Skip to content

A World Worth Protecting 198

บทที่ 198 ช่างไม่อายปาก

การทดสอบกองทัพยังไม่จบลงเพียงเท่านั้น หลายวันผ่านไปพวกเขาก็เริ่มทดสอบปืนใหญ่อย่างละเอียด เพื่อให้ครอบคลุมทุกด้านโดยแท้จริง

ปฏิบัติการดวงอาทิตย์ปักกระบี่กลายเป็นข่าวที่เห็นได้ทั่วไปในสหพันธรัฐเนื่องจากสื่อหลักคอยกระจายข่าวไปทั่ว ข่าวนี้ทำให้เกิดการถกประเด็นร้อนแรง กลายเป็นสิ่งที่ทุกคนให้ความสนใจ ขณะนั้นสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ออกประกาศอย่างเป็นทางการให้ศิษย์บนเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูงได้รับทราบด้วยทั่วกันถึงรายนามที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมแผนพันธุ์กล้าหนึ่งร้อยต้นของสหพันธรัฐ

แผนพันธุ์กล้าหนึ่งร้อยต้นเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการดวงอาทิตย์ปักกระบี่     โดยในรอบแรก เจ้าเมืองและหน่วยงานแต่ละแห่งในสหพันธรัฐจะทำการเสนอรายชื่อผู้ที่ผ่านการคัดเลือกให้ทางสหพันธรัฐเพื่อเข้าร่วมคัดกรองต่อในรอบต่อไป

คนที่ผ่านการคัดเลือกในรอบแรกจะได้เดินทางไปยังนครหลวงของสหพันธรัฐเพื่อเข้าคัดเลือกต่อในรอบที่สอง หนึ่งร้อยคนที่ผ่านการคัดเลือกในรอบนี้โดยไม่มีการเรียงลำดับใดๆ จะได้เป็นพันธุ์กล้าของสหพันธรัฐ โดยพวกเขาจะได้รับ                  สิทธิพิเศษเฉพาะ อีกทั้งยังได้รับการฝึกเป็นพิเศษอีกด้วย!

สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์สามารถเสนอรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกรอบแรกได้      สามร้อยคน แต่ไม่มีใครรู้ว่าหลังจากผ่านการคัดเลือกรอบต่อไปแล้ว จะมีผู้ผ่านเข้าไปเป็นพันธุ์กล้าหนึ่งร้อยต้นได้สักกี่คน

ตำแหน่งว่างทั้งสามร้อยตำแหน่งนี้ได้กระจายไปทั่วทุกตำหนัก โดยแต่ละตำหนักจะเสนอรายชื่อให้ทางสำนักพิจารณา จากหลายสิบชื่อที่ตำหนักอาวุธเวทส่งไป        ชื่อของหวังเป่าเล่อดูโดดเด่นกว่าใครเขา

แม้ว่าหวังเป่าเล่อและเจ้าตำหนักอาวุธเวทจะไม่ค่อยลงรอยกัน อีกทั้งตำแหน่ง     ผู้อาวุโสชั้นสูงก็ยังว่างอยู่ การคัดเลือกผู้เข้ารับตำแหน่งนั้นก็ยังไม่เสร็จสิ้น การต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งทวีคูณความคุกรุ่นขึ้นเรื่อยๆ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งก่อนทำให้   เจ้าตำหนักไม่สามารถคุกคามหวังเป่าเล่อได้อีก

จริงๆ แล้ว…ไม่มีใครสามารถคุกคามเขาได้เลย!

ด้วยความดีความชอบที่เขาสร้างให้ปราการชั้นต้นลำดับเจ็ดและความสำเร็จที่หมู่บ้านลมปราณวิญญาณ ชื่อของหวังเป่าเล่อก็แพร่สะพัดไปทั่ว หลายคนในกองทัพและสี่ยอดสำนักเต๋าต่างรู้จักเขา แม้จะยังไม่ได้ประจำการในสหพันธรัฐอย่างเป็นทางการแต่กลับมีชื่อเสียงมากมายถึงเพียงนี้ ถือเป็นหน้าเป็นตาของสำนักจริงๆ

นอกจากนี้ ความสามารถด้านอาวุธเวทของเขายังยอดเยี่ยมยิ่งนัก ความสำเร็จของชายหนุ่มอยู่เหนือองครักษ์อาวุธเวทคนอื่นๆ สมบัติเวทที่เขาคิดค้นขึ้นเองสร้างความครั่นคร้ามในหมู่องครักษ์เวท อีกทั้งยังสำแดงปาฏิหาริย์ในการตีกลองศึกอัญเชิญผู้อาวุโส และท้ายที่สุด ยังได้รับการประเมินจากผู้อาวุโสสูงสุดโดยตรงอีกด้วย!

