บทที่ 126 กล้าดีอย่างไรมาขโมยถ้ำที่พักข้า
หวังเป่าเล่อเดือดปุดไปด้วยความโกรธ ไม่ได้หุนหันกลับออกไป เขายืนนิ่งจมอยู่กับภวังค์ความคิด รอผู้ฝึกตนชุดน้ำเงินกลับมา ไม่นานอีกฝ่ายก็เดินกลับเข้ามา ครั้นเห็นสีหน้าของหวังเป่าเล่อก็รู้ทันทีว่าชายหนุ่มเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดแล้ว จึงเก็บเอาแผ่นหยกกลับมาเงียบๆ
หวังเป่าเล่อมองผู้ฝึกตนชุดน้ำเงิน นัยน์ตาฉายแสงวาบ ชายหนุ่มกุมกำปั้นก่อนจะพูดขึ้น
“ศิษย์พี่ เมื่อตอนอยู่เกาะมหาปราชญ์ชั้นรอง ข้าเป็นคนอารมณ์ร้อน ข้าไม่ได้ทำตัวเป็นมิตรกับหลินเทียนหาว นอกจากนี้ยังเคยทุบตีคนสนิทของเขาต่อหน้า ข้ารู้ข้อเสียของตนเองดี” หวังเป่าเล่ออธิบายอย่างจริงใจ
ระหว่างที่ชายหนุ่มอธิบาย ผู้ฝึกตนชุดน้ำเงินก็นิ่งอึ้งไป เขาหรี่ตามอง พิจารณาจากที่ได้เข้าศึกษาที่สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ สอบผ่านขึ้นมายังเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูง อีกทั้งยังมีตำแหน่งดูแลฝ่ายปกครองตำหนัก ก็รู้ได้ทันทีว่าชายชุดน้ำเงินไม่ใช่ คนโง่เขลา เขาเข้าใจสิ่งที่หวังเป่าเล่อพูด สีหน้าดูเคร่งขรึมขึ้นมาทันใด
เขาตระหนักว่าตนอาจจะโดนหลินเทียนหาวใช้เป็นเครื่องมือวางกับดักมุ่งร้าย หวังเป่าเล่อ ถ้าชายหนุ่มโดนยุให้โกรธจนเสียสติ พุ่งไปทำร้ายหลินเทียนหาวเข้า คงจะกลายเป็นเรื่องแย่ในทันที หากไม่ใช่เพราะหวังเป่าเล่อเจรจากับผู้คนเก่งเช่นนี้ เขาคงไม่ได้เผยข้อมูลใดๆ ออกไป ชายชุดน้ำเงินต้องทำตามหน้าที่ความรับผิดชอบของตน เรื่องถ้ำที่พักนั้นถือเป็นความลับที่จะแพร่งพรายให้คนอื่นรู้ไม่ได้
ถ้ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้น เขาจะมีเอี่ยวด้วยทันที และคงส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของตัวเขาเอง หวังเป่าเล่อจะกลายเป็นคนขาดสติผู้สร้างปัญหาทันทีที่ได้เหยียบตำหนักอาวุธเวท
ส่วนที่หลินเทียนหาวต้องทำคงมีแค่กล่าวขอโทษเพราะไม่ได้กระทำการร้ายแรงอันใด เมื่อไม่กี่วันก่อนที่เขาไปเร่งหลินเทียนหาวเรื่องถ้ำที่พัก ชายหนุ่มก็ไม่ได้ขัดแต่อย่างใด เพียงแค่บอกว่าจะมีการล่าช้าสักหน่อย
“เจ้าหลินเทียนหาวตั้งใจจะโยนความผิดให้ข้าอย่างนั้นหรือ” ชายชุดน้ำเงินมี สีหน้าเย็นชา มองไปทางหวังเป่าเล่อขณะพูด ดูจากประสบการณ์และตำแหน่งปัจจุบันของชายวัยกลางคนแล้ว เขาไม่ใช่คนที่ควรจะไปปั่นหัวเล่นเลย
