Skip to content

A World Worth Protecting 131

บทที่ 131 วัตถุชั่วร้ายจากสรวงสวรรค์

“ถ้าเช่นนั้น ข่าวลือก็เป็นเรื่องจริงน่ะสิ!” เฉินอวี่ถงหายใจหอบ ถอยผงะ       พลางกะพริบตาถี่ มองเหล่าหุ่นเชิดร่างกำยำส่งเสียงร้องกับหลินเทียนหาว

“ศิษย์พี่เฉิน หมายความว่าอย่างไร” เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดจบ อารมณ์ของหลินเทียนหาวเปลี่ยนไปทันที เพราะรู้สึกว่าชายคนนี้เข้ามาแวะเวียน เพียงเพื่อมองเขาเป็นตัวตลกเท่านั้น

ราวกับศิษย์พี่ผู้นี้ไม่ได้ยินคำถาม และยังคงจ้องหุ่นเชิดทั้งสามตัว ก่อนหยิบแผ่นหยกมาดูว่ามีข้อมูลเกี่ยวกับหุ่นเชิดสามตัวนี้หรือไม่

ความขุ่นเคืองซึ่งหลินเทียนหาวระงับไว้เมื่อสองสัปดาห์ก่อน กลับมาปะทุอีกครั้ง เมื่อเฉินอวี่ถงโผล่มาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย แถมยังมองดูเขาเผชิญเรื่องน่าขายหน้าอีกต่างหาก เสียงร้องรบกวนจากหุ่นเชิดทั้งสามตัวดังอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในนั้นก้าวเท้าเข้ามาหา พลางอ้าแขนและเผยอปาก ด้วยความปรารถนาจะกอดจูบลูบคลำ

“หุบปากเสีย!”

แรงตบด้วยกำลังรุนแรงจากระดับขั้นต้นของลมหายใจเที่ยงแท้ ผสานกับความโกรธเคืองของหลินเทียนหาว ทำให้เกิดเสียงดังกระหึ่ม เจ้าหุ่นเชิดโดนตีเข้าอย่างจัง จนเฉินอวี่ถงถึงกับผงะถอยหลัง

กะโหลกของมันแบะออก ร่างกายบุบสลาย เพราะไม่อาจทนต่อแรงโจมตีได้    ก่อนจะปล่อยสัญญาณเตือนออกมาจากร่างของมัน ในจังหวะกำลังล้มพับ

ทันใดนั้น หวังเป่าเล่อรีบเปิดประตูถ้ำที่พัก ก่อนวิ่งไปยังหุ่นเชิดที่ถูกโจมตีอย่างรวดเร็วด้วยความโมโห

“เสี่ยวเฉียง! เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า เสี่ยวเฉียง ข้าอุตส่าห์เลี้ยงดูฟูมฟักเจ้า ราวกับเป็นลูกแท้ๆ อย่าตายนะ เสี่ยวเฉียง!” ชายร่างอ้วนเขย่าร่างพังๆ ของหุ่นเชิดตนนั้นอย่างเจ็บปวด

ชายผู้ลงมือหัวเราะอย่างเย็นชา แต่ก่อนจะพูดอะไร เฉินอวี่ถงซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆ      ก็ตะโกนร้องเป็นฟืนเป็นไฟ

“หลินเทียนหาว เจ้าทำอะไรลงไป”

สิ้นเสียงนั่น หลินเทียวหาวตะลึงงันไปชั่วขณะ เมื่อหันมาพบว่าศิษย์พี่ผู้นี้โกรธจัด จนดวงตาเย็นยะเยือกอย่างเห็นได้ชัด

เฉินอวี่ถงโมโหมาก ก่อนหน้านี้เขาปลีกตัวอย่างสันโดษอยู่ช่วงหนึ่ง จนเมื่อออกมา ก็ได้ยินลูกน้องคนรู้ใจเล่าเรื่องน่าขันเกี่ยวกับหลินเทียนหาวให้ฟัง โดยเน้นย้ำเรื่อง    หุ่นเชิดทั้งสามตัว

เนื่องจากก่อนหน้านี้เฉินอวี่ถงเคยทำการแลกเปลี่ยนสินค้ากับเกาะมหาปราชญ์ชั้นรองผ่านพ่อค้าคนกลางครั้งหนึ่ง และได้รับหุ่นเชิดสุดพิเศษตัวหนึ่งมาเป็นการตอบแทน เมื่อศึกษาดูจึงพบว่าหุ่นเชิดตัวนี้ไม่ธรรมดา จนอยากจะแวะมาให้เห็นกับ       ตาตัวเอง

และการตามหาว่าใครคือผู้หลอมหุ่นเชิดตนนั้นช่างเป็นเรื่องง่ายดายนัก เมื่อเห็นท่าทางของหุ่นทั้งสามตัวที่มีต่อหลินเทียนหาวแล้วนั้น จึงรู้ทันทีโดยมิต้องสงสัย ว่าผู้สร้างหุ่นเชิดพวกนี้คือหวังเป่าเล่อนั่นเอง!

