บทที่ 816 ไฟสิบเก้าสี
ยังไม่ได้หยุดพัก ป๋ายเสี่ยวฉุนลงมือเริ่มหลอมรอบที่สองต่อทันที เวลาล่วงผ่าน เขาใช้เวลาหนึ่งคืนเต็มถึงหลอมไฟสิบแปดสีออกมาได้สิบกอง!!
ทุกกองสำเร็จหมด ไม่มีข้อผิดพลาด ไม่มีความล้มเหลว!!
ภาพนี้หากแพร่ออกไปต้องครึกโครมไปทั้งแดนทุรกันดารแน่นอน อาจารย์หลอมวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนคงกระตือรือร้นกันอย่างบ้าคลั่ง ในสายตาของทุกคน นี่แทบจะเป็นเรื่องที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย!
ทว่าตอนนี้ภาพเหตุการณ์นี้กลับปรากฏขึ้นที่ริมฝั่งแม่น้ำอเวจี!!
ที่สามารถทำได้ถึงขั้นนี้ ลำพังเพียงแค่ป๋ายเสี่ยวฉุนนั้นมิอาจเป็นไปได้ เพราะแท้จริงแล้วประโยชน์ของตำรับไฟถือเป็นปัจจัยที่สำคัญมากอย่างหนึ่ง และการชี้นำจากคนเฝ้าสุสานตลอดเวลาเกินครึ่งปีมานี้ก็คือกุญแจที่สำคัญที่สุด!!
บวกกับความยึดมั่นดึงดันของป๋ายเสี่ยวฉุน รวมไปถึงพรสวรรค์ด้านการหลอมยาของเขาที่ถึงแม้วิธีการจะแตกต่างกันทว่ากลับบรรลุเป้าหมายได้อย่างเดียวกัน นี่ถึงทำให้เขาสร้างความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ซึ่งมากพอจะเขย่าคลอนนภากาศได้อย่างในตอนนี้!!
สิบครั้ง สำเร็จทั้งหมด!
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพลังการอำพรางของหน้ากาก หรือสาเหตุเพราะคนเฝ้าสุสานที่ทำให้นอกจากป๋ายฮ่าวแล้ว คนอื่นๆ ต่างก็สัมผัสไม่ได้ถึงการปรากฏของไฟสิบแปดสี
มีเพียงป๋ายฮ่าวที่เป็นพยานในทุกเหตุการณ์นี้ อารมณ์ตื่นเต้นของเขาพุ่งสูงถึงขีดสุด แม้เขาจะไม่เคยเห็นการหลอมไฟสิบแปดสีสองครั้งก่อนหน้านี้ของอาจารย์ตัวเองมาก่อน เพราะอย่างไรซะครั้งแรกเขาก็ไม่อยู่ ส่วนครั้งที่สองนั้นเขาไม่กล้าเผยตัว
ทว่าตอนนี้เมื่อเขามองไป เขาก็รู้สึกว่าด้านการหลอมไฟสิบแปดสีนี้ เกรงว่าคนทั้งแดนทุรกันดารคงไม่มีใครเทียบเคียงกับอาจารย์ของตัวเองได้อีกแล้ว ต่อให้ชั้นดินสามท่านที่เป็นดั่งมังกรเทพเห็นเพียงหัวไม่เห็นหางก็ยังเทียบอาจารย์ของเขาไม่ได้!
ขอบเขตที่เป็นตัวแทนของความผ่อนคลายทำได้ตามใจชอบเช่นนี้…นับเป็นความสะท้านฟ้าสะเทือนดินที่หลอมไฟสิบครั้งก็ทำสำเร็จได้ทั้งสิบครั้ง!!
นี่คือการแสดงออกถึงความสามารถสูงสุดในการควบคุมไฟสิบแปดสี!
ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ฮึกเหิมอย่างยิ่ง แต่เขาก็เข้าใจดีว่านี่เป็นเพียงแค่ก้าวแรกเท่านั้น การหลอมไฟสิบเก้าสี เขาจำเป็นต้องใช้ไฟสิบแปดสีสิบชุด ปริมาณเช่นนี้…ถือเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรอย่างน่ากลัวที่คนผู้หนึ่งมิอาจประมาณการณ์ได้แล้ว
“มิน่าเล่าไฟของระดับชั้นดินถึงได้หายากขนาดนั้น นอกจากชั้นดินจะหายากแล้ว การเผาผลาญก็คือจุดสำคัญ…” แม้ป๋ายเสี่ยวฉุนจะไม่รู้ว่าอาจารย์หลอมวิญญาณชั้นดินคนอื่นๆ หลอมไฟกันอย่างไร แต่จากความสามารถในการหลอมไฟของเขาวันนี้ทำให้เขาตระหนักได้แล้วว่า การหลอมไฟใช้วิธีที่แตกต่างแต่ผลที่ได้กลับเป็นเช่นเดียวกัน การหลอมไฟสิบแปดสีไปถึงไฟสิบเก้าสีซึ่งต่อให้แต่ละคนจะวิธีการจะไม่เหมือนกัน แต่ค่าตอบแทนที่ต้องจ่าย…เกรงว่าคงไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก
ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง มองไฟสิบแปดสีสิบกอง เขาก็ข่มกลั้นความตื่นเต้นในใจลงไป หลับตาทั้งคู่ลงเพื่อปรับสภาพจิตใจของตัวเอง เขารู้ดีว่า อันดับต่อไปต่างหาก…ถึงจะเป็นจุดสำคัญ!!
“ไฟสิบเก้าสี…”
“ศึกษามาเกินครึ่งปี เมื่ออยู่ภายใต้ความช่วยเหลือจากป๋ายฮ่าวและท่านปู่คนเฝ้าสุสาน ครั้งนี้…ข้าต้องทำให้สำเร็จให้จงได้!!” ผ่านไปพักใหญ่ ดวงตาสองข้างของป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันเบิกโพลง นัยน์ตาทอแสงคมกล้า มือทั้งคู่ของเขาโบกสะบัดอย่างแรง ทันใดนั้นไฟสิบแปดสีสิบกองก็ตรงเข้ามาผสานรวมกัน
การผสานรวมนี้มองดูเหมือนราบรื่น แต่ในความเป็นจริงแล้วลำพังเพียงแค่ขั้นตอนการผสานรวมนี้ เวลาเกินครึ่งปีที่ผ่านมา ป๋ายเสี่ยวฉุนและป๋ายฮ่าวกลับต้องศึกษาวิจัยมันมาหลายต่อหลายครั้ง และทุกขั้นตอน ทุกจังหวะ หรือแม้แต่ทุกรายละเอียดก็ล้วนต้องผ่านการอนุมานมาอย่างละเอียด ในนี้มีปัญหาที่เป็นกุญแจสำคัญอย่างน้อยหลายสิบข้อ ซึ่งเมื่อได้รับการชี้นำจากคนเฝ้าสุสานถึงได้รับการแก้ไข พิชิตได้อย่างราบคาบ และหาวิธีแก้ปัญหาได้เจอในระยะเวลาสั้นๆ
ความพยายามมากมายขนาดนี้ และด้วยโอกาสเช่นนี้ถึงได้ทำให้การผสานรวมไฟของป๋ายเสี่ยวฉุนในเวลานี้มองดูเหมือนราบรื่นไร้ข้อติดขัด ท่ามกลางเสียงดังกัมปนาท ไฟสิบแปดสีสิบกองที่แผ่กระจายออกไปก็ค่อยๆ เข้ามาผสานรวมอยู่ต่อหน้าป๋ายเสี่ยวฉุนที่นั่งอยู่ข้างแม่น้ำอเวจี
มือทั้งคู่ของเขาทำมุทราอย่างต่อเนื่อง และบางครั้งก็หยิบเอาวิญญาณออกมาโยนใส่ในทะเลเพลิงทีละตัว วิญญาณพวกนี้พิเศษอย่างมาก เพราะเมื่อผ่านวิธีการสรุปรวมของป๋ายเสี่ยวฉุนและป๋ายฮ่าว วิญญาณพวกนี้จะเอามาใช้ปรับเปลี่ยนทะเลเพลิง ขณะเดียวกันก็ทำให้การผสานรวมของทะเลเพลิงสมบูรณ์แบบมากกว่าเดิมเหมือนได้รับน้ำมันหล่อลื่น