ยอดเยี่ยม!

สำหรับคนที่ไม่ได้มีไหวพริบดีขนาดนั้น หากได้ยินคำสองพยางค์นี้ อาจจะคิดว่า    ผู้อาวุโสสูงสุดแค่เอ่ยชมเชยและให้การยอมรับสมบัติเวทของหวังเป่าเล่อเฉยๆ แต่ผู้ที่ฉลาดหลักแหลมจะรู้ดีว่าคำว่า ‘ยอดเยี่ยม’ นั้นไม่ได้หมายถึงสมบัติเวทเพียง       อย่างเดียว แต่ยังเป็นการยอมรับในความสามารถของหวังเป่าเล่อด้วย!

ยอดเยี่ยม!

ด้วยเหตุการณ์เหล่านี้ จึงไม่มีใครแปลกใจเลยเมื่อได้เห็นชื่อหวังเป่าเล่ออยู่ในลำดับต้นๆ

สัปดาห์ต่อมา รายชื่อที่แต่ละตำหนักเสนอขึ้นไปก็ได้ผ่านการคัดเลือกเสร็จสิ้น เมื่อมีประกาศรายชื่ออย่างเป็นทางการ ก็เกิดความโกลาหลดังพายุไปทั่วเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูง รายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกทั้งสามร้อยคนตกเป็นเป้าสนใจของคน       นับหมื่นจากทั่วทั้งเกาะ

“ข้าเห็นชื่อโจวอี้ฟานในรายนามด้วย! ข้าเดาว่าเขาคงได้รับการเสนอชื่อจากตำหนักการยุทธ์ เขาเป็นผู้ฝึกตนระดับลมหายใจเที่ยงแท้ขั้นที่หนึ่ง ที่ได้คะแนนเป็นลำดับต้นๆ ของในการประลองประจำตำหนักการยุทธ์เลยทีเดียว!”

“มีแต่ชื่อที่คุ้นตาทั้งนั้น มีชื่อเจ้าเยี่ยเหมิงจากตำหนักวงแหวนปราณด้วย        นางเป็นศิษย์รุ่นเดียวกันกับหวังเป่าเล่อ ข้าได้ยินว่านางเก็บตัวเงียบเชียบในตำหนัก แต่หัวหน้าตำหนักวงแหวนปราณก็ไม่ได้มองข้าม เขาใส่ใจนางมาก!”

ขณะที่เหล่าศิษย์หารือกันอย่างดุเดือด สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ก็ออกประกาศเกี่ยวกับแผนพันธุ์กล้าหนึ่งร้อยต้นของสหพันธรัฐตามมา ผู้ผ่านการคัดเลือกทั้ง      สามร้อยคนต่างพากันให้ความสนใจกับประกาศนี้

แม้แต่ตัวผู้ผ่านการคัดเลือกเองก็ตื่นตะลึงและปีติยินดียิ่งนัก!

หวังเป่าเล่อตาถลนจนแทบจะหลุดจากเบ้า ประกาศนั้นระบุถึงการเลื่อนตำแหน่งโดยปราศจากเงื่อนไข หากใครได้รับเลือกเป็นพันธุ์กล้าของสหพันธรัฐ นอกจากจะได้รับรางวัลจากทางสำนักแล้ว ยังได้รับการเลื่อนตำแหน่งอีกด้วย!

ยกตัวอย่างเช่น หวังเป่าเล่อที่มีตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายปกครองสำนักในปัจจุบัน หากเขาได้รับเลือกเป็นพันธุ์กล้าของสหพันธรัฐ ชายหนุ่มจะได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นไปเป็นรองเจ้าตำหนักอาวุธเวทเลยทีเดียว!

