Skip to content

A World Worth Protecting 104

บทที่ 104 เสร็จข้าละ

หวังเป่าเล่อมีเพียงสองทางเลือกเท่านั้น คือไปต่อ หรือถอยหนี!

หากเลือกทางหลัง จะเสียโอกาสจัดการรากฐานวิญญาณแปดนิ้วตนนั้น เพียงเพื่อเลี่ยงการปะทะกับศิษย์ทั้งหกคน ซึ่งต่างไม่อยากให้เขาเข้ามาช่วงชิงรากฐานวิญญาณตนนี้ไปกลางคันต่อหน้าต่อหน้าอยู่แล้วด้วย

หรือต่อให้เป็นผู้อื่น เหล่าศิษย์ทั้งหกคงไม่อ่อนข้อให้อยู่ดี พวกเขาอุตส่าห์ต่อสู้กันมาอย่างดุเดือด จึงไม่มีใครยอมปล่อยให้คนนอกคว้าโอกาสนี้ไปได้ง่ายๆ!

อย่างไรก็ตาม หากเลือกจะสู้ต่อ หวังเป่าเล่อจำเป็นต้องเรียกพลังอันน่าทึ่งออกมาต่อกร ต่อหน้าบรรดาศิษย์ทั้งหกคนผู้ร่วมมือกันขัดขวางเขา

บ้าจริง! ทำไมข้าต้องหลีกทางให้ด้วย ในเมื่อข้ามีสรีระทองคำ และวัตถุเวทมากมาย ไม่เห็นจะต้องกลัวพวกเจ้าสักนิด! ชายหนุ่มสงบจิตตัดสินใจ และจ้องตรงไปด้านหน้า ก่อนเร่งความเร็วขึ้นกว่าเก่า

เขาสะบัดมือขวาอย่างแรงขณะพุ่งตัว พลางปลดปล่อยวัตถุเวทตราผนึกขนาดเล็กจำนวนสิบชิ้นออกมาจากวัตถุเวท ตามด้วยกระบี่เหาะเหินสิบด้าม ซึ่งลอยในอากาศด้วยความเร็วสูง

นอกจากนี้ ชายหนุ่มยังหยิบเชือกเวทเรืองแสงสิบเส้นออกมาโยนไปทางศิษย์     ทั้งหกคนอีกด้วย!

ในจังหวะเดียวกัน ก็โยนจี้หยกมังกรม่วงออกมา พร้อมลูกปัดอีกสิบเม็ดซึ่งกลายร่างเป็นเกราะระฆังทองคำได้ รวมถึงถุงมือต่อสู้ ที่เขาดัดแปลงขึ้น

ชายร่างอ้วนผู้นี้มีอาวุธครบมือ รายล้อมไปด้วยวัตถุเวทนับร้อย จนบรรยากาศโดยรวมดูน่าเกรงขามยิ่ง!

ความแน่วแน่ของหวังเป่าเล่อไม่จบเพียงเท่านี้ สายตาฉายแววอย่างเด็ดเดี่ยวขึ้น ก่อนเผยท่าไม้ตายอันเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองออกมา!

“หุ่นเชิด!”

เพียงโบกมือ หุ่นเชิดนับร้อยตัวก็ตั้งตระหง่านเป็นกำแพงมนุษย์อยู่ด้านหน้าตัวเขา พวกมันเดินขบวนราวกับเป็นกองทัพทหารมุ่งหน้าไปทางชายหญิงทั้งหกคนพร้อมเสียงคำราม

หลังจากนั้น หวังเป่าเล่อตะโกนเสียงดัง ขึ้นขี่มหาสมุทรปราณโลหิตสีทองพุ่งเข้าไปหารากฐานวิญญาณตนนั้นอย่างดุดันราวกับมวลพลังของพายุโหมกระหน่ำผสานกับสายฟ้าฟาด

