บทที่ 128 หนูทดสองชั้นเลิศ
หวังเป่าเล่อสุขใจเป็นอย่างมากที่ทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาจัดฉากและทำให้ หลินเทียนหาวต้องตกอยู่ในที่นั่งลำบาก
เขาไม่ได้แสดงความสุขใจออกไปให้ผู้คนรอบๆ ได้เห็น แผ่นหลังของชายหนุ่มดู ผึ่งผายน่าเชื่อถือในสายตาฝูงชน วาจาของหวังเป่าเล่อช่างซาบซึ้งกินใจเหล่าผู้ฝึกตน พวกเขาต่างรู้สึกเห็นใจหวังเป่าเล่อที่โดนเอาเปรียบ นี่เป็นกลยุทธ์เรียกคะแนนสงสารของเขา!
การที่หลินเทียนหาวกระทำอุกอาจใช้ความรุนแรงกับผู้อื่นต่อหน้าเจ้าตำหนัก ทำให้ทุกคนตะลึงงันไป ทั้งยังสร้างความเกลียดชังขึ้นในใจฝูงชน พวกเขาเงยหน้าขึ้น มองเจ้าตำหนัก
หลินเทียนหาวเริ่มรู้สึกร้อนรน เขาไม่เคยเห็นด้านนี้ของหวังเป่าเล่อมาก่อน แต่ก็รู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าคู่อริของตนกำลังแสร้งทำเป็นโดนเอารัดเอาเปรียบให้ผู้คนสนใจ
“ท่านเจ้าตำหนัก เจ้านี่มันเสแสร้ง…” หลินเทียนหาวเป็นกังวลใจ พยายามอธิบาย พอเห็นสายตาเย็นชาจากชายวัยกลางคนชุดม่วงมองมา หลินเทียนหาวก็ ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว ปิดปากเงียบแม้ว่าภายในใจจะเดือดปุดด้วยความโกรธอยู่เพียงใด
เห็นหลินเทียนปากเงียบไป หวังเป่าเล่อก็ยิ่งสุขใจมากขึ้น เขารู้ดีว่าทุกคนไม่ได้โง่ อีกทั้งการแสดงของอาจจะดูเกินจริงไปบ้าง ชายหนุ่มจึงก้มหน้าลงเงียบๆ
ชายวัยกลางคนชุดม่วงเลิกมองหลินเทียนหาว การกระทำอุกอาจเมื่อครู่ทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก แม้ว่าเขาจะเป็นคนอนุมัติถ้ำที่พักอีกถ้ำของหลินเทียนหาวเพื่อให้ชายหนุ่มใช้หลอมวัตถุเวท เจ้าตำหนักเองก็ไม่คิดว่าจะเกิดปัญหาถึงเพียงนี้
พอมีเรื่องวุ่นวายใหญ่โตเช่นนี้ ถ้าหลินเทียนหาวไม่ได้ทำร้ายอีกฝ่าย พอเห็น ทุกคนเคารพทักทาย เขาก็คงจะว่ากล่าวหวังเป่าเล่อเป็นหลัก และให้การตักเตือนหลินเทียนหาวเพียงเล็กน้อย
แต่สถานการณ์กลับตาลปัตร หลินเทียนหาวเข้าจู่โจมอีกฝ่ายต่อหน้าธารกำนัล ส่วนหวังเป่าเล่อนั้นก็ดูเป็นผู้บริสุทธิ์จากเรื่องที่เล่าและหลักฐานที่มี นอกจากนี้ หวังเป่าเล่อยังมีท่าทีเคารพ ไม่โต้เถียงใดๆ เลยแม้แต่น้อย และอธิบายถึงการกระทำของตนได้อย่างมีเหตุมีผล
ส่วนหลินเทียนหาวนั้น…
ที่เรื่องวุ่นวายหนักข้อก็เพราะมีฝูงชนมุงดู เจ้าตำหนักเองก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อความคิดเห็นของสาธารณชนทั้งหลายได้ เขาหรี่ตามองหวังเป่าเล่ออยู่หลายครั้ง รู้ว่าหวังเป่าเล่อนั้นกำลังเสแสร้งและต้องการอะไร แต่ก็ต้องยอมให้กับทักษะทางสังคมของชายหนุ่ม!
“พวกเจ้าทั้งสองอย่าได้ริอ่านทำแบบนี้อีก! ถ้าตีกันในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้อีกแม้แต่ครั้งเดียว พวกเจ้าจะโดนลงโทษร้ายแรง!
“ส่วนเจ้า หลินเทียนหาว! เจ้าจะยึดถ้ำที่พักของผู้อื่นไว้เพื่อการใด คืนเขากลับไปเดี๋ยวนี้!”
