Skip to content

A Will Eternal 804

บทที่ 804 การโจมตีจากฝูงชน

ต้าเทียนซือที่สีหน้ามืดทะมึนรู้สึกปวดหัวไม่น้อย เขามองป๋ายเสี่ยวฉุน ในใจก็ให้ขุ่นเคือง เพราะครั้งนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนทำเรื่องโดยพลการอย่างกะทันหันเกินไป ทั้งนี่ยังเป็นช่วงเวลาสำคัญในการผลักดันโองการประทานคุณแด่ประชาอีกด้วย

เดิมทีทุกอย่างก็ดีอยู่แล้ว ตามแผนการของต้าเทียนซือ เขาคิดจะเดินตามแผนไปทีละก้าว ซึ่งสุดท้ายต้องสามารถทำให้ทุกตระกูลในราชสำนักจักรพรรดิขุยแตกแยก ทว่าตอนนี้…ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับถูกขุนนางทั้งราชสำนักจับจุดอ่อน ร่วมมือกันบีบให้เขาลงจากตำแหน่ง! ต่อให้ก่อนหน้านี้ไม่ได้พูดอย่างชัดเจน แต่พวกเขาก็แสดงท่าทีแล้วว่าหากป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ตาย พวกเขาก็จะยืนหยันต่อต้านโองการประทานคุณแด่ประชาให้ถึงที่สุด!

เรื่องนี้หากเปลี่ยนมาเป็นเมื่อก่อน ต้าเทียนซือต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน แต่แผนการอำมหิตที่ป๋ายเสี่ยวฉุนคิดออกมาติดๆ กันสองครั้ง ทำให้ต้าเทียนซือเสียดายคนมีความสามารถ นั่นจึงเป็นเหตุให้เขาลังเล

“ป๋ายฮ่าว วันนี้ให้เจ้ามาที่นี่เพราะต้องการพูดคุยเรื่องของโจวอู่เต้า เจ้าจงอธิบายให้ทุกคนฟังซะ” ต้าเทียนซือนิ่งคิดไปชั่วครู่ก็เอ่ยเนิบช้า สำหรับเรื่องที่ว่าจะผลักป๋ายเสี่ยวฉุนออกไปหรือไม่ เขายังต้องดูว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะคลี่คลายวิกฤตให้ตนเองได้อย่างไร หากป๋ายเสี่ยวฉุนสามารถคลี่คลายปัญหาได้ด้วยตัวเอง ถ้าเช่นนั้นเขาก็จะได้ไม่ต้องคิดวุ่นวายให้ปวดหัว

“ต้าเทียนซือ ข้าน้อย…” ป๋ายเสี่ยวฉุนเงยหน้าขึ้น กำลังจะอ้าปากอธิบาย

แต่เวลานี้เอง พระยาสวรรค์ท่านหนึ่งก็พลันหัวเราะเสียงหยัน หันขวับมามองป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยสายตาที่ปกปิดไอสังหารไว้ไม่มิด

“ป๋ายฮ่าว เจ้าไม่ต้องแก้ตัวแล้ว ฆ่าคนต้องชดใช้ด้วยชีวิต นี่คือหลักการแห่งสวรรค์!”

“ต้าเทียนซือ กระหม่อมขอกราบทูลให้ถอนตำแหน่งผู้ตรวจการของป๋ายฮ่าวออกแล้วจัดการตามกฎ เพื่อคืนความยุติธรรมให้กับวิญญาณของพระยาสวรรค์โจว!”

น้ำเสียงของพระยาสวรรค์คนนี้ก้องกังวาน เขาเดินออกมาสองสามก้าวแล้วคารวะต้าเทียนซือหนึ่งครั้ง!

ป๋ายเสี่ยวฉุนหันขวับไปมองคนพูดทันใด ทั้งยังถลึงตากลับไป แต่สายตาเพิ่งจะตกลงบนร่างของพระยาสวรรค์คนนี้ก็มีพระยาสวรรค์อีกคนเดินออกมาทันที

“ถูกต้อง ต้าเทียนซือ ป๋ายฮ่าวผู้นี้ไม่ได้รับอนุญาตก็สังหารพระยาสวรรค์ของราชสำนักเรา คนที่มองข้ามกฎแห่งจักรพรรดิเช่นนี้ ต้องตายสถานเดียวเท่านั้น!”

