Skip to content

A World Worth Protecting 188

บทที่ 188 ยิงไฟฟ้าใส่ข้าที

สามเดือนจะว่าสั้นก็สั้น จะว่านานก็นาน…ข้าจะต้องใช้เวลาให้คุ้มค่า! หวังเป่าเล่อนั่งขัดสมาธิในถ้ำที่พัก หลังจากลงรายละเอียดเรื่องอักขราจารึกของปืนใหญ่สวรรค์ที่จะหลอมแล้ว สีหน้าของเขาก็พลันมุ่งมั่นขึ้นมาทันที

ข้าเลือกปืนใหญ่สวรรค์แล้วกัน! ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึก และหยิบแผ่นหยกขึ้นมาร่างโครงสร้างอักขราจารึกสำหรับปืนใหญ่สวรรค์คร่าวๆ แม้ว่าจะมี          ตัวอย่างอ้างอิงมาบ้าง แต่สุดท้ายหวังเป่าเล่อก็ยังต้องคลำทางเองอยู่ดี ซึ่งมีความ      ท้าทายอยู่ไม่น้อย

โชคดีที่เขาเข้าใจอักขราจารึกของปืนใหญ่สวรรค์อย่างลึกซึ้งจากการทำสงคราม ณ ป้อมปราการก่อนหน้านี้ ในการศึกเขาต้องปรับแต่งปืนใหญ่อยู่หลายครั้ง            ทำให้คุ้นเคยกับทุกชิ้นส่วนภายในนั้น

ห้ามสร้างปืนใหญ่ขนาดเล็กเกินไปนัก…ไม่เช่นนั้นมันจะมีกำลังไม่เพียงพอ      และการประกอบสมบัติเวทต่างๆ เข้าด้วยกันจะยากตามไปด้วย…หวังเป่าเล่อเกาหัวขณะคิด ก่อนจะเริ่มปรับเปลี่ยนแผนการ

ข้าไม่อาจจมปลักกับปืนใหญ่สวรรค์มากเกินไปนัก สิ่งที่ต้องทำคือสร้างให้เหมือนต้นฉบับและเสริมพลังด้วยอักขราจารึกของมัน…

สามวันผ่านไป

หวังเป่าเล่อออกแบบและร่างเค้าโครงปืนใหญ่สวรรค์ไม่เป็นอันกินอันนอนจนสำเร็จเสร็จสิ้น

ลักษณะภายนอกของมันดูคล้ายจรวดมากกว่าปืนใหญ่

ชายผู้นี้มองดูแบบร่างพิมพ์เขียวบนแผ่นหยกอย่างพึงพอใจ ก่อนเริ่มร่างแบบผังอักขราจารึกตามแบบพิมพ์เขียวให้มันทรงอานุภาพตามที่ตนเองหวังไว้ ความคิดสร้างสรรค์แปลกใหม่จุดประกายขึ้นมาเรื่อยๆ ในหัวของชายหนุ่ม

หวังเป่าเล่อหมกมุ่นกับการพัฒนาปรับปรุงปืนใหญ่สวรรค์อยู่หลายวัน             จนร่างแบบอักขราจารึกเสร็จสิ้น เขาดูเหนื่อยล้าอย่างสังเกตได้

แค่อักขราจารึกอย่างเดียว เขาก็ถอดแบบมาจากปืนใหญ่สวรรค์ดั้งเดิมได้       เป็นล้านๆ ตัวอักขระแล้ว แต่ระดับการฝึกตนและความเข้าใจในอาวุธเวทของเขายังไม่เพียงพอที่จะบรรจุอักขราจารึกทุกคำนั้นลงในสมบัติเวทชิ้นเดียวได้

ข้าจะต้องหลอมสมบัติเวทอีก 78 ชิ้นเพื่อให้โครงสร้างนี้สมบูรณ์แบบ…          หวังเป่าเล่อลูบตรงหว่างคิ้วของตน และหยิบขวดน้ำเย็นหล่อวิญญาณมาดื่ม          เพื่อพักผ่อนเพียงครู่หนึ่ง ก่อนจะเริ่มลงมืออีกครั้ง

