Skip to content

A World Worth Protecting 1207

บทที่ 1207 อาจารย์น่าเกรงขาม

ดวงตาของปรมาจารย์แห่งไฟฉายแววงุนงง ตอนนี้เขายังไม่เข้าใจเลยว่าทำไมจู่ๆ หลังจากศิษย์ของตนทะลวงเป็นจักรพิภพแล้ว กลับกลายเป็นว่า…มีพลังแบบจักรพรรดิสวรรค์ได้

เขามีการคาดเดาอยู่ในใจ แต่การคาดเดานี้มันเหลือเชื่อเกินไป สิ่งนี้ทำให้เขา นึกถึงข่าวลือบางอย่างในสมัยโบราณ

กลับกัน ตอนนี้แม้ว่าผู้ฝึกตนของสหพันธรัฐภายในระบบสุริยะจะตื่นเต้นตกใจ กันอยู่ แต่เนื่องจากไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับจักรพิภพ ดังนั้นจึงดูอะไรไม่ออก เพียงรู้ว่าหวังเป่าเล่อแข็งแกร่งไร้เทียมทาน

แต่กับปรมาจารย์มหาทัณฑ์และประมุขซิงอี้ รวมถึงปรมาจารย์ครามทองคำ สามคนนั้นไม่เหมือนกัน ตอนนี้ในใจของพวกเขาเกิดคลื่นลูกใหญ่โหมกระหน่ำ ปรมาจารย์มหาทัณฑ์สูดหายใจ ชั่วขณะนี้เอง ความคิดระแวงทั้งหมดภายในใจ ล้วนสลายหายไปทั้งสิ้น และไม่กล้าเกิดความรู้สึกไม่พอใจแม้แต่นิด

ส่วนทางฝั่งประมุขซิงอี้ ขณะที่เขาตัวสั่นเทา ดวงตาก็ฉายประกายแสงแรงกล้าออกมา เขารู้มากกว่าคนอื่นๆ มาก…เพราะเขาเคยเห็นผู้ฝึกตนอย่างเทพเคารพสูงสุดที่มาจากโลกภายนอกคนหนึ่ง ธิดาศักดิ์สิทธิ์ของสำนักอย่างหวังอีอีก็คือบุตรสาวของคนผู้นี้

ดังนั้น ความลับที่เขารู้ก็คือ…เต๋าที่ผู้ฝึกตนทั้งหมดภายในจักรวาลแห่งนี้ฝึกฝนอยู่ล้วนไม่ใช่ทางที่สมบูรณ์แบบ ล้วนแต่มีส่วนขาดหาย แต่กับโลกภายนอกนั้น แม้ว่า ชื่อของการแบ่งระดับชั้นจะแตกต่างกัน แต่กลับมีการตัดสินแบบเดียวกัน

วิธีการตัดสินนี้เริ่มจากระดับขั้นที่หนึ่งไปถึงขั้นที่ห้า

ตามที่เขาได้ยินมาเมื่อปีนั้น จักรพิภพในจักรวาลแห่งนี้ควรจะอยู่ในขั้นที่สามของจักรวาล จักรพรรดิสวรรค์คือขั้นที่สี่ แต่ความจริงแล้วเนื่องจากว่าเต๋าไม่สมบูรณ์แบบ ดังนั้นจึงเทียบกับผู้ฝึกตนของโลกภายนอกไม่ได้ ความแตกต่างนั้นเป็นเพราะเต๋า ที่แต่ละคนบรรลุไม่เหมือนกัน ถือว่าอยู่ประมาณระดับขั้นใหญ่อย่างหนึ่ง

บางครั้งก็มีข้อยกเว้น แต่ก็ยังขาดระดับขั้นเล็กไปนิดหน่อย ทว่าขอแค่ทำถึงข้อยกเว้นได้ก็จะเป็นสุดยอดในสุดยอดของจักรวาลแห่งนี้ได้แล้ว