“ต้าเทียนซือ กระหม่อมขอกราบทูลให้สังหารป๋ายฮ่าว!”

“ต้าเทียนซือ กระหม่อมก็กราบทูลให้ประหารป๋ายฮ่าวผู้นี้ทันที!!” พริบตาเดียวพระยาสวรรค์พวกนั้นก็เดินกันออกมาเจ็ดคนแปดคนราวผึ้งที่แตกฮือออกมาจากรัง แต่ละคนพูดจาคมกริบ เอาเรื่องของโจวอู่เต้ามาอ้างให้สังหารป๋ายเสี่ยวฉุน

ป๋ายเสี่ยวฉุนถลึงตาใส่คนแล้วคนเล่า สุดท้ายรู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยจึงถอนสายตากลับไป เห็นว่าคนพวกนั้นยังคงทยอยกันมากราบทูลอย่างต่อเนื่อง ไฟโทสะของเขาก็เพิ่มมากขึ้นทุกขณะ

“ดูท่าตอนที่ข้าตามหาฮ่าวเอ๋อร์ก่อนหน้านี้คงไปเยือนตระกูลพวกนี้น้อยไป รู้อย่างนี้ควรต้องไปหลายๆ ครั้งถึงจะถูก!” ป๋ายเสี่ยวฉุนกัดฟันเข่นเขี้ยวอยู่ในใจตัวเอง

ต้าเทียนซือเงียบงัน เหล่าเจ้าพระยาสวรรค์คือพวกเจ้าเล่ห์มากกลอุบายจึงไม่เอ่ยคำใด พวกพระยาสวรรค์เห็นว่าเป็นเช่นนี้จึงมีคนเดินออกมาอีก หลังจากพากันเปิดปากก็มีพระยาสวรรค์แซ่หลิวคนหนึ่งที่เดินเร็วๆ ออกมาหลายก้าว ก่อนจะโค้งตัวต่ำๆ คารวะต้าเทียนซือ

“ต้าเทียนซือ กระหม่อมสรุปโทษมหันต์ของป๋ายฮ่าวผู้นี้ได้ร้อยโทษ วันนี้จะป่าวประกาศความผิดเทียมฟ้าของคนผู้นี้ต่อหน้าทุกคนในราชสำนัก!”

ประโยคนี้ดังออกมา คนรอบด้านจำนวนไม่น้อยต่างก็สูดลมหายใจดังเฮือก พากันมองไปยังพระยาสวรรค์แซ่หลิว คนผู้นี้ชื่อว่าหลิวหย่ง ท่ามกลางพระยาสวรรค์มากมาย ตบะของเขาถือว่าอยู่ระดับปานกลาง ทว่าเขากลับแตกต่างจากโจวอู่เต้าอย่างสิ้นเชิง เขาเป็นคนที่กระตือรือร้นอย่างมาก ยิ่งเรื่องที่คนมากมายมารวมตัวกันซึ่งนับว่าหาได้ยากเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้เขาฮึกเหิมอย่างถึงที่สุด

ดังนั้นในใจของเขาจึงวางแผนไว้แล้วว่าครั้งนี้จะสร้างความมีหน้ามีตาให้กับตัวเอง ขณะเดียวกันก็ให้ทุกคนต้องมองตัวเองในมุมใหม่

แม้แต่พวกเจ้าพระยาสวรรค์ก็ยังพากันหันมามองหลิวหย่ง ต้าเทียนซือเองก็มองมาอย่างสนใจ เพราะทุกคนต่างก็ตื่นตะลึงไปกับคำว่าโทษมหันต์ร้อยโทษของหย่งเซิงซึ่งนับว่าใช้คำพูดได้เกินจริงยิ่งนัก

ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ตกใจสะดุ้งโหยง เขาสูดลมหายใจดังเฮือกอย่างห้ามไม่ได้ ตอนที่หันไปมองหย่งเซิง เขาก็อึ้งไปครู่ คนผู้นี้เขาแค่คุ้นหน้าเท่านั้น รู้ว่าอีกฝ่ายแซ่หลิว แต่รายละเอียดมากกว่านั้นกลับจำไม่ได้ ทว่าจะอย่างไรก็คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะกล้าพูดเต็มปากเต็มคำว่าตนมีโทษมหันต์ถึงหนึ่งร้อยโทษ!

