเป็นคนที่ปรากฏตัวอยู่ใต้ต้นไม้ตรงข้ามกับข้า ก่อนที่ข้าจะตายกระมัง” เขาพูดเนิบช้าคล้ายกำลังวิเคราะห์ว่าควรใช้คำพูดเช่นไร ทว่าคำพูดของเขากลับเป็นดั่งอสนีบาตที่ฟาดลงมากลางจิตวิญญาณของป๋ายเสี่ยวฉุน

ดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนแน่วนิ่ง ป๋ายฮ่าวผู้นี้ไม่ธรรมดา ดูได้จากคำพูดประโยคแรกของอีกฝ่ายหลังจากตื่นมา ซึ่งเขาถึงกับเดาตัวตนของป๋ายเสี่ยวฉุนออก

“ที่ผู้อาวุโสมีหน้าตาเหมือนข้า คิดดูแล้วน่าจะเป็นเพราะภายหลังใช้ตัวตนของข้า แต่ว่าการได้เจอกับผู้อาวุโสอีกครั้ง…ก็ช่างเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมากจริงๆ”

ป๋ายฮ่าวถอนหายใจหนึ่งที นัยน์ตาเผยความเลื่อนลอยอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกว่าทุกอย่างนี้อยู่เหนือการคาดคิดของเขา

ป๋ายเสี่ยวฉุนมองป๋ายฮ่าวด้วยสายตาลึกล้ำ แม้ก่อนหน้านี้เขาจะรู้ว่าป๋ายฮ่าวเฉลียวฉลาด แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะฉลาดได้ถึงระดับนี้

“ถูกต้อง หลังจากที่เจ้าตายไป ข้าเห็นถุงเก็บของของเจ้า เลยใช้ตัวตนของเจ้ากลับไปยังตระกูลป๋าย…” ป๋ายเสี่ยวฉุนเอ่ยเนิบช้า เล่าเรื่องราวหลังจากเขาที่ใช้ตัวตนของป๋ายฮ่าวแล้วก็ตัดสินใจว่าจะรับป๋ายฮ่าวเป็นลูกศิษย์

รวมไปถึงทุกประสบการณ์ในตระกูลป๋าย นอกจากเรื่องสำคัญบางอย่างที่จำเป็นต้องปิดบังแล้ว เรื่องอื่นๆ เขาล้วนเล่าให้อีกฝ่ายฟังจนหมด

ป๋ายฮ่าวเงียบงัน สีหน้าของเขามีความซับซ้อนยากจะบรรยายได้ เมื่อได้ยินคำพูดของป๋ายเสี่ยวฉุน ในสมองของเขาก็มีภาพความทรงจำในอดีตลอยขึ้นมา โดยเฉพาะได้ยินป๋ายเสี่ยวฉุนเล่าว่าทั้งๆ ที่บิดารู้ว่าเขามีพรสวรรค์ด้านการหลอมไฟ แต่ยังบังคับให้เขาทำตามคำสั่งทั้งยังเผยปราณสังหารออกมาในสถานที่ที่มารดาของเขาสิ้นใจ ดวงตาทั้งคู่ของเขาก็พลันฉายแววดุดันและเคียดแค้น

ป๋ายฮ่าวรู้จักคนในตระกูลของตัวเองดี รู้ดีว่าฮูหยินไช่และประมุขตระกูลป๋ายเป็นคนเช่นไร เขาจึงเข้าใจทันทีว่าทุกอย่างนี้…คือเรื่องจริง

จนกระทั่งป๋ายเสี่ยวฉุนพูดออกมาว่าเขาใช้ตัวตนของป๋ายฮ่าวสังหารป๋ายฉี ทรยศตระกูลป๋าย ทั้งยังอาศัยอิทธิพลของราชาผียักษ์ลงโทษตระกูลป๋าย สังหารประมุข ปลิดชีพฮูหยินไช่ ตั้งพี่หญิงห้าเป็นประมุขคนใหม่ เรื่องราวทั้งหลายเหล่านี้ล้วนทำให้ลมหายใจของป๋ายฮ่าวถี่รัวยุ่งเหยิง ในใจของเขามีคลื่นลูกแล้วลูกเล่าโหมซัดสาดไปตามคำพูดของป๋ายเสี่ยวฉุน

ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ล้วนเป็นเรื่องที่เขาต้องการทำแต่ไร้ความสามารถ ทว่าตอนนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับช่วยทำให้ความต้องการของเขาเป็นจริงแล้ว

จากนั้นป๋ายเสี่ยวฉุนก็บอกป๋ายฮ่าวอีกว่าเขาเจอวิญญาณของตนอยู่ในกาหลอมวิญญาณ ซึ่งคำพูดเหล่านี้ของป๋ายเสี่ยวฉุนไม่มีการเสริมแต่งให้ฟังเกินจริงอย่างที่หาได้ยาก อีกทั้งเรื่องที่เขาตกอยู่ในอันตรายหลายครั้ง เขายังพูดให้ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายสบายๆ ไม่ได้เจาะลึกรายละเอียด

แต่ป๋ายฮ่าวฉลาดเฉลียวเกินผู้ใด ยามนี้วิญญาณของเขาสั่นเทิ้ม

คำพูดของป๋ายเสี่ยวฉุนแปรเปลี่ยนมาเป็นภาพเหตุการณ์ที่ลอยขึ้นในสมอง

เขาสามารถจินตนาการได้ว่าจุดที่อีกฝ่ายเล่าด้วยถ้อยคำผ่อนคลายนั้นแฝงเร้นความเสี่ยงและความอันตรายไว้มากมายแค่ไหน ไม่นานสายตาของป๋ายฮ่าวที่มองไปยังป๋ายเสี่ยวฉุนก็เริ่มเผยให้เห็นความซาบซึ้งใจ

เขาเข้าใจดีว่าต่อให้คนที่อยู่เบื้องหน้านี้จะมีใจที่เห็นแก่ตัวอยู่บ้าง แต่กลับได้ช่วยแก้แค้นให้กับตนจริงๆ …

“ผู้อาวุโส ข้า…” ป๋ายฮ่าวอ้าปาก แต่ยังไม่ทันเอ่ยจบกลับถูกป๋ายเสี่ยวฉุนโบกมือตัดบทเสียก่อน

“นี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด แต่เจ้าก็ไม่ต้องคิดมาก เจ้าคือลูกศิษย์ของข้า นับแต่นี้ไป มีอาจารย์อยู่ ใครก็อย่าหวังว่าจะรังแกเจ้าได้!” ป๋ายเสี่ยวฉุนตบอกพูดด้วยน้ำเสียงห้าวเหิม

“รู้หรือไม่ว่าอาจารย์มีตัวตนเช่นไร อาจารย์คือผู้กำกับการใหญ่ คือผู้ตรวจการของนครผียักษ์ อยู่ใต้คนคนเดียว อยู่เหนือคนนับหมื่น ต่อให้เป็นราชาผียักษ์ อาจารย์ก็เคยจับตัวมาแล้ว แถมช่วงก่อนที่อยู่ในกาหลอมวิญญาณ อาจารย์ยังประกาศศักดาลักพาตัวลูกหลานตระกูลสูงศักดิ์เกือบแปดส่วนของแดนทุรกันดาร ราชาชัยน้อยเอย ซื่อจื่อเอย องค์หญิงเอย ทุกคนล้วนพ่ายด้วยน้ำมืออาจารย์กันทั้งหมด! อ้อ ใช่แล้ว ยังมีอีกคนหนึ่งที่ชื่อว่าองค์ชายรองด้วย!” ป๋ายเสี่ยวฉุนเชิดหน้า คุยโวถึงผลการต่อสู้ของตัวเอง คราวนี้ไม่ได้พูดแบบสบายๆ อีกแล้ว แต่เล่าละเอียดยิบตามความเคยชิน

ป๋ายฮ่าวฟังไปฟังมาก็เริ่มมองป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยอาการตาค้าง

“ต่อไปเจ้าก็ติดตามอาจารย์นี่แหละ ตอนนี้อาจารย์มีตำหรับการหลอมไฟตั้งแต่หนึ่งสีถึงสิบเจ็ดสีแล้ว พรสวรรค์การหลอมไฟของเจ้าไม่เลว ช่วยข้าศึกษาตำรับหลอมไฟสิบแปดสีได้ รอจนอาจารย์ร้ายกาจยิ่งขึ้นก็จะสร้างร่างใหม่ให้กับเจ้า”

“มาๆๆ ยังไม่รีบโขกหัวคำนับอาจารย์ชดเชยพิธีกราบอาจารย์ของเจ้าอีก!”

