Skip to content

A Will Eternal 928

บทที่ 928 รังแกข้า?

แทบจะวินาทีเดียวกับที่อวิ๋นเหลยจื่อปรากฎตัว ป๋ายเสี่ยวฉุนก็สังเกตเห็นคนผู้นี้ทันทีเหมือนกัน โดยเฉพาะฝูงหนอนทะเลทรายน่ากลัวที่ไล่กวดมาด้านหลังของอีกฝ่ายที่ยิ่งทำให้ม่านตาของป๋ายเสี่ยวฉุนหดตัว

“อวิ๋นเหลยจื่อผู้นี้คิดจะมาเล่นงานข้านี่นา!” ป๋ายเสี่ยวฉุนถลึงตา สัมผัสได้ถึงเจตนาชั่วช้าอันลึกล้ำของอวิ๋นเหลยจื่อ ขณะเดียวกันก็สังเกตเห็นสายตาของอีกฝ่ายที่เล็งมายังหนอนทะเลทรายซึ่งมีวงแสงสีแดงอยู่เหนือศีรษะด้วย

“เดิมทีเขาไม่ได้คิดจะมาหาข้า แต่พอเห็นหนอนทะเลทรายตัวนี้ถึงได้เปลี่ยนทิศทาง…” ป๋ายเสี่ยวฉุนกระจ่างแจ้งทันใด เมื่อลงมือจึงถือโอกาสตรงดิ่งเข้าหาหนอนทะเลทรายที่ศีรษะมีวงแสงสีแดงไปด้วย

“เห็นว่าข้าขยับมาใกล้ แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนผู้นี้ดันไม่หนีไป? ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็รนหาที่ตายเองนะ!” อวิ๋นเหลยจื่อเห็นว่าเป็นเช่นนี้ ดวงตาก็ฉายประกายเย็นเยียบ ความเร็วยิ่งมากกว่าเดิม พริบตาเดียวก็ทะยานมาใกล้ป๋ายเสี่ยวฉุน และด้านหลังของเขาก็มีหนอนทะเลทรายที่กำลังร้องคำรามไล่ตามมาติดๆ

และขณะที่อวิ๋นเหลยจื่อขยับเข้ามาใกล้นั้นเอง ป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันหันตัวขวับ เปลี่ยนทิศทางในเสี้ยววินาที ไม่ได้พุ่งเข้าหาหนอนทะเลทรายวงแสงสีแดงอีกต่อไป แต่กลับตรงดิ่งเข้าหาอวิ๋นเหลยจื่อแทน

อวิ๋นเหลยจื่อยกยิ้มดูแคลน คล้ายมองออกถึงความคิดของป๋ายเสี่ยวฉุน แทบจะวินาทีเดียวกับที่ป๋ายเสี่ยวฉุนหมุนตัวขยับเข้ามาใกล้ ร่างของเขาก็พลันพร่าเลือน การพร่าเลือนนี้ไม่เพียงแต่เป็นกายเนื้อที่มองไม่เห็น แม้แต่ด้านอำนาจจิตก็เหมือนจะสัมผัสไม่ได้ถึงการดำรงอยู่ของอวิ๋นเหลยจื่อเช่นกัน ม่านตาของป๋ายเสี่ยวฉุนหดตัว และเวลานี้เอง หนอนทะเลทรายจำนวนมากที่อวิ๋นเหลยจื่อล่อมาก็เหมือนจะสัมผัสไม่ได้ถึงอวิ๋นเหลยจื่อจึงหันมาเล็งเป้าเป็นป๋ายเสี่ยวฉุนแทน

ปากของพวกมันอ้ากว้าง แผดเสียงคำรามดังแหบโหย พากันพุ่งมาจากสี่ด้านแปดทิศคล้ายจะโอบป๋ายเสี่ยวฉุนไว้ในวงล้อม