หวังเป่าเล่อเก็บงำความตื่นเต้นเอาไว้ไม่ได้ เขาสัมผัสได้ถึงความแตกต่างที่มากล้นของสถานะและตำแหน่งของตนเมื่อเลื่อนขึ้นมาเป็นหัวหน้าฝ่ายปกครองสำนัก       หากชายหนุ่มได้เลื่อนขึ้นเป็นรองเจ้าตำหนักอีกขั้นละก็…

คงจะถือเป็นบุคคลสำคัญมากคนหนึ่งทีเดียว!

ผู้ผ่านการคัดเลือกทั้งสามร้อยคนต่างตื่นเต้นเป็นอย่างมากไม่ต่างจากหวังเป่าเล่อ พวกเขารู้สึกกระตือรือร้นอยากเป็นพันธุ์กล้าของสหพันธรัฐมากขึ้นไปอีก             เหล่าผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจะต้องเดินทางไปยังนครหลวงของสหพันธรัฐภายใน       ครึ่งเดือนนี้ และไปรายงานตัวตามวันที่ระบุไว้เพื่อเข้ารับการคัดเลือกต่อในรอบที่สอง ในหมู่ผู้ฝึกตนระดับลมหายใจเที่ยงแท้แล้ว สามร้อยคนที่ได้รับคัดเลือกนี้ถือว่าเป็น      ผู้ฝึกตนชั้นนำ ระดับการฝึกตนของพวกเขานั้นกล้าแกร่งมาก อีกทั้งยังมีเรือบินเป็นของตนเองอีก

เพราะเหตุนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ออกเดินทางไปด้วยกัน แต่เดินทางแยกกันไปตามที่แต่ละคนสะดวก หลายคนล่วงหน้าออกไปก่อนหน้าในวันถัดมาด้วยเรือบินส่วนตัว      มุ่งหน้าตรงไปยังนครหลวงของสหพันธรัฐ

หวังเป่าเล่อก็กำลังเตรียมตัวเช่นกัน เขาติดต่อจั่วอี้ฟานและเจ้าเยี่ยเหมิงไป    เสนอให้เดินทางไปด้วยกัน พวกเขาสนิทกันมากขึ้นจากเหตุการณ์ในหมู่บ้าน     ลมปราณวิญญาณ แม้จะไม่ได้เจอกันเลยบนเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูง พวกเขาก็ส่งข้อความติดต่อกันอย่างสม่ำเสมอ

จั่วอี้ฟานตกลงทันทีเมื่อหวังเป่าเล่อถาม เจ้าเยี่ยเหมิงนั้นสุภาพสงบเสงี่ยม      นางชอบความเงียบสงบจึงตั้งใจจะเดินทางคนเดียว แต่พอได้รับข้อความจาก         หวังเป่าเล่อ นางก็นึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่หมู่บ้านลมปราณวิญญาณจึงตกลงเดินทางไปด้วยเช่นกัน

ทั้งสามตกลงกันว่าจะออกเดินทางอีกสองวันให้หลัง จากนั้นก็จัดเก็บข้าวของเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเดินทาง เมื่อไปถึงนครหลวง พวกเขาจะต้องผ่าน      การคัดเลือกรอบที่สองให้ได้ เพื่อที่จะได้เป็นหนึ่งในพันธุ์กล้าของสหพันธรัฐท่ามกลางผู้เข้ารับการคัดเลือกนับพันที่ตกรอบไป

หวังเป่าเล่อจัดแจงข้าวของเสร็จเรียบร้อย คืนก่อนวันเดินทาง ขณะที่ชายหนุ่มตรวจสมบัติเวทต่างๆ ของตนเพื่อให้มั่นใจว่าเขาจะผ่านการคัดเลือกที่จัดขึ้นที่       นครหลวงโดยปราศจากอุปสรรค ข้อความเสียงจากแม่ทัพโจวแห่งปราการชั้นต้นลำดับที่เจ็ดก็ดังขึ้น

น้ำเสียงแม่ทัพโจวฟังดูเป็นมิตรและแฝงไปด้วยความตื่นเต้น ทางกองทัพนักรบเพิ่งทดสอบปืนใหญ่เป่าเล่ออย่างละเอียดเสร็จหมาดๆ แม่ทัพโจวนั้นพึงพอใจในปืนใหญ่ของหวังเป่าเล่อเป็นอย่างมาก

