บทที่ 845 เขย่าคลอนแดนทุรกันดาร
เมื่อเส้นผมโลหิตค่อยๆ กลายเป็นเถ้าธุลีไปทีละนิด ป๋ายเสี่ยวฉุนที่จมจ่อมอยู่กับการฝึกตนไม่ได้สนใจเวลาที่เลยผ่าน ตอนที่กระดูกคงกระพันของเขาฝึกไปได้ถึงขั้นที่เจ็ด เวลาก็ผ่านไปแล้วครึ่งเดือน
พลังชีวิตที่ซ่อนอยู่ในผมโลหิตของเทียนจุนมีมากเกินไป เมื่อพลังชีวิตนั้นไหลบ่ามาอย่างต่อเนื่องจึงทำให้บทมิวางวายของป๋ายเสี่ยวฉุนก้าวหน้าไปอย่างไม่หยุดยั้ง
อีกทั้งดูเหมือนว่าต่อให้การเผาผลาญของผมโลหิตเส้นนั้นจะผลักดันให้กระดูกคงกระพันของป๋ายเสี่ยวฉุนทะยานไปสู่จุดสูงสุด แต่ก็ยังเหลือพลังชีวิตอยู่อีกหลายส่วน ซึ่งพลังชีวิตส่วนนี้จะถูกกักเก็บไว้ในร่างกายของป๋ายเสี่ยวฉุนเพื่อรอใช้เป็นสารบำรุงในการฝึกขั้นเลือดคงกระพันของเขาในอนาคต!
ขณะเดียวกันเวลาครึ่งเดือนมานี้ ศึกที่เทียนจุนร่วมมือกับป๋ายเสี่ยวฉุนตัวปลอมมาเล่นงานจักรพรรดิหมิงก็เริ่มค่อยๆ แพร่ออกไปประหนึ่งพายุที่พัดกระหน่ำไปทั่วทั้งแดนทุรกันดาร ไม่ว่าผู้ฝึกวิญญาณ อาจารย์หลอมวิญญาณ หรือแม้แต่ชนเผ่าต่างๆ ก็ยังทยอยกันได้ยินเรื่องนี้
เพราะว่าเรื่องนี้ใหญ่มากๆ อย่างแท้จริง แทบทุกคนที่พอได้ยินเป็นครั้งแรกต่างก็หอบหายใจดังเฮือก ในใจเกิดคลื่นลูกยักษ์ถาโถม ตะลึงลานถึงขีดสุด
สำหรับราชวงศ์จักพรรดิขุยในแดนทุรกันดารแล้ว แม้ว่าจะไม่ใช่ทุกคนที่รู้จักตัวตนของเทียนจุน แต่ส่วนใหญ่ล้วนเคยได้ยินผ่านหูมาบ้าง พวกเขารู้ว่านั่นคือจักรพรรดิของเขตแม่น้ำทงเทียน ตัวตนสูงส่งเทียบเท่ากับจักพรรดิขุย และตบะของเขาก็เกินครึ่งเทพไปอีก
แล้วก็เพราะการดำรงอยู่ของคนผู้นี้ ถึงทำให้เมื่อหลายปีก่อน ราชวงศ์ของจักพรรดิขุยต้องย้ายมาอยู่ที่แดนทุรกันดาร ต้องมาลงหลักปักฐานใช้ชีวิตกันอยู่ที่นี่ ขณะเดียวกันตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ ทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่เคยหยุดพักรบกันมาก่อน
การเข่นฆ่าสังหารที่เปิดฉากอยู่โดยรอบกำแพงเมืองทั้งสี่ทิศได้ทำให้เลือดหลั่งนองแผ่นดินมานานแล้ว และการรบราฆ่าฟันในแต่ละครั้งก็ทำให้ความแค้นระหว่างสองฝ่ายตกตะกอนทับถมจนถึงขีดสุด ต่อให้ไม่ถึงขั้นไม่ตายไม่ยอมเลิกรา แต่ก็ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่นัก
สำหรับประชาชนของราชวงศ์จักรพรรดิขุยแล้ว ไม่มีเวลาใดที่พวกเขาไม่อยากยกทัพบุกไปเข่นฆ่าคนในเขตแม่น้ำทงเทียนแล้วกอบกู้ความรุ่งโรจน์คืนกลับมาให้กับราชวงศ์จักรพรรดิขุยอีกครั้ง ทว่าวันนี้…จักรพรรดิแห่งเขตแม่น้ำทงเทียนกลับร่วมมือเป็นพันธมิตรกับวิญญาณร้ายมาเปิดศึกกับจักรพรรดิหมิง นี่มีหรือจะไม่สร้างความตะลึงให้กับคนทั้งโลก!