สีหน้าป๋ายเสี่ยวฉุนพลันเปลี่ยนมาเป็นไม่น่ามอง เวทอภินิหารที่อวิ๋นเหลยจื่อร่ายใช้เมื่อครู่นี้ทำให้เขากลายเป็นฝ่ายถูกกระทำ เวลานี้รอบกายเขามีหนอนทะเลทรายนับหมื่นตัว ยั้วเยี้ยแน่นขนัด แม้ส่วนใหญ่จะเทียบเคียงได้กับก่อกำเนิด มีเพียงส่วนน้อยที่เหมือนคนฟ้า แต่ก็ยังทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกว่ารับมือได้ยากอยู่ดี

โดยเฉพาะ…ห่างออกไปไกลยังมีอวิ๋นเหลยจื่อจ้องเขม็งหมายจะเล่นงาน

ท่ามกลางเสียงอึกทึก เงาร่างของอวิ๋นเหลยจื่อที่กำลังพร่าเลือนก็พลันก้าวถอยหลัง แววดูหมิ่นในดวงตายิ่งมีมากขึ้น

“กะอีแค่คนฟ้าที่เพิ่งเลื่อนขั้นใหม่ ต่อให้มีพลังการต่อสู้ที่น่าตะลึงอย่างที่เล่าลือกันจริงๆ แต่ส่วนใหญ่ก็ล้วนเป็นแค่ข่าวลือ หากตอนแรกที่เขาเห็นข้าแล้วหนีไปทันทีก็ยังถือว่าดีหน่อย แต่ในเมื่อโง่เง่าขนาดนี้ก็คงต้องโทษที่เขาดวงซวยแล้วล่ะ”

อวิ๋นเหลยจื่อหัวเราะเสียงเย็น หรี่ตาลง เพ่งมองป๋ายเสี่ยวฉุนที่ถูกหนอนทะเลทรายจำนวนนับไม่ถ้วนห้อมล้อมอยู่ไกลๆ

ความเดือดดาลเริ่มผุดขึ้นมาในใจของป๋ายเสี่ยวฉุน นั่นเป็นเพราะอวิ๋นเหลยจื่อผู้นี้ชั่วช้าเกินไป คนทั้งสองไม่มีความแค้นต่อกัน ทว่าเพียงแค่หนอนทะเลทรายตัวเดียว อีกฝ่ายกลับโหดเหี้ยมได้ถึงขนาดนี้ นี่จึงทำให้ไฟโทสะของป๋ายเสี่ยวฉุนโหมไหม้

“หากข้าเป็นแค่ก่อกำเนิดก็ยังว่าไปอย่าง แต่นี่ข้าเองก็เป็นคนฟ้า อวิ๋นเหลยจื่อทำแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าดูถูกข้า รังแกข้า!” คิดมาถึงตรงนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็หรี่ตา ขยับร่างว่องไวจนพวกหนอนทะเลทรายที่อยู่รอบกายเขาระเบิดกระจัดกระจายเสียงอึกทึกกึกก้อง

“อีกทั้งความเร็วในการถอยของเขาก่อนหน้านี้…มากกว่าคนทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้เชี่ยวชาญด้านความเร็วอย่างมาก…

หากตอนนี้ข้าบุกออกไปกะทันหัน ร่ายใช้ผนึกมิวางวายและชนาเขย่าภูเขา แม้ว่าอาจจะขยับเข้าไปใกล้คนผู้นี้ได้ แต่หากเขาคิดหนีหรือปรากฏตัวไปทั่วฝูงหนอนทะเลทรายพวกนี้ก็คงไม่เป็นเรื่องดีกับข้าอย่างยิ่ง”

“เว้นเสียแต่ว่าจะล่อเขาเข้ามาใกล้อีกนิด…”

ความคิดในสมองของป๋ายเสี่ยวฉุนโลดแล่นขึ้นมาทันที ยามนี้จึงสูดลมหายใจเข้าลึก ทำท่าแสร้งจะพุ่งเข้าไปสังหารอวิ๋นเหลยจื่อ

แต่ทว่าทุกครั้งเขาทำท่าจะพุ่งออกไป อวิ๋นเหลยจื่อกลับรีบถอยร่นไปข้างหลังด้วยสีหน้าหลอกล่อสนุกสนาน พอหลายครั้งเข้า ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ไม่เพียงแต่ตามไปไม่ทัน กลับกลายเป็นว่ายิ่งนานยิ่งถลำลึก

