Skip to content

A Will Eternal 927

บทที่ 927 เจตนาไม่บริสุทธิ์

ในพื้นที่การประลองแบ่งออกเป็นสี่ขอบเขตอันได้แก่ ทะเลทราย หนองบึง ที่ราบและผืนป่า ขอบเขตทั้งสี่นี้ไม่ได้อยู่ติดกัน แต่ถูกเทือกเขาหลายลูกที่ทอดยาวตัดสลับกันกั้นขวางให้อยู่ห่างจากกัน

ทั่วทั้งขอบเขตกว้างใหญ่มาก ไม่พูดว่าไร้ที่สิ้นสุด แต่ก็เรียกว่ากว้างใหญ่ไพศาลจนแทบวัดไม่ได้

ขณะเดียวกัน ในพื้นที่การประลองแห่งนี้ก็มีอันตรายที่น่าตะลึงซุกซ่อนอยู่ ในพื้นที่ทั้งสี่นั้น ไม่ว่าจะเป็นภัยธรรมชาติอย่างพายุทรายหรือการดำรงอยู่ของบางสิ่งที่แปลกประหลาดก็ล้วนเป็นการทำลายล้างที่แทบจะทำให้ทุกคนพินาศวอดวาย

หากจะบอกว่าก่อนหน้าที่คนของสี่สายยังไม่เข้ามา พวกเขาแค่รู้สึกได้ว่าพื้นที่การประลองนี้มีความยากอยู่ ทว่าตอนนี้พอได้เข้ามาแล้ว นักพรตแทบทุกคนของสี่สายก็เรียกได้ว่าตะลึงพรึงเพริดอย่างถึงที่สุด แรงสั่นสะเทือนในใจรุนแรงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

พื้นที่การประลองนี้…ใช้คำว่าอันตรายมาจำกัดความไม่ได้แล้ว ที่นี่ควรจะเรียกว่าเป็น…พื้นที่แห่งความตายที่ได้แต่มาเยือนแต่มิอาจกลับออกไป!

เวลานี้ในเขตของหนองบึง สือเหยียนตบะก่อกำเนิดขั้นสมบูรณ์แบบ ศิษย์แห่งความภาคภูมิใจของสำนักเสาเอกสยบจันทราแห่งสายตะวันตกผู้เย่อหยิ่ง ตอนนี้สีหน้าซีดขาวด้วยความหวาดผวา และกำลังเดินไปท่ามกลางหนองบึงอันไร้ที่สิ้นสุดอย่างระมัดระวัง

เสื้อผ้าของเขาขาดวิ่นไปหมดแล้ว อีกทั้งบนร่างยังมีคราบเลือดอยู่ไม่น้อย หลังจากที่ถูกส่งตัวมาที่นี่ เขาก็เห็นเรื่องการตายเกิดขึ้นกับตัวเองถึงสามครั้งแล้ว และที่สำคัญที่สุดก็คือ…

สิ่งมีชีวิตที่ปลิดชีพผู้คนได้ซ่อนตัวอยู่ในหนองบึงแห่งนี้ มันคือสิ่งมีชีวิตกลุ่มหนึ่งที่ลักษณะคล้ายปลิง ซึ่งพวกมันหลายพันตัวจะพากันกระโจนเข้าเกาะติดเต็มร่างของนักพรตคนหนึ่งในเวลาเดียวกัน และเมื่อดูดเลือดเสร็จเรียบร้อย ปลิงพวกนั้นก็จะถอนร่างออกแล้วมุดหายเข้าไปในหนองบึง จากนั้นสิ่งที่เหลืออยู่ก็มีเพียงซากแห้งที่ไม่มีเลือดเหลือแม้แต่หยดเดียว…

และตอนที่ซากแห้งพวกนี้ล้มลงไปในบึงก็จะถูกแมลงตัวเล็กๆ ลักษณะเหมือนเส้นใยชอนไชเข้าไปในร่างที่แห้งเหี่ยวอย่างรวดเร็ว คล้ายต้องการไปสร้างรังอยู่ในนั้น…