เจ้าตำหนักมองหลินเทียนหาวด้วยสายตาเย็นชาก่อนจะหันหลังกลับ
หลังจากเจ้าตำหนักกลับออกไป หวังเป่าเล่อก็ยืนขึ้นยืดอก กุมหมัดหันไปทางผู้คนรอบๆ
“ศิษย์พี่ทั้งหลาย พวกท่านต่างอาศัยอยู่เขตเดียวกันกับข้า พวกเราจะได้เป็นเพื่อนบ้านกันในภายภาคหน้า ข้าเพิ่งมาใหม่ หวังว่าจะได้รับคำแนะนำดีๆ จากพวกท่าน!” หวังเป่าเล่อทักทายเหล่าศิษย์พี่ชายหญิงอย่างกระตือรือร้น เขาให้ศิลาวิญญาณรุ้งทุกคน คนละหนึ่งก้อน
แม้ว่าพวกเขาจะได้รับศิลาวิญญาณรุ้งเพียงคนละหนึ่งก้อน แต่ทุกคนกลับดู พออกพอใจ รู้สึกดีกับหวังเป่าเล่อมากขึ้นไปอีก พวกเขาต่างพูดคุยสนุกสนานร่วมกัน จบเหตุการณ์วันนี้ด้วยทัศนคติที่ดีต่อหวังเป่าเล่อ แม้จะมองว่าชายหนุ่มเป็นคน ดุร้ายเจ้าเล่ห์ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาเป็นคนที่มีความสามารถมากทีเดียว
หุ่นเชิดของหวังเป่าเล่อนั้นเป็นหลักฐานชั้นดีที่แสดงให้เห็นถึงทักษะการหลอมวัตถุเวทของเขา นอกจากนี้ชายหนุ่มยังบรรลุปราณด้วยรากฐานวิญญาณแปดนิ้ว สามารถจัดการเรื่องต่างๆ และความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนได้เป็นอย่างดี ในสายตา ฝูงชนแล้ว ชายหนุ่มดูเป็นคนเก่งรอบด้าน พวกเขาทราบถึงความสำเร็จต่างๆ ของ หวังเป่าเล่อทั้งตอนที่ยังอยู่ในเกาะมหาปราชญ์ชั้นรอง และตอนที่อยู่หมู่บ้าน ลมปราณวิญญาณมาบ้าง แม้จะไม่ได้รู้รายละเอียดมากนัก ตอนนี้พวกเขาก็เริ่มไล่หาข้อมูลต่างๆ จนรู้เรื่องราวทั้งหมดมากขึ้น ก็ทำให้พวกเขาตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก
แม้จะรู้ดีว่าที่หวังเป่าเล่อทำไปเมื่อครู่เป็นการเสแสร้ง แต่พวกเขาก็ไม่สนใจ
เสียงหัวเราะรอบตัวนั้นระคายหูหลินเทียนหาวยิ่งนัก เขารีบหันกลับเข้าถ้ำที่พักทันใด หวังเป่าเล่อเหลือบมอง ยิ้มย่องอยู่เงียบๆ ภายในใจ เลิกให้ความสนใจอีกฝ่าย ชายหนุ่มหันกลับมาสนทนาสนุกสนานกับผู้คนที่รายล้อมอยู่ หลังจากฝูงชนกลับไป กันหมด หวังเป่าเล่อก็เดินมาหยุดอยู่หน้าถ้ำที่พักของหลินเทียนหาว
ถ้ำที่พักทั้งสองนั้นอยู่สุดขอบเขตที่พักนี้ ทั้งสองถ้ำอยู่ห่างกันไม่ถึงสามสิบเมตร หลังจากพิจารณาดูดีๆ เขาคิดว่าถ้ำทางขวานั้นตำแหน่งไม่ดีเพราะเป็นหลังสุดท้ายของแถว ส่วนหลังทางซ้ายนั้นตำแหน่งดีกว่าเพราะอยู่ตรงกลาง ชายหนุ่มจึงพูดขึ้นเสียงดัง
“หลินเทียนหาว ข้าอยากได้ถ้ำด้านขวาที่เจ้าใช้อาศัย ไสหัวออกไปให้ไว ข้าจะเอาหลังนี้!”