เฉินอวี่ถงพอใจอย่างยิ่ง เมื่อพบว่าทักษะการหลอมหุ่นเชิดของหวังเป่าเล่อนั้นพัฒนาอย่างก้าวกระโดด และดีใจมากเมื่อพบเห็นพวกมัน แต่แล้วศิษย์น้องผู้นี้กลับโจมตีมันอย่างโหดเหี้ยมเกินควร ทำให้ตัวเขารู้สึกแค้นเคืองอย่างมาก

“หลินเทียนหาว เจ้ากล้าดีอย่างไรมาทำร้ายสมบัติทรงคุณค่าเยี่ยงนี้                เจ้าทำลายอัญมณีน้ำงามไปหมดสิ้น!”

ผู้โดนตำหนิยืนตัวแข็งอย่างตะลึงงันขณะมองเฉินอวี่ถง คำพูดซึ่งเปรียบเปรยหุ่นเชิดเป็นดั่งอัญมณีนั้น ยิ่งทำให้เขามองหุ่นเชิดที่เพิ่งโจมตีไปอย่างงงงวย

แม้แต่ตัวของหวังเป่าเล่อยังสั่นเทิ้ม จนลืมความเศร้าไปหมดสิ้น ก่อนเงยหน้าขึ้นมองเฉินอวี่ถงผู้โกรธแค้นยิ่งกว่าตนเองอย่างฉงน ไม่คาดคิดว่านี่จะเป็นบุคคลโด่งดังของเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูง ที่เซี่ยไห่หยางเคยกล่าวถึงก่อนหน้านี้

ใช่…ใช่เขาคนนั้นหรือนี่ ชายร่างอ้วนหายใจเข้าลึก ด้วยสีหน้าสับสน

“ศิษย์น้องหวัง ข้าคือเฉินอวี่ถง อืม ความจริงถูกเปิดเผยจนได้ ข้าผู้นี้เคยอุดหนุนหุ่นเชิดที่เจ้าสร้างไว้มาก่อน และวันนี้ข้าเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดแล้ว เพราะฉะนั้น     อย่ากังวลเลย ข้าจะช่วยเป็นพยานให้เจ้าเอง! การทำลายวัตถุเวทสุดรักสุดหวงของศิษย์เอกนั้น ถือเป็นความผิดที่ยกโทษให้ไม่ได้!” ชายตรงหน้ากล่าวขึ้น พลางส่งเสียงผ่านแผ่นหยกสื่อสารและจ้องหลินเทียนหาวอย่างเย็นชา

หวังเป่าเล่อกะพริบตาปริบๆ รู้สึกถึงความน่าสนใจที่กำลังจะเกิดขึ้น จึงล้มเลิกแผนการเดิม ก่อนมองไปยังหลินเทียนหาวเช่นกัน

นัยน์ตาของหลินเทียนหาวนั้นหรี่ลง แม้อยากจะพูดขัด แต่สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที ครั้นแผ่นหยกสื่อสารจากกระเป๋าสัมภาระของตน แสดงข้อความที่ส่งมาจากฝ่าย   สำนักวินัยประจำตำหนักอาวุธเวทเกี่ยวกับโทษที่จะได้รับ

บทลงโทษนั้นรุนแรงยิ่ง เพราะนอกจากต้องจ่ายค่าชดเชยแล้ว ยังถูกลงโทษทางวินัยอีกด้วย แม้หลินเทียนหาวจะร่ำรวยมั่งคั่งเพียงใด ยังต้องผงะเมื่อเห็นตัวเลขของเงินที่ต้องชดใช้ จนแค้นใจและโมโหอย่างแรง แต่เมื่อการลงโทษทางวินัยได้ประกาศมาแล้ว จึงไม่ควรฝ่าฝืนกระทำผิดซ้ำ เพราะจะยิ่งทำให้บทลงโทษรุนแรงกว่าเดิมเป็นร้อยเท่า แถมความผิดนี้จะถูกสำนักศึกษาเต๋าบันทึกในประวัติของเขาอย่างถาวรอีกด้วย

จึงถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงนัก แม้ว่าท่านพ่อของเขาจะพอช่วยเหลือได้ แต่ชายหนุ่มก็ไม่อยากให้พ่อรู้ว่าตนทะเลาะกับหวังเป่าเล่อ แถมยังเบื่อหน่ายกับชีวิตของตัวเองที่ต้องปั่นป่วนวุ่นวายอยู่ตลอด ตั้งแต่พบเจอกับชายร่างอ้วนคนนี้ โดยเฉพาะในเกาะ        มหาปราชญ์ชั้นสูง ซึ่งมักเสียเปรียบอยู่เสมอ จนไม่อาจระบายความโกรธแค้นได้เลยสักครั้ง หนำซ้ำตอนนี้เฉินอวี่ถงยังกลายเป็นพันธมิตรกับหวังเป่าเล่ออีกต่างหาก

หลินเทียนหาวหายใจหอบถี่ ขณะจ้องอีกฝ่ายตาเขม็งโดยไม่พูดอะไร พลางข่มความโกรธเคืองจนกลับถึงถ้ำที่พักของตัวเอง ก่อนจะขว้างปาข้าวของต่างๆ ลงพื้น แล้วตะโกนร้องอย่างเดือดดานจนเส้นเลือดผุดขึ้นบนหน้าผาก

“ไอ้หวังเป่าเล่อ!”

ขณะเดียวกัน ด้านนอกถ้ำที่พัก นัยน์ตาของชายร่างอ้วนเต็มไปด้วยความความทะเยอทะยาน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นการใช้อำนาจของเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูง คำพูดของเฉินอวี่ถงกำราบหลินเทียนหาวจนต้องยอมสยบให้ แม้จะกำลังขุ่นเคือง    สุดขีด

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ มักนำพาสิ่งดีๆ มาให้ หวังเป่าเล่อมองรอบๆ ก่อนประสานมือคารวะเฉินอวี่ถงทันที

“ขอบคุณมากขอรับ ศิษย์พี่เฉิน!”

จากนั้นจึงเชิญชายผู้นี้เข้าไปในถ้ำที่พักของตน ซึ่งอีกฝ่ายยินยอมแต่โดยดี    เพราะอยากหาโอกาสพูดคุยกับหวังเป่าเล่อเกี่ยวกับหุ่นเชิดอยู่แล้วด้วย ทั้งคู่สนทนาพูดคุยกันไม่หยุด เพราะต่างคนต่างอยากรู้จักกันมากขึ้น

ทั้งสองแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับการสร้างหุ่นเชิด หวังเป่าเล่อตระหนักถึงความโดดเด่นในการผลิตหุ่นเชิดของอีกฝ่าย ซึ่งมีวิธีการอันสุดยอด รวมถึงใส่ใจในทุกรายละเอียดยิบย่อย

“เป้าหมายของข้าคือการหลอมหุ่นเชิดอาวุธเทพ ข้าเชื่อว่าหุ่นเชิดแบบนั้นจะมี   จิตวิญญาณ เสมือนเป็นคนจริงๆ!” เฉินอวี่ถงกล่าวด้วยแววตาตื่นเต้น และรับรู้ข้อมูลเชิงลึกอันมีประโยชน์จากหวังเป่าเล่อ แม้ว่าชายร่างอ้วนผู้นี้ไม่ได้เชี่ยวชาญด้าน      การหลอมเท่ากับเขา แต่ด้วยความรู้และกระบวนความคิดเฉพาะตัวในการ          จารึกอักขระนั้นก็กระตุ้นตัวเขาได้ไม่น้อย

การพูดคุยครั้งแรกของทั้งคู่ล่วงเลยไปจนพลบค่ำ เฉินอวี่ถงกล่าวคำลา หวังเป่าเล่อมอบของขวัญแทนน้ำใจเป็นหุ่นเชิดสองสามตัวให้ก่อนที่อีกฝ่ายจะจากไป

ชายร่างอ้วนรับรู้แล้วว่าเฉินอวี่ถงนั้นชื่นชอบสิ่งใด จึงตั้งใจมอบเหล่าหุ่นเชิด   ขนดกร่างกำยำให้แก่เขา แต่กระนั้น ก็ไม่อาจตัดใจยกเจ้าจูกังเฉียงให้ได้ เพราะเป็นหุ่นเชิดตัวแรกที่สร้างขึ้นจากความคิดสร้างสรรค์ผสมผสานกับความรู้เกี่ยวกับหุ่นเชิดของตนเอง

ถึงอย่างนั้น เฉินอวี่ถงก็มีท่าทีแปลกใจ และรับเหล่าหุ่นเชิดมาด้วยความยินดี ก่อนผายมือเพื่อมอบสมบัติเวทในการสะกดจิตที่เคยขอยืมมาเมื่อหลายปีก่อนให้แก่หวังเป่าเล่อ