ทั้งหมดนี้ทำให้ศิษย์แห่งความภาคภูมิใจของสำนักเสาเอกสยบจันทราผู้นี้ขวัญกระเจิงไปตลอดทาง

ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้นที่เป็นเช่นนี้ สำนักมังกรเหินสมุทรผีแห่งสายใต้ก็เป็นเช่นเดียวกัน ซุนอู๋ก่อกำเนิดขั้นสมบูรณ์แบบ ชายหนุ่มที่ร่างทั้งร่างเป็นสีเขียวมองดูเหมือนผีร้ายผู้นั้น เวลานี้เขาอยู่ในพื้นที่ราบ รอบด้านมองไปไม่เห็นสิ่งใด ทว่าร่างของเขากลับสั่นเทิ้มไม่หยุด เมื่อยืนอยู่ตรงนั้นเขากลับ…ไม่กล้าเดินขึ้นหน้ามาแม้แต่ก้าวเดียว

เขายืนอยู่ตรงนี้มานานมากแล้ว เพราะรอบกายของเขามียุงน่ากลัวซึ่งมีจำนวนนับหมื่นตัวอยู่ฝูงหนึ่ง!

ยุงพวกนี้ ทุกตัวล้วนมีขนาดใหญ่เท่าคนที่โตเต็มวัย ซึ่งพวกมันกำลังเกาะกลุ่มกันห้อทะยานอยู่บนพื้นที่ราบเสียงดังหึ่งๆ หากไม่เป็นเพราะซุนอู๋มีเวทลับที่พิเศษอยู่กับตัวซึ่งขอแค่เขาไม่ขยับกาย ยุงพวกนั้นก็สัมผัสไม่ได้ถึงการดำรงอยู่ของเขา เกรงว่าป่านนี้เขาคงสิ้นชื่อไปนานแล้ว

ลูกศิษย์ของสำนักเมฆาอัสนีเก้าฟ้าก็เป็นเช่นเดียวกัน เหลยหยวนจื่อที่มีลักษณะเหมือนลิงผู้นั้นกำลังอยู่ในผืนป่า สีหน้าของเขาไม่น่ามองสุดๆ หน้าผากมีเม็ดเหงื่อไหลรินลงมาอย่างต่อเนื่อง เขากำลังเผ่นหนีอย่างรวดเร็ว เพราะด้านหลังของเขามีลิงตาแดงฝูงหนึ่งที่ไม่ว่าตัวไหนก็ล้วนมีพละกำลังมหาศาลกำลังไล่กวดตามมาอย่างฮึกเหิม

ส่วนพวกจางต้าพั่ง ป๋ายหลิน จ้าวเทียนเจียว จั่วเต้า ซ่งเชวีย ฯลฯ เวลานี้ก็กระจายตัวกันอยู่ในสี่พื้นที่ แต่ละคนสีหน้าประหวั่นพรั่นพรึง อกสั่นขวัญแขวนอยู่ทุกเวลานาที

ระดับความอันตรายของพื้นที่การประลองนี้เหนือเกินกว่าที่ทุกคนจินตนาการเอาไว้ ทว่าต่อให้ตอนนี้พวกเขาคิดจะถอยออกไปก็ไม่สามารถทำได้แล้ว ได้แต่แข็งใจเดินหน้า รักษาชีวิตของตัวเองให้รอดอย่างเดียวเท่านั้น!

ส่วนป๋ายเสี่ยวฉุนเวลานี้ก็กำลังร่ายความเร็วเต็มเหยียดอยู่ในทะเลทราย ตลอดทางมานี้เขาเห็นว่าในทะเลทรายที่กว้างใหญ่ไพศาลมีพายุทรายที่หมุนคว้างอยู่กลางฟ้าดินอย่างน้อยเจ็ดลูก ซึ่งพลานุภาพสยบที่มันส่งออกมาก็ทำให้เขาผวาไม่หยุดเช่นกัน

