บทที่ 182 เล็งเป้าหมาย! ยิงสังหาร!
ทุกทิศทางที่ลำแสงความเร็วสูงนั้นเคลื่อนผ่านไป จะฉีกร่างของเหล่าอสูร ซึ่งขวางทางอยู่จนหมดสิ้น แค่แตะต้องคลื่นพลังงานเบาๆ ก็มีอันต้องร้องลั่น เหล่าอสูรบางตนถูกสังหารสิ้น บางตนก็บาดเจ็บสาหัส
อีกไม่นานก็จะพลบค่ำแล้ว ลำแสงปืนใหญ่สีน้ำเงินสั่นเทิ้มและส่องสว่างจ้า ก่อนยิงด้วยความเร็วสูงผ่านสนามรบ เสียงฟ้าฟาดทำลายล้างนั้นพุ่งไปทาง อสูรค้างคาวใจกลางพายุหมุน
อสูรค้างคาวอ้าปากกว้าง เตรียมปล่อยคลื่นเสียงสูงเพื่อขัดขวางการต่อสู้ของ เหล่าบรรดาขั้นรากฐานตั้งมั่น จู่ๆ ดวงตาของมันกลับตื่นตระหนก ความเยือกเย็นวาบเข้ามาในร่างกาย หากว่ามันมีเส้นผม ก็คงลุกชันไปทั้งตัวเป็นแน่ เจ้าอสูรค้างคาว รีบหุบปากลงแล้วเบี่ยงตัวหลบหนีไปอีกฟากอย่างรวดเร็ว แต่ความเร็วของลำแสงนั้นเร็วยิ่งกว่า ทำให้ระเบิดสายฟ้านั้น…ฟาดตรงไปยังร่างของมัน…
แต่สุดท้ายก็พลาดเป้า…
แม้จะยิงพลาด แต่ระลอกคลื่นพลังงานนั้นยังแผ่กระจายจนร่างกายของ อสูรค้างคาวสั่นสะท้าน มันกระอักเลือดออกมาอารามตกใจ รีบคำนวณระยะการยิงของปืนใหญ่สวรรค์ ก่อนบินออกห่างจากปืนใหญ่ไปให้ไกลที่สุด ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าตัวเองจะต้องตายด้วยระเบิดจากปืนใหญ่นั่น!
แววตาของอสูรค้างคาวแดงก่ำพลางตัวสั่นเทิ้ม ก่อนแหงนหน้าร้องโหยหวน ดวงตานั้นจับจ้องหวังเป่าเล่อด้วยความอาฆาตแค้นอันร้อนระอุไปทั่วทั้งอากาศ
อานุภาพของปืนใหญ่สวรรค์นั้นรุนแรงเสียจนเจ้าอสูรค้างคาวสัมผัสได้ว่า ความตายอยู่ใกล้แค่เอื้อม
หากเมื่อครู่มันเคลื่อนตัวเร็วกว่านี้สักนิด ศีรษะคงโหม่งชนกับลำแสงปืนใหญ่เข้าแล้ว ความคิดนั้นทำให้อสูรแสนฉลาดตนนี้ต้องผวา จนกรีดร้องเสียงแหลมเสียดแทงแก้วหูออกมา ทันใดนั้นเหล่าอสูรรอบข้างลานปืนใหญ่สวรรค์ของหวังเป่าเล่อก็เริ่มบ้าคลั่งหนักกว่าเก่า แล้วพุ่งเข้าใส่พวกเขาอย่างเสียสติ
อสูรขั้นรากฐานตั้งมั่นสองตนบนท้องนภาระทึกใจไปด้วยเช่นกัน แต่พวกมัน ไม่ได้ผละออกมา เพียงแค่คำรามในจังหวะที่อสูรค้างคาวกรีดร้อง ทำให้บรรดาอสูรและยักษ์ในเหตุอสูรหลั่งไหลครั้งนี้คลุ้มคลั่งยิ่งขึ้น พวกมันเมินเหล่าผู้ฝึกตนและกองทัพนักรบรอบข้างทันที ก่อนทะยานขึ้นกลางอากาศโดยมีเป้าหมายเดียวกันคือหวังเป่าเล่อ
การยิงปืนใหญ่ของชายผู้นี้ราวกับไปตีรังผึ้ง ทำให้เหล่าอสูรนั้นแตกฮืออย่างบ้าคลั่ง เฉินอวี่ถงและนักรบรอบข้างอึ้งไปชั่วครู่
ผู้บัญชาการเคราหนาและผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นสะท้านไปทั้งร่างกายเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาคิดว่ามันคือโอกาสทอง อสูรค้างคาวมัวแต่สนใจการต่อสู้ ของพวกมันอยู่ พวกเขาจึงอาศัยจังหวะนั้นประจันหน้ากับเหล่าอสูรฝึกตนขั้น รากฐานตั้งมั่น ผู้บัญชาการเคราหนาแผดเสียงดังก้องสมรภูมิรบ
“ทุกคน จงคุ้มครองลานปืนใหญ่สวรรค์ให้จงได้!”