ยิ่งผลลัพธ์ของศึกไร้เทียมทานครั้งนี้คือผีผู้หญิงที่ปลอมตัวเป็นป๋ายเสี่ยวฉุนหนีไปพร้อมอาการบาดเจ็บหนัก เทียนจุนเองก็แล่นกลับไปเกาะทงเทียนด้วยอาการสาหัสไม่ต่างกัน นี่จึงทำให้คนของแดนทุรกันดารฮึกเหิมอย่างถึงที่สุด เวลาสั้นๆ เพียงแค่ครึ่งเดือนนี้ ความกล้าหาญของพวกเขาก็ทะยานขึ้นสูงจนถึงระดับที่น่าตกใจ!
และเมื่อข่าวที่ว่ากำแพงเมืองทั้งสี่ทิศพังถล่มถูกแพร่ออกไปก็ราวกับว่าเสียงสัญญาณบุกโจมตีได้ดังกระหึ่มไปทั้งแดนทุรกันดาร คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่พอได้ยินข่าวนี้ต่างก็เกิดความกระเหี้ยนกระหือรือ มีคนมากมายเสนอให้ยกทัพบุกเข้าไปโจมตีเขตทงเทียนให้รู้ดำรู้แดงกันไปในคราวเดียว
ทว่าพวกต้าเทียนซือกลับไม่ขาดสติ พวกเขาได้เห็นศึกไร้เทียมทานมากับตาตัวเอง รู้ว่าค่าตอบแทนของศึกครั้งนั้นมากมหาศาลเกินไป ขณะเดียวกันก็รู้ด้วยว่าก่อนจะจากไป เทียนจุนได้ร่ายตราผนึกป้องกันพื้นที่ที่เขตกำแพงเมืองพังถล่มด้วยตัวเอง
การป้องกันนี้…พวกเขามิอาจทำลายได้!
แต่เรื่องนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อการที่ต้าเทียนซือจะอาศัยโอกาสครั้งนี้ระดมกองกำลังทั้งหมดในแดนทุรกันดารมาเริ่มเตรียมตั้งทัพรับมือกับศึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนแม้แต่น้อย!
นี่แทบจะเป็นการระดมกำลังของประชาชนทั้งแดนทุรกันดาร ขณะเดียวกันเรื่องนี้ก็ได้สร้างโอกาสอันดีต่อต้าเทียนซืออีกครั้ง เขาฉวยโอกาสผลักดันโองการประทานคุณแด่ประชาไปได้อย่างสมบูรณ์แบบโดยไร้อุปสรรคขัดขวางใดๆ ทั้งยังได้รับการตอบรับที่ดีมากจนมิอาจบรรยายได้ สี่ราชาสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่เองก็เลือกให้การสนับสนุนอย่างที่หาได้ยากยิ่ง เพราะนี่จะเป็นศึกใหญ่ที่สร้างความสะท้านสะเทือนอย่างลึกล้ำให้แก่พวกราชาผียักษ์
ภายใต้การสนับสนุนจากสี่ราชาสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่ แดนทุรกันดารจึงครึกโครมกันไปทั้งเมืองพร้อมๆ กับที่ปณิธานในการสู้รบของผู้คนยิ่งดุเดือดรุนแรงมากขึ้นทุกขณะ
และเวลานี้เอง ข่าวที่สามที่ไม่รู้ว่าแพร่มาจากที่ไหนซึ่งถึงแม้ว่าระดับความน่าตื่นตกใจจะไม่เท่าสองเรื่องแรก ทว่าไม่ว่าจะเป็นนครจักรพรรดิขุย นครของสี่ราชาผู้ยิ่งใหญ่ หรือแม้แต่ตระกูลและชนเผ่าต่างๆ ก็ล้วนทยอยกันได้ยินข่าวลือเรื่องนี้
ในข่าวนี้บอกอย่างชัดเจนว่าป๋ายเสี่ยวฉุนตัวจริงมีตัวตนอีกอย่างหนึ่งอยู่ในแดนทุรกันดาร แม้จะไม่ได้พูดอย่างแน่ชัดว่าตัวตนนั้นคือใคร แต่ก็ยังมีการพูดบอกเป็นนัยให้รู้ว่าป๋ายเสี่ยวฉุนผู้นี้มีตำแหน่งที่สูงส่งอย่างยิ่งในแดนทุรกันดาร!