หลังจากพูดจบ เส้นเลือดก็ปูดโปนขึ้นบนหน้าผากหลินเทียนหาวที่กำลังย้ายของเข้าไปในถ้ำทางซ้ายมือทันที ตอนแรกเขาตั้งใจจะให้ถ้ำทางขวากับหวังเป่าเล่ออยู่แล้ว แต่ก็รีบเปลี่ยนใจเสียตอนนั้น ชายหนุ่มรีบเก็บของจากถ้ำด้านซ้ายออกมา ก่อนจะโยนตราถ้ำที่พักให้
“จะเอาไม่เอาก็ตามใจ!” หลินเทียนหาวพูด ก่อนจะเดินกลับเข้าถ้ำที่พักทางขวา
“โตป่านนี้แล้วยังดื้อดึงกวนประสาทอยู่อีก!” หวังเป่าเล่อเก็บเอาตราถ้ำที่พักก่อนจะกระแอมไอขึ้น หลินเทียนหาวกัดฟันกรอดเมื่อได้ยินสิ่งที่หวังเป่าเล่อพูด จากนั้นหวังเป่าเล่อก็ก้าวเข้าไปในถ้ำทางซ้ายอย่างองอาจ
ทันทีที่ได้ก้าวเข้ามา หวังเป่าเล่อก็พึงพอใจเป็นอย่างมาก มองไปรอบๆ พบว่า ถ้ำแห่งนี้ใหญ่เป็นสองเท่าของถ้ำที่พักในเกาะมหาปราชญ์ชั้นรอง ในถ้ำมีส่วนพักผ่อน ส่วนเก็บตัวไว้สำหรับทำสมาธิ อีกทั้งยังมีเตาหลอมเพลิงพิภพไว้ใช้ในการหลอม อาวุธเวทจากถ้ำที่พักได้เลย ทำให้เขาไม่ต้องคอยไปหลอมที่อื่นเหมือนตอนยังอยู่ในเกาะมหาปราชญ์ชั้นรอง
ด้านหลังมีระเบียงที่มองออกไปเห็นหมู่เมฆบนท้องฟ้าและยอดเขาอื่นอยู่ลิบๆ หากมองไปไกลอีกหน่อยจะเห็นภาพเส้นขอบฟ้าแสนสวยงามราวกับภาพวาด สร้างความเบิกบานขึ้นในใจ
ปราณวิญญาณบริเวณนี้มีความหนาแน่นมากกว่าเรือนที่พักก่อนหน้านี้ นอกห้องมีดอกไม้และพืชพันธุ์นานาชนิดขึ้นอยู่รอบระเบียง กลิ่นรัญจวนพัดมาตามลมทำให้ ผู้ได้สูดกลิ่นรู้สึกสดชื่น
เป็นที่พักที่ดีจริงๆ แม้หวังเป่าเล่อจะผิดหวังอยู่เล็กน้อยที่มีหลินเทียนหาวอาศัยอยู่ติดกัน แต่เขาก็ปัดความผิดหวังออกไปได้จากความสวยงามของถ้ำที่พักแห่งนี้ ชายหนุ่มนั่งกินขนมอย่างเบิกบานใจ
ต่อไป ข้าต้องหาเวลามาศึกษาและฝึกทักษะการหลอม ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อกัดกับหลินเทียนหาว เป้าหมายของข้าคือ การขึ้นเป็นผู้นำสหพันธรัฐ!
คิดดังนั้น หวังเป่าเล่อก็วางถุงขนมลงและเปิดเครือข่ายวิญญาณของเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูง เริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับโครงสร้างภายในเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูงรวมไปถึงวิชาอักขราจารึกและวิชาการหลอมระดับสูง
นอกจากนี้ ข้าต้องทำความเข้าใจโครงสร้างภายในเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูงและตำแหน่งศิษย์อาวุธเวท…
หวังเป่าเล่อตกอยู่ในห้วงความคิด เขาเริ่มเข้าใจเรื่องต่างๆ ทีละเล็กทีละน้อย ก่อนจะเริ่มศึกษาลงลึกในแต่ละเรื่อง
ขณะที่หวังเป่าเล่อกำลังศึกษาหาข้อมูลต่างๆ อยู่นั้น หลินเทียนหาวที่อยู่ในถ้ำ ที่พักหลังถัดไปกำลังนั่งอมทุกข์ กัดฟันกรอดอยู่ภายในถ้ำ ดวงตาเต็มไปด้วยความ ปองร้าย เขาหยิบแผ่นหยกขึ้นมาส่งคำสั่ง ก่อนจะหัวเราะเสียงเย็น
“หวังเป่าเล่อ เจ้ากล้าดีอย่างไรมาทำให้ชื่อเสียงของข้าต้องแปดเปื้อน! เช่นนั้น ก็มาทำให้ชื่อเสียงเราทั้งคู่ป่นปี้ไปด้วยกันเสียเลย!”
สามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว เรื่องการทวงคืนถ้ำที่พักของหวังเป่าเล่อนั้นไม่ได้กระจายไปมากเท่าใดในตำหนักอาวุธเวท เนื่องจากหลินเทียนหาวและหวังเป่าเล่อก็เป็นเพียงเด็กใหม่ในสายตาศิษย์ส่วนใหญ่ในตำหนัก ไม่เห็นจะต้องให้ความสนใจอะไรมากมาย แม้ว่าความสำเร็จจากหมู่บ้านลมปราณวิญญาณและเกาะมหาปราชญ์ ชั้นรองของหวังเป่าเล่อจะเป็นเรื่องยิ่งใหญ่เพียงใด ก็เป็นแค่เครื่องแสดงว่าเขายังสามารถเติบโตขึ้นไปได้อีก
หวังเป่าเล่อเจอข้อมูลเรื่องที่เขาสงสัยบนเครือข่ายวิญญาณ เขาเริ่มเข้าใจเกี่ยวกับเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูงและตำหนักอาวุธเวทมากขึ้น
“ตำหนักอาวุธเวทมีหน้าที่หลอมอาวุธเวทและสมบัติเวท อีกทั้งยังช่วยดูแล อาวุธเวทให้กองทัพที่อยู่บริเวณเขตพรมแดน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ไม่สนับสนุนให้ทำงานตำหนักใครตำหนักมัน เหล่าศิษย์แต่ละตำหนักจะต้องทำงานร่วมกัน โดยตั้งกลุ่มเล็กๆ ออกไปฝึกวิชาภายนอกตำหนัก” หวังเป่าเล่อพูดพึมพำขณะนั่ง เงยหน้าขัดสมาธิ
ขณะเดียวกัน ชายหนุ่มก็พบข้อมูลเกี่ยวกับโครงสร้างภายในตำหนักอาวุธเวท
ตำหนักอาวุธเวทนั้นเหมือนกับเมืองเมืองหนึ่ง ตำแหน่งสูงสุดคือเจ้าตำหนัก ไล่เรียงลงมาเป็นรองเจ้าตำหนักสี่คน องครักษ์อาวุธเวท และศิษย์เอกอาวุธเวทอีกมากมาย ศิษย์ทั่วไปนั้นคือ ตำแหน่งล่างสุด
แต่ละตำแหน่งนั้นมีอำนาจในมือแตกต่างกันออกไป สำหรับหวังเป่าเล่อ เจ้าตำหนักนั้นเหมือนกับเจ้าเมือง เพราะเป็นตำแหน่งสูงที่สุดและคอยดูแลทั่วพื้นที่ มีอำนาจมากล้น นอกจากจะคุมความเป็นความตายของผู้คนได้แล้วยังสามารถแก้ไขกฎระเบียบต่างๆ ได้อีกด้วย
รองเจ้าตำหนักนั้นคล้ายๆ กับรองเจ้าเมือง คอยให้การช่วยเหลือเจ้าตำหนัก อีกทั้งยังมีอำนาจมากมายในมือ รองเจ้าตำหนักจะแบ่งกันดูแลแต่ละแนวเขาของตำหนักอาวุธเวท หากทั้งสี่ให้การร่วมมือกัน อาจจะสามารถต้านอำนาจเจ้าตำหนักได้เลยทีเดียว
องครักษ์อาวุธเวท[t1] นั้นอยู่ภายใต้การดูแลของรองเจ้าตำหนักเพียงในนาม รองเจ้าตำหนักแต่ละคนจะมีองครักษ์อาวุธเวทจำนวนหนึ่งคอยให้การช่วยเหลือดูแลการจัดการบริหารงานต่างๆ ในตำหนักอาวุธเวท พวกเขาเป็นผู้ควบคุมดูแลที่ทำการต่างๆ ภายในตำหนัก
ศิษย์เอกอาวุธเวทนั้นมีรูปแบบการทำงานคล้ายๆ กับที่องครักษ์อาวุธเวทคอยให้การช่วยเหลือรองเจ้าตำหนัก องครักษ์อาวุธเวทแต่ละคนมีศิษย์อาวุธเวทมากมายอยู่ภายใต้การปกครอง คอยช่วยเหลือเหล่าองครักษ์อาวุธเวทดูแลบริหารงานต่างๆ ส่วนศิษย์ทั่วไปนั้นไม่มีอำนาจใดๆ เลย แต่ละตำหนักในเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูงมีโครงสร้างภายในคล้ายๆ กัน
ไม่ต้องถึงเจ้าตำหนักหรอก แค่องครักษ์อาวุธเวทก็มีอำนาจมากแล้ว! ถ้าขึ้นเป็นองครักษ์อาวุธเวทได้ ก็จะได้ดูแลควบคุมที่ทำการสักแห่ง แล้วยิ่งที่แห่งนี้คือ เกาะมหาปราชญ์ชั้นสูง แกนหลักของสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ แค่องครักษ์อาวุธเวทไปเดินตามท้องถนน ก็เป็นที่ยำเกรงของเจ้าเมืองแห่งอื่นทั่วไปแล้ว!