ชายหนุ่มใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับขั้นตอนนี้ เพราะเขาต้องทำตามแผนที่วางไว้  อย่างเข้มงวด เพื่อหลอมสมบัติเวท 78 ชิ้นที่แตกต่างกันทั้งรูปลักษณ์ อักขราจารึก และการใช้งาน

นอกจากนี้ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามแบบพิมพ์เขียวทุกกระเบียดนิ้ว และห้ามมีข้อผิดพลาดใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อให้สมบัติเวทเหล่านี้กระจายพลังสู่อักขราจารึกนับล้านได้สมบูรณ์แบบที่สุด เมื่อหลอมรวมกัน จึงจะส่งเสริมประสิทธิภาพและใช้งานอย่างไร้ที่ติ

หากผิดพลาดเพียงสักหนึ่งจุด ทุกอย่างจะต้องเริ่มใหม่หมด เพื่อให้มั่นใจว่าจะ    ไม่มีข้อผิดพลาดใดเกิดขึ้น หลังจากทุ่มเทกับขั้นตอนการหลอมถึงหนึ่งเดือน ในที่สุดหวังเป่าเล่อก็หลอมสมบัติเวทครบทั้ง 78 ชิ้น เขาคืนสติกลับมาด้วยความงุ่นง่านระคนตื่นเต้น

แม้จะยังไม่พอใจกับทุกชิ้น แต่ในระดับความรู้เท่านี้ ก็ถือว่าดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว แม้แต่การหลอมสมบัติเวทก่อนหน้านี้ยังไม่ต้องใช้สมาธิและความพยายามเท่ากับสมบัติเวทประกอบส่วนชุดนี้เลย

หนึ่งเดือนผ่านไปพร้อมกับความตั้งใจออกแบบโครงสร้างสำหรับปืนใหญ่สวรรค์จนลืมเรื่องขนมไปสิ้น

ต่อไปคือการหลอมรวมทุกสิ่งเข้าด้วยกันซึ่งเป็นขั้นตอนที่ยากที่สุด…หวังเป่าเล่อผ่อนลมหายใจสงบสติอารมณ์ ขณะมองเหล่าสมบัติเวทตรงหน้า โดยเข้าใจดีว่า      การหลอมสมบัติเวทนั้นไม่ง่ายเหมือนการต่อท่อนไม้ แต่มันจะสามารถรวมกันได้ภายใต้การควบคุมของพลังวิญญาณระหว่างกระบวนการหลอมเท่านั้น

ซึ่งเป็นเรื่องท้าทายและต้องใช้พลังวิญญาณรวมถึงความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างสูง ดังนั้นก่อนจะเริ่มกระบวนการหลอมรวม เขาจึงหยุดพักหนึ่งวัน

แม้ว่าชายหนุ่มจะคาดคะเนความยากในการหลอมสมบัติเวททั้งหมดเอาไว้แล้ว แต่ยังพบว่ามันท้าทายเหลือเกินจนมีอันล้มเหลวอยู่หลายครั้ง โดยเฉพาะในวันที่ห้าที่ต้นแบบของปืนใหญ่สวรรค์ระเบิดเสียงดังสนั่นต่อหน้า

หวังเป่าเล่อใช้เกราะระฆังทองคำป้องกันตัวเองจากแรงกระแทก แต่เมื่อเห็นสมบัติเวทแตกกระจายเป็นเสี่ยง ก็ทำให้เจ้าตัวน้ำตารื้น นั่งคอตก ดึงทึ้งผมของตนอย่างแรง

ระดับการฝึกตนของข้ายังไม่เพียงพอ! ดวงตาของชายหนุ่มดูดื้อรั้น หลังจากล้มเหลวอยู่หลายครั้ง จึงตระหนักว่าการหลอมรวมสมบัติเวทต้องควบคุม             พลังวิญญาณให้แม่นยำในหลายๆ กรรมวิธี ดังนั้นเมื่อพลังวิญญาณของเขาไล่ตามการหลอมไม่ทัน จึงเกิดการชะลอและความหน่วง จนทำให้กระบวนการหลอมรวมนั้นล้มเหลวนั่นเอง

แม้ว่าหวังเป่าเล่อจะเหนือชั้นกว่าผู้ฝึกตนระดับลมหายใจเที่ยงแท้ขั้นที่สอง       คนอื่นๆ แต่เขาก็ไม่อาจหลอมสำเร็จได้ในครั้งเดียว และแล้วความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัวขณะเดินย่ำอยู่ในถ้ำที่พัก ก่อนจะหยุดฝีเท้าลง