“หากผีผู้หญิงที่สู้กับจักรพรรดิหมิงคือป๋ายเสี่ยวฉุนตัวปลอม ถ้าอย่างนั้น…
ป๋ายเสี่ยวฉุนที่ซ่อนตัวอยู่ในแดนทุรกันดารของเรามานานหลายปีจะไปอยู่ที่ไหน?”
“นั่นสิ ป๋ายเสี่ยวฉุนผู้นั้นอยู่ในแดนทุรกันดารของเรามานานหลายปีแล้ว เขาไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหนกันแน่! แล้วตัวตนที่เขาใช้จะเป็นใคร!”
เมื่อข่าวแพร่ออกไปจนได้รับความสนใจจากคนไม่น้อย
ก็เริ่มมีคนคาดเดาว่าป๋ายเสี่ยวฉุน…ก็คือป๋ายฮ่าวที่เคยเป็นอดีตผู้ตรวจการและเป็นอาจารย์หลอมวิญญาณชั้นดิน!
การคาดเดานี้ปานประหนึ่งอสนีบาตที่ฟาดเปรี้ยงลงมาเขย่าคลอนทั้งแดนทุรกันดาร ทุกตระกูลของพระยาสวรรค์ เจ้าพระยาสวรรค์ และคนมากมายที่หลายปีมานี้ผูกปมแค้นกับป๋ายเสี่ยวฉุน เหล่าผู้สืบทอดของตระกูล เหล่าศิษย์แห่งความภาคภูมิใจที่พอได้ยินประโยคนี้ก็ให้รู้สึกเหลือเชื่อ ขณะเดียวกันก็บังเกิดความปิติยินดีอย่างบ้าคลั่ง พวกเขาถึงขั้นระดมกำลังของตัวเองให้ช่วยกันแพร่เรื่องนี้ออกไป ในสายตาของพวกเขา ไม่ว่าจะป๋ายฮ่าวหรือป๋ายเสี่ยวฉุน จะอย่างไรซะนี่ก็ถือเป็นโอกาสอันดีงามในการสังหารป๋ายฮ่าว ต่อให้เขามีตัวตนของอาจารย์หลอมวิญญาณชั้นดิน ตัวตนนั้นก็ยังมิอาจปกป้องให้ป๋ายฮ่าวอยู่รอดปลอดภัยได้อีกต่อไป!
“ฮ่าๆ ข้าว่าแล้วว่าเจ้าป๋ายเสี่ยวฉุนผู้นี้มีเจตนาชั่วช้า ปลอมตัวมาเป็นป๋ายฮ่าว จิตใจช่างต่ำช้ามากกลอุบาย!”
“ป๋ายฮ่าวก็ดี ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ช่าง ข้าไม่ขออยู่ร่วมโลกกับเจ้า ปีนั้นยากระสันซ่านของเจ้าสร้างความอัปยศให้ข้าตลอดชีวิต!!”
