บทที่ 119 หวังเป่าเล่อกลับมาแล้ว
ศิษย์ที่เห็นข้อความในจดหมายได้แต่ยืนอ้าปากค้าง เจ้าสำนักศึกษาเต๋ากวางขาวสาขาย่อยสังเกตเห็นจดหมายแผ่นเล็กที่ตอนแรกมองข้ามไปเพราะความเดือดดาล ในใจ
เขาหยิบจดหมายขึ้นมา พอได้อ่านข้อความในจดหมาย เส้นเลือดก็ปูดโปนขึ้นที่หน้าผาก หันไปมองตาแข็งใส่เจ้าเยี่ยเหมิง ก่อนจะโยนจดหมายไปทางชายชราด้วยความโกรธเกินจะอธิบาย
“เจ้าสำนักลู่ อธิบายมาเดี๋ยวนี้!”
หลังจากได้อ่านจดหมาย ชายชราก็ได้แต่หัวเราะแห้งๆ ในใจ
“เจ้าเยี่ยเหมิง ช่วยบอกเจ้าสำนักให้ดูแลหุ่นเชิดของข้าด้วย อย่าไปดึงออกมั่วซั่ว ไม่อย่างนั้นมันจะระเบิดเอา”
ด้านล่างข้อความมีตัวอักขระจารึกไว้หลายแถว
ตัวอักขระนั้นอธิบายถึงวิธีปลดหุ่นเชิดออก ถ้าไม่ใช่ผู้ที่เชี่ยวชาญเรื่อง อักขราจารึกจากสาขาวิชาอาวุธเวทก็คงไม่สามารถปลดหุ่นเชิดออกได้ภายในเวลาสั้นๆ เจ้าสำนักศึกษาเต๋ากวางขาวสาขาย่อยนั้น แม้ว่าจะมีระดับการฝึกตนอันน่า เกรงขาม แต่ก็ไม่ได้เชี่ยวชาญด้านอักขราจารึกเท่าชายชรา เห็นสายตาเกรี้ยวกราดมองมา ชายชราก็กระแอมไอขึ้น
“ทุกท่าน โปรดสงบใจ…” ยังไม่ทันจะจบประโยค เสียงครางน่ารำคาญหูก็ดังขึ้นจากทางเข้าหมู่บ้านลมปราณวิญญาณอีกครั้ง ฝูงชนต่างตะลึงงันเมื่อเห็นศิษย์สำนักศึกษาเต๋ากวางขาวปรากฏตัวพร้อมกับหุ่นเชิดที่รายล้อมรอบกาย
เจ้าสำนักศึกษาเต๋ากวางขาวหน้าถอดสีหนักไปกว่าเดิม หลังจากได้ฟังเรื่องราวของสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์จากเจ้าเยี่ยเหมิง เจ้าสำนักทั้งสามก็รู้ดีว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้
ชายชราปวดขมับกับเหล่าหุ่นเชิดตรงหน้า ไม่บอกก็รู้ว่านี่ต้องเป็นฝีมือของ หวังเป่าเล่อแน่ๆ
“เรื่องนี้…ถ้าจะให้ข้าอธิบาย…” ชายชรากระแอมไออีกครั้ง พยายามตีหน้าซื่อ แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไรต่อ เสียงสุดกวนใจก็ดังขึ้นอีกครั้ง
สามเจ้าสำนักมองตาเขียว ชายชราแสร้งทำเป็นไม่เห็นสายตาเหล่านั้นและรีบพูดต่อ
“จริงๆ และอาจจะมีเรื่องเข้าใจผิดกัน…”
“อ้า…อู้…”
เสียงกวนใจดังขึ้นขัดอีกครั้ง รอบนี้มีร่างศิษย์สามคนปรากฏตัวออกมาด้วย
เห็นสภาพศิษย์ของตนแล้ว เจ้าสำนักทั้งสามก็โกรธจัดจนแทบจะระเบิด ชายชราถอนหายใจและตบหน้าผากตนเอง
“ให้ข้าช่วยพวกเขาก่อน แล้วจะอธิบายให้ฟังทีหลัง!”
