บทที่ 888 คิดหนี?
สายรุ้งยาวที่จำแลงมาจากใบหน้ายักษ์ของป๋ายเสี่ยวฉุนบนท้องฟ้าพุ่งสวบไปอย่างรวดเร็วจนมิอาจหาคำใดมาบรรยาย สำหรับนักพรตสยบธารทุกคนที่มองอยู่ ความเร็วของรุ้งยาวนี้เหมือนจะเหนือกว่าทุกสรรพสิ่งบนโลกใบนี้!
แม้แต่พวกเฉินเห้อเทียนสามคนก็ยังใจสั่นสะท้านอย่างบ้าคลั่ง เพราะต่อให้เป็นพวกเขาก็ยังมิอาจมองเห็นได้อย่างชัดเจน!!
ที่เห็นมีเพียงภาพที่รุ้งยาวพุ่งดิ่งลงมาจากท้องฟ้าแล้วทะลวงผ่านร่างวิญญาณต้นกำเนิดของบุรพาจารย์สำนักธารมรรคาไป…เมื่อรุ้งยาวทะลวงผ่านมา วิญญาณต้นกำเนิดของบุรพาจารย์สำนักธารมรรคาก็สั่นเทิ้ม เขาเบิกตากว้าง สายตานั้นมีความเหลือเชื่อ และยิ่งมากด้วยความคาดไม่ถึง หมายจะก้มหน้าลงมองวิญญาณต้นกำเนิดของตัวเอง
ทว่าวินาทีที่เขาก้มศีรษะลงนั้น เสียงตูมดังเขย่าผืนนภาก็ระเบิดออกมาจากในวิญญาณต้นกำเนิดของเขาโดยตรง ภายใต้การระเบิดนี้ วิญญาณต้นกำเนิดของบุรพาจารย์สำนักธารมรรคาก็แตกสลายออกเป็นเสี่ยงๆ เหมือนทองเหมือนกระดูกที่ถูกเผาทำลาย!!
ปลิดชีวิตในเสี้ยววินาที!!
ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้ทั้งสมรภูมิรบตกอยู่ในความเงียบงัน สำนักสยบธารก็ดี พวกเฉินเห้อเทียนก็ช่าง หลังจากที่บุรพาจารย์สำนักธารมรรคาตายไป เมื่อคลื่นยักษ์โถมกระหน่ำอยู่ในจิตใจ นาทีนี้สายตาทุกคู่ล้วนหันไปมองยัง…เงาร่างที่จำแลงออกมาจากรุ้งเส้นยาวซึ่งพุ่งผ่านไปด้านหลังร่างของบุรพาจารย์สำนักธารมรรคา…อย่างพร้อมเพรียงกัน!
เงาร่างที่มีผมยาวสีนิล สวมอาภรณ์เรียบง่ายทั่วไป ผิวขาวเนียนละเอียด มองดูแล้วร่างไม่สูงใหญ่มากนัก แต่ดวงตากลับคมกริบบาดลึก ตลอดทั้งร่างราวกับกระบี่แหลมคมที่ถูกชักออกจากฝัก เงาร่างของ…ป๋ายเสี่ยวฉุน!
“เป็นไปไม่ได้!!” เฉินเห้อเทียนร้องอุทานเสียงหลง เขาหอบหายใจพลางกลืนน้ำลายจนลูกกระเดือกวิ่งขึ้นวิ่งลง
“นี่…ต่อให้เป็นวิญญาณต้นกำเนิดของบุรพาจารย์สำนักธารมรรคา แต่ความเร็วเมื่อครู่นี้ การโจมตีเมื่อครู่นี้…จะเป็นไปได้อย่างไร!!”
“ก่อนหน้านี้เขาไม่ใช่คนฟ้า ตอนนี้ต่างหากถึงจะเป็นคนฟ้า!!”
ป๋ายเจิ้นเทียน หลี่เสี่ยนเต้าสองคนรู้สึกเหมือนมีสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนผ่าเปรี้ยงลงมาในหัวใจติดต่อกัน สีหน้าของพวกเขาซีดเผือดเปลี่ยนแปลงไม่หยุดนิ่ง นั่นเป็นเพราะป๋ายเสี่ยวฉุนในเวลานี้สร้างภัยคุกคามให้กับพวกเขารุนแรงเกินไป!