พอถึงท้ายที่สุด สีหน้าของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ถึงกับเปลี่ยนมาเป็นดุดันคล้ายกำลังเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ก่อนจะคำรามกร้าวแล้วไม่สนใจอวิ๋นเหลยจื่ออีก แต่พุ่งเข้าไปหาหนอนทะเลทรายที่เหนือศีรษะมีวงแสงสีแดงแล้วลงมือทันที

เสียงครืนครั่นดังสะท้อนไปรอบด้าน สายฟ้าที่อยู่ในปากของหนอนทะเลทรายจำนวนมากแทบจะคลุมฟ้าดินเอาไว้จนมิด เต็มไปทั่วแปดทิศ และเริ่มมองดูคล้ายว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ ส่วนหนอนทะเลทรายที่เหนือศีรษะมีวงแสงสีแดงซึ่งพอเจอกับวิชาอภินิหารของป๋ายเสี่ยวฉุน เวลานี้ก็กำลังร้องคำรามด้วยความเจ็บปวด ร่างเริ่มเต็มไปด้วยบาดแผล ท่าทางคล้ายจะล้มลงได้ทุกเมื่อ

ส่วนอวิ๋นเหลยจื่อก็คอยจับตามองป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่ตลอดเวลา ยามนี้นัยน์ตาของเขามีประกายแสงเปล่งวาบ แม้จะมองไม่ออกว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจงใจทำเป็นอ่อนแอหรือไม่ แต่เขาก็มีความเชื่อมั่นอย่างสูงสำหรับความเร็วของตัวเอง

“ฆ่าคนผู้นี้ไม่ใช่เป้าหมาย แย่งชิงอาวุธล้ำค่าในร่างของหนอนทะเลทรายตัวนั้นต่างหากที่ถึงจะเป็นกุญแจสำคัญ…” อวิ๋นเหลยจื่อหรี่ตาทั้งคู่ลง

กำลังเล็งหาโอกาสเหมาะๆ วินาทีที่หมัดของป๋ายเสี่ยวฉุนกระแทกลงบนร่างของหนอนทะเลทราย และหนอนทะเลทรายตัวนั้นถอยหนีพร้อมร้องโหยหวน เขาก็พลันพุ่งออกมา!

ความเร็วนั้นมากจนเกิดเป็นเสียงแหวกอากาศ พริบตาเดียวร่างของเขาก็เหมือนหายตัวได้ พอปรากฏตัวอีกครั้งก็อยู่ข้างหนอนทะเลทรายวงแสงสีแดงตัวนั้นแล้ว ก่อนที่เขาจะยกมือขวาขึ้นคว้าจับ ปลายนิ้วมีแสงสีดำสาดส่อง แสงสีดำยังไม่ทันร่วงมาถึงก็ทำร้ายหนอนทะเลทรายตัวนั้นได้แล้ว และความเร็วของเขาก็ยิ่งเร็วอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ตอนนี้จึงใกล้จะคว้าจับวงแสงสีแดงที่อยู่เหนือศีรษะของหนอนทะเลทรายได้แล้ว

ทว่าเวลานี้เอง ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนพลันมีประกายแสงเย็นเยียบเปล่งวาบ ร่ายใช้ชนาเขย่าภูเขาโดยตรง เสียงตูมดังหนึ่งครั้ง ความเร็วของเขาก็พลันระเบิดออก ทั้งยังมีพลังอำนาจที่น่าตะลึงพวยพุ่งออกมาจากในร่างของเขาคล้ายภูเขาลูกหนึ่งที่พุ่งมาข้างหน้าอย่างรวดเร็ว กระแทกชนทุกอย่างไปตลอดทาง เสียงกัมปนาทครืนครั่นดังก้องไปสี่ทิศ หนอนทะเลทรายทั้งหมดที่ขวางอยู่เบื้องหน้าป๋ายเสี่ยวฉุนล้วนร้องคำรามด้วยความเจ็บปวด ร่างระเบิดทลาย ทำให้ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนคล้ายลูกธนูที่พุ่งออกจากสาย ซึ่งตรงเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าอวิ๋นเหลยจื่อ