แต่…ไม่ว่าจะได้รับข้อยกเว้นอย่างไรก็ดูเหมือนว่าล้วนไม่อาจบรรลุถึงระดับอย่างหวังเป่าเล่อได้ ด้วยพลังที่เพิ่งก้าวเข้าสู่ระดับจักรพิภพ แต่กลับใช้อานุภาพการควบคุมมหาเต๋าของจักรพรรดิสวรรค์ได้เช่นนี้

มีคำอธิบายเพียงอย่างเดียว…

“หวังเป่าเล่อ อาจเป็นเพราะโอกาสวาสนาพิเศษบางอย่างที่สร้างขึ้น จึงเดินไปถึง…มหาเต๋าอันสมบูรณ์ กลายเป็น…ขั้นที่สามอย่างแท้จริงอย่างนั้นหรือ”

ภายในใจของประมุขซิงอี้สั่นสะท้านรุนแรง และยังมีปรมาจารย์ครามทองคำ ตอนนี้ก้นบึ้งจิตใจของเขาทั้งตื่นเต้นและยินดีกับการตัดสินใจเลือกก่อนหน้านี้ของตนยิ่งนัก เขาคิดว่าเรื่องที่กระทำได้ถูกต้องที่สุดในชั่วชีวิตนี้ของเขาคงจะเป็นการเลือกผสานเข้ากับระบบสุริยะอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ และยังมีภายในจักรพิภพสำนักเสริม ศิษย์ลำดับที่สิบเจ็ดภายในสำนักเต๋าเจ็ดวิญญาณ ตอนนี้เขาก็ตื่นเต้นเช่นเดียวกันแล้วเอ่ยพึมพำเสียงเบา

“ท่านพ่อสมกับเป็นท่านพ่อจริงๆ ท่านพ่อรอข้านะ ไม่นานข้าก็จะทะลวงพลังฝึกตน เมื่อถึงตอนนั้นแล้วจะไปคารวะที่ตักของท่าน…”

และยังมีสำนักดาราจันทร์ผู้ลึกลับ ตอนนี้ปรมาจารย์ดาราจันทร์ที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนหน้าผาหน้าน้ำตกด้านหลังภูเขาได้ถอนสายตาที่มองไปยังสหพันธรัฐกลับมาแล้ว แววตาเผยความทอดถอนใจ มุมปากเผยรอยยิ้ม

“ใกล้จะถึงเวลานัดหมายแล้ว…”

ชั่วขณะนี้ ทั่วทั้งภายในจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้น จิตใจของทุกคนล้วนเกิดความคิดหนึ่งอย่างขึ้นมา นั่นก็คือ…จากนี้เป็นต้นไป ผู้แข็งแกร่งสูงสุดของจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้น จะมีเพิ่มขึ้นมา…หนึ่งคน!

ชื่อของคนผู้นี้ก็คือ…หวังเป่าเล่อ!

และในตอนนี้เอง ร่างธรรมของหวังเป่าเล่อที่โดดเด่นขึ้นภายในจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้น ก็กำลังยืนอยู่นอกระบบสุริยะ หลังจากสยบมหาเต๋าของห้าสำนักไว้ที่ส่วนขาดหายของแผ่นเลื่อนระดับโลกาแล้ว เขาก็จ้องมองไปยังจุดที่ฝ่ามือซึ่งเกิดจากพลังเบื้องหลังของห้าสำนักเลือนหายไป ดวงตาหรี่ลง มีประกายเฉียบคมวาบผ่าน

“ราคาที่ต้องจ่ายยังไม่พอ” หวังเป่าเล่อกล่าวเสียงเรียบ เขายกมือขวาขึ้น กำหมัด แล้วชกไปยังอวกาศถึงสี่หมัดทันที!

สี่หมัดนี้ แต่ละหมัดล้วนผสานกายเนื้อ วิญญาณเทพ และพลังฝึกปรือเอาไว้ อย่างเต็มที่ พลังรบที่แข็งแกร่งที่สุดก็ปะทุออกมากลายเป็นเงาหมัดขนาดมหึมาสี่ร่าง พร้อมกับพลังสั่นสะเทือนมหาเต๋า ส่งเสียงกึกก้องไปตลอดทางแล้วพุ่งไปยัง สี่สำนักใหญ่นอกเหนือจากเต๋าเก้ารัฐ!