วิธีเดียวที่จะหลอมรวมสมบัติเวทให้สำเร็จ คือข้าจะต้องอยู่ในระดับลมหายใจเที่ยงแท้ขั้นที่สาม! เมื่อคิดดังนั้น ชายหนุ่มขบฟันกรอดพลางคิดจะไปซื้อโอสถมาเพิ่ม ก่อนก้มดูหน้าท้องของตนด้วยดวงตาสับสนขณะลูบมันด้วยฝ่ามือ

โอสถเหล่านั้นคงไม่ส่งผลอะไรกับผลึกในท้องของข้าหรอกกระมัง…แม้ว่า       ผลึกบางส่วนจะถูกดูดกลืนไปทุกครั้งที่เริ่มใช้งานการฝึกตน แต่มันยังคงช้าเกินไป   หากเพิ่มอัตราการดูดกลืนได้เร็วกว่านี้ ข้าคงบรรลุปราณขั้นต่อไปไปแล้ว! หวังเป่าเล่อตบท้อง รีบนั่งขัดสมาธิ ก่อนหยิบสมบัติเวทสะกดจิตที่เฉินอวี่ถงเคยมอบให้ออกมา

ชายหนุ่มยัดสมบัติเวทสวมหัวของตนอย่างไม่ลังเล พลางรีบออกปากสั่งการ

“ข้าบาดเจ็บสาหัสและต้องการสารอาหาร…” เมื่อสิ้นคำ สมบัติเวทซึ่งดูคล้ายกับหมวกนิรภัยก็สั่นสะเทือน พลางปล่อยกระแสคลื่นเข้าไปในสมองของเขา แต่ก็มีเพียงแค่เท่านั้น ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ชายหนุ่มรออยู่ครู่หนึ่งก่อนเริ่มทุกข์ร้อนใจ และลองใช้คำสั่งอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นความหิว หรือแม้แต่การวิ่ง แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นผล เขาจึงจ้องมันตาถลึง          ขณะคิดถึงสิ่งที่ต้องการจะออกคำสั่ง

“ข้าตั้งครรภ์อีกครั้ง!” กระแสของสมบัติเวทดูราวกับจะขยายขนาดขึ้น           เมื่อหวังเป่าเล่อเอ่ย แต่ยังไม่ทันจะพึงพอใจ พลังนั้นก็หยุดลงหลังจากเข้ามาภายในหัวของเขา

จนทำให้เจ้าตัวอึ้งตะลึงงัน

เพราะข้าหลอกตัวเองหลายครั้งเกินไปรึเปล่า มันจึงต่อต้านและไม่เชื่อข้าอีกต่อไป เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ เขาก็ถอนหายใจยาวอย่างไม่อยากเชื่อ รู้สึกเคอะเขินกับความคิดแปลกประหลาดที่ว่าจิตใจของเขาไม่เชื่อฟังตนเอง

มันไม่ได้ผล…หวังเป่าเล่อผิดหวัง ก่อนเปิดเครือข่ายวิญญาณเพื่อหาซื้อโอสถ     ลดราคา หลังจากไล่ดูอยู่นาน ก็หาโอสถที่ไม่มีผลข้างเคียงแต่ทำให้เขาบรรลุในเวลาอันสั้นไม่เจอเลยสักชนิด

โอสถส่วนใหญ่มีฤทธิ์บางเบา และต้องใช้เวลานานเพื่อกว่าจะช่วยให้บรรลุปราณได้ โอสถที่ชายหนุ่มต้องการนั้นมีอยู่จริง แต่ต้องพึ่งโชคชะตาจึงจะหาเจอ ต่อให้เจอแล้ว  ก็อาจไม่ช่วยให้บรรลุขั้นได้ในทันที

หวังเป่าเล่อเริ่มวิตกกังวล เพราะการทดสอบหลักขององครักษ์อาวุธเวทนั้น   เหลือเวลาอีกไม่ถึงสองเดือนแล้ว ชายหนุ่มจึงติดต่อหากระต่ายน้อยและตู้หมิน       แต่กระต่ายน้อยดูเหมือนจะยังคงจำศีลอยู่ เลยมิได้ตอบกลับ ส่วนตู้หมินนั้นรีบแจ้งทันทีว่าไม่มีโอสถที่เขาต้องการ