ยิ่งคิดได้ว่าหากก่อนหน้านี้ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ใช่คนฟ้าจริงๆ ทว่า…อีกฝ่ายแค่อาศัยพลังของครึ่งก้าวคนฟ้าก็สามารถทำให้บุรพาจารย์คนฟ้าของสามสำนักใหญ่ในแม่น้ำตอนกลางบาดเจ็บสาหัส ทั้งยังมีคนหนึ่งที่ถูกสังหารไปแล้ว อีกคนหนึ่งพิการเหลือเพียงแค่วิญญาณต้นกำเนิด ส่วนอีกคนก็หวาดผวาในความแกร่งกร้าวของเขาจนต้องเผ่นหนีไป
ความหมายของเรื่องราวในครั้งทำให้พวกเฉินเห้อเทียนสามคนใจสั่นรัวด้วยความหวาดหวั่น พวกเขารู้สึกเหลือเชื่อ ขณะเดียวกันก็ควบคุมความตะลึงพรึงเพริดที่ไต่ทะยานขึ้นสูงเอาไว้ไม่ได้!
บุรพาจารย์สำนักธารดาราที่อยู่ข้างกันซึ่งต่อให้ตอนนี้จะกำลังเผ่นหนี แต่ร่างของเขากลับยังสั่นยิ่งกว่าตะแกรงร่อน ความสะท้านสะเทือนของเขาเหนือกว่าพวกเฉินเห้อเทียนมากนัก เพราะนี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เขาได้เห็นป๋ายเสี่ยวฉุนฆ่าคน อีกทั้งคนที่อีกฝ่ายฆ่ายังเป็นถึงคนฟ้า!
แถมครั้งนี้อีกฝ่ายยังลงมืออย่างคล่องแคล่วรวดเร็ว น่าตกใจยิ่งกว่าคราวก่อนเสียอีก ภาพการสังหารในเสี้ยววินาทีเมื่อครู่นี้ลอยผุดขึ้นมาในสมองของเขาไม่หยุด ทำให้ดวงตาของเขาฉายความหวาดกลัว ถอยกรูดออกห่างเร็วจี๋ เขากลัวแล้วจริงๆ แถมความกลัวครั้งนี้ยังมากกว่าก่อนหน้านั้นหลายต่อหลายเท่านัก เรียกได้ว่ากลัวจนขวัญหายกระเจิดกระเจิง หากเป็นไปได้ ชีวิตนี้เขาก็ไม่อยากมีเรื่องกับป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้อีกแล้ว
และขณะที่คนของสำนักสยบธารกำลังตะลึงลาน หัวใจของพวกเฉินเห้อเทียนสามคนมีคลื่นซัดสาดอึงอลอยู่นั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนที่ยืนอยู่กลางอากาศก็พลันยกมือขวาขึ้นคว้าไปยังจุดที่บุรพาจารย์สำนักธารมรรคาตายไป
การคว้าจับครั้งนี้ ทุกคนที่กำลังรู้สึกเหลือเชื่อและตื่นตะลึงได้เห็นกับตาตัวเองว่าเมื่อมือของป๋ายเสี่ยวฉุนคว้าไป จุดที่บุรพาจารย์สำนักธารมรรคาตายได้มีเงาวิญญาณกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่า วิญญาณดวงนี้มีลักษณะหน้าตาเหมือนบุรพาจารย์สำนักธารมรรคา ยามนี้สีหน้าของเขาเลื่อนลอยและทำท่าคล้ายจะถูกดูดซับหายเข้าไปในท้องฟ้า
ราวกับว่าบางจุดในนภากาศที่ทุกคนมองไม่เห็นมีน้ำวนอยู่ลูกหนึ่งซึ่งทำหน้าที่ดูดดึงดวงวิญญาณของผู้ที่ตายไปในโลกทงเทียนแล้วส่งไปเกิดใหม่ แต่ยังไม่ทันรอให้ดวงวิญญาณของบุรพาจารย์สำนักธารมรรคาได้ผสานรวมเข้ากับท้องฟ้า
เมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนเอื้อมมือคว้ามา ดวงวิญญาณนั้นก็พลันบินเข้าไปหาป๋ายเสี่ยวฉุนทันที!
คนอื่นมองไม่เห็น แต่เวลานี้ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับเห็นอย่างชัดเจนว่าบนท้องฟ้ามีน้ำวนไร้รูปลักษณ์อยู่จริง น้ำวนนี้เดิมทีจะดูดดึงวิญญาณคนฟ้าของบุรพาจารย์สำนักธารมรรคาไป แต่เมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนยื่นมือออกมา น้ำวนนั่นกลับหยุดชะงักและหายวับไป ราวกับว่าไม่ต้องการช่วงชิงวิญญาณคนฟ้ากับป๋ายเสี่ยวฉุน!