เมื่อเวลาผ่านพ้นไป ถึงแม้ทุกอย่างจะราบรื่น ทว่าการหลอมไฟสิบเก้าสีนี้กลับยังคงเป็นความท้าทายสำหรับป๋ายเสี่ยวฉุน ดวงตาทั้งคู่ของเขาที่กำลังเพ่งสมาธิทั้งหมดมองไปเริ่มค่อยๆ มีเส้นเลือดฝอยปรากฏ เขาไม่กล้าให้ข้อผิดพลาดเกิดขึ้นในขณะที่กำลังควบคุมกองเพลิงแม้แต่เสี้ยวเดียว และท่ามกลางการผสานรวมอย่างระมัดระวังนี้ ในที่สุดเมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ไฟสิบแปดสีสิบกองก็ผสานรวมกันได้อย่างราบรื่นสมบูรณ์แบบจนกลายมาเป็นทะเลเพลิงที่น่าตะลึงผืนหนึ่ง
ขอบเขตของทะเลเพลิงผืนนี้กว้างใหญ่มาก ระดับอุณหภูมิที่อยู่ข้างในก็สูงจนน่าตกใจเช่นเดียวกัน ความร้อนมีมากกว่าไฟสิบแปดสีธรรมดาทั่วไปหลายเท่า
ขณะเดียวกันนี่ก็สร้างแรงกดดันในการควบคุมให้กับป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างใหญ่หลวงเช่นกัน
หน้าผากของป๋ายเสี่ยวฉุนมีเหงื่อหยดลงมาไม่ขาดสาย ทว่าพริบตาเดียวเหงื่อเหล่านั้นก็ถูกอบให้เป็นไอที่ระเหยหายไป ดวงตาของเขาโชนแสงคมกล้า หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกเขาก็เพิ่มพลังตบะให้มากขึ้น ก่อนจะตบอัดลงไปบนทะเลเพลิงผืนนั้นอย่างแรง!
“รวม!”
เสียงตูมตามดังสะท้อนไปแปดทิศ แต่ที่น่าแปลกก็คือทั้งๆ ที่พวกโจวอีซิงอยู่ห่างไปไม่ไกล ทว่ากลับไม่มีใครสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ ราวกับว่าป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่ริมแม่น้ำอเวจีในตอนนี้ยังคงเป็นเหมือนในเวลาปกติ!
และทุกอย่างนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้สมาธิทั้งหมดของเขาอยู่ที่การบีบอัดทะเลเพลิง เมื่อเห็นว่าทะเลเพลิงหดเล็กลงอย่างต่อเนื่อง
ป๋ายฮ่าวที่อยู่ข้างกันก็เริ่มตื่นเต้นขึ้นมาบ้างแล้ว
“ตามการอนุมานของข้าและอาจารย์ ขั้นตอนนี้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร…”
ป๋ายฮ่าวกระวนกระวายใจ ครุ่นคิดถึงผลได้ผลเสีย แต่กลับไม่กล้าเปิดเผยออกมาทางสีหน้า เพราะกลัวว่าจะไปส่งผลกระทบต่ออาจารย์ของตน
เขาทำได้เพียงมองทะเลเพลิงตรงหน้าที่ประหนึ่งสัตว์ดุร้ายในยุคบรรพกาลซึ่งถูกกักขังเอาไว้ มันไม่ยอมถูกพันธนาการง่ายๆ จึงดิ้นรนอย่างต่อเนื่อง ร้องคำรามไม่ขาดเสียง และเวลานี้ป๋ายเสี่ยวฉุนก็เหมือนกลายมาเป็นคนควบคุมสัตว์ซึ่งกำลังใช้ความสามารถทั้งหมดของตัวเองไปกำราบให้สัตว์ตัวนั้นยอมก้มหัวศิโรราบให้
ท่ามกลางเสียงอึกทึกกึกก้อง ทะเลเพลิงเริ่มหดเล็ก ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว เขารู้แค่ว่าความเหนื่อยล้าของตัวเองไต่ขึ้นสูงอย่างไร้ที่สิ้นสุด และในที่สุดทะเลเพลิงผืนนี้ก็หดลงมาเหลือหนึ่งร้อยจั้ง!