หวังเป่าเล่อสูดหายใจลึก นัยน์ตาฉายแววต่างออกไปจากเดิม
หากข้าได้ขึ้นเป็นองครักษ์อาวุธเวท นอกจากคนจะไม่กล้ารังแกข้าแล้ว ข้ายังจะก้าวขึ้นไปใกล้ตำแหน่งผู้นำสหพันธรัฐได้อีกด้วย!
ในใจหวังเป่าเล่อเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ขณะที่ชายหนุ่มกำลังค้นหาวิธีการเลื่อนตำแหน่งขึ้นไปเป็นศิษย์เอกสาขาอาวุธเวทในเครือข่ายวิญญาณอยู่นั้น เขาก็สังเกตเห็นโพสต์ที่มีชื่อของเขาถูกพูดถึงอยู่
“หืม” หวังเป่าเล่อสงสัยรีบเปิดเข้าไปดูทันที ไม่ช้าเขาก็หัวเราะขึ้น
“วันนี้ ข้าจะมาแนะนำหวังเป่าเล่อแห่งตำหนักอาวุธเวทให้ทุกคนได้รู้จัก เมื่อตอนอยู่เกาะมหาปราชญ์ชั้นรอง เจ้านั่นโกงเพื่อให้ได้ตำแหน่งมา ช่างต่ำช้าหน้าไม่อายยิ่งนัก…”
“เป็นเช่นนี้เองหรือ ข้าก็สงสัยอยู่ว่าทำไมถึงรวยนัก จริงๆ แล้ว ที่หวังเป่าเล่อได้เป็นหัวหน้าศิษย์ในเกาะมหาปราชญ์ชั้นรองก็เพราะเขากระทำรุนแรง บังคับแย่งชิงตำแหน่งผู้อื่นมา เจ้านั่นมันละโมบโลภมากราวกับโจร ก็เลยร่ำรวยได้ถึงเพียงนี้!”
ข้อความเหล่านี้เริ่มเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ โดยมุ่งโจมตีไปที่เรื่องความโลภ ความมั่งคั่ง และอำนาจของเขา ด้วยถ้อยคำประณามหยามเหยียด
วิธีการชั้นต่ำเยี่ยงนี้ทำให้หวังเป่าเล่อตระหนักได้ว่าหลินเทียนหาวนั้นดูฉลาด แค่เพียงภายนอก แต่ภายในนั้นความคิดความอ่านแทบไม่ต่างกันกับเด็ก เขาคิดเช่นนั้นหลังจากอ่านข้อความจบ ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย
วิธีการนี้คงจะได้ผลถ้าเป็นที่เกาะมหาปราชญ์ชั้นรอง แต่ที่นี่คือเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูง ทุกคนต่างมุ่งสนใจแต่เรื่องการฝึกตนของตัวเอง ทุกคนที่นี่ไม่ได้โง่ เรื่องแบบนี้ ทำลายชื่อเสียงใครไม่ได้หรอก รังแต่จะทำให้ผู้ปล่อยข้อความดูไร้การอบรม ดีแต่ทำตัวเก่งลับหลัง
เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน…หลินเทียนหาวนี่ไม่โตเสียที จมอยู่แต่ความคิดเดิมๆ ทำตัวราวกับตัวตลก
หวังเป่าเล่อส่ายหน้า คิดว่าไม่ควรให้ค่าอะไรกับเรื่องดังกล่าว เขาเสียเวลาไปมากกับหลินเทียนหาว ชายหนุ่มยกมือขวาที่สวมกำไลคลังเวทอยู่ขึ้น ก่อนจะโบกมือเล็กน้อยเพื่อเรียกของออกมา
แต่ข้าก็จะไม่ทิ้งโอกาสนี้ไปหรอก ลองให้เจ้านั้นมาเป็นหนูทดลองดีกว่า…ดูสิว่าจิตใจมนุษย์จะทนได้แค่ไหน ดีเสียจริง ในที่สุดข้าก็เริ่มศึกษาเรื่องวัตถุเวทที่สร้างผลกระทบต่อจิตใจได้!