ความเร็วของมันพุ่งทะลวงผ่านความว่างเปล่า พริบตาเดียวก็มาถึงอวกาศ ที่สี่สำนักใหญ่อยู่แล้วทะยานไปยังประตูภูเขาดาวเอกของทั้งสี่สำนัก ขณะที่ผู้ฝึกตนของทั้งสี่สำนักตกตะลึงจนพูดไม่ออกนั้น หมัดทั้งสี่ของหวังเป่าเล่อก็ชกลงไปยัง อวกาศส่วนที่แตกต่างกัน ทั้งสี่สำนักระเบิดพลังสะเทือนฟ้าของตนออกมา พลังเบื้องหลังก็ถูกใช้ออกมาเต็มกำลัง แต่ก็ยังถูกเงาหมัดของหวังเป่าเล่อทุบทำลายสำนักท่ามกลางเสียงสะเทือนกึกก้องดังติดต่อกันเป็นชุดๆ สิ่งก่อสร้างนับไม่ถ้วนพังทลาย ผู้ฝึกตนจำนวนมากสั่นสะท้านจนกระอักเลือดออกมา

ถึงขั้นที่ดวงดาราก็ยังสั่นไหว ถูกทุบตีรุนแรงจนวงโคจรบิดเบี้ยว ทำให้เกิดลมพายุพัดกวาดอวกาศของพวกเขาไป ยิ่งกว่านั้นยังมีกระแสเต๋าจากหวังเป่าเล่อ ขณะที่กำปั้นของเขาสลายไป มันก็เติมเต็มอวกาศที่สี่สำนักแห่งนี้อยู่และทำให้ ร่างกายของผู้ฝึกตนทั้งหมดจมลง วิญญาณเทพถูกกดไว้ ยิ่งพลังฝึกปรือแข็งแกร่ง ก็ยิ่งสัมผัสได้ล้ำลึก

สำหรับทั้งสี่สำนักนี้ หมัดลูกนี้หมายถึงทัศนคติของหวังเป่าเล่อและหมายถึง การเตือนด้วย!

จากนั้นหวังเป่าเล่อก็มองไปยังทิศของเต๋าเก้ารัฐ วันนี้เขาจะต้องแสดงอำนาจ สิ่งที่ทำไปก่อนหน้านี้ยังไม่พอ ต่อให้ชกออกไปสี่หมัดก็ยังทำได้ไม่ถึงการสยบ แบบที่เขาต้องการ ดังนั้นเต๋าเก้ารัฐผู้เป็นต้นเหตุของทุกอย่างก็คือสถานที่ ที่หวังเป่าเล่อจะแสดงอำนาจ ดังนั้นขณะที่หมัดทั้งสี่ส่งเสียงสะเทือนกึกก้องไป ไกลแล้ว หวังเป่าเล่อก็ยกมือขวาขึ้น คว้าจับไปที่ระบบสุริยะ

ด้านนอกดวงอาทิตย์ดารานิรันดร์ เป็นเพราะหลังจากขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องก่อนหน้านี้ ตอนนี้กระบี่สำริดโบราณที่แทงลงไปจึงโผล่ออกมาเพียงส่วนเล็กมากๆ เท่านั้น และทันใดนั้นมันก็สั่นสะเทือนรุนแรงท่ามกลางการคว้าจับครั้งนี้ พริบตาต่อมามันก็หายไปทันที เมื่อปรากฏตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในมือของหวังเป่าเล่อด้วยขนาดที่ หดเล็กลงไม่น้อย!