ป๋ายเสี่ยวฉุนพูดจ้อเป็นต่อยหอยอยู่พักใหญ่ก็กลับมายืนเอามือไพล่หลัง เชิดหน้าขึ้น ยืนเบี่ยงข้างให้ป๋ายฮ่าว วางท่าเต็มไปด้วยบารมี รอพิธีกราบอาจารย์ที่ยิ่งใหญ่จากอีกฝ่ายเงียบๆ

ป๋ายฮ่าวเงียบงัน ดวงตาเผยแววทวนความทรงจำ ทั้งยังมากด้วยความซับซ้อน เขามองไปรอบด้าน เพราะมีร่างเป็นวิญญาณ เขาจึงสัมผัสถึงพลังจิตวิญญาณได้เฉียบคมอย่างยิ่ง เขาสัมผัสได้ว่าในถ้ำแห่งนี้เคยมีการเผาผลาญยาวิญญาณไปในปริมาณมากมหาศาลจนมิอาจบรรยายได้…

และในฐานะที่เป็นอาจารย์หลอมวิญญาณเขาก็ยิ่งเข้าใจว่าการที่จะให้วิญญาณดวงหนึ่งฟื้นคืนความทรงจำตอนยังมีชีวิตอยู่นั้นยากราวกับพลิกฟ้า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่อีกฝ่ายพบตนในกาหลอมวิญญาณ และเท่าที่เขาจำได้ ช่วงนั้นตนก็อยู่ในสภาวะโกรธแค้นบ้าคลั่ง คิดจะฟื้นคืนความทรงจำที่เคยมีจึงยิ่งยากเข้าไปอีก อีกทั้งเส้นเลือดฝอยในดวงตาทั้งคู่ของอีกฝ่าย รวมไปถึงท่าทางเหนื่อยล้าโรยแรงนั้นไม่จำเป็นต้องให้พูดเขาก็รู้ได้ว่าการฟื้นคืนความทรงจำชาติก่อนให้กับตน บุคคลเบื้องหน้าที่เรียกตัวเองว่าอาจารย์ผู้นี้ต้องจ่ายค่าตอบแทนและพลังใจไปมากมายเพียงใด

“เขาสนใจข้าจริงๆ …” ป๋ายฮ่าวรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ นึกถึงภาพครั้งแรกหลังจากตนลืมตาเมื่อฟื้นคืนสติปัญญาและได้เห็นความห่วงใยเต็มดวงตาของคนที่เรียกตัวเองว่าอาจารย์ผู้นี้

ความห่วงใยนี้ทำให้ในใจเขามีกระแสความอบอุ่นไหลเอ่อขึ้นมาช้าๆ อย่างที่ไม่เคยเกิดมานานมากแล้ว ชั่วชีวิตนี้ของเขา นอกจากมารดาก็ไม่เคยมีใครสนใจใยดีเขาอีก ความทรงจำในตระกูลป๋าย ความอัปยศหยามเกียรติที่ได้รับในวัยเยาว์ ความอดทนข่มกลั้นหลังจากเติบโตรวมไปถึงความคาดหวังอย่างไม่ลืมหูลืมตาที่เคยเกิดขึ้นในหัวใจปีนั้น ความคาดหวังที่จะได้รับการยอมรับจากบิดา คาดหวังว่าจะได้รับการยอมรับจากตระกูล ทว่าสุดท้ายกลับถูกสังหารอย่างโหดร้าย สิ่งเหล่านี้…ล้วนลอยหายไปตามสายลม