“หวังเป่าเล่อ เจ้าจะเป็นวีรบุรุษในการต่อสู้ครั้งนี้ ตราบใดที่เจ้ายังเบี่ยงเบน ความสนใจของเจ้าอสูรค้างคาวได้! แต่หากเจ้าสังหารมันได้สำเร็จด้วยล่ะก็ ข้าจะตบรางวัลใหญ่ให้เองกับมือเลยทีเดียว!”
เมื่อผู้บัญชาการเคราหนาพูดจบ เหล่านักรบและผู้ฝึกตนภาคพื้นดินต่างก็เร่งฝีเท้ากลับไปทางลานปืนใหญ่สวรรค์ที่หวังเป่าเล่อประจำการอยู่ทันที พวกเขาสู้ยิบตา ส่วนเฉินอวี่ถงและคนอื่นๆ นั้นก็ต่อสู้สุดแรงเกิดไม่แพ้กัน ทุกคนต่างโรมรันกัน อย่างดุเดือด
การสู้รบรอบลานปืนใหญ่สวรรค์ปะทุขึ้นในทันที!
พลังปราณของเจ้าอสูรค้างคาวบนท้องฟ้านั้นไม่ใช่ขั้นรากฐานตั้งมั่นอย่างแน่นอน แม้มันจะมีนิสัยระแวดระวังตัวเพียงใด แต่เอาเข้าจริงถ้ามันอยากจะปลดปล่อยพลังโจมตีถี่กว่านั้นก็ย่อมทำได้ ในเมื่อเห็นๆ กันอยู่ว่ามันมีความสามารถในการใช้พลังเวท รวมทั้งคอยสนับสนุนและบงการเหล่าอสูรทั้งหลายอยู่
อสูรค้างคาวหวาดกลัวจนไม่กล้าอยู่เฉย ร่างของมันพลิ้วไหวไปมาจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งไม่หยุดหย่อน ทำให้พายุหมุนพัดหอบไปทั่วสมรภูมิรบ บดบังทัศนวิสัยของทุกคน
มันไม่กล้าบินเข้าใกล้หวังเป่าเล่อ และยังคงสั่นเทิ้มจากแรงระเบิดของปืนใหญ่ก่อนหน้านี้ ทำให้มันต้องหลบหลีกการโจมตีออกไปไกลโพ้น และหวังพึ่งพา เหตุอสูรหลั่งไหลให้ทำลายล้างศัตรูแทนตน
แม้จะใช้เวลาเล็กน้อย แต่วิธีนี้ปลอดภัยที่สุด หากเจ้าอสูรค้างคาวต้องการจะคว้าชัยชนะมาให้ได้
รอบข้างหวังเป่าเล่อเต็มไปด้วยการเข่นฆ่า ชายหนุ่มทั้งโกรธและเป็นกังวล การยิงปืนใหญ่พลาดเป้านั้นเป็นความผิดของตน อีกทั้งปืนใหญ่สวรรค์ปรับปรุงใหม่นี้ ก็ไม่เสถียรในหลายเรื่อง แทบไม่อาจใช้งานได้อย่างราบรื่นดั่งเคย
ชายหนุ่มได้ยินคำสัญญาของผู้บัญชาการเคราหนาแล้ว แต่ไม่มีเวลามาคิด ฝันเฟื่องต่อ ศึกอันโหดร้ายและความตายนั้นอยู่รอบตัว หวังเป่าเล่อสูดลมหายใจ เข้าลึก ไม่กล้าเสียสมาธิขณะปลดปล่อยปราณวิญญาณของตนเข้าสู่ปืนใหญ่อีกครั้ง เขาเปลี่ยนกลไกการจับเป้าหมายจากรูปแบบอัตโนมัติมาเป็นรูปแบบกำหนดเอง เพื่อเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุคาดฝันซ้ำสอง ก่อนปล่อยฝูงยุงที่เคยถูกทำลายล้างไปแล้วหลายครั้งหลายคราออกมา