หากเป็นเพียงแค่ภัยธรรมชาติก็ยังพอว่า แต่นี่พอป๋ายเสี่ยวฉุนแผ่อำนาจจิตคนฟ้าออกไปกลับยังสัมผัสได้ว่าใต้ทะเลทรายผืนนี้มีคลื่นจำนวนนับไม่ถ้วนซ่อนตัวอยู่ ความรู้สึกที่คลื่นพวกนี้มอบให้เขาคือความดุร้ายอำมหิตอย่างถึงที่สุด ทั้งยังมีคลื่นหลายขุมที่เทียบเคียงได้กับคนฟ้า ซึ่งต่อให้ตอนนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนจะห้อทะยานไปกลางอากาศ เขาก็ยังคงสัมผัสได้ว่าคลื่นคนฟ้าหลายขุมใต้ผืนทรายกำลังทะยานมาในทิศทางเดียวกับตน เห็นได้ชัดว่ามองตนเป็นเหยื่อ ส่วนตัวเองเป็นผู้ล่า

“พื้นที่การประลองแห่งนี้ไม่ใช่ที่ที่ก่อกำเนิดจะเข้ามาได้เลย ที่นี่…มีเพียงตบะคนฟ้าเท่านั้นถึงพอจะมีประโยชน์ได้บ้าง!”

“สมควรตายนัก ใช้ตำแหน่งลูกศิษย์ตำแหน่งหนึ่งมารวบรวมนักพรตของสี่สายไว้ที่นี่ เทียนจุน…เขาคิดจะทำอะไรกันแน่!”

“และสถานที่แห่งนี้…มีพื้นที่ลับอะไรซ่อนอยู่กันแน่!” ในใจป๋ายเสี่ยวฉุนร้อนรน ด้านหนึ่งก็เป็นห่วงพวกจางต้าพั่ง อีกด้านหนึ่งนั้นเป็นห่วงโหวเสี่ยวเม่ย

ทว่าในฐานะที่โหวเสี่ยวเม่ยเป็นองค์รักษ์ ในด้านความปลอดภัยจึงอาจจะดีกว่านักพรตสี่สายเล็กน้อย พอคิดอย่างนี้เขาก็พอจะคลายใจลงได้บ้าง แต่กระนั้นความร้อนใจก็ยังไม่หายไป คิดอยากจะหาทุกคนให้เจอโดยเร็วที่สุด

แต่ขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังห้อไปข้างหน้านั้นเอง ทันใดนั้นหัวใจเขาก็พลันเต้นกระหน่ำรัวเร็ว รีบร่ายใช้ชนาเขย่าภูเขาในทันใด ความเร็วจึงระเบิดในชั่วพริบตา ย้ายร่างจากจุดก่อนหน้านี้ออกไปไกลหลายร้อยจั้งประหนึ่งหายตัว

แทบจะวินาทีเดียวกับที่ป๋ายเสี่ยวฉุนพุ่งตัวหายออกไป พื้นดินก็มีเสียงกัมปนาทดังมาหลายครั้ง ก่อนที่เงาร่างพร่าเลือนแปดเงาจะโผล่พรวดออกมาจากทะเลทรายและตรงดิ่งเข้าหาตำแหน่งที่ป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่ก่อนหน้านี้

เงาร่างที่พร่าเลือนทั้งแปดล้วนเป็นสีแดง พอพวกมันกระโจนเข้าใส่ความว่างเปล่าจึงทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนมองเห็นสภาพของพวกมันได้อย่างชัดเจน เงาร่างทั้งแปดนี้ดูเหมือนจะเป็นหนอนตัวใหญ่ยักษ์ซึ่งร่างขยายใหญ่จากหนอนปกติหลายต่อหลายเท่า

แต่ละตัวมีขนาดประมาณร้อยจั้ง ทั้งร่างเต็มไปด้วยเมือกเหลวๆ ตัวของพวกมันเป็นสีแดงฉาน ไม่มีดวงตา ส่วนหัวทั้งหมดมีแต่ปากขนาดใหญ่ที่อ้ากว้างอย่างน่าสยดสยอง สามารถมองเห็นได้ด้วยว่าในปากของมันมีฟันแหลมคมเรียงกันเป็นตับยาวไปยันช่วงท้องของมัน!

