บทที่ 1084 สวรรค์หลัวพรั่นพรึงอมตะ
ความจริงก็เป็นเช่นนั้น รวมทั้งการแต่งงาน ทำให้เรื่องราวจากการเล่าเรื่องของซุนเต๋อแพร่สะพัดอย่างต่อเนื่อง และท้ายที่สุดเบื้องหลังของเขาก็ถูกสืบเสาะจนกระจ่างชัดโดยครอบครัวร่ำรวยนั้น ชื่อเสียงของซุนเต๋อไม่เพียงแต่ได้รับความนิยมในมณฑลเล็กๆ แห่งนี้ ทว่าลามไปถึงมณฑลอื่นๆ โดยรอบด้วย
ดังนั้นครอบครัวร่ำรวยจึงทำได้เพียงแค่อดกลั้น และใช้วิธีบางอย่างซึ่งต้องเสียเงินจำนวนมาก เพื่อช่วยซุนเต๋อปกปิดตัวตนจอมปลอม
แม้เงินที่เสียไปจะทำให้ซุนเต๋อได้รับความนับหน้าถือตาจากผู้คนภายนอก หากแต่ฐานะของครอบครัวกลับตกต่ำลง แต่ถึงอย่างนั้นเขากลับยินยอมถูกตำหนิเพราะความผิดพลาด แม้กระทั่งภรรยาที่แสนอ่อนหวานก็ยังเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อเขาเป็นการดุด่าอยู่บ่อยครั้ง ทว่านางก็ยังงดงามเช่นเดิม
ซุนเต๋อรักภรรยาสุดขั้วหัวใจ เขารู้ว่าตลอดชีวิตของตน การได้แต่งงานกับภรรยาผู้นี้นับเป็นความโชคดีตลอดชั่วชีวิตของเขา
ดังนั้นซุนเต๋อจึงคอยปรนนิบัติพ่อตาไปพร้อมๆ กับภรรยาอย่างดี รวมถึงตั้งใจกลับเนื้อกลับตัว เขาเลิกนิสัยเสพติดการพนัน พร้อมสาบานกับตัวเองว่าหลังจากนี้จะไม่ไปข้องเกี่ยวกับการพนันขันต่อและหอนางโลมอีก
ซุนเต๋อหยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมาอีกครั้ง ตั้งใจว่าจะเล่าเรื่องของตนเอง และทุ่มเทให้กับการเข้าร่วมเดินทางสำรวจอีกสักครา พยายามทำตัวให้คู่ควรกับชื่อเสียงที่มี แม้วิธีการนี้จะทำให้พ่อตาของเขาไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก แต่ภรรยาของเขากลับ ไม่สนใจไยดี ขณะเดียวกันอารมณ์หงุดหงิดของนางนับวันก็โหดร้ายมากขึ้น การดูถูกเหยียดหยามที่อยู่ในแววตาของนางล้วนแฝงไว้ด้วยความเกลียดชัง
เขาไม่ได้ใส่ใจ รู้เพียงแค่ตราบใดที่ตนจริงใจ ย่อมทำให้ภรรยากลับมามีคุณธรรมเสมือนตอนที่ได้แต่งงานกันใหม่ๆ ทว่าในยามนี้…ดูเหมือนโชควาสนาจะเมินเฉย ซุนเต๋อไปเสียแล้ว
ในที่สุดเรื่องเล่าของเขาก็เดินทางมาถึงวันสุดท้าย เรื่องเล่าได้สิ้นสุดลงแล้ว
“เก้าพันหมื่นหายนะนับครั้งไม่ถ้วนถือเป็นจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด ทุกสรรพสิ่งในจักรวาลล้วนเกิดขึ้นและดับไป ส่วนดาวตกที่หายไป…มันคือวงแหวนวงแรก!”
“ครั้งล่าสุดที่กล่าวถึงการแย่งชิงวงแหวนทั้งหมดของผู้เยี่ยมยุทธ์ทั้งสองท่านนั้น หลังจากวงแหวนแรกหายไป ก็ตามมาติดๆ ด้วยการเริ่มต้นของวงแหวนที่สอง สุดท้ายการแย่งชิงของพวกเขาก็จบลง ภายในโลกเก้าพันหมื่น ร่างอวตารอันมหาศาลของหลัวได้สลายไป ทำให้ความเป็นอมตะเอนเอียงไปสู่อีกคนหนึ่งอย่างสมบูรณ์ ท่านผู้นี้…ท้ายที่สุดก็มีสมญานามของตนเอง เขาเรียกตัวเองว่าเป็น…อมตะกู่!”