ฝูงยุงบินฮืออย่างรวดเร็ว และมุ่งหน้าไปยังอสูรค้างคาวทันที หวังเป่าเล่ออาศัยดวงตาของพวกมันเพื่อมองดูบนอากาศ ด้วยมุมมองรอบทิศทางทำให้ชายหนุ่มมองเห็นทุกสิ่งอย่างชัดเจนจนน่าตกใจ
แต่ทว่าอสูรค้างคาวตัวนั้นว่องไวเกินไป ทั้งยังพรางตัวอยู่ใจกลางพายุอีก ทำให้หวังเป่าเล่อจับเป้าหมายได้ไม่แม่นยำนัก ชายหนุ่มกระวนกระวายมากขึ้น และแทบเป็นบ้าขณะมองดูเหตุการณ์นองเลือดรอบข้าง
อย่าใจร้อน อย่ารีบเร่ง!
ข้าต้องหาจังหวะเหมาะๆ ให้ได้! หวังเป่าเล่อสูดลมหายใจให้ตนเองสงบลงบ้าง เมื่อปืนใหญ่สวรรค์เริ่มเปิดการใช้งาน พลังงานในชั้นบรรยากาศก็ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างน่ากลัว ปราณวิญญาณรอบข้างถูกสูบอย่างกะทันหัน คลื่นมรสุมในตัวของ หวังเป่าเล่อค่อยๆ สงบลง เขามองเห็นเพียงท้องฟ้าห่างไกลและร่างอสูรค้างคาวซึ่งเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา
ปืนใหญ่สวรรค์สั่นสะท้านรุนแรง แต่หวังเป่าเล่อไม่ปล่อยให้ความพยายามสูญเปล่า จึงหายใจช้าๆ อย่างคงที่ ขณะนั้นภาพแทนสายตาของฝูงยุงเหล่านั้นหดเล็กลง…
เขาเฝ้ารอโอกาสอย่างเงียบๆ ตราบใดมันยังมาไม่ถึง เขาก็ไม่มีทางแน่ใจได้ว่าจะยิงปืนใหญ่ดีหรือไม่ ยิ่งไม่ยอมยิงเสียที ก็ยิ่งทำให้อสูรค้างคาวระแวงมากขึ้น การยิงครั้งนี้ตัดสินผลแพ้ชนะของศึกใหญ่บนท้องฟ้าระหว่างอสูรและผู้ฝึกตน ขั้นรากฐานตั้งมั่นได้เลย ขอแค่ผู้บัญชาการเคราหนาและพรรคพวกของเขาคว้าชัย มาได้ ศึกครั้งนี้ก็จะพลิกผันไปทันที
ผลตอบแทนนั้นช่างยิ่งใหญ่นัก
จากภาพท้องนภาอันกว้างไกลที่หวังเป่าเล่อมองเห็นผ่านสายตายุงทั้งเก้าตัวนั้น จู่ๆ ก็ปรากฎลำแสงโค้งสองเส้นพุ่งตรงมาทางพวกเขา ตามด้วยเรือบินขนาดมหึมาเจ็ด ถึงแปดลำทะยานมายังสมรภูมิรบนี้ด้วยความเร็วสูสีกัน
พวกเขาคือกองหนุนที่ส่งมาช่วยเหลือปราการด่านหน้าลำดับเจ็ดนั่นเอง ลำแสงโค้งสองเส้นนั้นเป็นของผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นสองคนก่อนหน้า สีหน้าทั้งคู่ซีดขาวและบาดเจ็บสาหัสอย่างเห็นได้ชัด ทว่าพวกเขายังคงมุ่งหน้าเข้ามาอย่างเด็ดเดี่ยว เห็นได้ชัดว่าวงแหวนเคลื่อนย้ายระหว่างป้อมปราการนั้นใช้การไม่ได้แล้ว พวกเขาจึงรีบมุ่งหน้าไปยังเรือบินเหล่านั้นแทน
ดวงตาของหวังเป่าเล่อทอประกายขึ้น เมื่อเห็นพวกเขาปรากฏตัวเหนือเส้นขอบฟ้า
โอกาสมาถึงแล้ว! ชายหนุ่มกลั้นหายใจ ก่อนหรี่ตาเล็กลงทันใด
เล็งเป้าหมาย!