ทำให้วิญญาณคนฟ้าของบุรพาจารย์สำนักธารมรรคาถูกป๋ายเสี่ยวฉุนคว้าไปไว้…กลางฝ่ามือ และหลังจากที่เขาบีบแรงๆ หนึ่งครั้ง เสียงตูมดังสนั่น กลางฝ่ามือของเขาก็มีผลึกใสสีเหลืองก้อนหนึ่งปรากฏขึ้น!
ด้านในผนึก…วิญญาณคนฟ้าธาตุดิน!
จนกระทั่งบัดนี้นักพรตทุกคนของสำนักสยบธารถึงเพิ่งจะเริ่มฟื้นสติคืนมาจากความตะลึงลาน เปลี่ยนมาเป็นลิงโลดฮึกเหิม บุรพาจารย์ธาราเทพตื่นเต้นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ดวงตาของบุรพาจารย์ธาราโลหิตเองก็ฉายความปิติยินดีอย่างบ้าคลั่ง คนอื่นๆ ก็ไม่ต่างกัน
“บุรพาจารย์ป๋าย!!”
“บุรพาจารย์ป๋าย!!!” ไม่นานเสียงไชโยโห่ร้องด้วยความตื่นเต้นดีใจก็ดังระเบ็งเซ็งแซ่ขึ้นมาในสำนักสยบธาร เสียงนี้ยิ่งนานก็ยิ่งดังกระหึ่ม ดังสะเทือนฟ้าเขย่าดินจนแทบจะลุกลามไปทั่วทั้งแม่น้ำตอนกลางของสายตะวันออก
ในบรรดาเสียงเหล่านี้ เสียงร้องคำรามด้วยความปลื้มปิติของเถี่ยตั้นดังสนั่นยิ่งกว่าใคร ราวกับว่าความแกร่งกร้าวของป๋ายเสี่ยวฉุนได้ไปปลุกเร้าให้จิตใจมันฮึกเหิมยิ่งกว่าตัวป๋ายเสี่ยวฉุนเองเสียอีก
บุรพาจารย์ธาราเทพ บุรพาจารย์ธาราโลหิต และยังมีผู้อาวุโสของอีกสองสาย ซึ่งรวมไปถึงหลี่ชิงโหว เจิ้งหย่วนตงต่างก็ตื่นเต้นกันจนตัวสั่นระริก
“ในที่สุดสำนักสยบธารของเราก็มีคนฟ้าแล้ว!!” นี่คือความคิดที่ผุดพล่านขึ้นมาในใจของผู้แข็งแกร่งแห่งสำนักสยบธาร แม้ว่าก่อนหน้านี้พลังของป๋ายเสี่ยวฉุนจะสร้างความสยบขวัญได้ก็จริง แต่จะอย่างไรเสียเขาก็ยังไม่ใช่คนฟ้า เรื่องนี้คนส่วนใหญ่ในสำนักล้วนไม่รู้ ทว่าพวกบุรพาจารย์ธาราเทพกลับรู้กันดีอยู่แก่ใจ
ไม่ใช่คนฟ้า ต่อให้มีพลังการต่อสู้ของคนฟ้า ทว่าลึกๆ ในใจพวกเขาก็ยังวางใจกันไม่ลง แต่ตอนนี้…เมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนปรากฏตัว เมื่อฟ้าดินเกิดริ้วคลื่นแผ่ซัดสาด เมื่อปณิธานของเขาพุ่งเข้าไปกำราบปณิธานแห่งฟ้าอย่างเผด็จการ พวกบุรพาจารย์ธาราเทพก็เข้าใจกันทันทีว่า ป๋ายเสี่ยวฉุน…เป็นคนฟ้าแล้ว!!
คนของสำนักสยบธารดีใจเบิกบานกันอย่างหาที่สุดไม่ได้ ทว่าตอนที่เห็นภาพป๋ายเสี่ยวฉุนเก็บเอาวิญญาณคนฟ้ามาครอง ในสมองของเฉินเห้อเทียนสามคนและบุรพาจารย์สำนักธารดารากลับมีพายุบ้าระห่ำซัดตลบซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนสมองของพวกเขาว่างเปล่าขาวโพลน หัวใจก็เปี่ยมล้นไปด้วยความเหลือเชื่อและคาดไม่ถึง
“เป็นไปไม่ได้!!” เฉินเห้อเทียนพึมพำเสียงหลงอย่างเลื่อนลอย ป๋ายเจิ้นเทียน หลี่เสี่ยนเต้าเองก็หอบหายใจเฮือกๆ ไม่หยุด ตะลึงพรึงเพริดสุดขีด สีหน้าของคนทั้งสามเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วจนสุดท้ายหยุดอยู่ที่ความหวาดกลัวซึ่งเหนือกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่าจนเทียบกันไม่ติด!