พูดจบ ชายชราก็เดินไปทางหลี่อี้ ยกมือขวาขึ้น ปลดปล่อยหลี่อี้ออกจากอ้อมกอดของเหล่าหุ่นเชิด แต่เขาก็ไม่สามารถปิดเสียงพวกมันได้ จะให้ทำลายทิ้งสุ่มสี่สุ่มห้า ก็คงจะไม่ดี เลยได้แต่ปล่อยให้หุ่นเชิดร้องครางกวนประสาทผู้คนต่อไป
หลังจากปล่อยอู๋เฟินและคนอื่นๆ ให้เป็นอิสระ เหล่าศิษย์จากทุกสำนักก็เข้าไปดูแลจนพวกเขาได้สติคืน พอฟื้นขึ้นมาเห็นสายตาประหลาดของฝูงชน พวกเขาก็นึกถึงเหตุการณ์ก่อนที่จะหมดสติไปได้อีกครั้ง ได้ยินเสียงครางจากเหล่าหุ่นเชิดรอบๆ พวกเขาก็ตกตะลึงก่อนจะร้องลั่นพร้อมกับยกมือปิดหน้า
“หวังเป่าเล่อ เรื่องระหว่างเราต้องไม่จบแค่นี้แน่!”
“ท่านเจ้าสำนัก หวังเป่าเล่อเป็นคนทำ!”
“ท่านเจ้าสำนัก โปรดให้ความยุติธรรมแก่ข้า!”
เหล่าผู้คนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ต่างโวยวายลั่น อู๋เฟิน ชายหนุ่มหน้าดำ และคนอื่นๆ ต่างคำรามด้วยความเกรี้ยวกราด ก่นด่าหวังเป่าเล่อไม่หยุดปาก
แม้ว่าเหล่าศิษย์จากอีกสามสำนักศึกษาที่อยู่รอบๆ จะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์โดยตรง พวกเขาก็รู้อยู่แล้วลึกๆ ว่าผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ต้องเป็นหวังเป่าเล่อแน่ เหล่าผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ก็แอบเกรงกลัวอยู่ลึกๆ ว่าหวังเป่าเล่อจะมาแก้แค้นตนบ้าง การกระทำครั้งนี้ของหวังเป่าเล่อนั้นถือว่าโหดเหี้ยมมากสำหรับคนส่วนใหญ่
พอมีคนหนึ่งยกประเด็นขึ้นมา คนที่เหลือก็เริ่มฟ้องบ้าง
“ท่านเจ้าสำนัก! หวังเป่าเล่อมันช่างต่ำช้ายิ่งนัก! มันแอบดูพวกเราอาบน้ำด้วย!”
“ท่านเจ้าสำนัก! หวังเป่าเล่อขโมยรากฐานวิญญาณห้านิ้วไปจากข้า! ข้าพยายามต่อสู้อย่างหนักเพื่อให้ได้มา แต่เจ้าหวังเป่าเล่อมันกลับแอบซุ่มเงียบอยู่ข้างๆ นอกจากจะโผล่มาขโมยไปแล้ว ยังทำร้ายข้าอีก!”
“ท่านเจ้าสำนัก! ข้าก็มีเรื่องหวังเป่าเล่อจะรายงาน! เขาทำร้ายจั่วอี้เซียนจนบาดเจ็บหนัก ทำให้ข้าได้มาเพียงรากฐานวิญญาณเจ็ดนิ้ว!”