เมื่อเห็นว่าทุกคนต่างก็หันมามองตัวเอง ในใจของหลิวหย่งก็ฮึกเหิมเป็นกำลัง ครั้นจึงเดินขึ้นหน้าไปหลายก้าว แล้วเอ่ยเสียงดัง

“ป๋ายฮ่าวผู้นี้สังหารญาติในตระกูลของตัวเอง กระทำผิดใหญ่หลวง มีความผิดฐานเนรคุณ ทรยศต่อตระกูล!”

“ตอนอยู่ในนครผียักษ์ เขาช่วงชิงภรรยาของผู้อื่น หมดสิ้นซึ่งคุณธรรม นี่คือความผิดฐานแย่งชิงของผู้อื่น!”

“ขโมยลานวิญญาณของตระกูลไช่ ทำให้ตระกูลไช่เสียหายอย่างใหญ่หลวง นี่คือความผิดฐานลักขโมย!”

“ปล้นทรัพย์ของตระกูลเฉิน ทำให้ตระกูลเฉินในนครผียักษ์เสียหายอย่างอเนจอนาถ นี่คือความผิดฐานปล้นชิง!”

……

หลิวหย่งพูดจ้อไม่หยุดปาก น้ำเสียงรัวเร็วดังก้องอยู่ในตำหนักเทียนซือ ไม่นานสายตาของทุกคนก็เริ่มแข็งทื่อ จ้องนิ่งมายังหลิวหย่งที่ยังคงร่ายความผิดฐานต่างๆ ของป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อย

ลมหายใจของป๋ายเสี่ยวฉุนถี่รัวน้อยๆ จ้องเขม็งไปที่หลิวหย่งพร้อมเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ในขณะเดียวกันก็รู้ว่าเพื่อเฟ้นหาความผิดของตัวเอง อีกฝ่ายคงไปสืบค้นข้อมูลมาไม่น้อย หาไม่แล้วจะรู้เรื่องละเอียดยิบขนาดนี้ได้อย่างไร

“ในกาหลอมวิญญาณ เขาดูดพลังชีวิตของเหล่าศิษย์แห่งความภาคภูมิใจ ฝึกวิชามาร นี่คือความผิดฐานฝึกวิชาต้องห้าม!”

“ยังมีอีก หลังจากที่คนผู้นี้มาถึงนครจักรพรรดิขุยก็เกือบจะสร้างความวุ่นวายให้กับกองผียักษ์โดยการวางเพลิงไปทั่ว นี่คือความผิดฐานลอบวางเพลิง!”

……

ยิ่งพูดหลิวหย่งก็ยิ่งห้าวเหิม เสียงเริ่มตะเบ็งดังมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเขาเห็นว่าเหล่าพระยาสวรรค์และเจ้าพระยาสวรรค์ที่อยู่รอบด้านต่างเงียบงัน ทั้งตำหนักมีเพียงเสียงของตนคนเดียว ด้วยความตื่นเต้น น้ำเสียงของเขาจึงยิ่งเพิ่มระดับอย่างไม่หยุดยั้ง

“ในร้านหลอมพลังจิต ขายยาวิญญาณ หลอมพลังจิตราคาสูงลิ่ว นี่คือความผิดฐานโก่งราคา!”

“หลังจากที่เขากลายเป็นผู้ตรวจการ นอกจากยึดทรัพย์ตระกูลต่างๆ แล้วยังฮุบสมบัติมาเป็นของตัวเอง นี่คือความผิดฐานฉ้อฉล!” ความผิดเรื่องแล้วเรื่องเล่าดังออกมาจากปากของหลิวหย่งอย่างต่อเนื่องพร้อมเวลาที่ผันผ่านไป จนกระทั่งหมดไปหนึ่งก้านธูป เขาก็ยังพูดไม่จบ แถมความเร็วในการพูดยังไม่ลดลง กลับยิ่งพูดยิ่งเร็วเข้าไปใหญ่

ภาพนี้ทำให้ทุกคนที่อยู่รอบด้านสะท้านสะเทือน ขณะเดียวกันก็ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนมองเซ่อไปแล้ว และถึงขั้นเกิดความนับถือในตัวหลิวหย่งผู้นี้ไม่น้อย…

ต้าเทียนซือที่มีสีหน้าปั้นยากเหลือบมองหลิวหย่งอยู่หลายที เขาไม่เคยรู้มาก่อนจริงๆ ว่าในด้านการสรุปข้อมูล ด้านการสืบหาเรื่องราว หลิวหย่งจะมีความสามารถเหนือล้ำเกินคนทั่วไปได้ถึงเพียงนี้

“…นี่คือความผิดฐานละเลยหน้าที่!”