“ศิษย์น้องหวังเป่าเล่อ ข้าเร่งศิษย์น้องหลินไปหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้เจ้าช่วยไปเตือนเขาแทนข้าอีกสักทีได้ไหม” เขาว่าพร้อมกับหยิบแผ่นหยกยื่นให้หวังเป่าเล่อ
“ขอบคุณท่านศิษย์พี่!” หวังเป่าเล่อตาลุกเป็นไฟ เขาได้อธิบายสิ่งที่เขาต้องการไปกระจ่างแล้วก่อนหน้า และนี่ก็เป็นผลลัพธ์ที่เขาต้องการ ชายหนุ่มรับเอาแผ่นหยกมาและหันหลังเดินออกไป
เมื่อมองส่งหวังเป่าเล่อออกไปเสร็จ ชายชุดน้ำเงินก็เงยหน้ามองไปทางถ้ำที่พักของหลินเทียนหาว ก่อนจะแค่นเสียงทางจมูก สำหรับเขาแล้ว หวังเป่าเล่อและ หลินเทียนหาวก็เป็นศิษย์คนหนึ่งเหมือนๆ กัน แต่หากเทียบกันแล้ว ชายวัยกลางคน ก็ตัดสินใจได้ทันทีว่าอยากจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือและทวงคืนความยุติธรรมให้กับ หวังเป่าเล่อมากกว่า
เมื่อออกจากฝ่ายปกครองตำหนัก ชายหนุ่มก็พุ่งตรงไปยังถ้ำที่พักของหลินเทียนหาวทันที ไฟแค้นในใจคุกรุ่นรุนแรงกว่าทุกครั้ง
หลินเทียนหาว ไม่ว่าเจ้าจะวางแผนชั่วอะไรไว้ ข้าจะจัดการเจ้าให้ร้องกระจองอแงเหมือนทารก! กล้าวางแผนช่วงชิงถ้ำที่พักไปจากข้าอย่างนั้นหรือ
มองจากไกลๆ หวังเป่าเล่อดูเหมือนกับลูกบอลขนาดยักษ์ วิ่งเตะฝุ่นตลบผ่านฝูงชนไป ศิษย์อาวุธเวทมากมายต่างตะลึงงันไปเมื่อได้เห็น
“นั่นมันอะไรกัน”
“เจ้าอ้วนนั่นทำอะไร วิ่งเสียเร็วเชียว”
ขณะที่ศิษย์กำลังยืนงุนงงกัน หวังเป่าเล่อก็เข้าไปในเขตถ้ำที่พัก หยุดอยู่หน้าถ้ำที่พักหลินเทียนหาว เขายกมือขวาหยิบโทรโข่งอันใหญ่ขึ้นมาร้องเรียกชื่อหลินเทียนหาวเสียงดัง
“หลินเทียนหาว เจ้าคนอันธพาล! ข้าขอสู้กับเจ้าจนกว่าจะตายไปข้าง!”
สุ้มเสียงชายหนุ่มดังราวกับมีสายฟ้าฟาดใส่เขตถ้ำที่พักดังสนั่นหวั่นไหว ถ้ำที่พักของหลินเทียนหาวนั้นได้รับผลกระทบมากที่สุด คลื่นเสียงนั้นทรงพลังมากจนสามารถพุ่งผ่านวงแหวนปราณเข้าไปกระจายทั่วภายในถ้ำ
หลินเทียนหาวที่กำลังหลอมวัตถุเวทอยู่สะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ เขาหัวเราะเสียงเย็นเมื่อได้ยินเสียง รู้ว่าแผนการของเขาสำเร็จ ชายหนุ่มเดาว่าหวังเป่าเล่อคงจะทะเลาะกับฝ่ายปกครองตำหนักก่อนจะมาปรากฏตัวที่นี่ หลินเทียนหาวจึงแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินอะไร
พอเห็นหลินเทียนหาวไม่ยอมออกมา หวังเป่าเล่อก็มีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น ขณะเดียวกันกับที่คลื่นเสียงแพร่กระจายไปรอบๆ เหล่าผู้คนที่อาศัยไกลออกไปในบริเวณนั้นเริ่มปรากฏตัวขึ้นและต่างว่ากล่าวหวังเป่าเล่อ
“ใครมันมาตะโกนโหวกเหวกโวยวายกัน”
“หนวกหู!”
