Skip to content

A World Worth Protecting 1388

บทที่ 1388 ปล่อยให้ตากแห้ง

“การทดสอบที่ทำให้ศิษย์สามสำนักและมหาศิษย์ต้องบ้าคลั่ง” เจ้าแห่งสุขจากเจ็ดอารมณ์เอ่ยเสียงเรียบ

“โอ้” หวังเป่าเล่อไม่มีอะไรให้พูดนัก และไม่ได้เอ่ยถามเช่นกัน ส่วนเจ้าแห่งสุขจากเจ็ดอารมณ์นั้น หลังรออยู่เนิ่นนานก็พบว่าหวังเป่าเล่อยังคงนั่งอยู่บนก้างปลา ตัวนั้นเช่นเดิม ราวกับไม่มีความสงสัยใคร่รู้อะไรนัก จึงเหมือนจะทนไม่ไหวแล้ว

“เจ้าไม่สงสัยเรื่องเนื้อหากับจุดประสงค์ของการทดสอบหรือ”

“ไม่สงสัย” หวังเป่าเล่อก้มหน้าเคาะก้างปลา ฟังเสียงตุบๆ ที่ดังมาจากมัน สัมผัสรับรู้ท่วงทำนองเพลงที่เปล่งเสียงเพิ่มขึ้นมาจากในร่าง เมื่อนำมันซ้อนทับ เข้าไปแล้ว เขาก็ตอบกลับสุ่มๆ หนึ่งประโยค

เจ้าแห่งสุขจากเจ็ดอารมณ์เงียบงัน จนกระทั่งผ่านไปพักหนึ่งก็เห็นหวังเป่าเล่อ ตบก้างปลา ให้ก้างปลาเคลื่อนที่เร็วขึ้น ราวกับกำลังจะตามหาแรงบันดาลใจในการตระหนักรู้เพิ่มขึ้นจากรอบๆ นางจึงอดถอนหายใจออกมาไม่ได้

“เจ้าอยากรู้ความลับของเจ้าแห่งปรารถนาเสียงหรือไม่”

“เจ้าอยากพูดก็พูด ไม่อยากพูดก็ไม่ต้องมาหลอกล่อข้า” หวังเป่าเล่อใช้ฝ่ามือ จับตัวประหลาดรูปร่างคล้ายกับคางคกมาตัวหนึ่งแล้วบีบมัน ทำให้มันส่งเสียงร้อง ‘อ๊บ อ๊บ’ ออกมา พลางกล่าวอย่างไม่สนใจ

เห็นได้ชัดว่าเจ้าแห่งสุขก็มีศักดิ์ศรี เมื่อเห็นท่าทีเช่นนี้ของหวังเป่าเล่อก็เงียบงัน ไม่พูดอะไรอีก ส่วนหวังเป่าเล่อก็ไม่ได้ถามเช่นกัน เป็นเช่นนี้เวลาก็ล่วงเลยผ่านไป เมื่อเห็นว่ายังมีเวลาอีกเกือบครึ่งชั่วยามค่ำคืนถึงจะผ่านพ้น ฝั่งเจ้าแห่งสุขก็เอ่ยออกมาคล้ายจนใจ

“เจ้าแห่งปรารถนาเสียง ไม่ใช่หนึ่งเดียว…อันที่จริง นางเกิดขึ้นมาจาก สามร่างแยก เจ้าอยากรู้หรือไม่ว่าสามร่างแยกนั้นเป็นใครกันบ้าง”

ราวกับว่าวิธีการพูดของเจ้าแห่งสุขจากเจ็ดอารมณ์มักจะชอบหลอกล่อคนอื่น ให้เอ่ยถามเช่นนี้ แต่น่าเสียดายที่มาเจอกับหวังเป่าเล่อ และครั้งนี้แม้ว่าเจ้าแห่งสุข ผู้เริ่มเข้าใจลักษณะการพูดจาของหวังเป่าเล่อแล้วจะเอ่ยแบบนี้ออกมา แต่นาง กลับไม่รอให้หวังเป่าเล่อได้ตอบกลับ แต่เป็นผู้ก็เอ่ยต่อไปเอง

“เจ้าจะต้องอยากรู้แน่ พวกเขาก็คือ…”

“ไม่อยากรู้ก็ได้…” หวังเป่าเล่อตอบกลับหนึ่งประโยค แต่เห็นชัดว่าถูกเจ้าแห่งสุขเมินไปแล้ว

“พวกเขาก็คือ เจ้าสำนัก…ของทั้งสามสำนักในเมืองปรารถนาเสียง!”

เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวออกมา ในใจของหวังเป่าเล่อก็พลันสั่นไหว แต่เบื้องหน้ายังคงเป็นท่าทางไม่สนใจ ส่งเสียง “อ้อ” รับรู้ออกมา

เจ้าแห่งสุขจากเจ็ดอารมณ์ไม่สนใจท่าทีของหวังเป่าเล่อ นางเอ่ยต่อไปด้วยตัวเอง

“เจ้าสำนักทั้งสามสำนักของเมืองปรารถนาเสียงนั้น พวกเขาก็คือร่างแปลง ทั้งสามของเจ้าปรารถนาเสียง ส่วนเจ้าแห่งปรารถนาเสียงนั้นไม่มีร่างจริง เมื่อร่างแปลงสามร่างของนางผสานรวมเข้าด้วยกัน นั่นก็คือร่างจริง”

“แต่เป็นเพราะข้อห้ามและคำสาปในอดีต ร่างแปลงของนางจึงไม่อาจ ผสานรวมกันได้ตลอดกาล” เอ่ยถึงตรงนี้ เจ้าแห่งสุขจากเจ็ดอารมณ์ก็นิ่งไป แต่คล้ายไม่อยากได้ยินเสียงของหวังเป่าเล่อ ดังนั้นนางจึงฝืนเปลี่ยนความเคยชินของตัวเอง เอ่ยต่อไปอย่างรวดเร็ว

“แต่ก็เป็นเพราะข้อห้ามและคำสาปเช่นเดียวกัน แม้ว่าร่างจริงของนางจะไม่อาจปรากฏออกมาได้ แต่ร่างแปลงก็เป็นตัวตนอมตะในแง่หนึ่ง เพราะร่างแปลงของนาง ก็มีความสามารถแบบเดียวกัน เรียกว่าการกลับชาติ เป็นประเภทเดียวกับการ ครองร่าง แต่ครอบงำยิ่งกว่าการครองร่าง”

“เช่นนั้น…” หวังเป่าเล่อครุ่นคิดพลางเอ่ยขึ้นโดยไม่รู้ตัว และหลังจากเอ่ยออกมาเขาก็รู้สึกเสียใจแล้ว ทว่าเขาจำต้องยอมรับ ข้อมูลที่อีกฝ่ายพูดออกมาทำให้เขา ตกใจมากจริงๆ

และความเสียใจของเขาก็ถูกต้องแล้ว เพราะว่า…เมื่อเจ้าแห่งสุขจากเจ็ดอารมณ์ได้ยินคำพูดนั้นของหวังเป่าเล่อ นางก็ไม่พูดต่ออีก จนกระทั่งค่ำคืนผ่านพ้นและ หวังเป่าเล่อจากไป นางก็ยังไม่เอ่ยอะไรออกมาแม้แต่นิด

ทำให้หวังเป่าเล่อที่หายตัวไปจากตรงนี้เพื่อกลับสู่โรงเตี๊ยมรู้สึกจนใจเล็กน้อย เขาคิดว่าเจ้าแห่งสุขจากเจ็ดอารมณ์ผู้นี้มีปัญหาแน่ๆ ยิ่งเจ้าไปสนใจนาง นางก็ยิ่ง ทำตัวเย็นชา

“ต่อกรกับคนแบบนี้ก็ต้องทำตัวเหมือนไม่สนใจ”

“และไม่อาจทำตัวกระตือรือร้นเพื่อให้นางมองเห็นข้ามากเกินไป…” หวังเป่าเล่อครุ่นคิดพิจารณาแล้วแค่นหัวเราะเสียงเย็นไปทีหนึ่ง ลอบคิดว่าเรื่องแบบนี้ ร่างจริง ในสมัยเด็กยังทำได้ ตนยิ่งแข็งแกร่งกว่าร่างจริง กำเนิดออกมาก็ทำได้เลย

“คนบางคนก็ควรจะปล่อยให้ตากแห้งไว้อย่างนั้นแหละ” หวังเป่าเล่อไม่ได้คิดเรื่องนี้อีก แต่หยิบแผ่นทำนองเพลงออกมาแล้วตระหนักรู้ต่อ จนกระทั่งยามค่ำคืน มาเยือน ทว่าเขากลับไม่ได้ไปที่ประตูสำนัก และไม่ได้ออกจากโรงเตี๊ยม ยิ่งไม่ได้ผสานเข้าสู่โลกแห่งเสียงด้วย

นี่เป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งเดือนกว่าที่หวังเป่าเล่อไม่ได้ก้าวเข้าสู่โลกแห่งเสียง

และไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม เมื่อมีครั้งแรกแล้วก็ย่อมมีครั้งที่สอง ดังนั้น จนกระทั่ง ผ่านไปแล้ววันที่สอง วันที่สาม วันที่สี่…จนแปดวัน

ในช่วงแปดวันนี้ หวังเป่าเล่อไม่ก้าวเข้าสู่โลกแห่งเสียงแม้เพียงครึ่งก้าว ทั้งกายใจล้วนหมกมุ่นอยู่กับการตระหนักรู้ทำนองเพลง เพิ่มจำนวนท่วงทำนองของตน และสุดท้ายก็ทะลวงสองหมื่น บรรลุถึงระดับสามหมื่น