“ฆ่าป๋ายฮ่าวซะ!!” ยิ่งพวกลูกหลายสายตรงที่เป็นผู้สืบทอดก็ยิ่งรู้สึกเช่นนี้ แต่ละคนที่ห้าวเหิมล้วนทำท่าจะระดมกองกำลังของตัวเองไปตามหาป๋ายเสี่ยวฉุน
และยังมีพวกพระยาสวรรค์อย่างจ้าวสงหลิน หลิวหย่งที่ฮึกเหิมอย่างถึงที่สุด ยิ่งจ้าวสงหลินที่พอรู้เรื่องนี้ก็ถึงกับหัวเราะดังก้องไปทั้งจวนที่พัก
ขณะเดียวกัน พวกคนที่ตลอดหลายปีมานี้สนิทสนมกับป๋ายเสี่ยวฉุนก็พากันอ้าปากกว้างตาค้าง รู้สึกคาดไม่ถึง โดยเฉพาะพวกคนในนครผียักษ์ก็ยิ่งไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
ซวี่ซานบุตรสาวของราชาเทพจุติก็อึ้งค้าง งงงันไปอย่างสิ้นเชิง
ส่วนโจวอีซิงนั้นได้ไปหาที่ซ่อนตัวนานแล้ว ในใจเขาขมขื่นไม่น้อย และซ่งเชวียก็ถูกเขาพาตัวไปด้วยกัน ก่อนที่เขาจะปล่อยอีกฝ่ายทิ้งไว้เนื่องจากไม่มีเวลามาสนใจ ดังนั้นซ่งเชวียจึงได้ยินข่าวพวกนี้ที่เล่าลือกันอยู่ข้างนอก ตอนที่ได้ยินทุกคนคาดเดากันว่าป๋ายเสี่ยวฉุนก็คือป๋ายฮ่าว ซ่งเชวียก็รู้สึกเหมือนมีสายฟ้าผ่าลงมาบนหัวติดๆ กัน เขายืนเซ่อบื้อใบ้คล้ายคนสติหลุดออกจากร่าง พูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว!
แต่แปบเดียวก็มีคนสังเกตเห็นว่าหลังจากที่เรื่องของป๋ายเสี่ยวฉุนแพร่ออกมา
ต้าเทียนซือก็ดี สี่ราชาสวรรค์ก็ช่าง แม้แต่เจ้าพระยาสวรรค์สิบท่านก็ล้วนพากันปิดปากสนิทไม่พูดคุยถึงเรื่องนี้
และไม่นานพวกพระยาสวรรค์ที่กำลังตื่นเต้นดีใจก็เหมือนจะได้รับข่าวอะไรบางอย่าง พวกเขาหอบหายใจดังเฮือกแล้วพากันหุบปากฉับ ทั้งยังถึงขั้นสั่งห้ามไม่ให้คนในตระกูลพูดถึงเรื่องนี้ ยิ่งจ้าวซานหลิงก็ยิ่งเหมือนหวาดกลัวอะไรบางอย่าง เขาถึงได้เลือกปิดด่านทันทีอย่างไม่ลังเล
ขณะที่การคาดเดาเกี่ยวกับป๋ายเสี่ยวฉุนได้ปรากฏเป็นเหตุการณ์สองขั้วที่แตกต่างกันสุดขั้ว ข่าวเรื่องที่สี่ซึ่งเกี่ยวกับผู้สืบทอดของจักรพรรดิหมิงก็ได้กลายมาเป็นพายุบ้าคลั่งที่พัดกวาดข่าวเรื่องที่สามให้จางหายไปจากแดนทุรกันดาร!
เรื่องนี้เรียกได้ว่าสร้างความสะท้านสะเทือนไปยันจิตวิญญาณของคนทั้งแดนทุรกันดารอย่างแท้จริง!
“จักรพรรดิหมิงเลือกป๋ายฮ่าว…ให้เป็นผู้สืบทอดของเขา!!”
“ป๋ายฮ่าวไม่ใช่ป๋ายเสี่ยวฉุน แต่เป็นจักรพรรดิหมิงคนต่อไป!!”