หลังจากถูกเขายกขึ้นมาแล้ว พลังฝึกปรือภายในร่างก็ระเบิดออก พลังแห่งฝักดาบ กู่ร้องแล้วฟันลงไปยังทิศทางของเต๋าเก้ารัฐฉับพลัน

ปราณกระบี่ขนาดเท่ากับดาราจักรสายหนึ่งระเบิดออกมาตรงหน้าหวังเป่าเล่อทันทีแล้วพุ่งทะลวงความว่างเปล่าไปยังจุดที่เต๋าเก้ารัฐตั้งอยู่โดยตรง เสียงระเบิดและเสียงหวีดแหลมนับไม่ถ้วนกรีดร้องออกมา

เมื่อดาบฟันลงไป หวังเป่าเล่อก็คลายมือ กระบี่สำริดโบราณก็หายกลับไป ปรากฏยังที่เก่า ผู้ฝึกตนวังเต๋าไพศาลที่อยู่ในนั้นตกตะลึง ตอนนี้ภายในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้าย ความว่างเปล่า ณ ประตูภูเขาดาวเอกภายในอวกาศที่ สำนักเต๋าเก้ารัฐอยู่ฉีกขาดทันที ปราณกระบี่ปรากฏขึ้นกะทันหันแล้วฟันลงไปยัง ดาวแห่งนี้โดยตรง!

ดวงดาราสั่นสะเทือนคล้ายจะถูกฟันเป็นสองส่วน ผู้ฝึกตนของเต๋าเก้ารัฐกระอักเลือด ขณะที่ตื่นตกใจอยู่ก็มีเสียงถอนหายใจดังออกมาจากส่วนลึกของเต๋าเก้ารัฐ เงาร่างมหึมายิ่งใหญ่ที่ทั้งร่างแผ่กลิ่นอายของระดับจักรวาลก็ปรากฏขึ้นมา ในตอนนี้เอง จากนั้นก็ยกมือขึ้นชี้ไปยังปราณกระบี่ของหวังเป่าเล่อที่ฟันลงมา

ท่ามกลางเสียงสะเทือนเลื่อนลั่น นิ้วมือของเงาร่างนั้นพลันพังทลาย ขณะที่แตกสลายเป็นเสี่ยงๆ ปราณกระบี่ก็สลายไปด้วยเช่นกัน แต่ตอนนี้กระแสเต๋าจากหวังเป่าเล่อ ได้กลายเป็นพลังสยบกดดัน พร้อมกับเสียงของหวังเป่าเล่อที่ดังสะท้อนอยู่ใน ห้วงอวกาศของเต๋าเก้ารัฐแล้ว

“นี่คือคำเตือน!”

เสียงของเขาและกระแสเต๋าของเขาราวกับลมพายุพัดกระจายในชั่วขณะนี้เอง ทำให้ประตูภูเขาของเต๋าเก้ารัฐถูกทำลายลงกะทันหัน ดวงดาวในนั้นสั่นสะเทือนรุนแรง มีบริเวณหนึ่งที่แบกรับไม่ไหวแล้วพังทลายลงทันทีก่อนกลายเป็นสะเก็ดดาวกระจัดกระจายไปในอวกาศ

“สหายเต๋าระงับโทสะ เป็นความผิดของเต๋าเก้ารัฐของข้าเอง สมควรได้รับเคราะห์ ครั้งนี้แล้ว” ผ่านไปพักหนึ่ง เสียงของปรมาจารย์ระดับจักรวาลผู้นั้นของเต๋าเก้ารัฐ ก็ค่อยๆ ดังออกมาพร้อมกับความอ่อนล้าแก่ชรา

ชั่วขณะนี้เอง สรรพชีวิตภายในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายก็เงียบงัน ทุกคนล้วนเข้าใจแล้วว่า สถานการณ์…ได้เปลี่ยนแปลงแล้ว

หวังเป่าเล่อไม่ให้ความสนใจกับเต๋าเก้ารัฐอีก ร่างธรรมของหวังเป่าเล่อที่ด้านนอกระบบสุริยะหันกายไปทางปรมาจารย์แห่งไฟ แล้วคำนับด้วยธรรมเนียมของศิษย์ อย่างล้ำลึก

“อาจารย์”