จนกระทั่งค่ำคืนวันที่แปดกำลังจะผ่านพ้น หวังเป่าเล่อจึงลืมตาขึ้นมา ก้าวเดินอย่างเกียจคร้านและกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดผสานเข้าสู่โลกแห่งเสียง ชั่วขณะ ที่เขาก้าวเข้าสู่โลกแห่งเสียงนั้น เขาก็สัมผัสได้ทันทีว่ามีดวงจิตเทพเข้ามารวมตัวกันจากทั้งแปดทิศ มันแผ่กระจายอยู่รอบตัวของเขาอย่างร้อนรน

หลังจากรับรู้สิ่งเหล่านี้แล้ว จิตใจของหวังเป่าเล่อก็ตะโกนร้องขึ้นมา เรียกหาก้างปลาที่รักของเขา ไม่นานก้างปลาตัวนั้นก็ว่ายเข้ามาหาจากที่ไกลๆ อย่างรวดเร็วแล้วแล่นลงที่บั้นท้ายของหวังเป่าเล่อ ให้เขาได้นั่งลงอย่างสบายๆ

และแทบจะขณะเดียวกับที่หวังเป่าเล่อนั่งลงไปนั้น ดวงจิตเทพที่แพร่กระจายอยู่รอบด้านก็เกิดการผันผวนเล็กน้อย ผ่านไปพักหนึ่ง เสียงแผ่วเบาก็ดังก้อง

“ดังนั้น…หลังจากร่างแปลงสำนักเต๋าแห่งดนตรีของเจ้าปรารถนาเสียงต่อสู้กับ เจ้าแห่งสวาปามแล้วบาดเจ็บสาหัส อีกทั้งรักษาตนเองล้มเหลว ดังนั้น…ข้าจึงเดาว่า มีโอกาสอย่างมากที่จะเลือกการครองร่าง”

“และเป้าหมายของการครองร่างย่อมเป็นศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดในสามสำนัก นี่ก็คือจุดประสงค์ของการทดสอบครั้งนี้ด้วย เพียงแต่ว่าศิษย์ของสามสำนักไม่มีใครรู้ความลับนี้เท่านั้น”

ครั้งนี้ เจ้าแห่งสุขได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบคำพูดจากเมื่อก่อน นางให้คำตอบที่ หวังเป่าเล่ออยากรู้ออกมารวดเดียว พูดออกไปทั้งหมด ถึงขนาดยังมีความรู้สึกเหมือนกับกลัวว่าพอพูดจบแล้วหวังเป่าเล่อจะจากไปทันทีอีกด้วย

“เป็นเช่นนั้นจริงๆ แม้จะเป็นเจ้าแห่งสุขจากเจ็ดอารมณ์ แต่ตราบใดที่ยังมีนิสัยแบบสตรีอยู่ วิธีการก็แทบจะเป็นเหมือนกันหมด” หวังเป่าเล่อกระแอมไอ หลังจากพึมพำอยู่ในใจแล้วก็ครุ่นคิดถึงคำพูดของอีกฝ่ายอย่างละเอียด

ไม่นานเขาก็คาดเดาออกมาได้ว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องจริงสักแปดเก้าในสิบส่วน เพราะเขานึกถึงตอนนั้น ร่างจริงได้พบกับนักแสดงหญิงชุดเขียวจากเมือง ปราถรถนาเสียงผู้นั้น ภายในร่างของอีกฝ่ายกลับมีเมล็ดพันธุ์เต๋าฝังอยู่

และยังมีเยว่หลิงจื่อจากสำนักเหอเสียน ตอนนั้นหวังเป่าเล่อก็สัมผัสได้ถึง กลิ่นอายของเมล็ดพันธุ์เต๋าเช่นกัน ถึงขนาดที่ตอนนี้มาหวนนึกถึง สือหลิงจื่อก็น่าจะเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน

และของประเภทเมล็ดพันธุ์เต๋าก็ไม่ใช่ของสามัญ ปกติแล้วมันไม่มีทางอยู่ในตัวของคนหลายคนขนาดนี้ ดังนั้นถ้าหากมีอยู่จริงๆ เช่นนั้นก็มีปัญหาแล้ว

แต่ตอนนี้หวังเป่าเล่อมีคำตอบสำหรับปัญหานี้แล้ว

และคำพูดต่อมาของเจ้าแห่งสุขก็ได้พิสูจน์การคาดเดาของหวังเป่าเล่อ

“ศิษย์เต๋าของสามสำนักและหัวกะทิที่เป็นรองเป็นศิษย์เต๋านั้น ความจริงแล้ว พวกเขา…ล้วนเป็นเตาหลอมที่เจ้าแห่งปรารถนาเสียงผู้นั้นเตรียมจะเลือกใช้”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!