ซึ่งหนึ่งร้อยจั้งนี้เป็นเหมือนขีดจำกัดอย่างหนึ่ง ตบะในร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนแทบจะถูกเผาผลาญไปจนเกลี้ยง และความอ่อนล้าในจิตใจก็ทำให้เขาเริ่มมึนหัว
“ฮ่าวเอ๋อร์!” เมื่อเห็นว่าตัวเองเป็นเช่นนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงคำรามเบาๆ หนึ่งที
แทบจะชั่วขณะเดียวกันกับที่เสียงของเขาดังก้องออกมา ป๋ายฮ่าวพลันสะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งครั้ง ทันใดนั้นยาเม็ดหนึ่งก็ลอยจากเขาตรงเข้าไปหาป๋ายเสี่ยวฉุน ป๋ายเสี่ยวฉุนอ้าปากรับแล้วกลืนลงไปทันทีโดยไม่แม้แต่จะชายตามอง!
เมื่อกลืนยาเม็ดนั้นลงไป มันก็กลายมาเป็นคลื่นความร้อนขุมหนึ่งที่แผ่กระจายไปทั่วร่างของเขาในเสี้ยววินาที ทำให้ตบะของเขาฟื้นคืนสู่จุดสูงสุด อีกทั้งเมื่อตบะคืนกลับมา ความเหนื่อยล้าในจิตใจก็ได้ลดน้อยไปส่วนหนึ่งด้วย
ป๋ายเสี่ยวฉุนสีหน้าฮึกเหิม นัยน์ตาทอประกายสดใส ตบะแผ่ออกไปอีกครั้ง มือทั้งคู่บีบอัดเข้าหากันอย่างแรง เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทะเลเพลิงหนึ่งร้อยจั้งที่เป็นเหมือนสัตว์ร้ายตัวนั้นก็ดิ้นรนและร้องคำรามอีกครั้ง ก่อนจะถูกบีบอัดเข้าหากันอีกรอบ
เก้าสิบจั้ง แปดสิบจั้ง เจ็ดสิบจั้ง…ตบะในร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนถูกปล่อยออกมาหมดอย่างไม่มีกั๊กไว้ เขาพยายามบีบอัดมันเต็มกำลัง เสียงกัมปนาทดังสะท้านฟ้า ไม่ว่าทะเลเพลิงที่เป็นเหมือนสัตว์ร้ายจะพยายามดิ้นรนอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ พริบตาเดียวก็ถูกย่ออัดให้เหลือสี่สิบจั้ง!
ยังคงดำเนินต่อไป สามสิบจั้ง ยี่สิบจั้ง…จนกระทั่งสิบจั้ง!!
ชั่วขณะที่หดลงเหลือสิบจั้ง ตบะในร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนก็แทบจะแห้งขอดอีกครั้ง ทว่าทุกอย่างนี้ล้วนเป็นไปตามที่เขาและลูกศิษย์วิเคราะห์เอาไว้
“เมื่อถึงระดับแปดจั้งค่อยกินยาวาสนาทลายฟ้าอีกหนึ่งเม็ด แค่นี้ก็พอแล้ว!”
“น่าเสียดายที่พอกินยาวาสนาทลายฟ้านี้ไปเก้าเม็ดแล้ว มันก็จะไม่ได้ผลอีก…” ป๋ายเสี่ยวฉุนเสียดายไม่น้อย แต่เรื่องนี้ก็หาใช่จะไม่มีวิธีแก้ไข ขอแค่เจอโอกาสที่เหมาะสมแล้วทำการหลอมทารกก่อกำเนิด เมื่อตบะระเบิดขึ้นสูงอีกครั้ง ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่จำเป็นต้องพึ่งยาวาสนาทลายฟ้าก็สามารถหลอมไฟสิบเก้าสีได้ด้วยตัวเอง!
“จงย่อให้ข้า!” ดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นสีแดงฉาน เมื่อคำรามกร้าวหนึ่งครั้ง ทะเลเพลิงสิบจั้งก็เหมือนจะระเบิดเสียงคำรามสะท้านฟ้า ครั้นจึงถูกย่อจากสิบจั้งเหลือเพียงแปดจั้ง!!
“ฮ่าวเอ๋อร์!” ชั่วขณะที่เหลือแค่แปดจั้ง ป๋ายเสี่ยวฉุนก็แผดเสียงตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง ป๋ายฮ่าวจึงโยนยาวาสนาทลายฟ้าเม็ดที่สองออกมาอย่างแม่นยำ พอป๋ายเสี่ยวฉุนกลืนลงไป ร่างกายเขาก็กระปรี้กระเปร่า แล้วจึงเริ่มทำการบดอัดอีกครั้งรวดเดียว
ตูมๆๆ!