พอได้ยินเสียงคนก่นด่าจากไกลๆ หวังเป่าเล่อก็หัวเราะเสียงเย็น ก่อนจะหยิบโทรโข่งยักษ์ขึ้นมาตะโกนใส่อีกครั้ง
“หลินเทียนหาว ข้าไม่ใช่คนพรากเจ้าออกจากเจียงต้าหลง แม้ว่าเจ้าจะกระทำกับจูกังเฉียงของข้าอย่างโหดร้ายทารุณ แต่ข้าก็เคารพความรักของพวกเจ้าทั้งสอง!”
เสียงก่นด่าจากรอบข้างพลันหยุดอยู่ครู่หนึ่งหลังจากหวังเป่าเล่อพูดจบ ก่อนเสียงพูดคุยตื่นตะลึงจะดังขึ้นแทนที่
“นี่มันเรื่องอะไรกัน ข้าตามที่พูดเมื่อกี้ไม่ทันแล้ว…”
“จูกังเฉียงกับเจียงต้าหลงนี่มันใครกัน ชื่อเหมือนชายฉกรรจ์ร่างบึกบึน…”
“สวรรค์ ข่าวใหญ่! ใครจะไปคิดกันว่าหลินเทียนหาวมีรสนิยมแบบนั้น…”
หลังจากผู้คนละแวกนั้นเริ่มส่งเสียงดังเซ็งแซ่ขึ้น หลินเทียนหาวก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป รีบรุดเปิดประตูออกจากที่พัก ร้องคำรามดังด้วยความเกรี้ยวกราด
“หวังเป่าเล่อ เจ้าพูดจาไร้สาระอะไร!”
“ยอมโผล่หัวออกมาได้สักทีนะ!” เมื่อหลินเทียนหาวปรากฏตัวด้วยความเดือดดาล ความโกรธภายในกายของหวังเป่าเล่อก็ปะทุออก เขาตัวพุ่งทะยานไปข้างหน้าในทันที กระแสวิญญาณแผ่ออกทั่วทั้งร่าง ความเร็วของชายหนุ่มพุ่งขึ้นจนถึงขีดสุด จนมาหยุดอยู่ที่หน้าหลินเทียนหาว ก่อนจะยกมือขวาต่อยออกไป
หวังเป่าเล่อใช้แรงกายทั้งหมดในการปล่อยหมัดเมื่อครู่ ไม่กักเก็บพลังแม้แต่น้อย เขาคุมปราณวิญญาณภายในกายและดึงปราณวิญญาณจากรอบนอกมาใช้ ทำให้เกิดเป็นลมหมุนเหนือกำปั้นพุ่งเข้าใส่หลินเทียนหาว
แม้ว่าหลินเทียนหาวจะเป็นผู้บรรลุขั้นลมหายใจเที่ยงแท้ระดับรากฐานวิญญาณแปดนิ้ว อีกทั้งยังเตรียมสมบัติเวทป้องกันไว้ก่อนหน้า แต่เขาก็ประเมินพลังของ หวังเป่าเล่อต่ำเกินไป เมื่อหมัดของคู่อริพุ่งเข้าใส่ชายหนุ่มอย่างจังจนเกิดเป็นเสียงดัง เครื่องป้องกันต่างๆ ที่เขาเตรียมไว้ก็แตกสลายออก
เสียงปะทะดังก้อง ร่างของหลินเทียนหาวลอยขึ้นฟ้าเพราะทานพลังไว้ไม่ไหว ทะยานออกไปนอกเขตถ้ำที่พัก เขาแทบไม่อยากจะเชื่อว่าที่ร่างของตนเองลอยอยู่นั้นจะเป็นความจริง แต่พลังป้องกันจากสมบัติเวทก็ช่วยป้องกันหมัดของหวังเป่าเล่อได้ ใบหน้าจึงไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ
“เจ้าชั่วหลิน ข้าอยากต่อยเจ้ามานานแล้ว ถึงเวลาสะสางเรื่องที่เกิดขึ้นในป่าฝนบ่อเมฆกันเสียที!”
