บทที่ 853 อย่าบีบมันเด็ดขาดเลยนะ
ไม่ว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะอธิบายอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ สตรีธุลีแดงไม่คิดจะเชื่อน้ำคำของเขาแม้แต่น้อย ขณะที่นางลงมือและป๋ายเสี่ยวฉุนก็พยายามหลบเลี่ยงอยู่นั้น คนทั้งสองที่ยิ่งสู้ก็ยิ่งขยับไปไกลจนเกือบจะไปถึงเทือกเขาแห่งนั้น
ซ่งเชวียยืนมองอยู่ไกลๆ ด้วยความอกสั่นขวัญผวา ขณะเดียวกันก็ฮึกเหิมอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เขาแอบดีใจอยู่กับตัวเอง รู้สึกว่าได้เห็นภาพนี้ของป๋ายเสี่ยวฉุนเหมือนเป็นช่วยการระบายความอึดอัดคับแค้นใจของเขาได้ทางหนึ่ง
แม้ใจเขาอยากจะขยับเข้าไปดูเรื่องสนุกใกล้ๆ แต่ตอนนี้สตรีธุลีแดงที่กำลังคลุ้มคลั่งได้แผ่เจตจำนงแห่งคนฟ้าให้ตลบอบอวลไปทั่วทิศ ซ่งเชวียรู้ตบะของตัวเองดี หากเข้าไปใกล้ย่อมเสี่ยงอันตราย ลังเลใจอยู่พักใหญ่ก็ได้แต่ยืนรออยู่ที่เดิมด้วยความเสียดาย ทำได้เพียงมองเงาร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนและสตรีธุลีแดงที่ค่อยๆ ลับหายไปอีกฝั่งหนึ่งของเทือกเขา
อีกฝั่งหนึ่งของเทือกเขาคือผืนป่ารกครึ้ม เสียงตูมตามดังกึกก้องสะท้านฟ้า
ป๋ายเสี่ยวฉุนถอยกรูดอย่างหมดท่า พยายามเบี่ยงซ้ายหลบขวาหนีให้พ้นแสงสีแดงที่ลอดทะลวงเข้ามาใกล้ต่อเนื่อง
ไม่ว่าจะเป็นเส้นแสงสีแดงเส้นไหนก็ล้วนสร้างแผลฉกรรจ์น่าตกใจให้กับก่อกำเนิดขั้นสมบูรณ์แบบทั่วไปได้ทั้งสิ้น แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนนั้นมีพลังเรือนกายที่กร้าวแกร่ง แม้ว่าจะถูกแสงสีแดงหลายเส้นโจมตีเข้ามา ทว่ากลับไม่ได้เป็นอะไรมากนัก เพียงแต่อาภรณ์ของเขาขาดวิ่นไปไม่น้อย สภาพจึงดูกระเซอะกระเซิงอย่างยิ่ง
“จื่อโม่ เจ้าอย่าทำแบบนี้สิ…” ขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงร้อนใจ สตรีธุลีแดงเห็นว่าทำอะไรป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ได้จึงแค่นเสียงเย็น ก่อนกัดฟันกรอด พ่นเลือดอาคมออกมา ทันใดนั้นทวนโลหิตที่รายล้อมอยู่รอบด้านก็พลันเพิ่มจำนวนขึ้นอีกหลายเท่าตัว แล้วพร้อมใจกันห้อตะบึงเข้าทิ่มแทงป๋ายเสี่ยวฉุน
ทวนโลหิตนั้นมีมากเกินไป พวกมันตัดสลับฉวัดเฉวียนกลายมาเป็นตาข่ายโลหิตที่ต่อให้ป๋ายเสี่ยวฉุนจะมีความเร็วน่าครั่นคร้ามแค่ไหนก็ยังมีสภาพจนตรอก หนีหัวซุกหัวซุน ไม่นานเมื่อวิกฤตอันตรายนี้ข่มทับความรู้สึกผิด
ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็เริ่มเดือดดาลขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน
แต่ทันใดนั้น เมื่อสตรีธุลีแดงยกมือทั้งคู่ทำมุทรา ทวนโลหิตจำนวนมากที่อยู่รอบกายของป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันระเบิดตูมๆๆ แล้วตรงดิ่งเข้าใส่ป๋ายเสี่ยวฉุน
ป๋ายเสี่ยวฉุนโมโหขึ้นมาบ้างแล้ว เขาพลันยกมือขวาขึ้นแล้วเหวี่ยงหมัดไปด้านหน้า พายุกระหน่ำก่อตัวขึ้นปะทะกับทวนโลหิตพวกนั้น เสียงกัมปนาทกึกก้องไปทั้งแผ่นฟ้า ทวนโลหิตพังทลายไปเกินครึ่ง แต่ก็ยังมีส่วนหนึ่งที่ลอดทะลวงเข้ามาแทงลงบนร่างของป๋ายเสี่ยวฉุน
ป๋ายเสี่ยวฉุนสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง เซถอยไปหลายก้าว อาการบาดเจ็บไม่รุนแรงนัก แต่หน้าเขากลับเปลี่ยนสี เพราะถึงแม้เรือนกายของเขาจะแข็งแกร่งมากแค่ไหน แต่อาภรณ์ของเขากลับไม่ได้ทนทานตามไปด้วย พอทวนแทงเข้ามา อาภรณ์ของเขาจึงเสียหายอย่างหนัก เป็นเหตุให้ถุงเก็บของของเขาถูก…ทวนโลหิตหลายเล่มแทงทะลุไปด้วย!
เสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหว ถุงเก็บของของเขาระเบิดออก สิ่งของจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่ในถุงร่วงกราวปลิวว่อนลงมาจากท้องฟ้า
ข้างในนั้นมีไฟหลายสี มีสถูปวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วน มีกล่องเก็บยาวิญญาณ และยังมีขวดยาหลากหลายชนิด เตาหลอมยา เม็ดยา ป้ายคำสั่ง รวมไปถึงอาวุธวิเศษจำนวนมาก ปริมาณของทุกอย่างนี้รวมกันจึงมีนับหมื่นชิ้น
“โจวจื่อโม่ เจ้าทำเกินไปแล้วนะ!” ป๋ายเสี่ยวฉุนเกรี้ยวกราดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาสะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งที รีบเก็บเอาของที่กระจายออกไปกลับมา คราวนี้เขาโกรธมากจริงๆ
สตรีธุลีแดงเองก็หายใจค้าง รู้ว่าตัวเองบันดาลโทสะรุนแรงเกินไปหน่อย แต่นางเป็นคนหน้าบาง พอได้ยินป๋ายเสี่ยวฉุนตวาดใส่หน้าตัวเองอย่างนี้ ทั้งยังไพล่นึกไปถึงความขมขื่นในช่วงที่ผ่านมาของตัวเอง นางก็กัดฟันไม่ยอมแพ้
“ของห่วยๆ พวกนี้ สำคัญกับเจ้ามากนักรึ?” นางแค่นเสียงเย็นพลางสะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งครั้ง ทำให้วัตถุที่กระจายกลาดเกลื่อนยิ่งปลิวกระเด็นไปไกลจนป๋ายเสี่ยวฉุนไม่สามารถเก็บทุกอย่างกลับมาได้หมด ทั้งยาบางส่วนที่เปราะบางยังระเบิดออกโดยตรงด้วย
“เจ้าๆๆ …ยาของข้า!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ไฟโทสะในใจลุกไหม้ น้ำเสียงก็ยิ่งดังราวเสียงคำราม
และสตรีธุลีแดงที่พอเห็นป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นเช่นนี้นางก็ยิ่งตะแบงหนักเข้าไปอีก ทั้งยังคว้ามั่วๆ จนได้ยาสีแดงเม็ดหนึ่งที่หล่นลงมาตรงหน้าพอดีมาอยู่ในมือ จากนั้นนางก็กวาดตามองหนึ่งครั้ง เพราะไม่มีความรู้เรื่องยา จึงมองไม่ออกว่านี่คือยาอะไร
ทว่าชั่วขณะที่สตรีธุลีแดงคว้ายาเม็ดนี้เอาไว้ได้ ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับเห็นชัดเจนคาตา เขาพลันเบิกตากว้าง อ้าปากหอบหายใจดังเฮือก ในสมองมีเสียงอึงอลดังสะท้านฟ้า ตอนนี้ไม่มีเวลาให้มามัวเสียดายพวกยาที่ถูกทำลายไป จำต้องรีบพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ทั้งสั่นสะท้านทั้งหลงโทน
“จื่อโม่ เจ้าต้องระวังให้มากๆ เลยนะ ยาเม็ดนั้นเจ้าห้ามบีบแตกเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นล่ะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นจริงๆ แน่!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนใกล้จะร้องไห้อยู่เต็มแก่ ยาที่ถูกสตรีธุลีแดงคว้าไว้ในมือ ก็คือ…ยากระสันซ่าน!!
