บทที่ 824 โจมตีให้ถอยอย่างเต็มกำลัง
คนทั้งสองพลันปะทะเข้าด้วยกัน เสียงกัมปนาททำให้ท้องนภาเกิดเป็นลูกคลื่นราวเกล็ดปลาที่แผ่ไปสี่ด้าน ป๋ายเสี่ยวฉุนถึงกับหน้าเปลี่ยนสี เมื่อเจอกับพลังที่น่าครั่นคร้ามของเหลยซาน ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนก็เป็นฝ่ายร่วงลงไปกระแทกกับเรือสวรรค์อย่างแรง
เรือสวรรค์สั่นสะเทือนไปทั้งลำ ปราณของป๋ายเสี่ยวฉุนเกิดคลื่นวุ่นวายเล็กน้อย เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าเหลยซานเพียงแค่ถอยไปไม่กี่ก้าวเท่านั้น นี่ทำให้ม่านตาทั้งคู่ของเขาหดตัวเข้าหากันทันที
ป๋ายเสี่ยวฉุนขยับร่างพุ่งกระโจนเข้าใส่เหลยซานอีกครั้ง พริบตานั้นคนทั้งสองก็ประหัตประหารกันกลางอากาศอย่างดุเดือด เมื่อถูกถ่วงเวลาไว้เช่นนี้ อีกทั้งความเร็วของเรือสวรรค์ยังมีมาก ไม่นานมันจึงค่อยๆ ออกห่างคนทั้งสองไป
สตรีธุลีแดงหน้าเปลี่ยนสี ฝืนลุกขึ้นยืนเพื่อบังคับให้เรือสวรรค์จอดลง ลมหายใจที่หอบหนักแสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอของนางในเวลานี้ ขณะเดียวกันนางก็จับตามองการประมือของคนทั้งสองที่อยู่บนท้องฟ้าด้วยความร้อนใจอย่างยิ่ง
เสียงตูมตามดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งท้องฟ้า เหลยซานไม่มีพลังเวทคาถาใดๆ อาศัยเพียงกล้ามเนื้อของตัวเองเท่านั้น ซึ่งความแข็งแกร่งของเรือนกายเขาก็นับเป็นศัตรูตัวฉกาจที่ป๋ายเสี่ยวฉุนพบเจอได้น้อยครั้งในชีวิตนี้!
“กล้ามเนื้อของคนฟ้างั้นหรือ!!” ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนมีปราณดุร้ายผุดขึ้นมาอีกครั้ง ร่างของเขาถอยร่นต่อเนื่อง ทุกครั้งที่ต่อยหมัดลงไปบนร่างของเหลยซาน อีกฝ่ายเหมือนจะไม่ระคายผิวเท่าไหร่ แต่พอเป็นหมัดของอีกฝ่ายที่เหวี่ยงออกมากลับทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนตัวสั่นสะท้านไม่หยุด
“พลังประหลาดในร่างของเหลยซานผู้นี้แข็งแกร่งเกินทัดเทียม…”
“ศึกนี้จะมัวล่าช้าอีกไม่ได้ ต้องรีบสู้รีบจบ ต่อให้เล่นงานเขาถึงตายไม่ได้ก็ต้องทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสจนความเร็วลดลง!” ป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นกังวลจริงๆ ว่าหากมัวยืดเวลาออกไปอย่างนี้แล้วกงซุนหว่านเอ๋อร์หลุดพ้นพันธนาการมาได้ ถ้าเช่นนั้นความได้เปรียบทั้งหมดของตนจะพังทลายออกเป็นเสี่ยงๆ ทันที เมื่อถึงเวลานั้น ความหวังที่จะรอดชีวิต…เกรงว่าคงริบหรี่เต็มที!
ดวงตาทั้งคู่ของป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นสีแดงฉาน เวลานี้เขาไม่สนใจอีกแล้วว่าตัวตนจะถูกเปิดเผย เมื่อเทียบกับชีวิตน้อยๆ แล้ว ตัวตนจะเปิดเผยก็ให้มันเปิดเผยไปเถอะ!