ชายหนุ่มคิดจะปรึกษาเฉินอวี่ถงในเรื่องนี้ แต่จู่ๆ ก็นึกได้ว่าตนเคยถูกไฟฟ้าดูดครั้งหนึ่ง ตอนไล่ถอนเขี้ยวอสูรที่ปราการลำดับเจ็ด ตอนนั้นผลึกในกายของเขา      แตกสลายเล็กน้อย

แววตาของชายหนุ่มส่องประกายเมื่อคิดเช่นนั้น ก่อนรีบหยิบหมอนเวทมายามาและเข้าสู่มิติมายาทันที เพื่อตามหาแม่นางน้อยและแจ้งความประสงค์ของตนว่าต้องการให้นางยิงไฟฟ้าให้…

แม่นางน้อยงุนงงไม่อยากเชื่อ ถึงกระนั้นก็ทำตามคำขอร้องนั้น ให้อีกฝ่ายโดนไฟฟ้าดูดสมใจ…

แม้จะสะดุ้งเฮือกและกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดอยู่หลายครั้ง แต่สุดท้ายหวังเป่าเล่อก็รู้สึกว่ามันไร้ประโยชน์

ไม่ได้การแล้ว…การโดนไฟฟ้าดูดในมิติเวทนั้นไม่เป็นผล หรือจะต้องเกิดขึ้นใน  ชีวิตจริงเท่านั้น ชายหนุ่มหัวเสียและผิดหวังนัก รู้สึกราวกับกำลังเดินอยู่บนเส้นทางแห่งความล้มเหลวและความตาย แต่เมื่อคิดถึงการทดสอบองครักษ์อาวุธเวท รวมถึงตำแหน่งผู้ดูแลฝ่ายปกครองสำนักแล้ว เขาจึงตัดสินใจลองดูใหม่ คราวนี้ตั้งใจว่า       จะไปตามหาสายไฟสักเส้นบนเกาะมหาปราชญ์ชั้นรอง

ตอนนั้นเอง แม่นางน้อยในหน้ากากให้คำแนะนำขึ้นมาเสียก่อน

“ลองเข้าไปยังมิติเวทสายฟ้าดูสิ พลังสายฟ้าฟาดมีเงื่อนไขบางอย่างที่ทำให้มันพิเศษกว่าพลังไฟฟ้าที่เจ้าสร้างขึ้นมาในหัวเสียอีก!”

สายฟ้าอย่างนั้นหรือ หวังเป่าเล่อตกอยู่ในภวังค์ความคิดพักหนึ่ง ก่อนออกจากมิติเวทและครุ่นคิดอีกชั่วครู่ ชายหนุ่มนึกขึ้นได้ว่าเจ้าสำนักแห่งเกาะมหาปราชญ์     ชั้นรองเคยเอ่ยถึงมิติเวทเขตอัสนีที่ศิษย์ตำหนักต่างๆ จากเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูงสามารถเข้าไปใช้งานได้

แม้ว่าตั้งแต่เข้ามาศึกษาต่อในเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูง เขาจะยังไม่เคยไปเยือน    มิติเวทเขตอัสนี แต่เขาก็เคยอ่านกระทู้บนเครือข่ายวิญญาณที่ผู้คนพูดถึง ทำให้รู้ว่า  มิติเวทนี้คือชิ้นส่วนจากกระบี่สำริดเขียวโบราณอีกชิ้นหนึ่ง ที่ได้รับการเก็บรักษาไว้อย่างดีนั่นเอง

เศษชิ้นส่วนนั้นถูกฝังลงไปในดิน และสามารถปลดปล่อยพลังสายฟ้าที่ตกทอดมาจากกระบี่สำริดเขียวโบราณได้ มรดกพลังสายฟ้านั้นแบ่งเป็นห้าส่วน แต่ละส่วนคือตัวแทนของคาถาเวทและกระบวนเวทที่แตกต่างกันไป