ทันใดนั้นดวงตาของปรมาจารย์แห่งไฟก็สว่างไสว ยืดอกแล้วลูบเครา ใบหน้าเผยรอยยิ้ม ท่าทางกระฉับกระเฉง จากนั้นก็พยักหน้าให้

“เป่าเล่อ เจ้าทำได้ไม่เลว ดีมาก อาจารย์ภูมิใจยิ่งนัก เจ้าใหญ่ เจ้ารอง แล้วก็วัวเฒ่า พวกเจ้าก็ฮึดสู้อีกหน่อยล่ะ อย่าได้เอาแต่เล่นทั้งวัน!”

“อาจารย์สั่งสอนได้ถูกต้องแล้ว ต่อไปศิษย์จะต้องขยันขันแข็ง เชื่อฟังคำสั่งสอนของอาจารย์ให้มาก จะได้บรรลุถึงระดับสูงส่งเช่นศิษย์น้องเล็กในเร็ววัน” ศิษย์พี่หญิงใหญ่สีหน้าเคร่งขรึม สายตายามมองไปยังหวังเป่าเล่ออบอุ่นนัก เมื่อมองไปยัง ปรมาจารย์แห่งไฟก็เคารพนบน้อมอย่างหาใดเปรียบ ถึงขั้นยังมีความคลั่งไคล้เกินจริงอยู่เล็กน้อย…

วัวเฒ่าข้างๆ ก็เอ่ยขึ้นอย่างเคร่งขรึมเช่นกัน

“ศิษย์ของเจ้าสุดยอด เจ้าสุดยอดยิ่งกว่า!”

“…” ศิษย์พี่รองเงียบไปพักหนึ่งแล้วเอ่ยหนึ่งประโยคอย่างอ่อนแรง

“อาจารย์น่าเกรงขาม…”

หวังเป่าเล่อกะพริบตา ในใจมีความอบอุ่นอ่อนโยนอยู่มาก เขาประสานหมัดไปทางปรมาจารย์แห่งไฟแล้วคำนับลงอีกครั้ง

“ขอบคุณท่านอาจารย์ที่สั่งสอน อาจารย์ ไปเยี่ยมชมบ้านเกิดของข้าหน่อยดีหรือไม่”

ปรมาจารย์แห่งไฟได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะร่า พยักหน้าอย่างยินดี

หวังเป่าเล่อก็ยกยิ้มเช่นกัน ยามที่เดินไปยังระบบสุริยะ ร่างธรรมของเขาก็ยิ่งหดเล็กลง จนกระทั่งกลายเป็นมนุษย์ธรรมดา เขาติดตามอยู่ด้านหลังปรมาจารย์แห่งไฟ แล้วเดินไปยังดาวโลกท่ามกลางผู้เยี่ยมยุทธ์ของกลุ่มอิทธิพลแต่ละแห่งในสหพันธรัฐที่บินออกมาเคารพและต้อนรับ

ระหว่างทาง เสียงหัวเราะของปรมาจารย์แห่งไฟดังก้องกังวาน ความยินดีปรีดาแพร่กระจายไปทั่วทั้งอวกาศ

ระบบสุริยะกลับมาสงบสุขอีกครั้ง เงาเต๋าเทพวัวที่เกิดจากพลังเทพของหวังเป่าเล่อ นั่งพับขาอยู่เหนือระบบสุริยะและคอยสยบจักวาลไปพร้อมกัน ภายในดวงอาทิตย์ดารานิรันดร์ ตอนนี้ร่างจริงของหวังเป่าเล่อหลับตาลง มุมปากเผยรอยยิ้มออกมา

ผู้ที่ติดตามอาจารย์ไปก็คือร่างแยกจากร่างธรรมของเขา ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคารพ แต่เป็นเพราะเพิ่งเลื่อนขั้นเป็นจักรพิภพ ร่างจริงจึงต้องการการตระหนักรู้เพื่อทำให้พลังฝึกปรือแน่นหนาแข็งแรงขึ้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!