และนับประสาอะไรกับที่ตอนนี้กงซุนหว่านเอ๋อร์ได้ปลอมตัวมาเป็นตนแล้ว ดังนั้นต่อให้ตนจะเผยพิรุธอะไรออกมา ในเวลาสั้นๆ นี้ก็คงยังไม่มีใครเอามาคิดเชื่อมโยงกันได้
คิดมาถึงตรงนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนก็แหงนหน้าแผดเสียงคำราม
มือทั้งคู่ทำมุทรา คาถาฝ่ามือคราวนี้ไม่ค่อยเหมือนกับที่เขาใช้ในเวลาปกติ ลำแสงหลากสีของทารกก่อกำเนิดวิถีฟ้าในร่างก็ยิ่งหมุนวน พลังวิญญาณเป็นระลอกๆ มารวมกันอยู่ในร่าง ก่อกลายมาเป็นมหาสมุทรยักษ์ที่ไหลเวียนไปทั่วร่าง ก่อนจะแผ่ตูมออกมาจากในกายของป๋ายเสี่ยวฉุน
พอพลังวิญญาณนี้แผ่ออกมาข้างนอกก็จับตัวกลายเป็นน้ำแข็งเย็นเยียบทันที เสียงเปรี๊ยะๆ ดังลั่นอยู่ไม่กี่ที พื้นที่แปดทิศซึ่งมีป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นจุดศูนย์กลางก็พลันถูกน้ำแข็งเกาะตัว พลังแห่งความเย็นสะท้านฟ้าดินสามารถปิดผนึกความว่างเปล่า เป็นเหตุให้รอบกายเขากลายมาเป็นบ่อน้ำแข็งในชั่วพริบตา!
นี่ก็คือ…คาถาหันเหมินเลี้ยงความคิด!!
วิชาอภินิหารนี้ก่อนหน้านั้นป๋ายเสี่ยวฉุนไม่กล้าเอามาใช้ ต่อให้จะมีการอำพรางจากหน้ากากเขาก็ยังไม่กล้าแตะมัน ทว่าตอนนี้เขามามัวคำนึงถึงเรื่องพวกนี้ไม่ได้อีกแล้ว นัยน์ตาของเขาฉายความคลุ้มคลั่งเต็มที่
ชั่วขณะที่ไอความเย็นแผ่ออกมา มือขวาของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยกขึ้นแล้วชี้ไปยังเหลยซานที่ห่างออกไปไม่ไกลซึ่งกำลังห้อตะบึงมา ทว่าเมื่ออยู่ภายใต้ไอความเย็นนี้ความเร็วกลับลดลงอย่างเลี่ยงไม่ได้!
“ผนึก!” ป๋ายเสี่ยวฉุนคำรามกร้าว ไอความเย็นที่อยู่รอบด้านระเบิดตูมออกมาแล้วตรงดิ่งเข้าหาเหลยซานจากสี่ด้านแปดทิศ เพียงแค่ชั่วพริบตาก็ปกคลุมไปรอบกายของเหลยซาน ทำให้ร่างของเหลยซานมีเกล็ดน้ำแข็งเป็นชั้นๆ เกาะเต็มตัว
เสียงเปรี๊ยะๆ ยิ่งดังสนั่นหวั่นไหว และเวลาแค่ไม่กี่อึดใจ รอบกายของเหลยซานก็เต็มไปด้วยชั้นน้ำแข็งหนาใหญ่ ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนอย่างไร ต่อให้ชั้นน้ำแข็งจะปริแตกออก ทว่าขณะที่มันปริแตกกลับยิ่งมีน้ำแข็งเย็นเยียบมากกว่าเดิมมารวมตัวกัน ไม่นานเหลยซานจึงกลายมาเป็นก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ยักษ์ก้อนหนึ่ง!!