ภายในโรงน้ำชา ซุนเต๋อวางแผ่นไม้สีดำในมือลงบนโต๊ะ จนได้ยินเสียงดังฟังชัดออกไปถึงนอกโรงน้ำชา
แม้จะเนืองแน่นไปด้วยผู้คน แต่เพราะทุกคนกำลังตั้งใจฟัง ทำให้เสียงของแผ่นไม้ที่ตกลงบนโต๊ะดังสะท้อนออกมา
“ตอนแรกเริ่มของวงแหวนที่สอง หายนะนับครั้งไม่ถ้วนรอบแรกคือจักรพิภพเต๋าของตระกูลไม่รู้สิ้น ส่วนหายนะนับครั้งไม่ถ้วนรอบสองก็คือจักรพิภพของเต๋าไพศาล การเปิดฉากสงครามระหว่างจักรพิภพใหญ่ๆ ทั้งสองได้เกิดขึ้นครั้งแรกบนวงแหวน ที่สอง!”
“แม้ว่าจุดเริ่มต้นสงครามระหว่างสองจักรพิภพที่ยิ่งใหญ่จะไม่เกี่ยวกับผู้เยี่ยมยุทธ์สองท่านนั้น แต่จุดจบของพวกมันเกี่ยวข้องกับผู้เยี่ยมยุทธ์ทั้งสองโดยตรง เพราะจุดนี้เป็นช่วงที่การแย่งชิงความเป็นอมตะเกิดการพลิกผัน!”
“ดูเหมือนอมตะกู่จะชนะ แต่เขาประเมินหลัวต่ำเกินไป!”
“หลัวกำลังเตรียมการ ตั้งแต่เวลานั้นที่พวกเขาทั้งสองคนเริ่มต้นการแย่งชิง เก้าพันหมื่นหายนะนับครั้งไม่ถ้วนถูกตระเตรียมไว้ การเตรียมการที่มีระยะเวลายาวนานนี้ เป็นเหตุให้ความว่างเปล่ากลายเป็นคุกกักขัง เพื่อตัดสินโทษเต๋าสวรรค์ แก่อมตะกู่ จึงทำให้โลกเก้าพันหมื่นล่มสลาย ส่งผลให้การแย่งชิงของพวกเขาเข้าสู่ ขั้นแปลงร่างเก้าพันหมื่นนี้”
“ดูเหมือนว่าภายในโลกเก้าพันหมื่น การกลายร่างเก้าพันหมื่นของหลัว ได้พ่ายแพ้ไปท่ามกลางกาลเวลา และตำแหน่งอมตะก็เอนเอียงมาทางฝั่งกู่ ทว่าสิ่งเหล่านี้…ก็เป็นการเตรียมการของหลัวเช่นเดียวกัน!”
“หลัวกำลังรอคอย…การสิ้นสุดของวงแหวนที่หนึ่ง เพราะทันทีที่มันสิ้นสุดลง ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่อมตะกู่กำลังคิดว่าตนเองจะได้รับชัยชนะ นั่นเป็นโอกาสเดียวที่เขารอคอยว่าวงแหวนจะสมบูรณ์!”
“โอกาสนี้ เมื่อวงแหวนแรกแตกสลาย สงครามเขตมหาเต๋าทั้งสองก็จะเริ่มต้นขึ้นภายในวงแหวนที่สอง! หลัวพังพินาศ ส่วนอมตะกู่ได้รับชัยชนะ ร่างอวตารเก้าพันหมื่นก็จะเปลี่ยนเป็นดวงจิตกลับคืนมา!”
“ยามที่หวนคืนกลับมาและยังไม่ควบแน่น ก็ได้เกิดการเปลี่ยนแปลง อย่างฉับพลัน!”
“หลัว…ยังไม่ดับสิ้น แม้ว่าร่างอวตารเก้าพันหมื่นของเขาจะดับไปแล้ว แต่เหตุต้นผลกรรมยังคงอยู่ นั่นคือภราดรภาพ ความรักระหว่างชายหญิง ความรักระหว่างอาจารย์และลูกศิษย์ ความรักของบุพการี…ด้วยความช่วยเหลือของเหตุต้นผลกรรมระหว่างร่างกลายเก้าพันหมื่นและกู่ ด้วยความช่วยเหลือจากสายสัมพันธ์ที่ทั้งสอง ไม่อาจพรากจากกันในเรื่องของระยะเวลา หลัวจึงบุกรุกและเข้าครอบครอง!”
“เป็นเพราะเก้าพันหมื่นหายนะนับครั้งไม่ถ้วนที่ยืดขยายออกไปของหลัว วัตถุประสงค์ของการจัดวางวงแหวนทั้งวง จากเดิมไม่ใช่เพราะตำแหน่งอมตะ เป้าหมายของเขามีเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือ…ดวงจิตเทพและร่างกายของอมตะกู่!”