“ท่านเจ้าสำนัก…”
คำร้องทุกข์รัวขึ้นไม่หยุดยั้งราวกับคลื่นที่ซัดกระทบหินเสียงดังไม่จบสิ้น ผู้คนมากมายร่วมวงฟ้อง กลายเป็นภาพเหล่าศิษย์จากอีกสามสำนักศึกษารุมด่า หวังเป่าเล่อเป็นการใหญ่ แม้ว่าบางคนจะไม่เคยพบหวังเป่าเล่อมาก่อน ก็ยังมาร่วมวงโบ้ยความผิดให้ชายหนุ่ม ก่อให้เกิดความวุ่นวายใหญ่โต
เหตุการณ์ตรงหน้าทำให้เจ้าสำนักจากสี่ยอดสำนักศึกษาเต๋าอึ้งไป พวกเขาคิดภาพไม่ออกเลยว่าหวังเป่าเล่อจะทำให้ผู้คนเกลียดชังได้มากถึงเพียงนี้ รากฐานวิญญาณนับพันที่ติดตามหวังเป่าเล่อไปนั้นเคยเป็นรากฐานวิญญาณที่ต้องชะตากับคนอื่นอยู่ก่อนแล้ว การทรยศของรากฐานวิญญาณนี้ได้แปรเปลี่ยนมาเป็นความเกลียดชังฝังลึกในใจผู้คน
ยิ่งพอรากฐานวิญญาณไม่สามารถหาตัวหวังเป่าเล่อได้ และเริ่มกระจัดกระจายไปทั่ว ทำให้มีแต่ร่างหวังเป่าเล่อว่อนอยู่ทั่วพื้นที่ เกิดเป็นภาพตอกย้ำเหล่าศิษย์ที่หดหู่ใจอยู่ ยิ่งเห็นยิ่งแค้น แต่ก็ไม่สามารถหนีได้พ้น
มีหลายคนที่ไม่เคยพบปะหวังเป่าเล่อเลย แต่ด้วยความอิจฉาและอยากมีส่วนร่วม เลยกระโดดเขาไปร่วมวงก่นด่าด้วยเช่นกัน
เหล่าศิษย์มากมายสลับกันก่นด่าหวังเป่าเล่อ ก่อให้เกิดเป็นความโกลาหล สามสหายแห่งสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ได้แต่มองหน้ากันเองสลับกับชายชราโดยไม่พูดอะไร
ชายชรารู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก ได้แต่หัวเราะอย่างขมขื่นอยู่ภายใน ก่อนหน้านี้เขาไม่ก็ไม่ได้คิดว่าหวังเป่าเล่อจะก่อความรำคาญใจให้ผู้อื่นได้มากขนาดนั้น แต่พอจับมาไว้กับคนหมู่มาก เด็กหนุ่มก็สร้างความเกลียดชังจากผู้คนได้มากทีเดียว
ระหว่างที่กำลังปวดหัวกับเรื่องที่เกิดกับเสียงครางของหุ่นเชิดที่ดังขึ้นเรื่อยๆ เหล่าผู้ฝึกตนที่คุ้มกันทางเข้าอยู่ก็ร้องลั่นขึ้นมา!
“มีอะไรบางอย่างกำลังลอยมาทางนี้!”
“เงียบหน่อย! มีวัตถุประหลาดกำลังพุ่งมา!”
“ใหญ่มาก เหมือนจะไม่ใช่ศิษย์ด้วย!”
เสียงตะโกนจากหน้าทางเข้าหมู่บ้านลมปราณวิญญาณเรียกความสนใจจากเจ้าสำนักแห่งสี่ยอดสำนักศึกษาเต๋าในทันใด ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ คงจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่ต้องสนใจอะไร แต่พอเกิดลำแสงขึ้นในหมู่บ้านลมปราณวิญญาณ พวกเขาก็ตื่นตัวกัน เป็นพิเศษ ทุกคนต่างหันไปมองบนฟ้า
เหล่าศิษย์ทั้งหลายหยุดก่นด่า มองตามไปอย่างกังวลใจ
เมื่อหันไปทางปากทางเข้าหมู่บ้านลมปราณวิญญาณ ก็พบกับวัตถุสูงหกเมตร กว้างเก้าเมตรกำลังลอยตรงมาทางพวกเขา