ก้อนน้ำแข็งนี้ลอยค้างอยู่กลางอากาศ ขนาดใหญ่พอร้อยจั้ง เหลยซานที่อยู่ข้างในกระดุกกระดิกไม่ได้ แต่ก็ยังมองเห็นว่ามีรอยแตกเล็กละเอียดหลายเส้นที่ลามออกมาจากด้านในอย่างต่อเนื่อง ราวกับว่าการปิดผนึกนี้จะดำรงอยู่ได้ไม่นานนัก
ภาพนี้ทำให้สตรีธุลีแดงที่อยู่บนเรืออึ้งงันไปครู่หนึ่ง แต่ยังไม่ทันรอให้นางได้คิดเชื่อมโยงไปถึงอะไร ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับแหงนหน้าแผดเสียงคำรามสะท้านฟ้าออกมาเสียก่อน
และบัดนี้พลังกล้ามเนื้อของเขาก็ระเบิดปะทุไม่ขาดสาย ยิ่งนานยิ่งแข็งแกร่ง มาถึงท้ายที่สุด ผิวเนื้อทั่วร่างของเขาก็เกิดเป็นคลื่นกระเพื่อมหนึ่งที ตามมาด้วยพลังอำนาจน่ากริ่งเกรงขุมหนึ่งที่ซัดตูมออกมาจากในร่างของเขา
การซัดสาดของพละกำลังครั้งนี้ทำให้แผ่นดินทั้งผืนสั่นคลอน หินเล็กๆ จำนวนนับไม่ถ้วนกระเด้งกระดอนขึ้นมาจากบนพื้น แม้แต่ก้อนหินขนาดใหญ่ยักษ์หลายก้อนก็ยังเป็นเช่นเดียวกัน ขนาดภูเขาเตี้ยๆ ลูกหนึ่งที่ห่างออกไปไม่ได้ไกล
บัดนี้ก็ยังเกิดเป็นรอยแตกร้าว และแค่พริบตาเดียว ภูเขาลูกนั้นก็พังถล่ม เศษหินเหลือคณนาที่แตกกระจายออกมาไม่ได้ร่วงลงพื้น แต่ลอยขึ้นสูง!!
หินภูเขาและเศษหินบนพื้นดินจำนวนนับไม่ถ้วนเหล่านี้ล้วนลอยขึ้นมาบนอากาศทั้งหมด ราวกับว่าร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนได้กลายมาเป็นน้ำวนสีดำที่ดึงดูดให้ก้อนหินพวกนั้นพุ่งตรงเข้าหาเขา
ตูมๆๆ!!
ก้อนหินเหล่านี้พร้อมใจกันแนบติดร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนในชั่วพริบตา หลังจากที่ทับซ้อนกันเป็นชั้นๆ ยักษ์ตนหนึ่งที่มีขนาดร้อยจั้งน่าครั่นคร้าม…ก็เยื้องกรายลงมาบนฟ้าดินของแดนทุรกันดารแห่งนี้!
นี่ก็คือ…คาถาคนขุนเขา!!
ก่อนหน้านี้ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ไม่กล้าเอาวิชาอภินิหารนี้ออกมาใช้เหมือนกัน แต่ตอนนี้เขากลับจำต้องเอาคาถาของฝั่งแม่น้ำทงเทียนออกมาใช้ และเมื่อร่ายใช้ด้วยตบะของเขาในตอนนี้ อานุภาพของมันจึงยิ่งทบทวี ไม่นานก้อนหินจำนวนนับไม่ถ้วนก็บินมาเพิ่มขึ้น ยักษ์ที่เขาจำแลงออกมาจึงเปลี่ยนจากใหญ่ร้อยจั้งมาเป็นเจ็ดร้อยกว่าจั้ง!!
แทบจะเรียกได้ว่าเขย่าคลอนฟ้าดิน วินาทีที่ปรากฏตัว
พลังกล้ามเนื้อของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ระเบิดออกมาทุกด้านเช่นกัน เมื่อผสานรวมกับคาถาคนขุนเขา พละกำลังของเขาก็ฝ่าทะลุไปถึงขีดสูงสุด!
ในสถานการณ์ที่มิอาจร่ายใช้หมัดจักรพรรดิไม่ดับสูญได้ต่อ ทว่าหากตนคิดจะย่นระยะห่างด้านพลังกล้ามเนื้อระหว่างตัวเองกับเหลยซาน นี่ก็คือวิธีเดียวที่เขาคิดออก!
“ไปตายซะเถอะ!” ป๋ายเสี่ยวฉุนตะโกนก้อง เมื่อเสียงดังออกมาจากปากของยักษ์หิน เสียงที่ดังเกินอสนีบาตจึงสะท้อนก้องไปรอบด้าน เขาก้าวเท้าของยักษ์หินออกมาแล้วตรงเข้าพุ่งชนเหลยซานที่ถูกผนึกด้วยน้ำแข็งอยู่ข้างหน้า!