“…นี่คือความผิดฐานใช้อำนาจในทางที่มิชอบ!”

“…นี่คือความผิดฐานติดสินบน!”

“สุดท้าย เขาสังหารพระยาสวรรคผู้บริสุทธิ์โดยวิธีการที่โหดเหี้ยมอำมหิต นี่คือความผิดฐานฆ่าคนตาย!!” จนกระทั่งผ่านไปอีกหนึ่งก้านธูป หลิวหย่งถึงได้กล่าวจบพร้อมหอบหายใจอยู่สองสามที ครั้นจึงคารวะต้าเทียนซืออย่างภาคภูมิใจในตัวเอง

“ต้าเทียนซือ กระหม่อมพูดจบแล้ว เจ้าป๋ายฮ่าวผู้นี้เป็นศูนย์รวมแห่งความชั่วช้า ทำผิดมหันต์ถึงหนึ่งร้อยโทษ ในบรรดานี้ไม่ว่าโทษใดก็ตามล้วนสามารถตัดสินประหารชีวิตเขาได้ทั้งสิ้น กระหม่อมขอกราบทูลให้ตัดสินโทษประหารป๋ายฮ่าวผู้ต่ำช้าจนมิอาจให้อภัย แร่เนื้อเถือหนังเขาออกเป็นหมื่นๆ ชิ้น เพื่อเป็นตัวอย่างไม่ให้คนอื่นทำตาม!!”

เมื่อเขากล่าวจบ ทุกคนที่อยู่รอบด้านก็ใจสั่นกันอย่างบ้าคลั่ง พวกเขานับว่าได้เปิดโลกทัศน์อย่างแท้จริง รู้สึกเหมือนได้รู้จักหลิวหย่งใหม่อีกครั้ง และตอนนี้ทุกคนก็เริ่มคืนสติกลับมาจึงพากันเดินออกไปประสานมือคารวะต้าเทียนซือกันอย่างต่อเนื่อง!

“กระหม่อมเห็นด้วย!”

“กระหม่อมก็ขอร้องเรียนเช่นเดียวกัน!”

“ร้อยโทษของหลิวหย่งก็คือหลักฐานที่ทรงพลังมากที่สุด กระหม่อมก็เห็นด้วย!” ไม่ใช่แค่คนสองคน แต่พระยาสวรรค์มากหลายสิบคนล้วนพากันเดินออกมาแล้วเปิดปากด้วยคำพูดทำนองเดียวกัน เมื่อมองไป พระยาสวรรค์แปดสิบเก้าคน ตอนนี้มีคนเดินออกมาถึงครึ่งหนึ่ง ส่วนพวกคนที่เหลืออยู่ซึ่งหลังจากมองหน้ากันก็หันไปคารวะต้าเทียนซืออย่างพร้อมเพรียงแล้วก็แทบพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า

“กระหม่อมเห็นด้วย!! โปรดตัดสินประหารป๋ายฮ่าวผู้นี้!”

เสียงนี้ดังกระหึ่มกลายมาเป็นคลื่นเสียงที่สั่นสะเทือนไปสี่ทิศ ป๋ายเสี่ยวฉุนมองคนเหล่านี้พร้อมกับใจที่ร้องโอดครวญไม่หยุด ยิ่งหลิวหย่งผู้นั้นก็ยิ่งทำให้เขาบังเกิดความกริ่งเกรงอย่างแรงกล้า

“หรือว่าคนผู้นี้เป็นหนูขุดรูกลับชาติมาเกิด ถึงได้สืบเรื่องของข้ามาละเอียดยิบขนาดนี้!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนจดจำหลิวหย่งไว้ขึ้นใจทันที ครุ่นคิดว่าหลังจากนี้คงต้องจัดการกับคนผู้นี้ให้ดีๆ เสียแล้ว