อีกทั้งส่วนหัวของหนอนตัวหนึ่งในนั้นยังมีวงแสงมายาสีแสงอยู่วงหนึ่งซึ่งแผ่พลังมหัศจรรย์ออกมา ทำให้เพียงแค่หนอนทะเลทรายตัวนี้ขยับตัว ความว่างเปล่าก็มีเสียงเหมือนแส้ฟาดดังลั่น

และคลื่นที่ส่งออกมาจากตัวมันก็แข็งแกร่งที่สุด เหมือนจะเทียบเคียงได้กับคนฟ้าช่วงกลาง ตัวอื่นๆ ที่เหลือก็มีพลังเทียบเท่าคนฟ้าช่วงต้น ตอนนี้พวกมันกำลังหงุดหงิดงุ่นง่าน พอกระโจนเข้าใส่ความว่างเปล่าก็รีบเปลี่ยนทิศทางใหม่ หันมาร้องคำรามหวีดแหลมแล้วกระโจนใส่ป๋ายเสี่ยวฉุนอีกครั้ง

ลมหายใจของป๋ายเสี่ยวฉุนถี่รัวเล็กน้อย หากเป็นเพียงแค่หนอนทะเลทรายแปดตัวนี้ก็ยังพอว่า แต่เขากลับสัมผัสได้ว่าเมื่อหนอนทะเลทรายแปดตัวนี้เผยกาย ในทะเลทรายแห่งนี้กลับมีระลอกคลื่นอีกจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งจากสี่ด้านแปดทิศมารวมกันอยู่ที่เขา

เกรงว่าอีกไม่นานเท่าไหร่ คงมีหนอนทะเลทรายมากกว่าเดิมโผล่ออกมาแน่ๆ

พอนึกถึงว่าพื้นที่ด้านล่างทะเลทรายทั้งผืนมีหนอนทะเลทรายจำนวนเหลือคณานับ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ขนลุกเยือกไปทั้งตัว เริ่มอกสั่นขวัญแขวน เขารู้สึกว่าตัวเองร่วงมาอยู่ในรังหนอนเข้าซะแล้ว เวลานี้จึงรีบสะบัดร่างโกยแนบอย่างรวดเร็ว

เพียงแต่ไม่ว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะหนีอย่างไร ทุกๆ ระยะเวลาช่วงหนึ่งจะต้องมีหนอนทะเลทรายพุ่งพรวดออกมาจากใต้ดิน พยายามจะขัดขวางทางไปของเขาเอาไว้ และพอสถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ เข้า ป๋ายเสี่ยวฉุนก็เริ่มโมโหขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน

“รังแกกันเกินไปแล้ว!” ป๋ายเสี่ยวฉุนเดือดดาลแต่ก็กลัดกลุ้มมากด้วย เขารู้ว่าหากเป็นอย่างนี้ต่อไปก็ไม่ใช่ทางออก และเกรงว่าสุดท้ายคงยากที่เขาจะหนีไปพ้นจากที่นี่ เว้นเสียแต่ว่าจะทำให้พวกหนอนทะเลทรายเหล่านี้สละเขาทิ้งด้วยตัวเอง

และวิธีการที่พวกมันจะสละเขาทิ้งได้ก็มีเพียง…สยบขวัญพวกมัน!

พอคิดมาถึงตรงนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็กัดฟันกรอด

หลังจากที่หนอนทะเลทรายแปดตัวนั้นเผยกายหมายจะขัดขวางไม่ให้เขาเดินหน้าต่ออีกครั้ง ป๋ายเสี่ยวฉุนก็คำรามกร้าว ไม่หนีอีกต่อไป แต่ขยับกายแล้วมาหยุดอยู่ตรงหน้าหนอนทะเลทรายตัวหนึ่งที่มีพลังเทียบเคียงได้กับคนฟ้าช่วงต้น ก่อนจะยกมือขวาขึ้นแล้วต่อยลงไปบนร่างของมันอย่างแรง!