นี่ก็คือ…ชนาเขย่าภูเขา!!
การใช้ชนาเขย่าภูเขาครั้งนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนระเบิดกำลังทั้งหมดอย่างไม่มีกั๊กไว้แม้แต่น้อย เมื่อมองไกลๆ ร่างของเขาก็ราวกับกลายมาเป็นสัตว์หินตัวหนึ่งที่บุกตะลุยไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง
และเวลานี้เอง รอยแตกที่อยู่ในก้อนน้ำแข็งก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งเมื่ออยู่ภายใต้พลังจิตของป๋ายเสี่ยวฉุน วินาทีที่เขาขยับเข้าไปใกล้ ชั้นน้ำแข็งส่วนที่รอยปริแตกยังไม่ลามมาถึงก็ถึงกับระเบิดตัวเองพร้อมกันทั้งก้อน!!
เสียงตูมดังหนึ่งครั้ง ก้อนน้ำแข็งระเบิดตัวเองกระจัดกระจาย เสี้ยววินาทีที่ร่างของเหลยซานยังหยุดนิ่ง ยักษ์ที่คาถาคนขุนเขาของป๋ายเสี่ยวฉุนจำแลงมาก็พุ่งชนเข้าใส่อีกฝ่ายอย่างจัง
เสียงกัมปนาทดังอึกทึกกึกก้อง ฟ้าดินถึงกับสั่นไหว เดือนและดาวดับแสง
เหลยซานผู้แข็งแกร่งสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ในร่างมีเสียงปังๆๆ ดังออกมา ทั้งยังถูกชนกระแทกอย่างรุนแรง ทว่าทุกอย่างยังไม่สิ้นสุดแค่นี้ อาศัยการระเบิดของคาถาคนขุนเขา บวกกับความอัศจรรย์ของชนาเขย่าภูเขา ป๋ายเสี่ยวฉุนก้าวยาวๆ ตามไปหนึ่งก้าว พร้อมยกมือขวาขึ้น นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ที่แผ่แสงสีดำพลันยื่นสวบเข้าหาลำคอของเหลยซานที่ร่างปลิวละลิ่ว!
นี่ก็คือ…ตรวนสลายลำคอ!!
ทุกอย่างนี้พูดแล้วยาว แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับเกิดขึ้นเพียงเสี้ยวนาที สำหรับป๋ายเสี่ยวฉุนแล้วนับตั้งแต่ที่เขาร่ายคาถาหันเหมินเลี้ยงความคิด
ทุกวิชาที่ตามหลังมาล้วนร่ายใช้อย่างว่องไวราบรื่น เด็ดขาดเฉียบคมราวกับเป็นคาถาชุดเดียวกัน ยามนี้เมื่อตรวนสลายลำคอยื่นไปหาเหลยซาน เหลยซานก็แผดเสียงคำรามออกมา แสงสีดำทั่วร่างพลันแผ่กระจาย เขากางมือทั้งสองข้างออกแล้วง้างนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ของมนุษย์หินป๋ายเสี่ยวฉุนเอาไว้!!
เสียงเปรี๊ยะๆ ดังออกมาจากในร่างของเหลยซานอย่างต่อเนื่อง แสงสีดำในดวงตาของเขาเข้มข้นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ภายใต้การต่อต้านของเขาก็ถึงกับทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่สามารถร่ายตรวนสลายลำคอออกมาได้อย่างราบรื่น
ฉับพลันนั้นมนุษย์หินป๋ายเสี่ยวฉุนก็สะบัดมือใหญ่ออกอย่างแรง
ร่างของเหลยซานถูกเหวี่ยงลงไปกระแทกกับพื้นดิน เสียงตูมตามดังสนั่นหวั่นไหว ชั่วขณะที่ร่างของเหลยซานกระแทกเข้าไปในหลุมลึกบนพื้นดิน มือใหญ่ของป๋ายเสี่ยวฉุนก็กำเป็นหมัดแล้วเหวี่ยงตามเข้าไปในหลุมด้วยพลังที่เพิ่มจากเดิมหลายสิบเท่า!