แม้ไม่อาจใช้ในการสู้รบ แต่อย่างน้อย มันก็เป็นสมบัติเวทชนิดหนึ่ง เฉินอวี่ถงมอบให้โดยไม่ได้คาดหวังอะไร แต่กลับทำให้หวังเป่าเล่อซึ้งในความใจกว้างของ     ชาวตำหนักอาวุธเวทอันสูงส่งของสาขาอาวุธเวทอย่างยิ่ง

ชายร่างอ้วนกลับเข้าถ้ำที่พักของตน หลังจากเดินออกไปส่งศิษย์รุ่นพี่เสร็จ       เขากลับมาค้นหาภูมิหลังของชายผู้นั้นในเครือข่ายวิญญาณ แล้วก็ตื่นตัวขึ้นทันทีที่ได้รับรู้ข้อมูล

ศิษย์พี่เฉินคือยอดองครักษ์อาวุธเวทระดับหัวกะทิ เป็นผู้ดูแลฝ่ายปกครองตำหนักประจำตำหนักอาวุธเวท การฝ่าฝืนกฎตำหนักทุกอย่างจะถูกตัดสินและควบคุมโดยฝ่ายนี้ทั้งสิ้น!

มีข่าวลือว่าเขาจะได้เป็นรองหัวหน้าตำหนักอีกด้วย! หวังเป่าเล่อรู้สึกประทับใจ และไม่คาดคิดว่าเฉินอวี่ถงจะเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงขนาดนี้ ทำให้จิตใจนั้นโลดแล่นไปด้วยความคิดและความรู้สึกมากมาย

แม้ว่าชายคนนั้นจะมีความคลั่งไคล้แปลกๆ เกี่ยวกับหุ่นเชิด แต่ก็เป็นคนดีคนหนึ่ง เมื่อศิษย์ทั่วไปได้เป็นศิษย์เอกอาวุธเวทแล้วนั้น พวกเขาจะมีสิทธิ์สมัครเข้าทำงานในฝ่ายที่ต้องการรับผิดชอบได้ หากข้าสามารถเข้าไปยังฝ่ายปกครองตำหนักซึ่งศิษย์พี่เฉินดูแลอยู่ได้แล้วล่ะก็…ดวงตาของชายอ้วนฉายประกาย หลังจากขบคิดอยู่สักครู่     จึงตัดสินใจแน่วแน่

วันต่อมา นอกจากการฝึกฝนและหลอมวัตถุเวทแล้ว หวังเป่าเล่อยังใช้เวลาบางส่วน เข้าไปสานความสัมพันธ์กับเฉินอวี่ถงอย่างแนบเนียน แบบไม่แสดงออกชัดเจน หรือบ่อยถี่เกินไป ชายหนุ่มเข้ามาในฝ่ายสำนัก และลงมือช่วยเหลือเรื่องต่างๆ โดยแสร้งว่าเป็นเรื่องบังเอิญ อีกทั้งไม่บอกโต้งๆ ว่าตนเองนั้นอยากเข้ามาทำงานในฝ่ายผังเมือง ทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของเฉินอวี่ถงต่างไม่ล่วงรู้ถึงมิตรภาพที่สองคนนี้มีต่อกัน

เฉินอวี่ถงพอใจกับการรับมือและจัดการเรื่องต่างๆ ของหวังเป่าเล่อ นอกจากนี้ยังถูกใจในบุคลิกการวางตัวของชายอ้วน จนความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ค่อยๆ เพิ่มพูนขึ้น

หลังจากผ่านมาระยะหนึ่ง หวังเป่าเล่อรู้สึกว่าตนเริ่มลงหลักปักฐานในเกาะ    มหาปราชญ์ชั้นสูงได้มั่นคงมากขึ้น ขณะเดียวกัน ก็เริ่มเชี่ยวชาญและมีความรู้เกี่ยวกับการหลอมวัตถุมากขึ้นเช่นกัน ดังนั้นขั้นตอนต่อไปคือต้องหลอมสมบัติเวทให้สำเร็จให้จงได้

แต่ข้าต้องศึกษาจิตวิทยาให้กระจ่างขึ้นเสียก่อนจะลงมือทำ หวังเป่าเล่อหันกลับมามองเพื่อนบ้านของตน ด้วยแววตาเป็นประกาย ก่อนโบกแขนขึ้น เผยให้เห็นร่างของหุ่นเชิดนับสามสิบตัวเดินออกจากถ้ำที่พักไปเป็นขบวนทันที

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!