ข่าวนี้เหมือนฝ่ามือที่มองไม่เห็นซึ่งตบฉาดลงบนใบหน้าของทุกคนที่ก่อนหน้านี้โหวกเหวกว่าจะสังหารป๋ายฮ่าว ตบแรงจนหัวของพวกเขาหมุนติ้วมึนงง ในสมองมีแต่เสียงหวึ่งๆ อื้ออึง ทุกคนพากันเงียบกริบ ไม่มีใครหาญกล้าพูดว่าจะไปฆ่าป๋ายฮ่าวอีกต่อไป
“สวรรค์ เขาคือจักรพรรดิหมิงรุ่นต่อไป นี่…ต่อไปในแดนทุรกันดารใครจะกล้าเสนอหาไปหาเรื่องเขากัน!!”
“สมควรตายนัก ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้ ตระกูลป๋ายในนครผียักษ์คิดจะฆ่าเขา ทว่าช่วงเวลาคับขันกลับได้ราชาผียักษ์ออกหน้าคุ้มครอง! ศิษย์แห่งความภาคภูมิใจในนครจักรพรรดิขุยอยากจะฆ่าเขา ช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน ต้าเทียนซือก็ดันออกหน้าปกป้องเขาอีก!”
“ยังมีอีกเรื่อง ตอนนั้นเขาทำผิดมหันต์โดยการสังหารพระยาสวรรค์ ขุนนางบุ๋นบู๊ทั้งราชสำนักต่างก็พากันโจมตีเขา ทว่าตัวตนอาจารย์หลอมวิญญาณชั้นดินกลับคุ้มกะลาหัวเขาเอาไว้ มาวันนี้…ตัวตนของเขาถูกคนสงสัย ทุกคนคิดอยากฆ่าเขา แต่แม่งเอ๊ย เขาดันกลายมาเป็นจักรพรรดิหมิงรุ่นต่อไปเสียอีก!!” นี่คือความคิดอันขมขื่นที่ปรากฏขึ้นในสมองของทุกคนที่มีความแค้นกับป๋ายเสี่ยวฉุนหลังจากได้รับข่าวนี้
ไม่ว่าจะเป็นโจวหง เสี่ยวหลางเสินหรือว่าจ้าวสงหลิน หรือจะเป็นคนอื่น ทุกคนอึ้งงันไปตามๆ กัน ขณะเดียวกันในใจก็บังเกิดความหวั่นเกรง ร้องโอดครวญกันอยู่ในใจ ความสับสนของพวกเขามากจนไร้คำบรรยาย
พวกเขาจำเป็นต้องคิดวางแผนรับมือ ด้วยนิสัยของอีกฝ่ายที่ทำให้คนปวดหัว ตอนนี้ยิ่งมามีตัวตนแบบนี้ เกรงว่าเขาคงต้องสร้างเรื่องก่อราวขึ้นมาอีกแน่นอน…
ป๋ายเสี่ยวฉุนสร้างปาฏิหาริย์อย่างหนึ่งขึ้นมาในแดนทุรกันดารได้สำเร็จ…อีกทั้งในสายตาของคนมากมาย ตลอดทางที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเดินมานี้เต็มไปด้วยความน่าเหลือเชื่อ…อีกฝ่ายแทบไม่ต่างจากเทพในร่างคน!!
และข่าวนี้ก็ทำให้โจวอีซิงดีใจอย่างบ้าคลั่ง ซ่งเชวียก็ยิ่งผ่อนลมหายใจ เมื่อรู้ว่าทุกคนเข้าใจผิดกันไปหมด ในใจเขาก็ให้ตื่นเต้น เขารู้สึกว่าตัวเองติดตามป๋ายฮ่าวนับเป็นการเลือกที่ถูกต้องแล้ว เพราะตอนนี้อีกฝ่ายได้กลายมาเป็นถึงจักรพรรดิหมิงรุ่นต่อไป
“หึ เจ้าป๋ายเสี่ยวฉุนผู้นั้นจะกลายมาเป็นป๋ายฮ่าวได้อย่างไร แม้แต่คนถือรองเท้าเขาก็ยังไม่คู่ควร!” ซ่งเชวียพูดในใจตัวเองด้วยความลำพองใจ