ยากระสันซ่านนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนเคยเอามาใช้ในแดนทุรกันดารอยู่หลายครั้ง ตอนนี้จึงเหลืออยู่อีกไม่มากแล้ว ซึ่งที่ถูกสตรีธุลีแดงคว้าไว้ในมือก็คือเม็ดหนึ่งในนั้น
และยานี่ก็เปราะบางมาก…หากถูกบีบให้ระเบิดออกเมื่อไหร่ มันจะกลายมาเป็นควันสีแดง และป๋ายเสี่ยวฉุนก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าทุกสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในควันแดงนั้นจะกลายมามีสภาพเช่นไร แล้วยิ่งนึกไปถึงประสบการณ์ในคุกมารของตัวเองที่แทบจะไม่มีใครต้านทานฤทธิ์ร้ายกาจของมันได้ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็สั่นสะท้านออกมาจากขั้วหัวใจ
ได้ยินคำพูดของป๋ายเสี่ยวฉุน ทั้งยังเห็นสีหน้าร้อนรนของอีกฝ่าย สตรีธุลีแดงก็อึ้งไปครู่ ก่อนก้มหน้ากวาดตามองยาในมือที่เหมือนจะไม่สะดุดตาเม็ดนี้
และขณะที่สตรีธุลีแดงก้มหน้าลงมองนั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนที่ร้อนใจเลยรีบคว้าโอกาสเปิดดวงตาที่สามตรงกลางหว่างคิ้ว ร่ายใช้เนตรทงเทียน คิดจะใช้พลังของเนตรอาคมไปควบคุมร่างของสตรีธุลีแดง
วินาทีที่ร่างของสตรีธุลีแดงสั่นเยือก ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ใช้ความเร็วที่มากที่สุดพร้อมโคจรตบะเต็มกำลังทุกด้าน บวกกับระเบิดพลังกล้ามเนื้อทำให้ชั่วพริบตาเดียวเขาก็มาโผล่อยู่ตรงหน้าสตรีธุลีแดง ครั้นจึงยกมือขวาขึ้นคว้าหมับไปที่ยากระสันซ่านเม็ดนั้น
ขณะที่วิชาอภินิหารหลายอย่างถูกร่ายใช้ออกมาพร้อมกัน เสียงอึกทึกจึงดังกึกก้อง มือขวาของป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังจะคว้ายาเม็ดนั้นเอาไว้ได้แล้ว ทว่าเวลานี้เอง ดวงตาของสตรีธุลีแดงกลับเปล่งประกายวาบ ทั้งยังสามารถหลุดพ้นพันธนาการจากเนตรทงเทียนของป๋ายเสี่ยวฉุนได้ก่อนกำหนด!
เมื่อเห็นว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะแย่งยาไปจากมือ สตรีธุลีแดงก็พลันหุบมือเข้าหากัน วินาทีนั้นมือขวาของนางจึงปะทะเข้ากับมือขวาของป๋ายเสี่ยวฉุน
“ไม่!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนคิดจะดึงมือกลับมาแต่ก็ไม่ทันกาลเสียแล้ว เขาร้องโหยหวนด้วยความสลดใจ ก่อนที่เสียงตูมจะดังสนั่น คนทั้งสองปะทะกันเกิดเป็นแรงโจมตีน่าครั่นคร้าม ป๋ายเสี่ยวฉุนเบิกตากว้าง ในสมองมีแต่เสียงหวึ่งๆๆ ดังลั่น ได้แต่มองยากระสันซ่านเม็ดนั้นถูกพลังโจมตีกระแทกแล้วระเบิดปุ้งคาตาของตัวเอง…
“จบกันๆ …” ป๋ายเสี่ยวฉุนคร่ำครวญพลางถอยกรูดออกห่าง แต่ต่อให้เขาจะถอยได้เร็วแค่ไหน ตอนนี้ใบหน้าของเขาก็เริ่มมีสีแดงผุดขึ้นมาจางๆ แล้ว อีกทั้งฝีเท้าของเขายังเชื่องช้าลง ได้แต่มองควันสีแดงที่คุ้นเคยซึ่งแผ่ขยายลามไปทั่วด้านอย่างรวดเร็วจนกระทั่งปกคลุมไปรอบร่างตนเองและสตรีธุลีแดง