“รากฐานวิญญาณตนนี้เป็นของข้า อย่าคิดจะแย่งชิง! หลีกทางไปเสีย”

แม้มองเข้ามาจากระยะไกล ยังสังเกตเห็นได้ว่าทั่วบริเวณแห่งนี้ คราคร่ำไปด้วยหุ่นเชิดและวัตถุเวทจำนวนมาก ถือว่าเป็นเรื่องน่าทึ่ง สำหรับระดับการฝึกตนโบราณ ไม่ว่าเป็นใครต่างก็ต้องตะลึง เมื่อได้เห็นการรวมตัวอันยิ่งใหญ่แบบนี้

เหตุการณ์ตรงหน้าทำให้หลี่อี้ และคนอื่นๆ กังวลใจ จนหัวสมองตื้อชา อีกฝ่าย    มีวัตถุเวทมากเกินกว่าจะรับมือได้ ผนวกกับความแน่วแน่จนยอมเทหมดหน้าตัก     ของชายผู้นี้ ยิ่งทำให้ทุกคนตกตะลึงจนแทบลืมหายใจ

“หวังเป่าเล่อเป็นบ้าไปแล้วหรืออย่างไร เหตุใดต้องสู้อย่างรุนแรงเพียงนั้น        นั่นไม่ใช่รากฐานวิญญาณแปดนิ้วตัวเดียวในละแวกนี้สักหน่อย!”

หลี่อี้งุนงง ไม่ต่างจากอู๋เฟิน เฉียนเมิ่ง ชายหนุ่มหน้าดำ และคนอื่นๆ ซึ่งต่างทั้งกังขาและสับสนลังเล ไม่เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้า ว่าทำไมหวังเป่าเล่อต้องตอบโต้รุนแรงอย่างสุดโต่งเช่นนี้

ถึงอย่างนั้น พวกเขาต่างไม่ยอมปล่อยรากฐานวิญญาณแปดนิ้วตรงหน้าให้หลุดมือเช่นกัน อู๋เฟินกัดปลายลิ้นตนเองจนเลือดแดงสดสาดกระเซ็น หยดเลือดกลายสภาพขณะเคลื่อนตัว แปรเปลี่ยนเป็นฝ่ามือปราณโลหิต ช่วยเพิ่มพลังโจมตีให้แก่เจ้าตัว

หลี่อี้และคนอื่นๆ ขบฟันกรอดและเริ่มจู่โจมอีกครั้ง ทันใดนั้น วิทยายุทธ์การฝึกตน และอาวุธเวทของพวกเขา รวมถึงหมอกพิษ หรือแม้กระทั่งวงแหวนเวท ต่างพุ่งเข้าโจมตีกองทัพหุ่นเชิดและอาวุธเวทของอีกฝ่ายอย่างหนักหน่วง

เสียงคำรามอื้ออึงดังก้องไปทั่วสารทิศ จนเหล่าศิษย์จากสี่ยอดสำนักศึกษาเต๋าในบริเวณใกล้เคียงต่างได้ยิน ขณะทุกคนกำลังตื่นตะลึง หวังเป่าเล่อปลดปล่อยเชือก    สิบเส้นออกมาท่ามกลางการต่อสู้!

ชายหนุ่มควบคุมให้เชือกเข้าไปรัดฝ่ามือปราณโลหิตของอู๋เฟินจนระเบิด          ทำให้ฝ่ามือสลายไป

จากนั้น ภายใต้การควบคุมของกระบวนท่าจิตวิญญาณกระบี่ ทำให้กระบี่      เหาะเหินพุ่งบินอย่างรวดเร็ว พวกมันถูกจารึกอักขระเป็นระเบิดพลีชีพ หลังจากสัมผัสกับวัตถุใดๆ มันจะกรีดแทงสิ่งนั้น ก่อนระเบิดตัวเองทิ้ง