ระดับความเร็วและพลังการทำลายล้างนี้ทำให้อวิ๋นเหลยจื่อตะลึงอยู่ในใจ แต่จากนั้นเขาก็แค่นเสียงเย็น ตัดสินใจอย่างเฉียบขาดโดยการสละทิ้งการคว้าจับหนอนทะเลทรายทันที ร่างก็ยิ่งถอยกรูดไปข้างหลังอย่างเร็ว เขาเชื่อว่าด้วยความเร็วของเขา ต่อให้เป็นคนฟ้าช่วงท้ายก็ยังยากที่จะตามได้ทัน และการถอยหลังในตอนนี้ก็อยู่ในสภาวะของการร่ายใช้เวทลับ หนอนทะเลทรายทุกตัวจึงสัมผัสไม่ได้ถึงการดำรงอยู่ของเขา

ทว่าขณะที่อวิ๋นเหลยจื่อใช้ความเร็วที่น่าตะลึงก้าวถอยหลังนั้นเอง ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนพลันฉายแสงเย็นเยียบ พลันร่ายผนึกมิวางวาย ความเร็วของเขาจึงระเบิดถึงขีดสุดในชั่วพริบตา เร็วเหนือกว่าอวิ๋นเหลยจื่อ ความเร็วนั้นราวกับสายฟ้าที่แลบปลาบมาข้างหน้า ตามอวิ๋นเหลยจื่อไปทันในฉับพลัน

เนื่องจากอยู่ใกล้กันมากเกินไป หลังจากที่ป๋ายเสี่ยวฉุนตามมาทันก็ยกมือขวาขึ้นอย่างไม่มีลังเล ลงมือครั้งนี้คือ…ตรวนสลายลำคอ!

เผชิญหน้ากับอวิ๋นเหลยจื่อที่เป็นคนฟ้าช่วงกลาง ที่ป๋ายเสี่ยวฉุนใช้ตรวนสลายลำคอ หาใช่เพื่อฆ่าคน แต่เพื่อ…สร้างขีดจำกัดให้กับความเร็วของอีกฝ่าย เพราะอย่างไรซะการที่ตรวนสลายลำคอถูกร่ายใช้ก็จะต้องมีแรงดึงรั้งในระดับที่แน่นอนแผ่ออกมา

พริบตาเดียว เมื่อตรวนสลายลำคอถูกร่ายออกมา แรงดึงกระชากนั้นก็พลันระเบิดปะทุ อวิ๋นเหลยจื่อหน้าเปลี่ยนสี เขาสัมผัสได้โดยตรงว่าความเร็วของตัวเองช้าลงไปอีกเล็กน้อย

“ป๋ายเสี่ยวฉุนผู้นี้มีวิชาชั่วช้าอยู่บ้างจริงๆ เสียด้วย!” ลมหายใจของอวิ๋นเหลยจื่อแข็งค้าง ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในชั่วเวลาสายฟ้าแลบ เขาไม่ทันมีเวลาให้คิดมาก รีบกัดปลายลิ้นพ่นเลือดสดออกมาหนึ่งครั้ง และความเร็วที่เดิมทีก็สูงมากอยู่แล้ว มาบัดนี้กลับระเบิดขึ้นไปอีกระดับ!

เสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหว ร่างของเขาพร่าเลือนไปอย่างสมบูรณ์แบบ ราวกับว่ามีพลังไร้ที่สิ้นสุดระเบิดอยู่ในกาย แค่ยกเท้าก้าวออกไปก้าวเดียวก็สามารถถอยไปไกลหลายพันจั้ง ทว่าขณะที่เขากำลังยกเท้าขึ้นมานั้นเอง มุมปากของป๋ายเสี่ยวฉุนกลับยกยิ้มลำพองใจ