หมัดนี้ทำเอาแผ่นดินสั่นไหว ทำให้รอบด้านของหลุมลึกเกิดรอยแตกระแหงนับไม่ถ้วน
ทว่าเวลานี้เองเสียงคำรามจากในหลุมลึกกลับดังสะท้านฟ้าขึ้นมาอีกครั้ง หมัดสุดท้ายของป๋ายเสี่ยวฉุนถูกต้านทานเอาไว้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นคือมีพละกำลังขุมใหญ่ดีดสะท้อนกลับมา ทำให้หมัดเขาเด้งกลับ เหลยซานที่อยู่ในหลุมมีแต่บาดแผลปริแตกไปทั่วร่าง เส้นผมยุ่งเหยิง อีกทั้งหลายจุดยังมีเลือดสดสีดำไหลนอง ทว่าประกายดำมืดในดวงตากลับทำให้พลังกล้ามเนื้อของเขาระเบิดออกมาอีกครั้ง และร่างก็ดีดผลุงขึ้นมาจากก้นหลุม
แต่ชั่วขณะที่เขาบินออกมานั้น หว่างคิ้วของมนุษย์หินป๋ายเสี่ยวฉุนกลับมีรอยแยกหนึ่งปริออกมา ขณะเดียวกันหว่างคิ้วใต้หน้ากากร่างจริงของป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่ในชั้นหินก็มีรอยแยกแหวกออก เผยให้เห็นเป็น…ดวงตาที่สาม!
เนตรทงเทียน!!
เมื่อมองไปจะเห็นว่า ดวงตานี้โผล่ออกมาตามรอยแตกกลางหว่างคิ้วของมนุษย์หิน และเส้นสายตานี้ก็ระเบิดลงมาบนร่างของเหลยซาน!!
ทันใดนั้นเหลยซานก็สั่นเยือกไปทั้งร่าง เหมือนถูกกำลังไร้รูปลักษณ์ขุมหนึ่งปกคลุมไว้ทั่วกาย หมายจะควบคุมร่างกายของเขา ทำให้ร่างของเขาที่กำลังดิ้นรนหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ!
วินาทีที่ร่างของเขาแน่นิ่งนั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ควบคุมให้ร่างมนุษย์หินกระโดดผลุงขึ้นพร้อมร้องคำราม มือขวายกขึ้นแล้วเงื้อมมือตบเข้าใส่เหลยซานที่ลอยอยู่กลางอากาศดังตูม!!
ชั่วขณะที่ฝ่ามือนี้ร่วงลงไป ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ได้ร่ายใช้…ผนึกมิวางวายด้วย!!
ผนึกมิวางวายนี้กลายเป็นเส้นใยสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนที่ผสานรวมอยู่ในฝ่ามือข้างนี้ วินาทีที่ร่วงลง เหลยซานก็สั่นเทิ้มไปทั้งตัว ถูกตบให้ร่วงลงไปกระแทกใส่ก้นหลุมลึกอีกครั้ง และครั้งนี้ร่างมนุษย์หินของป๋ายเสี่ยวฉุนก็แตกร้าวออกด้วยตัวเอง หินก้อนใหญ่ร่วงกราวลงมาดังตึงตัง และเวลาแค่ไม่กี่ชั่วลมหายใจ บนพื้นดินนั้นก็มีก้อนหินที่กองทับถมกันเป็นภูเขาสูงใหญ่ขนาดหลายร้อยจั้งก้อนหนึ่ง!!
อีกทั้งในตัวภูเขาลูกนี้ยังมีเส้นใยสีดำจำนวนมากว่ายวนกลายเป็นตราผนึกที่กำราบเหลยซานให้อยู่เบื้องใต้อย่างแน่นหนา!!
ทำทุกอย่างนี้เสร็จ ป๋ายเสี่ยวฉุนที่ร่างโอนเอนก็ถอยกรูดกลับเข้าไปในเรือสวรรค์ ภายใต้อาการอ้าปากกว้างตาค้างของสตรีธุลีแดง ป๋ายเสี่ยวฉุนเอามือกดลงบนเรือสวรรค์ เรือสวรรค์กลายมาเป็นเหมือนสัตว์ยักษ์ที่ร้องคำราม พริบตาเดียวก็ทะยานแหวกอากาศไปไกลอย่างรวดเร็วพร้อมเสียงดังสนั่นหวั่นไหว!