หวังเป่าเล่อควบคุมพวกมันอย่างช่ำชอง ทั้งหมดจับเป้าหมายไปยังจี้หยกเพลิงของหลี่อี้ จนเกิดเสียงระเบิดดัง แม้ว่าจี้หยกนั้นแข็งแกร่งและไม่แตกสลาย แต่ก็ไม่อาจทนทานต่อแรงระเบิดและความเร็วสุดขีดของกระบี่เหาะเหินได้ ทำให้กระเด็นหวือออกไปไกล

ชายหนุ่มเล็งวัตถุเวทตราผนึกขนาดเล็กนั้น ไปทางเฉียนเมิ่งแต่เพียงผู้เดียว       ไม่เกี่ยวกับใครอื่น!

หมอกพิษของหญิงสาวผู้นี้ ทำให้ชายอ้วนเกรงกลัวและกังวลเป็นพิเศษ หลังจากวัตถุเวทตราผนึกขนาดเล็กพุ่งเข้าไปหมอกนั่นแล้วระเบิดออก แรงระเบิดเกิดเป็น     ลมสะพัดให้หมอกกระจาย เผยให้เห็นแมลงมีพิษจำนวนมากซ่อนอยู่ภายใน อย่างไร  ก็ตาม แมลงตัวที่มีพิษร้ายแรงที่สุดได้ถูกกำจัดไปแล้ว แต่ตัวอื่นๆ ยังคงดิ้นยั้วเยี้ย

“หวังเป่าเล่อ นี่เจ้าใช้วัตถุเวท หรือใช้ระเบิดอยู่กันแน่” หลี่อี้และคนอื่นๆ   ตะโกนร้องอย่างโกรธเคือง วัตถุเวททุกชิ้นของเขาล้วนจารึกอักขระให้เป็นวัตถุระเบิดทั้งสิ้น จนทุกคนต่างหดหู่ใจเมื่อเห็นดังนั้น

การฉายเดี่ยวปะทะศิษย์อีกหกคน โดยอาศัยระเบิดเป็นวิธีการต่อสู้นั้นได้ผลรวดเร็วและชัดเจน หลังจากใช้งานวัตถุเวทไปสามชิ้น สมบัติเวทกระบี่เหาะเหินของ  หลี่ฟงและเฉินหลิงอี้ รวมทั้งวงแหวนเวทจากชายหนุ่มหน้าดำนั้น ต่างถูกสกัดกั้นด้วยขบวนกองทัพกำแพงมนุษย์หุ่นเชิดเช่นกัน

เนื่องจากหุ่นเชิดมีจำนวนมหาศาล ทำให้นอกจากจะรับแรงปะทะ ยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างกล้าแกร่ง แม้จะเกิดความเสียหายจากแรงกระแทก แต่ยังทนทานและเคลื่อนที่ได้ เหตุการณ์อลหม่านตรงหน้า ทำเอาเหล่าศิษย์ทั้งหลายเป็นกังวล และฉุนเฉียว

ขณะเดียวกัน หวังเป่าเล่อกำลังเคลื่อนตัวโดยมีเกราะระฆังทองคำคอยกำบัง      ทั้งยังได้รับการป้องกันจากมังกรม่วง ทำให้สามารถต้านทานพลังวัตถุเวทจาก         คนอื่นๆ ได้ ชายหนุ่มเร่งความเร็วถึงขีดสุด ก่อนถึงตัวรากฐานวิญญาณแปดนิ้วเพียงชั่วพริบตา

“อย่ามาต่อกรกับข้าเลย หลังจบเรื่อง ข้าจะเลี้ยงทุกท่านด้วยอาหารดีๆ ฉะนั้น ข้าขอรากฐานวิญญาณแปดนิ้วตนนี้นะ ตกลงไหม” หวังเป่าเล่อพูดพลางหัวเราะ    ด้วยความมุ่งมั่นตั้งแต่ต้น ว่าอยากครอบครองรากฐานวิญญาณแปดนิ้ว เขาจึงต้องตอบโต้การโจมตี เพื่อกีดกันหลี่อี้และคนอื่นๆ ให้พ้นทาง ท่ามกลางความวุ่นวายนั้น เขาพุ่งโจมตีรากฐานวิญญาณอย่างจัง