“เป้าหมายของทั้งสองคนแตกต่างกัน ประกอบกับมีแผนการอยู่ภายในใจ และการจัดวางของวงแหวนทั้งวง ดังนั้นกู่…จะไร้พ่ายได้อย่างไรกัน ขั้นตอนการกลับคืนของดวงจิตเทพ คือขั้นตอนที่หลัวยืมเพื่อใช้ฟื้นคืนชีพ!”
“แต่กู่ก็ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป แม้จะพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ แต่ภายใต้การแทรกแซงของหลัว ดวงจิตเทพที่ไม่อาจกลับคืนสู่สภาพเดิมและไม่อาจควบคุมได้กลับมารวมเข้าด้วยกัน จนทำให้หลัวยึดครองวิญญาณและร่างกายเขา ฟื้นคืนชีพกลับคืนมาอีกครั้ง แต่กู่ยังคงหลบหนีดวงจิตเทพ ไม่ได้กลับคืนไป แตกสลายกลายเป็นความว่างเปล่า เขาได้บินไปจนถึง…สนามรบของเขตเต๋าไพศาลและเขตเต๋าไม่รู้สิ้น!”
“การหลบหนีของกู่ แม้ว่าหลัวจะได้ร่างของเขาไป และขโมยดวงวิญญาณเทพ ได้สำเร็จ แต่ดวงวิญญาณเทพก็ยังไม่สมบูรณ์ ตำแหน่งอมตะก็เช่นเดียวกัน จึงยัง ไม่นับว่าเป็นอมตะ และเป็นเพราะความคล้ายคลึงกัน ดังนั้นเศษวิญญาณของอมตะกู่ จึงกลายเป็น…ข้อบกพร่องเพียงสิ่งเดียวของหลัว!”
“แต่เศษวิญญาณนี้ เป็นเพราะไร้ซึ่งความสมบูรณ์ จึงก่อให้เกิดความยุ่งเหยิง ยกตัวอย่างเช่นสูญเสียสติไป แต่กู่ในฐานะที่เป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ แม้ว่าจะมีข้อด้อย และเป็นเพียงเศษวิญญาณที่เหลืออยู่ แต่ก่อนที่จะเกิดความยุ่งเหยิงนี้ ในช่วงเวลาที่กำลังตื่นขึ้น เขาได้เปิดใช้เวทสะท้านฟ้า โดยใช้จุดเริ่มต้นของวงแหวนที่สอง และจุดสิ้นสุดที่กำหนดไว้ของวงแหวนที่สอง ตกผนึกเป็นคำสาป!”
“คำสาปนี้…ก็คือหลัวดุจร่วงโรย กู่ยังคงอยู่ กู่ดับสิ้น หลัวทำลายตนเอง!”
“ก่อนวงแหวนที่สองจะสิ้นสุดลง คำสาปพลันเกิดผล นับแต่นั้นเป็นต้นมา จึงมีคำพูดประโยคหนึ่งแพร่กระจายออกไป…สวรรค์หลัวพรั่นพรึงอมตะ ส่วนตำแหน่งอมตะ ที่แท้จริง…ยังคงว่างเปล่าจวบจนทุกวันนี้!” ซุนเต๋อเอ่ยถึงตรงนี้ แผ่นไม้สีดำ พลันกระทบลงบนโต๊ะอีกคราส่งเสียงดังกึกก้อง ทำให้ผู้คนที่อยู่ทั่วบริเวณที่กำลังมึนงง ทยอยสูดลมหายใจเข้า
“ถึงกระนั้นเรื่องนี้…ก็ยังไม่ได้สิ้นสุดลงเพียงเท่านี้!” ซุนเต๋อเองพลันทอดถอนใจออกมา ตอนที่เขาเห็นสิ่งเหล่านี้ภายในฝัน ร่างของเขาได้จมดิ่งลงไปในนั้น ราวกับว่าเขาได้ผ่านเรื่องราวมานับไม่ถ้วนภายในเรื่องราวนี้
“หายนะนับไม่ถ้วนครั้งแรกในวงแหวนที่สอง ก็คือจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้น เป็นเพราะมีความแข็งแกร่ง สามารถทำสงครามดับสิ้นภายในเขตเต๋าไพศาลได้ ย่อมมีความมั่นใจ!”
“สงครามก็เป็นเช่นนี้ เขตเต๋าไพศาลอันเฟื่องฟู ได้รับความพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์ สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในนั้นต่างสิ้นชีพ และล่องลอยไปในขอบเขตที่ไม่มีที่สิ้นสุดนับตั้งแต่นั้น ดุจดั่งภูตผีวิญญาณ มีผู้บุกรุกแอบเข้าไปที่นั่น และได้ยินเสียงร้องคร่ำครวญจำนวน นับไม่ถ้วน!”
“จักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้น แม้ว่าจะได้รับชัยชนะครั้งใหญ่ แต่ก็ไม่มีอนาคตเช่นเดียวกัน เนื่องจากการหนีไปของเศษวิญญาณของอมตะกู่ ทั้งจักรพิภพถูกหลัวเหยียบย่ำขณะไล่ตามหา ก่อนจะถูกปิดผนึกพร้อมกับเศษวิญญาณอมตะกู่ กลายเป็นศิลาโบราณนิรันดร์ เมืองนิรันดร์ถูกกดอยู่ในส่วนลึกของจักรวาล และกลายเป็นตำนาน!”
“หลัวไม่อาจทำลายกู่ได้ และไม่กล้าหลอมรวมเศษวิญญาณต้องคำสาป แต่เขาสามารถรอ…รอการสิ้นสุดของวงแหวนที่สอง เมื่อถึงเวลานั้น…เขาก็จะกลืนกิน เศษวิญญาณ เพื่อให้ร่างกายของตนเองสมบูรณ์ และกลายเป็นอมตะเพียงหนึ่งเดียว!”
“วงแหวนที่สองนี้…ในภายหลังมีคนปรากฏตัวขึ้น มารหมกมุ่นกับการเกิดใหม่น้อยลง ชะตากรรมของปีศาจถูกปิดผนึกระหว่างสวรรค์เทือกเขาและท้องทะเล ไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ริเริ่มความคิดเรื่องนิรันดร์ ครึ่งเทพครึ่งอมตะกลับตาลปัตร!” ซุนเต๋อเอ่ยปากกระซิบ ภาพเรื่องราวในความฝันหยุดชะงักลง
เรื่องราวที่เขาเล่าได้สิ้นสุดไปนานแล้ว ภายในโรงน้ำชายังคงเงียบสงัด ราวกับเมฆาบนท้องนภาก็ไม่ปาน มีบางคนถึงขั้นจิตตก หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ซุนเต๋อพลันถอนหายใจออกมา เขาลูบแผ่นไม้สีดำในมือ ก่อนจะยกขึ้นและวางลงบนโต๊ะอีก คราหนึ่ง
แปะ!
เสียงดังก้องกังวานทั่วทิศ ทั้งยังชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิม ส่งผลให้คนที่กำลังนั่งฟังเหล่านั้น ค่อยๆ ฟื้นสติกลับคืนมาจากเรื่องเล่า เพียงแต่ความมึนงงที่ยังคงหลงเหลืออยู่นัยน์ตา ราวกับว่าต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะเดินออกจากเรื่องราวของหลัวและกู่ได้อย่างแท้จริง
ส่วนซุนเต๋อในเวลานี้ ก็อยู่ในสภาพหมดแรงเช่นกัน เขาลุกขึ้นยืนอย่างเงียบๆ โค้งคารวะผู้ฟังรอบด้าน ก่อนจะก้าวเท้าเดินออกจากโรงน้ำชาไป…
บนถนนของมณฑลเล็กๆ สายตาของซุนเต๋อเลื่อนลอยเกินบรรยาย เรื่องราวได้จบลงแล้ว แต่เรื่องของเขาเพิ่งเริ่มต้นขึ้น เขาไม่รู้ว่าหลังจากนี้ตนจะพึ่งพาสิ่งใดเพื่อ หารายได้ รักษาหน้าตา และรักษาทัศนคติของภรรยาที่มีต่อเขา ที่แม้ว่าจะมีเพียง น้อยนิดก็ตาม
เป็นเพราะ…เมื่อครึ่งเดือนก่อน หลังจากเรื่องราวในฝันสิ้นสุดลง กระทั่งตอนนี้ ก็ไม่ปรากฏออกมาให้เห็นอีกเลย
ท่ามกลางความเงียบสงัด ในความงุนงงของซุนเต๋อแฝงไว้ด้วยความตื่นตระหนก เขากระสับกระส่าย ขณะลูบร่างกายตนเองตามสัญชาตญาณ ท้ายที่สุดจึงหยิบ แผ่นไม้สีดำออกมา และลูบมันอย่างแผ่วเบา…
“ไม่มีความฝันแล้ว ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะสร้างเรื่องขึ้นด้วยตนเอง ข้ายังคงได้รับชื่อเสียง และใช้ชีวิตในแต่ละวันได้เป็นอย่างดี ซุนเต๋อ เจ้าทำได้!!!” ซุนเต๋อสูดหายใจเข้าลึก ความหวังและความปรารถนาฉายชัดอยู่ในดวงตาคู่นี้
ทว่าท้องนภาอันหมองหม่น บัดนี้มีหยาดฝนโปรยปรายลงมาแล้ว หยดน้ำฝนหนาวเหน็บกระทบลงบนร่างกายของซุนเต๋อ หนาว ช่างหนาวจับใจ…ราวกับดับสิ้นความหวังและความปรารถนาทั้งหมดที่มี