เล็งเป้าหมาย!!
เล็งเป้าหมาย!!!
อสูรค้างคาวเห็นกองหนุนที่มาจากแดนไกล ก็ตัวสั่นจนควบคุมไม่อยู่ เพียงชั่วพริบตานั้น หวังเป่าเล่อก็คำรามลั่นและเลือกจังหวะนี้…ยิงปืนใหญ่ทันที!
เสียงฟ้าร้องดังกระหึ่ม จนสวรรค์และปฐพีสั่นไหว ลำแสงขนาดใหญ่จากปืนใหญ่สวรรค์ระเบิดพุ่งออกมา ก่อนที่ปืนใหญ่สวรรค์จะแตกกระจายเป็นชิ้นๆ พังทลายจนกลายเป็นเพียงเศษขยะในที่สุด เมื่อลำแสงปะทุจนหมด แม้อักขราจารึกข้างในนั้นยังแตกละเอียดไปด้วย!
หวังเป่าเล่อใช้พลังทั้งหมดที่มีจนกระอักเลือดร่างทรุด เหล่านักรบด้านหลังคอยประคองเขาเอาไว้ ชายหนุ่มมองแสงไฟที่ตนเพิ่งยิงออกไปบนท้องฟ้าตาไม่กะพริบ
ลำแสงสะเทือนปฐพีนั้นว่องไวราวกับมังกรสีน้ำเงินตัวมหึมา รวดเร็วดุจดั่งสายฟ้าจากท้องนภา พุ่งเข้าตัดหน้าเจ้าอสูรค้างคาวทันที
อสูรค้างคาวคำรามกรีดร้องด้วยความโกรธแค้นและพยายามหลบหนี แต่ช้าเกินไป เพราะลำแสงได้ผ่ากลางร่างของมันในชั่ววินาที จนร่างขนาดใหญ่นั้นทลายลงต่อหน้าต่อตา
ปีกของมันหักและแตกเป็นเสี่ยงๆ แรงปะทะระเบิดปากอันน่าสยดสยองนั้นเละ เลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว ไม่มีแม้เส้นขนสักเส้นหลงเหลือ ราวกับมีฝ่ามือมโหฬาร กวาดล้างอสูรตนนี้จนไร้ร่องรอย!
ทุกสายตาจับจ้องสมรภูมินี้ด้วยความตื่นตกใจ เฉินอวี่ถงและทุกคนบนแท่นนั้นต่างงุนงงและตื่นเต้น ราวกับฝันไป เหล่านักรบและผู้ฝึกตนจากสี่ยอดสำนัก เต๋าศักดิ์สิทธิ์เนื้อตัวสั่นเทิ้มไม่ต่างกัน ก่อนที่ทุกคนจะรู้สึกดีอกดีใจขึ้นมาแทน
บรรดาอสูรหลั่งไหลที่เหลือเห็นดังนั้นก็กระวนกระวาย สีหน้าของอสูรหลายตัวเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และแล้วเหตุการณ์ก็พลิกผัน อสูรขั้นรากฐานตั้งมั่นสองตัวที่เหลือตัวแข็งทื่อระหว่างกำลังสู้รบกับผู้บัญชาการเคราหนา หนึ่งในนั้นกรีดร้องลั่นเมื่อหัวถูกฟันขาด ส่วนอีกตัวรีบผงะถอยด้วยความเดือดดาล
ทว่ามันก็ไม่อาจหลบหนีพ้น ผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นสองคนที่เหลือรีบเข้ามาสมทบ ทั้งที่ยังตกใจไม่อยากเชื่อภาพที่เห็นตรงหน้า พวกเขาร่วมมือกับผู้บัญชาการเคราหนาปลิดชีพอสูรตัวสุดท้ายได้สำเร็จ
บรรดาอสูรหลั่งไหลภาคพื้นดินได้แต่หวาดหวั่น พวกมันโหยหวนและเริ่มล่าถอยอย่างไร้สติจนร่างกระแทกกันเอง ทำให้สนามรบแห่งนี้ตกอยู่ในความโกลาหลวุ่นวาย