แม่ทัพโจวไม่พูดอ้อมค้อม กล่าวขอร้องผ่านข้อความเสียงอย่างตรงไปตรงมา

“หวังเป่าเล่อ ข้าพอใจปืนใหญ่เป่าเล่อที่เจ้าคิดค้นขึ้นมาก ทางกองทัพต้องการอีกอย่างน้อยร้อยกระบอก จะให้เจ้าหลอมทั้งหมดนั่นก็คงเป็นไปไม่ได้ เช่นนั้นเจ้าจะยอมตกลงขายต้นแบบการหลอมให้พวกข้าได้หรือไม่

“เรื่องเงินนั้น ด้วยหลายๆ เหตุผลแล้ว พวกเราจึงยังจ่ายเจ้าก้อนใหญ่ทีเดียวไม่ได้ แต่เราสามารถแบ่งจ่ายได้ ทางเรารับประกันว่าจะแบ่งจ่ายให้เจ้าทุกปี ซึ่งจะจ่ายครบทั้งหมดภายในสิบปี!

“แล้วก็เรื่องแผนพันธุ์กล้าร้อยต้นของสหพันธรัฐที่เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการดวงอาทิตย์ปักกระบี่…พวกเรารับประกันว่าเจ้าจะผ่านการคัดเลือกแน่นอน เมื่อเจ้าไปถึงนครหลวง ก็ให้ตามน้ำไปสักหน่อย พวกเราสำรองที่ไว้ให้เจ้าในร้อยรายชื่อสุดท้ายแล้ว!”

แม่ทัพโจวไม่ใช่พ่อค้า เขาคงไม่อยากต่อรองอะไรมากมายกับเรื่องสำคัญเช่นนี้    จึงบอกราคาที่ทางกองทัพสามารถจ่ายได้โดยไม่ได้ปิดบังอะไรแม้แต่น้อย ยกให้       หวังเป่าเล่อเป็นคนตัดสินใจเอง

ปืนใหญ่นั้นมีค่าสำหรับเขา แต่หวังเป่าเล่อมีค่าสำหรับเขามากกว่านั้น!

พอหวังเป่าเล่อได้ยินที่แม่ทัพโจวบอก ก็สูดหายใจลึก นัยน์ตาเบิกโต แม่ทัพโจวได้บอกเงื่อนไขต่างๆ มารวดเดียว ทำให้เขาตะลึงงันไปเล็กน้อย แต่ก็ตระหนักได้ว่า      ปืนใหญ่เป่าเล่อน่าจะมีประสิทธิภาพบางอย่างเหนือกว่าที่เขาคาดไว้

ชายหนุ่มรู้สึกตื่นเต้นจนจุกอก หากเป็นผู้อื่น เขาคงต่อรองราคาหาประโยชน์ให้ตนมากกว่านี้ แต่พออีกฝ่ายเป็นปราการชั้นต้นลำดับเจ็ดและแม่ทัพโจวที่ไม่เคย        มีนอกมีในกับเขา หวังเป่าเล่อก็ตัดสินใจไม่ต่อรองอะไรเพิ่มเติม จากนั้นก็กล่าวขึ้นอย่างไม่ลังเลใจ

“ข้าไม่มีปัญหาใดๆ กับเงื่อนไขที่ท่านเสนอมา ท่านตั้งราคาได้เลย ถ้าการฝึก    พลังปราณและการหลอมสมบัติเวทไม่ต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูงเช่นนี้ ข้าคงจะให้ท่านไปโดยไม่คิดค่าตอบแทนทีเดียว”

ได้ยินคำตอบของหวังเป่าเล่อ แม่ทัพโจวก็หัวเราะเสียงดัง ในเสียงหัวเราะนั้นเคล้าไปด้วยความชื่นชม แม่ทัพนั้นเห็นพ้องกับคำตอบของหวังเป่าเล่อ ทั้งสองพูดคุยรายละเอียดต่ออีกสักพักก็จบการสนทนา

หวังเป่าเล่อสุขใจมาก เขาวางแหวนสื่อสารลง ดวงตาของเขาเป็นประกายสว่างไสว ชายหนุ่มโบกมือไปมา ลุกเดินวนไปรอบๆ ก่อนจะหยิบเอาน้ำเย็นหล่อวิญญาณออกมากระดกจนหมดขวด เขาตื่นเต้นเสียจนอยากจะกระโดดโลดเต้นออกมาเสียตรงนั้น