นั่นเป็นเพราะการลงมือของป๋ายเสี่ยวฉุนครั้งนี้ทำให้พวกเขาตกตะลึงกันอย่างสมบูรณ์แบบ ต้องรู้ว่าผู้ที่ทำให้คนฟ้าตายไปแล้วมีคุณสมบัติที่จะเหนี่ยวรั้งไม่ให้วิญญาณคนฟ้ามิอาจเข้าสู่วัฏจักรสังสาร หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือมีคุณสมบัติที่จะช่วงชิงวิญญาณคนฟ้ากับวัฏจักรสังสารของโลกใบนี้ได้ มีเพียงแค่ครึ่งเทพเท่านั้น!
ต่อให้เป็นเฉินเห้อเทียนสามคนก็ยังมิอาจทำได้ ทว่าตอนนี้พวกเขาได้เห็นเองกับตาว่าป๋ายเสี่ยวฉุนถึงกับแย่งชิงวิญญาณคนฟ้ากับวัฏจักรสังสารของโลกใบนี้!
นี่จะไม่ให้พวกเขาตะลึงลาน ไม่ให้พวกเขาตกใจ ไม่ให้พวกเขาไม่หวาดกลัวได้อย่างไร!
บนร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนในเวลานี้แผ่พลังอำนาจขุมหนึ่งที่ราวกับสามารถกำราบให้ฟ้าดินยอมศิโรราบ ไม่ว่าสายตาของเขากวาดไปมองที่ใด พลังอำนาจนี้ขุมนี้ก็สำแดงพลานุภาพน่าครั่นคร้าม สยบขวัญจิตวิญญาณผู้คน
และในความเป็นจริง การช่วงชิงวิญญาณคนฟ้ากับวัฏจักรสังสารของฟ้าดินแห่งนี้อาจเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับคนอื่น ทว่าสำหรับป๋ายเสี่ยวฉุนแล้ว นี่เป็นเรื่องที่เขาไม่ต้องเปลืองแรงใดๆ นั่นเป็นเพราะ…วัฏจักรสังสารของฟ้าดินมีต้นกำเนิดมาจากแม่น้ำอเวจี และลูกศิษย์ของเขาก็คือจักรพรรดิหมิงองค์ปัจจุบัน เขาต้องการวิญญาณคนฟ้า…มีหรือที่แม่น้ำอเวจีจะกล้าแย่งชิง
ส่วนภาพเหตุการณ์ที่เขาสังหารบุรพาจารย์สำนักธารมรรคา ทุกคนที่อยู่ที่นี่ รวมไปถึงพวกเฉินเห้อเทียนต่างก็มองต้นสายปลายเหตุที่แท้จริงไม่ออก ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้ว ป๋ายเสี่ยวฉุนในเวลานี้ก็คือคนฟ้าวิถีฟ้า…ที่หาได้ยากที่สุดของโลกใบนี้!
นี่คือปัจจัยข้อที่หนึ่ง ยังมีปัจจัยข้อที่สองนั่นก็คือวิธีการฝ่าทะลุสู่ก่อกำเนิดของเขาที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน นั่นคืออาศัยไฟชั้นฟ้ามาหลอมพลังจิตให้กับทารกก่อกำเนิดยี่สิบเอ็ดครั้ง จนฝ่าทะลุขอบเขตเลื่อนสู่ขั้นคนฟ้าได้โดยตรง!
สามารถพูดได้ว่านาทีที่ได้เลื่อนขั้น คนฟ้าช่วงต้นทุกคนล้วนอ่อนแอกว่าเขาทั้งสิ้น คนฟ้าช่วงต้นที่แข็งแกร่งในสายตาของคนอื่น ทว่าในสายตาของป๋ายเสี่ยวฉุน คนพวกนั้นแทบไม่ต่างจากหมูหมากาไก่ หรือแม้แต่คนฟ้าช่วงกลาง ป๋ายเสี่ยวฉุนก็สามารถใช้กำลังสยบได้ไม่ยาก!