เนิ่นนาน ป๋ายฮ่าวถึงลุกขึ้นยืนช้าๆ มาหยุดอยู่ตรงหน้าป๋ายเสี่ยวฉุนแล้วคุกเข่าลงไป สีหน้าของเขาเคร่งขรึมแฝงไว้ด้วยความจริงใจ เขาไม่อยากคิดถึงเรื่องในอดีตที่ผ่านมาอีกแล้ว เขารู้ดีว่าอาจารย์ที่อยู่เบื้องหน้าเขาคนนี้ได้ช่วยเขาแก้แค้นแล้ว ทั้งยังมีบุญคุณใหญ่หลวงต่อเขา เขาซาบซึ้งใจจากใจจริง และยินดีจะกลายมาเป็นลูกศิษย์ของอีกฝ่าย

“ทุกอย่างในอดีตตายไปพร้อมกับข้าแล้ว นับแต่นาทีที่เขาฟื้นตื่นขึ้นมา อาจารย์…ท่านก็คือญาติเพียงคนเดียวของข้า” ป๋ายฮ่าวเอ่ยสาบานอยู่ในใจตัวเอง สายตาห่วงใยจากใจจริงนั้นลอยขึ้นมาในสมองของเขาอีกครั้ง นี่เป็นคนที่สองในชีวิตที่ดีกับเขาอย่างสัตย์จริง

“ป๋ายฮ่าว คารวะท่านอาจารย์!” ป๋ายฮ่าวสูดลมหายใจเข้าลึก เอ่ยขึ้นเบาๆ แล้วโขกหัวคำนับป๋ายเสี่ยวฉุนสามครั้ง…จากนั้นก็ลุกขึ้น ก่อนจะลงไปนั่งคุกเข่าแล้วโขกหัวคำนับอีกครั้ง…

สามกราบเก้าคำนับ!!

ภาพนี้ทำเอาป๋ายเสี่ยวฉุนเผยอารมณ์อ่อนไหวออกมาทางสีหน้า ในใจยิ่งมีคลื่นอารมณ์มากมายกระเพื่อมไหว รับการกราบคำนับจากป๋ายฮ่าวเงียบๆ ดวงตาเขาเปลี่ยนมาเป็นอ่อนโยนยิ่งกว่าเดิม ส่วนลึกในใจนอกจากปลาบปลื้มแล้วยังมากด้วยความเอ็นดูสงสาร

“ศิษย์คนดี ต่อไปอยู่กับอาจารย์ รับประกันว่าเจ้าจะได้กินอิ่มนอนหลับ ต้องการอะไรก็ได้สิ่งนั้น” ป๋ายเสี่ยวฉุนจัดการกับอารมณ์ตัวเองเรียบร้อยก็หัวเราะร่า โบกมือขวาหนึ่งครั้งวิญญาณของป๋ายฮ่าวก็บินเข้าไปในสถูปวิญญาณหลังหนึ่งที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเก็บไว้ในถุงเก็บของ

สถูปวิญญาณหลังนี้ทำให้ป๋ายฮ่าวไปไหนมาไหนได้ตามใจชอบ สามารถบินออกมาจากในถุงเก็บของได้ตลอดเวลา อีกทั้งด้วยความพิเศษของวิญญาณเขา ร่างกายของเขาก็ยังเปลี่ยนแปลงไปได้นับพันนับหมื่น

“อาจารย์…จนถึงตอนนี้ข้ายังไม่รู้ชื่อของท่านเลย…” ป๋ายฮ่าวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แม้จะกราบอีกฝ่ายเป็นอาจารย์ แต่เขากลับแอบรู้สึกว่าอาจารย์คนนี้เหมือนจะเชื่อถือไม่ค่อยได้อย่างไรก็ไม่รู้

“ฮะแฮ่ม จำเอาไว้นะ ชื่อของอาจารย์จะนำไปบอกให้คนอื่นในแดนทุรกันดารรู้ไม่ได้เด็ดขาด หาไม่แล้วจะนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงพลิกฟ้าพลิกดิน ชักนำหายนะมาสู่แดนทุรกันดาร อาจารย์มีนามว่า…ป๋ายเสี่ยวฉุน!” เสียงของป๋ายเสี่ยวฉุนที่เต็มไปด้วยความฮึกเหิมดังเข้าหูป๋ายฮ่าว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!