จริงๆ แล้วรากฐานวิญญาณแปดนิ้วนั้นแข็งแกร่งมาก แต่ก่อนหน้านี้ มันถูกโจมตีมาเยอะ ยิ่งกว่านั้น วัตถุเวทของทุกฝ่ายต่างโจมตีในจุดที่มันไม่มีเกราะป้องกันจนบาดเจ็บอย่างหนัก และเริ่มอ่อนกำลังลงทุกที

จังหวะการโจมตีของหวังเป่าเล่อ สร้างรอยแตกผ่ากลางร่างของรากฐานวิญญาณแปดนิ้ว เมื่อเห็นว่ามันใกล้จะแตกสลาย ชายหนุ่มรีบเหวี่ยงหมัดเข้าตรงอกทันที     ด้วยความมั่นใจว่า รากฐานวิญญาณตนนี้จะต้องหมอบให้กับหมัดอันทรงพลังของตน!

หลี่อี้และคนอื่นๆ เห็นดังนั้นต่างร้อนใจและเป็นกังวล แต่ชายหนุ่มหน้าดำจากสำนักศึกษาเต๋ากวางขาวสาขาย่อยกลับเผยแววตาอันชั่วร้าย ก่อนกดเข็มทิศ           วงแหวนปราณโบราณด้วยมือขวาอย่างแรง

“ผนึกกายา!”

เกิดลมกรรโชกแรงจากเข็มทิศทันทีเมื่อสิ้นเสียง เส้นผมของชายหนุ่มหน้าดำ   ปลิวไสวตามแรงลม ปราณวิญญาณรอบกายปะทุขึ้น จนเกิดเป็นกระแสคลื่นล่องหนซัดกระจายไปทั่วบริเวณที่หวังเป่าเล่ออยู่ ก่อนแปรสภาพเป็นผนึกกับดัก

หวังเป่าเล่อกระโดดหนีอย่างตกใจ เพราะคาดไม่ถึงว่าชายหนุ่มหน้าดำผู้นี้จะโจมตีเช่นนี้

ตรงมุมปากของชายอ้วนมีเลือดไหลซิบ ขณะที่ชายหนุ่มตะโกนร้องด้วยเสียงต่ำอีกครั้ง

“ผนึกเวท!”

ปราณวิญญาณปะทุขึ้นอีกครั้ง คราวนี้มันมิได้พุ่งใส่หวังเป่าเล่อ แต่พุ่งเข้าสู่      เข็มทิศของตนเองแทน ปราณวิญญาณนั้นแพร่กระจายไปทั่ว ราวกับเข้าไปตัดการเชื่อมต่อระหว่างหุ่นเชิดกับอักขระแก่นวิญญาณลง ทำให้เหล่าหุ่นเชิดมีอาการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง จนในที่สุดพวกมันก็แน่นิ่งไม่ไหวติง

ศิษย์ห้าคนที่เหลือ ใช้โอกาสนี้พุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่อ

“ทำอย่างนี้ได้ด้วยหรือ” ชายร่างอ้วนหายใจเข้าลึก แม้เขาจะมีพลังต่อสู้อันแข็งแกร่ง สูสีกับผู้ฝึกตนระดับลมหายใจเที่ยงแท้ แต่กระนั้นก็ยังไม่มีแรงกดดันของระดับ        ลมหายใจเที่ยงแท้ จึงไม่อาจทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว หรือประมาทความสามารถของศิษย์จากสำนักศึกษาเต๋าคนอื่นได้ หวังเป่าเล่อเผยประกายในดวงตา ก่อนผ่อน        ลมหายใจออก มหาสมุทรปราณโลหิตทองคำฟุ้งกระจายออกจากร่าง                    ก่อนไหลรวมเข้ากับปราณวิญญาณ และแผ่ซ่านไปทุกสารทิศระหว่างการผนึก!