หวังเป่าเล่อปลดปล่อยความโกรธทั้งหมด พุ่งทะยานตามหลินเทียนหาวและ เตะเข้าที่เป้าของอีกฝ่ายสุดแรง
“ทำไมเร็วเยี่ยงนี้” หลินเทียนหาวตื่นตะลึง แม้ว่าอยากจะหลบ แต่หวังเป่าเล่อ ก็ช่างเร็วเหลือเชื่อ พุ่งเข้าใกล้และเตะหลินเทียนหาวขึ้นฟ้าเสียงดังสนั่น ร่างหลินเทียนหาวพุ่งไปชนกองหินที่อยู่ไกลออกไป
จังหวะที่ร่างอัดเข้ากับกองหิน หลินเทียนหาวพยายามจะซ่อนตัว ขณะที่ ความเจ็บแล่นไปทั่วร่าง แต่ก็ช้าเกินไป หวังเป่าเล่อพุ่งเข้าใกล้อีกครั้งในชั่วพริบตา ขยุ้มผมหลินเทียนหาว ก่อนจะจับหมุนเขวี้ยงไปข้างๆ จากนั้นก็เตะอัดเป้าอีกรอบส่งชายหนุ่มลอยไปอัดกับกองหินเบื้องหน้า
กลยุทธ์นี้หวังเป่าเล่อได้มาจากรากฐานวิญญาณเก้านิ้ว เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วและรุนแรงดังพายุ ไม่เปิดโอกาสให้คู่ต่อสู้ได้ตั้งตัวใดๆ!
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว แม้จะมีสมบัติเวทช่วยป้องกัน แต่หลินเทียนหาวก็โดนโจมตีจนเลือดสดกระอักออกมาจากปาก ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่างจากการจู่โจม ไม่หยุดหย่อน เขาตะลึงงันไป แต่ก็ได้ยินเสียงคำรามจากหวังเป่าเล่อบ่งบอกว่า ความทรมานนี้ยังไม่สิ้นสุด
“เจ้ายังกล้าขโมยถ้ำที่พักของข้าไปอย่างนั้นหรือ เจ้าบังคับให้ข้าต้องทำแบบนี้ ตอนแรกข้าก็ไม่ได้ตั้งใจจะเผยเรื่องระหว่างเจ้ากับเจียงต้าหลงและจูกังเฉียง ผู้น่าเวทนา แต่เจ้ามันช่างหยิ่งยโสและโหดเหี้ยมทารุณ!”
หวังเป่าเล่อทะยานออกไปอีกครั้งระหว่างที่พูด เข้าจู่โจมอย่างต่อเนื่อง ทั้งหักบิดแขน เตะผ่าหมาก ชายหนุ่มไม่ยั้งมือเลยแต่อย่างใด อีกทั้งพละกำลังของเขายังเหนือกว่าหลินเทียนหาวอยู่มาก แม้ว่าหลินเทียนหาวจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่สามารถตอบโต้หรือปัดป้องใดๆ ได้เลย
ตอนนี้มีผู้ฝึกตนจากตำหนักอาวุธเวทจำนวนมากต่างมามุงดูวุ่นวาย พวกเขาเริ่มแตกตื่นเมื่อเริ่มจะจับความได้
“หวังเป่าเล่อหรือ ข้าเคยได้ยินชื่อเขามาก่อน เจ้านั่นเป็นศิษย์ใหม่ปีนี้ มีพฤติกรรมป่าเถื่อนมาก!”
“เจ้านั่นอยู่ตำหนักอาวุธเวทเหมือนพวกเราอย่างนั้นหรือ ข้าว่าน่าจะมาจากตำหนักการยุทธ์ข้างๆ มากกว่า พลังยุทธ์ขนาดนี้คืออะไรกัน”
“เจ้าหลินเทียนหาวนี่ชอบผู้ชายจริงๆ หรือ แล้วที่หวังเป่าเล่อว่า ‘จูกังเฉียงของข้า’ นี่มันอย่างไรกัน”
ขณะที่ฝูงชนกำลังถกเถียงกันเสียงดัง หลินเทียนหาวก็ร้องคำรามขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ร่างของเขากะพริบแสงสีแดง ชายหนุ่มเรียกใช้ท่าไม้ตาย ทำให้เกิดคลื่นแสงออกมา ช่วยให้เขาเป็นอิสระจากมรสุมการจู่โจมของหวังเป่าเล่อ เปิดโอกาสให้เขาตั้งหลักได้ชั่วขณะหนึ่ง
หวังเป่าเล่อหรี่ตามอง ฝูงชนมากมายที่รายล้อมทำให้เขาไม่สามารถปล่อยพลังได้เต็มที่ เห็นหลินเทียนหาวตั้งหลักได้ เขาก็เลิกพุ่งตาม แต่กลับกระแอมไอและกุมหมัดไปทางฝูงชน
“อรุณสวัสดิ์ ศิษย์พี่ทั้งหลาย พวกท่านคงได้เห็นแล้วว่าพอข้ายกเรื่องระหว่างเขากับจูกังเฉียงขึ้นมา เจ้านั่นก็อยู่ไม่เป็นสุข!”