เจ็ดจั้ง หกจั้ง จนกระทั่ง…ห้าจั้ง!!
วินาทีที่เหลือเพียงห้าจั้ง การดิ้นรนของทะเลเพลิงนี้ก็รุนแรงถึงขีดสุด ตบะของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ถูกเผาผลาญให้ลดลงฮวบฮาบ เวลาเพียงแค่ไม่กี่อึดใจ ความเหนื่อยล้าก็เพิ่มขึ้นอีกหลายต่อหลายเท่า ทว่าตอนนี้เขามามัวสนใจเรื่องพวกนี้ไม่ได้อีกแล้ว ดวงตาเขาที่เป็นสีเลือดแดงฉานจ้องเขม็งไปในทะเลเพลิงห้าจั้ง ซึ่งตอนนี้กำลัง…มีการเปลี่ยนแปลงของสีปรากฏขึ้น!!
การเตรียมการที่เริ่มมาตั้งแต่ไฟสิบห้าสี มาบัดนี้ไม่ได้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนผิดหวัง สีที่สิบเก้าซึ่งเกิดขึ้นมาในทะเลเพลิงไม่ใช่เส้นเดียว แต่มีมากถึงสิบเส้น!!
นี่จึงเท่ากับเพิ่มอัตราความสำเร็จไปอีกเกินครึ่ง ลมหายใจของป๋ายเสี่ยวฉุนหอบรัว ดวงตาก็จ้องเขม็งไปยังสีที่เปลี่ยนแปลงอย่างไม่ให้คลาดสายตา ตอนที่เขากับป๋ายฮ่าวอนุมานร่วมกัน พวกเขาก็ได้ทำการวิเคราะห์ขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงของสีนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว
และมองดูอยู่แค่สิบกว่าลมหายใจ ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันทอประกายเจิดจ้า ครั้นจึงกระแทกอำนาจจิตเข้าไปในทะเลเพลิงอย่างไร้ซึ่งความลังเล…และไร้ซึ่งความผิดพลาด…อำนาจจิตนั้นพลันผสานรวมเข้าไปยังไฟสิบเก้าสีที่ปรากฏเพิ่มขึ้น
ตูมๆๆ!!
จู่ๆ สีที่สิบเก้าก็เปลี่ยนมาเป็นจ้าแสบตาแล้วพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าประหนึ่งมังกรที่ทะยานสู่นภากาศหลังได้รับการปลดปล่อย และพริบตาเดียวมันก็เริ่มช่วงชิงความเจิดจรัสและแบ่งแยกจากสีอื่นๆ …อย่างชัดเจน!!
“สำเร็จแล้ว!!” ป๋ายฮ่าวตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น
เสียงหัวเราะของป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็แหบพร่าน้อยๆ แต่ความฮึกเหิมของเขากลับไม่ลดลง พลันเอื้อมมือขวาคว้าไปยังทะเลเพลิงผืนนั้น
“ไฟสิบเก้า จงปรากฎให้ข้า!” ป๋ายเสี่ยวฉุนคำรามดังลั่น ทะเลเพลิงสิบเก้าสีห้าจั้งห้อตะบึงครืนครั่นเข้ามาหาฝ่ามือของเขาแล้วถูกป๋ายเสี่ยวฉุนคว้าเอาไว้ทันใด…
วินาทีที่เขากำมือ เปลวเพลิงก็หายไป เหลือเพียงฝ่ามือของป๋ายเสี่ยวฉุนที่สั่นน้อยๆ ซึ่งยื่นมาอยู่ตรงหน้าของป๋ายฮ่าว ป๋ายฮ่าวเองก็ตื่นเต้นมากเหมือนกัน ต่อให้เขาไม่คิดว่าจะล้มเหลว ทว่าตอนนี้ก็ยังอดกระวนกระวายไม่ได้
จนกระทั่งอาจารย์และศิษย์สองคนสบตากัน ป๋ายเสี่ยวฉุนถึงได้สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะค่อยๆ …แบมือออก!
ชั่วขณะที่ฝ่ามือคลายออก ไฟสิบเก้าสีกองหนึ่งซึ่ง…แจ่มชัดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้…ก็ปรากฏอยู่กลางฝ่ามือของเขา!
ไฟสิบเก้าสี…สำเร็จ!