ต้าเทียนซือขมวดคิ้วเป็นปม การที่ขุนนางทั้งราชสำนักต่างพร้อมใจกันเล่นงานคนคนหนึ่งให้ถึงตายอย่างโจ่งแจ้ง หากเป็นเมื่อก่อนเขาต้องคิดหาวิธีแก้ไขปัญหานี้แน่นอน เพราะอย่างไรซะในเวลานี้ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ได้กลายมาเป็นขุนนางตัวคนเดียวโดดเดี่ยวอย่างแท้จริง หากตนช่วยอีกฝ่ายไว้ได้ วันหน้าความภักดีที่ป๋ายเสี่ยวฉุนมีต่อตนก็จะมากล้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เพียงแต่ว่าตอนนี้การผลักดันโองการประทานคุณแด่ประชาต่างหากถึงจะเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด หากราชสำนักไม่มั่นคงขึ้นมา ผลกระทบที่มีต่อเขานับว่าไม่ใช่เล็กๆ เว้นเสียแต่ว่าเขามีเหตุผลที่หนักแน่นมากพอจนทุกคนอับจนคำพูด

หาไม่แล้วต่อให้ป๋ายเสี่ยวฉุนกลายเป็นบุตรบุญธรรมของตนจริงๆ ในช่วงเวลาอย่างนี้เขาก็ยังไม่สามารถรักษาชีวิตอีกฝ่ายเอาไว้ได้

นี่จึงทำให้เขาถอนหายใจอยู่ในใจตัวเอง แอบโมโหที่ป๋ายเสี่ยวฉุนสร้างเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ความลังเลในใจก็เริ่มเกิดลางว่าจะจางหายไปอย่างห้ามไม่ได้

นี่ยังไม่สิ้นสุด หลังจากที่พระยาสวรรค์ทุกคนพากันเปิดปาก ดวงตาของเฉินฮ่าวซงก็เป็นประกายวาบหนึ่งที มองออกว่าความสองจิตสองใจของต้าเทียนซือกำลังจะหายไป เขาจึงเดินออกมา กุมมือคารวะต้าเทียนซือ

“เมื่อครู่ฟังคำพูดของพระยาสวรรค์หลิว กระหม่อมจึงรู้สึกงุนงงไปชั่วครู่ ราชวงศ์ขุยของเราสืบทอดกันมาแต่ละยุคแต่ละสมัยจนถึงทุกวันนี้ ไม่ว่าในราชสำนักใดก็ตาม หากมีคนที่ทำผิดร้อยข้อเช่นนี้ย่อมต้องถูกประหารทั้งชั่วโคตร วันนี้กระหม่อมเองจึงขอกราบทูลให้สังหารป๋ายฮ่าวเช่นกัน!”

คำพูดของเขาดังก้องอยู่ในตำหนัก เจ้าพระยาสวรรค์หนวดงามและยังมีเจ้าพระยาสวรรค์ที่เหลืออีกแปดคนต่างก็เดินออกมา พวกเขาไม่ได้เอ่ยคำใด เพียงแค่กุมมือคารวะต้าเทียนซือเท่านั้น แต่ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้พูด ทว่าการกระทำเช่นนี้ก็แสดงให้เห็นถึงท่าทีของพวกเขาอย่างชัดเจนมากพอแล้ว!

ดวงตาของต้าเทียนซือเป็นประกายวาบ ความลังเลหายวับไปในพริบตา ขณะที่กำลังจะตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ทว่าเวลานี้เอง…เสียงของป๋ายเสี่ยวฉุนกลับดังก้องขึ้นมา!

“การแสดงของพวกเจ้าสิ้นสุดลงแล้วเช่นไหม? งั้นตอนนี้ก็ถึงทีของข้าบ้างแล้ว!”

สถานการณ์ที่พลิกผันนี้กลับทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนหมดสิ้นซึ่งความกระวนกระวายและตึงเครียด เขาเพียงสูดลมหายใจเข้าลึก ปรับอารมณ์ตัวเองให้สงบลง ก่อนจะยกมุมปากยิ้มหยัน แล้วเอ่ยเนิบช้าอย่างไม่รีบไม่ร้อน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!