สำรองที่ไว้ให้ข้าแล้ว ฮ่าๆ ตำแหน่งรองเจ้าตำหนักเป็นของข้าแล้ว! เขารู้สึกผ่อนคลายเมื่อได้รู้ว่าตนผ่านการคัดเลือกแน่นอน ชายหนุ่มตื่นเต้นจนถึงเช้า ความตื่นเต้นไม่ได้ลดลงเลยแม้จวนจะถึงเวลาที่นัดกับจั่วอี้ฟานและเจ้าเยี่ยเหมิงแล้วก็ตาม

หวังเป่าเล่อออกจากถ้ำที่พัก มุ่งหน้าไปยังจุดนัดหมายด้วยความสุขใจและ    ความตื่นเต้นเต็มอก ไม่นาน จั่วอี้ฟาน ผู้ทรงเสน่ห์จากใบหน้าอันหล่อเหลา แต่งกายด้วยชุดคลุม และเจ้าเยี่ยเหมิงผู้แสนสง่า ใบหน้าสวยสดเกินบรรยาย ผมยาวสลวย    ราวเส้นไหมปลิวไปตามลม เผยยิ้มงดงามราวนางฟ้า ก็มาปรากฏตัวขึ้น

จั่วอี้ฟานไม่ได้มาผู้เดียว ด้านหลังเขามีศิษย์อีกสองคนจากตำหนักการยุทธ์     พวกเขาดูหมองไปทีเดียวเมื่อยืนรวมกลุ่มอยู่กับจั่วอี้ฟานและเจ้าเยี่ยเหมิง

จั่วอี้ฟานและเจ้าเยี่ยเหมิงนั้นเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก ดังว่าทั้งสองได้ช่วงชิงเอาความงามทั้งหมดไปจากโลก ศิษย์ที่อยู่รอบๆ ต่างมองด้วยความอิจฉา     ศิษย์หญิงหลายคนมองจั่วอี้ฟานด้วยแววตาคลั่งไคล้ ขณะที่ศิษย์ชายหลายคนต่างรู้สึกอดสูเมื่อได้มองเจ้าเยี่ยเหมิง พวกเขารู้สึกอยากปกป้องดูแลเจ้าเยี่ยเหมิง ไม่มีใครกล้าทำให้นางแปดเปื้อนแม้แต่น้อย

หวังเป่าเล่อนั้นไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นเลยสักนิดเดียว พอเห็นทั้งสอง เขาก็หัวเราะเสียงดังและเดินเข้าไปหา หลังจากกอดจั่วอี้ฟานเสร็จ ท่ามกลางสายตาขุ่นเคืองจากศิษย์ชายรอบๆ หวังเป่าเล่อก็ดึงร่างเจ้าเยี่ยเหมิงเข้ามากอด

จั่วอี้ฟานกระแอมแห้งๆ ขึ้น เขาทำตัวไม่ถูกทุกครั้งที่ได้เจอหวังเป่าเล่อ            แต่หลังจากเหตุการณ์ที่หมู่บ้านลมปราณวิญญาณ เขาก็รู้สึกซาบซึ้งใจและรักใคร่    หวังเป่าเล่อ

เจ้าเยี่ยเหมิงนั้นยังมีสีหน้าเช่นเดิมไม่เปลี่ยน รอยยิ้มของนางช่างนิ่มนวลและสง่างาม แววตาดูสงบนิ่ง

“ข้าดีใจที่ได้เจอพวกเจ้าอีก เราทั้งสามจะเป็นกลุ่มที่สมบูรณ์แบบ เพราะพวกเราต่างงดงามเทียบเท่ากัน ทุกครั้งที่เห็นพวกเจ้า ข้ารู้สึกเหมือนกำลังส่องกระจกอยู่เลย” หวังเป่าเล่อตบพุงของตัวเองพลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงพึงพอใจ

จั่วอี้ฟานและเจ้าเยี่ยเหมิงไม่ได้แสดงอาการอะไรออกไป แต่ทุกคนที่ยืนอยู่รอบๆ ต่างทำหน้าแปลกๆ พวกเขาต่างเกิดคำถามเดียวกันขึ้นเงียบๆ ในหัว…

เขาช่างไม่อายปากเลยหรือ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!