ฝูงชนต่างตาเบิกกว้าง มองหน้ากัน ในหัวหลินเทียนหาวนั้นอื้ออึงไปด้วยความคิดมากมาย เขาไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มาก่อน อีกทั้งยังไม่เคยโดนจู่โจม ไม่หยุดเช่นนี้ ถ้าแค่เรื่องโดนทำร้าย ชายหนุ่มคงจะปล่อยผ่านไปได้ แต่พอได้ยิน อีกฝ่ายยกเรื่องจูกังเฉียงขึ้นมา เขาก็คุมสติตนเองไม่อยู่
ทั่วร่างของเขาเจ็บระบมไปหมด นิ้วมือเหมือนจะหัก ความเจ็บปวดที่มังกรระหว่างขาได้รับส่งผลให้ตาของเขาแดงก่ำไปด้วยลิ่มเลือด แต่ชายหนุ่มก็ยังพอคุมสติได้บ้าง จึงบังคับตนให้ใจเย็นลง
“หวังเป่าเล่อ เรื่องแต่งของเจ้าใช้ไม่ได้ผลหรอก! อย่างไรความจริงก็คือความจริง!”
หลินเทียนหาวมองด้วยสายตาเย็นชาขณะพูด ก่อนจะหยิบสมบัติเวทมีดบินออกมา เมื่อมีดลอยขึ้นฟ้ามีแรงกดดันแผ่ออกมาทันที พลังของสมบัติเวทนั้น เป็นที่ครั่นคร้าม คงจะเป็นสมบัติเวทระดับห้าเป็นอย่างต่ำ หลินเทียนหาวยังมีไพ่ตายอีกใบซ่อนไว้
หวังเป่าเล่อหรี่ตามอง ตระหนักว่าแค่การโจมตีธรรมดาคงไม่เพียงพอที่จะจัดการหลินเทียนหาว ในเมื่อชายตรงหน้าวางแผนชั่วใส่เขา ชายหนุ่มจึงตัดสินใจจะทำลายชื่อเสียงของหลินเทียนหาวเป็นการแก้แค้น แม้จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ถ้าชื่อเสียงของคู่อริพังทลายลง ก็คงจะยากที่จะโต้เถียงใดๆ หวังเป่าเล่อส่งเสียงต่ำในลำคอ
“ทุกท่าน ข้ามีหลักฐาน!”
หวังเป่าเล่อยกมือขวาเรียกหุ่นเชิดออกมาทันทีที่พูด หุ่นเชิดนั้นตัวใหญ่กำยำ ทั่วร่างเต็มไปด้วยขน แค่มองแวบเดียวก็รู้ว่าล่ำสันแข็งแกร่ง เมื่อหุ่นเชิดสังเกตเห็นหลินเทียนหาว ก็ตัวบิดด้วยความขวยเขิน
หุ่นเชิดร้องครางขณะวิ่งเข้าไปหาหลินเทียนหาว อ้าแขนออกราวกับอยากกอดชายตรงหน้า
เสียงครางดังชัดเจนไปทั่วพื้นที่…
ท่าทางดูยั่วยวนกวนสายตา…
“เจ้านั่นคือจูกังเฉียงของข้า! หลังจากโดนหลินเทียนหาวทรมานเป็นเวลา สามวันสามคืน มันก็ทำได้แค่ร้องเยี่ยงนั้นตลอดทั้งวัน หลินเทียนหาว บอกข้ามา เจ้าทำอะไรกับจูกังเฉียงของข้ากันแน่!” หวังเป่าเล่อร้องลั่นด้วยความเกรี้ยวกราด