ป๋ายเสี่ยวฉุนร่ำร้องด้วยความเศร้าโศก แต่ไม่ว่าเขาจะกรีดเสียงร้องแหลมดังแค่ไหนก็ยังมิอาจต้านทานได้ ไม่นานลมหายใจของเขาจึงเริ่มหอบรัว…สตรีธุลีแดงหน้าเปลี่ยนสี นางไม่รู้ว่านี่คือยาอะไร จึงไม่คิดจะสูดกลิ่นมันเข้าไป แต่หมอกควันนี้พิลึกพิลั่นยิ่งนัก เพียงแค่สัมผัสกับผิวกายก็สามารถแทรกซอนเข้ามาในร่าง อีกทั้งมือขวาของนางยังเป็นจุดศูนย์กลางที่ยาระเบิดออก เพียงแค่เสี้ยววินาที ใบหน้าของสตรีธุลีแดงก็เปลี่ยนมาเป็นแดงปลั่ง
ลมหายใจของนางถี่กระชั้น เบิกตากว้าง ดวงตาเผยความหวาดกลัวลนลาน ขณะเดียวกันก็พลันนึกถึงภาพเหตารณ์ตอนที่ป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่กำแพงเมืองขึ้นมาได้
“นี่คือยาอะไร!!” สตรีธุลีแดงหวีดร้องเสียงแหลม ถอยกรูดไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว ทว่าชั่วขณะที่ก้าวถอยนั้น จู่ๆ ร่างของนางก็สั่นเทิ้ม เพราะเมื่อครู่นี้นางอยู่ใกล้กับจุดที่ยาระเบิดมากเกินไป ควันเกือบครึ่งจึงแล่นตามมือขวาเข้ามาผสานรวมในร่างของนาง
ขณะที่ฝีเท้าโซเซถอยไปข้างหลัง ควันสีแดงนี้ก็กลิ้งซัดหลุนๆ รุกไล่เข้ามาใกล้อย่างต่อเนื่อง พริบตาเดียวก็ตามมาทันแล้วปกคลุมร่างกายของนางไว้อีกครั้ง บัดนี้ในสมองของสตรีธุลีแดงมีเสียงตูมดังลั่น ไฟเร่าร้อนในกายระเบิดออกมาหมดอย่างมิอาจควบคุมไว้ได้อีกต่อไป…
ในกลุ่มควัน ป๋ายเสี่ยวฉุนหอบหายใจหนักๆ แต่กลับยังฝืนข่มกลั้นแรงอารมณ์เอาไว้อย่างสุดความสามารถ เดิมทีในถุงเก็บของของเขามียาบางส่วนที่อาจจะไม่สามารถต้านทานฤทธิ์ของยากระสันซ่านได้ทั้งหมด แต่ก็พอจะทำให้รักษาสติเอาไว้ได้ เพียงแต่ว่าตอนนี้ถุงเก็บของของเขาระเบิดไปแล้ว
ในเวลาสั้นๆ เขาจึงยังหายาที่ว่านั่นไม่เจอ ด้วยความร้อนใจ เขารู้ว่ากำลังจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว…ดังนั้นจึงรีบบินออกไป หมายจะหนีไปให้พ้นขอบเขตที่ควันนี้ปกคลุมเพื่อตามหายาที่ทำให้อาการดีขึ้น
เพียงแต่ว่าฤทธิ์ของยากระสันซ่านนี้รุนแรงเกินไปจนป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็เริ่มมึนหัวตาลาย ไฟร้อนในร่างระเบิดปะทุอย่างต่อเนื่อง เขาทำได้เพียงอาศัยปณิธานที่แข็งแกร่งของตัวเองมาต้านทานเอาไว้ ทว่าขณะที่ร่างของเขาโผล่พ้นออกจากกลุ่มควันมาได้ครึ่งหนึ่ง ทั้งยังถึงขั้นมองเห็นแล้วว่าในพุ่มไม้ห่างออกไปไกลมียาที่ช่วยทำให้อาการดีขึ้นหล่นอยู่หนึ่งเม็ด แต่ทันใดนั้นเอง…ในกลุ่มควันที่ยังปกคลุมร่างของเขาเอาไว้อีกครึ่งหนึ่งกลับมีมือเล็กๆ ที่เดิมทีควรขาวนวลดั่งหยกพิสุทธิ์ แต่ตอนนี้เมื่อเจอกับไฟร้อนเร่าในกายจึงกลายมาเป็นสีแดงปลั่งซึ่งเอื้อมมาคว้าอาภรณ์ของป๋ายเสี่ยวฉุนเอาไว้ ท่ามกลางเสียงร้องโหยหวนของป๋ายเสี่ยวฉุน ร่างของเขาก็พลัน…ถูกกระชากกลับเข้าไปในกลุ่มหมอกอีกครั้ง
“ไม่!”
“อ๊า! เจ้าอย่าฉีกเสื้อผ้าของข้าสิ…นี่…นี่มันครั้งแรกของข้านะ!!”
“เจ้านุ่มนวลหน่อย อ๊า…เจ็บจังเลย…” ในกลุ่มหมอกมีเสียงร้องอเนจอนาถชวนสังเวชของป๋ายเสี่ยวฉุนดังก้องไม่ขาดหาย เสียงนั้นมากพอจะทำให้คนได้ยินขนลุกชันด้วยความสยดสยอง มิอาจจินตนาการได้เลยว่าเวลานี้ป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังเผชิญกับพายุคลั่งฝนฟ้าคะนองอะไรอยู่…