ที่เขารออยู่ก็คือท่าไม้ตายด้านความเร็วของอวิ๋นเหลยจื่อผู้นี้นี่แหละ

ซึ่งขณะที่อวิ๋นเหลยจื่อกำลังจะก้าวถอย เนตรทงเทียนกลางหว่างคิ้วของป๋ายเสี่ยวฉุนพลันเปิดออก ลำแสงสีม่วงเส้นหนึ่งที่มีพลังการพันธนาการรุนแรงตกกระทบลงมาบนร่างของอวิ๋นเหลยจื่อทันใด

การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในระยะประชิด อวิ๋นเหลยจื่อหน้าเปลี่ยนสีอย่างบ้าคลั่ง เขาสัมผัสได้ว่าร่างทั้งร่างเหมือนจมอยู่ในบ่อโคลน คล้ายคนถูกพันธนาการ ถูกบีบบังคับให้หยุดนิ่ง

แม้จะเพียงแค่ครู่เดียวก็ฟื้นคืนกลับมาเป็นปกติ ทว่าศึกระหว่างคนฟ้า เวลาสั้นๆ เพียงเสี้ยววินาทีนี้กลับทำเรื่องราวอะไรได้มากมายนัก

“หมัดจักรพรรดิ มิดับสูญ!” ป๋ายเสี่ยวฉุนคำรามกร้าว

วินาทีที่ร่างของอวิ๋นเหลยจื่อถูกพันธนาการ มือขวาที่ร่ายตรวนสลายลำคอก็เปลี่ยนมาเป็นหมัด น้ำวนสีดำลูกหนึ่งปรากฏขึ้น ด้านหลังของเขามีภาพมายาของจักรพรรดิจำแลงออกมา พลังอำนาจตลอดทั้งร่างโหมกระหน่ำสูงเทียมฟ้าในเสี้ยววินาที ก่อนที่หมัดนั้นจะร่วงลง!

ร่ายใช้หมัดจักรพรรดิมิดับสูญด้วยพลังห้าเท่าโดยตรง!

พอหมัดนี้ต่อยออกมา ลมก็หอบเอากรวดทรายให้ปลิวคละคลุ้ง พวกหนอนทะเลทรายพากันตัวสั่นเทิ้ม ทั้งยังมีหลายตัวที่กรีดร้องเสียงแหลม รีบถอยหลังหนีอย่างพร้อมเพียงกัน อวิ๋นเหลยจื่อก็ยิ่งถลึงตากว้างจนลูกตาแทบถลนออกมาจากเบ้า

ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คาดไม่ถึงว่า ความผิดพลาดจากการวิเคราะห์ครั้งนี้จะชักนำตนให้เข้ามาสู่สภาพการณ์เช่นนี้ สภาพการณ์ที่เขาถึงขั้นสัมผัสได้ถึงวิกฤตแห่งความตาย!

“นี่มันวิชาอภินิหารอะไรกัน?” อวิ๋นเหลยจื่อตะโกนเสียงแหลม ร่างฝั่งขวาที่หนาใหญ่พลันขยายขนาดออกไปอีก ตลอดทั้งร่างแผ่วงแสงสีดำ รีบระเบิดตบะครบทุกด้านโดยไม่สนเรื่องที่ต้องกักเก็บพลังวิญญาณเอาไว้ และวงแสงสีดำนอกกายเขาก็ก่อตัวกันขึ้นมาเป็นรูปปั้นเทพมารขนาดใหญ่ยักษ์รูปหนึ่งโดยตรง!

พอรูปปั้นเทพมารนี้เผยกายก็สำแดงพลังอำนาจที่ไม่ธรรมดาทันที

ราวกับว่าเขาสามารถกำราบนภากาศทั้งผืนเอาไว้ได้ เพียงแต่ว่าเทพมารนี้มีเพียงร่างฝั่งขวา ไม่นับว่าสมบูรณ์แบบ แต่กระนั้นก็ยังคงพุ่งไปต้านทานการประหัตประหารจากป๋ายเสี่ยวฉุน

พริบตาเดียวก็ปะทะเข้ากับหมัดจักรพรรดิมิดับสูญของป๋ายเสี่ยวฉุน!

เสียงกัมปนาทสะเทือนท้องฟ้าจึงระเบิดสนั่นหวั่นไหว!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!