ไม่ได้ใช้ตบะใดๆ ใช้แค่พลังกล้ามเนื้อ แต่กระนั้นเขาก็ยังสามารถระเบิดพลังพลิกภูเขาคว่ำมหาสมุทรได้อยู่ดี ขนาดนักพรตคนฟ้าช่วงต้นที่มาอยู่ต่อหน้าป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยังต้องร่างแหลกลาญ แล้วนับประสาอะไรกับหนอนทะเลทรายพวกนี้

เมื่อหมัดนี้ร่วงลงมา เสียงกึกก้องก็ดังสนั่นไปไกลแสนไกล ร่างของหนอนทะเลทรายตัวนั้นสั่นเทิ้มแล้วระเบิดกระจายออกจากกันทันที ร่างครึ่งท่อนของมันร่วงกระแทกลงบนทะเลทรายดังตูม ทำเอาเม็ดทรายจำนวนมากลอยฟุ้งขึ้นมา

เมื่อเห็นว่าสหายตายไป หนอนทะเลทรายตัวอื่นๆ ก็คลุ้มคลั่งกันทันที พวกมันร้องคำรามแล้วพุ่งเข้าใส่ป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างพร้อมเพรียงกัน ทั้งยังมีสายฟ้าหลายเส้นระเบิดออกมาจากปากของพวกมัน และเวลานี้เอง ในท้องฟ้าที่ห่างไปไกลก็มีเงาร่างเส้นหนึ่งที่กำลังห้อทะยานผ่านไปอย่างรวดเร็ว

คนผู้นี้ก็คือหนึ่งในแฝดอวิ๋นเหลยของสำนักเมฆาอัสนีเก้าฟ้า หากนับกันตามลำดับพี่น้อง เขาน่าจะเป็นน้องชาย ร่างกายฝั่งซ้ายของเขาแห้งเหี่ยว ฝั่งขวาหนาใหญ่ แม้ลักษณะจะดูพิกลพิการ ทว่าความเร็วกลับน่าตะลึงอย่างยิ่ง ถึงขั้นที่ว่าหากเทียบกับความเร็วของป๋ายเสี่ยวฉุนก่อนหน้านี้ก็ยังถือว่าเร็วกว่าไม่น้อย

จะอย่างไรซะคนผู้นี้ก็คือคนฟ้าช่วงกลาง อีกทั้งเดิมทีเวทลับของสำนักเมฆาอัสนีเก้าฟ้าก็ช่วยให้ความเร็วน่าตะลึงมากอยู่แล้ว เขาที่กำลังทะลุทะลวงผ่านไปกลางทะเลทราย ด้านหลังมีหนอนทะเลทรายหลายตัวไล่กวดตามมาไม่หยุด ซึ่งมีมากนับหมื่นตัว ทว่ากลับไล่ตามเขาไม่ทัน

เดิมทีอวิ๋นเหลยจื่อผู้นี้บึ่งไปในทางตรง แต่พอเขาสังเกตเห็นป๋ายเสี่ยวฉุน ดวงตากลับเปล่งแสงวาบหนึ่งครั้ง ยิ่งเห็นว่าหนอนทะเลทรายซึ่งศีรษะมีวงแสงสีแดง ตบะเทียบเคียงได้กับคนฟ้าช่วงกลางอยู่ข้างกายป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยแล้ว ดวงตาของเขาก็ยิ่งเผยความละโมบออกมาอย่างเห็นได้ชัด

ร่างของเขาพลันชะงักกึก รอจนหนอนทะเลทรายด้านหลังใกล้จะตามมาทันเขาถึงขยับกายอีกครั้ง รักษาความเร็วเท่าเดิม ทว่าครั้งนี้กลับพุ่งมาหาป๋ายเสี่ยวฉุน!

เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการล่อหนอนทะเลทรายจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่ด้านหลังมาหาป๋ายเสี่ยวฉุน!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!