ไอสังหารจากตัวของผู้บัญชาการเคราหนานั้นมิได้แผ่วเบาลงแม้แต่น้อย เขาตะโกนออกคำสั่งท่ามกลางเสียงดังระงม แจ้งให้ป้อมปราการทั้งหมดจู่โจมเต็มรูปแบบ นักรบและผู้ฝึกตนรอบข้างหวังเป่าเล่อพุ่งตัวเข้าร่วมกันตอบโต้
แม้หวังเป่าเล่อจะอ่อนล้าร่างกาย แต่เขาก็ยังทะยานขึ้นฟ้าเพื่อร่วมศึกด้วย โดยสั่งการให้ฝูงยุงบินตามมา
พอฝั่งปราการเปิดฉากโจมตี เหล่าอสูรหลั่งไหลก็ยิ่งกระเจิดกระเจิงอลหม่านกว่าเก่า พวกมันล้มตายกันไปเป็นเบือ บรรดาเริ่มนักรบเหนื่อยล้าและหยุดไล่ล่า ได้แต่เฝ้าดูเหตุอสูรหลั่งไหลนั้นถอยหนีไปไกล
ผู้บัญชาการเคราหนาถอนหายใจอย่างหนัก พลางหันมองหวังเป่าเล่อในสภาพสะบักสะบอมและเปื้อนเลือด เขาหัวเราะลั่นก่อนเดินเข้ามากอดพร้อมทั้งตบหลังแรง โชคดีที่ชายหนุ่มหนังหนาและแข็งแกร่ง มิเช่นนั้นคงต้องทรุดตัวลงกระอักเลือด เสียแล้ว
แม้ว่าผิวหนังจะหนา แต่ชายหนุ่มก็รู้สึกเจ็บปวด จึงกอดอีกฝ่ายกลับ พร้อมทั้ง ตบหลังดังลั่นเป็นการเอาคืนไม่ให้น้อยหน้า
ผู้บัญชาการเคราหนารู้สึกได้ถึงความผิดปกติเลยรีบคลายกอดทันที ก่อนจะกระแอมไออย่างเคอะเขิน จากนั้นจึงค่อยยกแขนข้างหนึ่งของชายหนุ่มขึ้น มองไปยังผู้คนรอบข้างพร้อมเอ่ยถามเสียงดัง “ไหนบอกข้าที ว่าเจ้านี่คือใคร”
“หวังเป่าเล่อ!” เหล่านักรบที่รอดชีวิตมาได้พากันตะโกนโห่ร้องชื่อของเขาลั่น
พวกเขาเห็นฉากการยิงปืนใหญ่ข้ามฟากฟ้าเพื่อสังหารอสูรค้างคาวนั่นกับตาตนเอง!
หวังเป่าเล่อได้ยินเสียงฝูงชนตะโกนเรียกชื่อของตน ก็ถึงกับเลือดสูบฉีดจนใบหน้าอุ่นขึ้น นี่เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มรู้สึกอธิบายไม่ถูกเช่นนี้
นักรบนับพันชีวิตบนลานปืนใหญ่รู้สึกท่วมท้น พวกเขาดาหน้ากันเข้ามาหาหวังเป่าเล่อพร้อมส่งเสียงโห่ร้องยินดี ก่อนอาศัยจังหวะแวบหนึ่งที่ชายหนุ่มกำลังตื่นตระหนก จับเขาโยนขึ้นกลางอากาศซ้ำแล้วซ้ำเล่า เสียงสรวลเสเฮฮาดังก้องไปทั่วสนามรบที่พวกเขาเพิ่งรับชัยชนะมา
ผู้ฝึกตนจากสี่ยอดสำนักศึกษาเต๋าคนอื่นมองดูเหล่านักรบโยนร่างชายหนุ่มขึ้นบนอากาศซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดวงตาร้อนผ่าวด้วยความริษยา กองหนุนที่เพิ่งมาถึงก็ไม่อาจ ทำใจให้สงบลงได้ ลำแสงปืนใหญ่ที่พวกเขาเห็นตอนมาถึงนั้น…สร้างความ ประหลาดใจให้พวกเขาเหลือเกิน!