แสงสีทองคำนั้นเรืองรองเจิดจ้ายิ่งขึ้น และเกิดเสียงดังสนั่นรอบตัว ในขณะที่     มันแผ่ซ่านไปทั่ว แม้ว่ารากฐานวิญญาณแปดนิ้วตนนี้จะต้านทานแรงผนึกไว้            แต่หวังเป่าเล่อไม่ย่อท้อ ก่อนต่อยเข้ากลางอกของมันอย่างแรง

“จงแตกสลายไปเสีย!”

เปรี้ยง!

หลี่อี้และคนอื่นๆ มาถึงในจังหวะที่ได้เห็นรากของรากฐานวิญญาณแปดนิ้วพังทลาย และเปลี่ยนเป็นหมอกเขียวไหลตามกำปั้นของชายอ้วน เพื่อซึมซับเข้าสู่ร่างกายของเขาพอดี!

ทันใดนั้น รากฐานวิญญาณแปดนิ้วแล่นเข้าสู่จุดตันเถียนแทนที่รากฐานวิญญาณเจ็ดนิ้วจนสำเร็จ!

หวังเป่าเล่อหัวเราะลั่นเมื่อร่างกายสัมผัสถึงรากฐานวิญญาณแปดนิ้ว ก่อนจะเก็บบรรดาวัตถุเวทและหุ่นเชิดในกำไลคลังเวท แล้วหมุนตัวเพื่อวิ่งจากไป

“อย่าสู้กันอีกเลย เหล่าศิษย์ทั้งหลาย หวังเป่าเล่อผู้นี้เป็นคนรักษาสัจจะ      หลังจากออกไปข้างนอกแล้ว ข้าขอเลี้ยงอาหารมื้อใหญ่แก่ทุกคน จะสั่งอะไรก็ได้ตามต้องการเลย! ข้าผู้มาจากสาขาอาวุธเวท จะดูแลเต็มที่!”

เมื่อได้ยินคำพูดของชายผู้นั้น และยังเห็นรากฐานวิญญาณแปดนิ้วถูกดูดกลืนไปต่อหน้าต่อตา ชายหนุ่มหน้าดำถอนหายใจแบบผิดหวัง แล้วเก็บเข็มทิศเวท ยอมแพ้ในศึกครั้งนี้แต่โดยดี

“หวังเป่าเล่อ! ไม่มีใครสนใจเรื่องอาหารหรอกนะ” หลี่อี้โวยวาย แต่ก็มิได้โจมตีต่อ       แม้นางจะโกรธจัด แต่เพราะมาถึงขั้นนี้แล้ว จึงจำใจต้องยอมรับความจริง

อู๋เฟินหมดกำลังใจไม่ต่างกัน ส่วนเฉียนเมิ่งนั้น จ้องตามหลังหวังเป่าเล่อด้วย    แววตากระฟัดกระเฟียด แม้การช่วงชิงรากฐานวิญญาณแปดนิ้วของหวังเป่าเล่อจะเป็นการต่อสู้อันสั้น แต่ทุกคนต่างเห็นถึงความกล้าหาญของชายผู้นี้ได้เป็นอย่างดี

“เจ้าอ้วนนั้นแข็งแกร่งเกินไป ทั้งยังมีวัตถุเวทมากมาย แทบไม่มีทางจะต่อกรกับเจ้านั่นได้เลย!” หลี่ฟงและเฉินหลิงอี้ต่างหัวเราะเจื่อนๆ พวกเขามองหน้ากันก่อน  ถอนหายใจ แล้วเริ่มสอดส่ายสายตามองหารากฐานวิญญาณแปดนิ้วตนอื่นแทนต่อไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!