กระบวนเวททั้งห้าส่วนนั้นได้แก่ กระบวนเวทประกายสายฟ้า กระบวนเวท    คลื่นแม่เหล็ก กระบวนเวทกระบี่บัดดล กระบวนเวทมังกรระเบิดตน และ…         ทะเลอเวจี! หวังเป่าเล่อหรี่ตาและพึมพำเบาๆ หากผู้ใดครอบครองเวททั้งห้านี้สำเร็จ จะถือว่าได้รับมรดกพลังสายฟ้าเต็มรูปแบบ

มรดกพลังสายฟ้าสมบูรณ์เต็มรูปแบบนั้นมีพลังคล้ายคลึงกับสภาพอากาศ        อันเลวร้ายที่เกิดขึ้นทั่วไปในสหพันธรัฐ ซึ่งเรียกกันว่า…ระเบิดแม่เหล็กไฟฟ้านั่นเอง

หลังจากคิดวิเคราะห์ทุกอย่างในใจ ดวงตาของชายหนุ่มเผยประกายความมุ่งมั่น ยอมแลกทุกอย่างจะบรรลุระดับลมหายใจเที่ยงแท้ขั้นที่สองไปสู่ระดับสามให้ได้      เร็วที่สุด

มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น ที่จะทำให้เขาหลอมสมบัติเวท 78 ชิ้นเข้าด้วยกันเป็น         ปืนใหญ่สวรรค์สำหรับใช้ในการทดสอบองครักษ์อาวุธเวทได้!

แค่นี้คงไม่ตายหรอกกระมัง! หวังเป่าเล่อตัดสินใจออกจากถ้ำที่พักและขับเรือบินทรงหยดน้ำของตนจากตำหนักอาวุธเวทไปยังตำหนักอักษรปราณโดยไม่ลังเล

เรือบินลำนี้แล่นด้วยความเร็วน่าทึ่ง และถึงปลายทางในเวลาไม่นาน ก่อนจะมุ่งหน้าตรงไปยังมิติเวทเขตอัสนี

มิติเวทเขตอัสนีตั้งบนเนินเขาเล็กๆ ของตำหนักอักษรปราณ มีศิลาสีเขียวขนาดใหญ่เจ็ดถึงแปดก้อนปักงอกขึ้นมาจากพื้น ตรงกลางนั้นมีคาถาวงแหวนปรากฏอยู่

สถานที่แห่งนี้เปิดรับทุกคน ไม่มีแม้แต่องครักษ์ยืนเฝ้า ไม่ว่าใครก็สามารถ        เข้ามาได้เพียงแค่ต้องลงทะเบียนก่อนเท่านั้น และยังสามารถใช้ประโยชน์จากพลังของวงแหวนปราณป้องกันตัวได้อีกด้วย ทันทีที่ศิษย์ผู้ใช้งานตกอยู่ในอันตรายภายใน     มิติเวทนี้ เขาจะถูกส่งตัวกลับทันที

หวังเป่าเล่อมาถึงตอนพลบค่ำแล้ว มีผู้คนในมิติเวทเขตอัสนีบ้างประปราย       เมื่อชายหนุ่มลงทะเบียนเสร็จสิ้น ก็เดินตรงเข้าไปในวงแหวนปราณอย่างไม่กังวลใจ และแล้วดวงตาของเขาก็พร่ามัวลงในฉับพลัน ก่อนจะกลับมาเห็นชัดเจนอีกครั้ง     เมื่อโผล่มาอยู่ในอีกมิติหนึ่งแล้ว

บริเวณตรงนี้มืดสนิท มีเพียงเจดีย์ทรงสูงราวกับสร้างมาจากทองคำตั้งตระหง่านบนพื้นดิน มีเจดีย์แบบนี้อีกกว่าพันองค์อยู่ไกลห่างออกไป นอกจากนี้ยังมีเสียงฟ้าร้องคำรามดังก้อง เมื่อเงยหน้าขึ้นจะพบกับชั้นเมฆครึ้มและสายฟ้าฟาดสาดแสงอย่าง      บ้าคลั่งและต่อเนื่อง

สายฟ้าซัดลงบนยอดเจดีย์สูงบ้างบางครั้งจนมันสั่นสะเทือนราวกับมังกรอัสนีอัน      น่ากลัวยิ่ง เมื่อมองดูจากระยะไกล แลดูเหมือนมหันตภัยจากสรวงสวรรค์เลยทีเดียว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!