บางทีเขาอาจจะยังไม่ใช่คนฟ้าที่แข็งแกร่งที่สุด ทว่าการเดินบนเส้นทางของคนฟ้าที่แข็งแกร่งที่สุดนี้ ก่อนหน้าเขา เงื่อนไขข้อแรกที่ต้องมีคือเป็นคนฟ้าวิถีฟ้า นี่คือขอบเขตในตำนาน เวลาหลายปีที่ผ่านมา ตลอดทั้งโลกทงเทียนมีเพียงคนคนเดียวที่เคยทำได้ คนผู้นี้ก็คือนักพรตทงเทียน ซึ่งก็คือเทียนจุนคนปัจจุบัน!
ตอนนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนได้กลายมาเป็นคนที่สอง
แต่ต่อให้เป็นเทียนจุนก็ยังไม่สามารถทำตามเงื่อนไขข้อที่สองของการเลื่อนขั้นได้ แม้ว่าเทียนจุนเองก็จะเป็นผู้สร้างปาฏิหาริย์ที่มหัศจรรย์คนหนึ่ง
แต่เห็นได้ชัดว่าเทียบกับป๋ายเสี่ยวฉุนที่หลอมพลังจิตให้กับทารกก่อกำเนิดยี่สิบเอ็ดครั้ง ใช้ไฟหลายสีอันเป็นขอบเขตสูงสุดของโลกมาเลื่อนขั้นสู่ขอบเขตเหนือสุดแห่งคนฟ้าไม่ได้!
สามารถพูดได้ว่าผู้ที่มีเงื่อนไขครบทั้งสองข้อนี้…
นับแต่โบราณกาลมา มีเพียงป๋ายเสี่ยวฉุนคนเดียว!
ซึ่งทุกอย่างนี้ล้วนอยู่ที่โชควาสนา บวกกับความพยายามของตัวป๋ายเสี่ยวฉุนเองที่เปลี่ยนเรื่องซึ่งเป็นไปไม่ได้ให้กลายมาเป็นไปได้!
ก็เหมือนอย่างที่เมื่อครู่นี้ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ไม่มั่นใจว่าไฟยี่สิบเอ็ดสีจะทำให้เขาเลื่อนเป็นคนฟ้าได้จริงหรือว่า ทว่าเขากลับจำเป็นต้องลองเดิมพันดู!
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังอำนาจที่แผ่ออกมาจากในร่างของป๋ายเสี่ยวฉุน เฉินเห้อเทียนสามคนที่ใจยังเต้นรัว ลมหายใจหอบถี่ไม่หายก็หันมามองตากัน ก่อนจะพากันถอยกรูดออกห่างไปในพริบตา พวกเขาสามคนไม่ได้แยกกันหนี แต่การที่พวกเขาถอยออกไปพร้อมกันแบบนี้จึงเหมือนเป็นการผลักบุรพาจารย์สำนักธารดาราออกมารับหน้าเพียงลำพัง
บุรพาจารย์สำนักธารดารานั้นกำลังตัวสั่น ยามนี้จึงถอยหนีเร็วยิ่งกว่าเดิม เขากลัวจนขวัญหนีดีฝ่อไปหมดแล้วจริงๆ ในใจรู้สึกโชคดีที่คนที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเลือกฆ่าไปก่อนหน้านี้คือบุรพาจารย์สำนักธารมรรคา ไม่ใช่ตน
ทว่าชั่วขณะที่คนทั้งสี่ถอยห่างออกไปนั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนที่ยืนอยู่บนท้องฟ้ากลับหันขวับกลับมา ดวงตาที่เป็นประกายราวสายฟ้าจ้องเขม็งมายังพวกเฉินเห้อเทียนสี่คนทันที
“รุกรานสำนักสยบธารของข้า…ไม่จ่ายค่าเสียหายก็คิดจะหนีอย่างนั้นรึ?”
น้ำเสียงของป๋ายเสี่ยวฉุนเย็นยะเยือก เขาโกรธเข้าแล้วจริงๆ ความโกรธนี้รุนแรงสุดขีด นั่นเป็นเพราะครั้งนี้สำนักสยบธารตกอยู่ในอันตรายที่ร้ายแรงยิ่งกว่าคราวก่อน และหากป๋ายเสี่ยวฉุนเลื่อนขั้นล้มเหลว หรือทำสำเร็จได้ช้ากว่านี้อีกสักนิด ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร เขาก็ไม่กล้าคิดเลย