สนามแม่เหล็กล้อมรอบวัตถุนั้นอยู่ วัตถุประหลาดส่องแสงแวววาวจนมองได้ลำบาก อีกทั้งยังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง พอเริ่มเคลื่อนเข้ามาใกล้ ก็เริ่มมองออกว่าเป็นอะไร
“นั่นอะไร”
“เหมืองจะเป็นถังขนาดใหญ่…”
“จริงเหรอ ไม่ใช่ถัง…มีคนห้อยอยู่รอบๆ ด้วย”
“มีข้าวของใส่อยู่ในถังมากเลยทีเดียว…สวรรค์ เหมือนจะมีหม้อหลอมโอสถอยู่ด้วย”
ฝูงชนต่างส่งเสียงตื่นตะลึงกันยกใหญ่ เมื่อวัตถุปริศนาลอยเขามาใกล้ ชายชราก็สังเกตเห็นร่างคนที่ถูกถังบังไว้ได้ พอเห็นเป็นร่างอ้วนท้วม เขาก็สูดหายใจลึก ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ สามเจ้าสำนักก็จำรูปลักษณ์นั้นได้หลังจากสังเกตดูดีๆ พวกเขาอยากจะโพล่งต่อว่าออกไปด้วยความเคยชิน แต่กลับทำได้แค่ นิ่งอึ้งไปหลังจากได้เห็นจำนวนข้าวของที่มากเกินกว่าที่เคยนึกฝันไว้
ไม่ช้า ศิษย์ตาดีหลายคนก็สังเกตเห็นร่างท้วมเช่นกัน พวกเขาขยี้ตาดูอีกครั้ง อยากจะร้องลั่นออกมา แต่ก็ทำไม่ได้
“นั่นมัน…หวังเป่าเล่อ!”
หลังจากพูดจบ พวกเขาก็ได้ยินเสียงหวังเป่าเล่อตะโกนออกมาจากหลังถังใบใหญ่
“พวกที่ยืนออกันอยู่ข้างหน้า หลบไป! อันตราย! อย่ายืนขวาง ข้าไม่รู้จะหยุดยังไง!”
พอเสียงตะโกนดังขึ้น เหล่าศิษย์จากทั้งสี่สำนักก็เห็นหวังเป่าเล่อได้ถนัดตา ก็รีบพากันถอยกรูดเปิดทางให้ ทั้งที่ในหัวยังอื้ออึงด้วยคลื่นความคิดมากมาย
หวังเป่าเล่อที่รายล้อมด้วยสนามแม่เหล็กก็พุ่งมาเร็วขึ้นหลังจากที่ฝูงชนแหวกทางให้ เขาพุ่งออกจากหมู่บ้านลมปราณวิญญาณเกิดเป็นคลื่นเสียงดังสนั่น ชายหนุ่มปรากฏตัวที่ลานกว้างหน้าหมู่บ้านในทันใด
สนามแม่เหล็กพลันหายไป แต่วัตถุนั้นยังกระเด็นกระดอนต่อ กระแทกจนพื้นดินสั่นสะเทือนหลายครั้งจากน้ำหนักและความเร็วของมัน หวังเป่าเล่อกอดถังกลิ้งไปอีกร้อยเมตรก่อนจะหยุดลง ชายหนุ่มวางถังกระแทกกับพื้นเสียงดัง
หวังเป่าเล่อหันกลับมาขณะที่กำลังหอบหายใจ ปาดเหงื่อออกจากใบหน้า และมองไปยังฝูงชนเบื้องหน้า มีทั้งเหล่าศิษย์ คณะผู้ฝึกตนที่ติดตามมาหลายร้อยคน เจ้าสำนักจากสี่ยอดสำนักศึกษาเต๋า รวมไปถึงยอดฝีมือและผู้อาวุโสจากแต่ละ สำนักศึกษาที่ตามมาภายหลัง ผู้คนเหล่านั้นต่างมองไปทางชายหนุ่มราวกับเห็นผี
หวังเป่าเล่อปลื้มปริ่มเมื่อได้เห็นใบหน้าตื่นตะลึงของทุกคน เขากระแอมไอ อยากกล่าวทักทายสักเล็กน้อย แต่ก่อนจะได้พูดอะไรออกไป เสียงสับสนอลหม่านก็ ดังก้องเขย่าผืนดินและสรวงสวรรค์ หวังเป่าเล่อจมหายไปกับเสียงหนาหูเหล่านั้น