บทที่ 203 ใครกันแน่คืออสูรกาย…
วัตถุเวทชิ้นแรกที่หวังเป่าเล่อนำออกมาคือ แส้ขนหางเหาะเหินรูปร่างประหลาด!
แส้ขนหางเหาะเหินแผ่มวลพลังน่าเกรงขามทันทีที่ปรากฏ มันพุ่งปราดไปทาง ผู้ฝึกตนหุ่นเชิดเบื้องหน้า ขนหางเหยียดแข็งตึง พุ่งเสียบไปข้างหน้า
เกิดเสียงดังขึ้น แม้ว่าผู้ฝึกตนจะพยายามร่ายคาถาใบไม้ขึ้นป้องกันตัวเองก็ไม่เป็นผล ขนหางเสียบทะลุกลางอกตอกร่างพวกมันยึดเข้ากับต้นไม้ ก่อนเส้นขนหางจะ แผ่ขยายออก พุ่งไปยังหุ่นเชิดตัวอื่นๆ
ในพริบตาเดียว แส้ขนหางก็ตรึงหุ่นเชิดหลายไว้ได้หลายสิบตน
เมื่อเห็นว่าใช้ได้ผล หวังเป่าเล่อก็รู้สึกยินดีปนฉงนใจ หวังเป่าเล่อฉงนใจได้ไม่นาน ก็ต้องหนักใจอีกครั้ง แส้ขนหางที่แข็งแกร่งเมื่อครู่กลับอ่อนตัวลงในช่วงเวลาสั้นๆ แม้แต่พลังก็ลดลงไปมากทีเดียว…
ทำให้เหล่าผู้ฝึกตนที่โดนตรึงติดกับต้นไม้สามารถปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระได้ แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดที่ทำเช่นนั้นได้ ผู้ฝึกตนหญิงประมาณแปดคนที่ไม่สามารถหลุดออกจากการตรึงได้ไม่ว่าจะพยายามเท่าใดก็ตาม แส้ขนหางที่ตอกตรึงพวกนางไว้นั้นไม่ได้อ่อนลงแต่อย่างได้ กลับแข็งขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ…
แส้ขนหางนี่ช่างลามกเสียจริง! ขณะที่ชายหนุ่มคิดอยู่เช่นนั้น แส้ขนหางที่ยึดร่างเหล่าผู้ฝึกตนชายก็อ่อนตัวลง ก่อนจะกระจายตัวออกอีกครั้ง พุ่งไปทางผู้ฝึกตนหญิงที่ยืนอยู่รอบๆ ทั้งหมด ผู้ฝึกตนหญิงสามสิบกว่าคนโดนตรึงไว้ในทันที เหมือนว่า แส้ขนหางอยากจะแผ่เส้นขนของมันไปให้ไกลกว่านี้ แต่ก็ทำไม่ได้ แม้ว่าจะอยากเพียงใดก็ตาม
แม้จะกำลังตกอยู่ในวิกฤติเสี่ยงตาย หวังเป่าเล่อก็รู้สึกรังเกียจแส้ขนหางเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า แต่พลังของแส้ขนหางก็ช่วยเขาได้มากทีเดียว เหล่าหุ่นเชิดที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ร้องคำรามและเตรียมเข้าโจมตีหวังเป่าเล่อ ชายหนุ่มหันกลับมาร่ายกระบวนเวทตั้งรับ สู้ไปพลางถอยหนีไปด้วย
เสียงสนั่นดังก้องไปทั่ว หวังเป่าเล่อใช้กระบวนเวทประกายสายฟ้า กระบวนเวทเพลิงปะทุ และกระบวนท่าดัชนีเมฆาไม่หยุดมือ ประกอบกับความเร็วอันมากล้น ของเขา ส่งผลให้เกิดเสียงระเบิดดังก้องไปรอบๆ อย่างต่อเนื่อง เหล่าหุ่นเชิด ไม่สามารถเข้าถึงตัวหวังเป่าเล่อได้เลย
หวังเป่าเล่อนั้นมีร่างกายแข็งแรงมาก อีกทั้งยังมีกระบวนเวทให้ร่ายอีกมาก นอกจากนี้ เขายังมีสมบัติเวทนับไม่ถ้วนที่โยนออกมาไม่หยุด หนึ่งในนั้นเป็นร่มหน้าตาธรรมดาทั่วไป แต่มีอิทธิฤทธิ์รุนแรง อีกทั้งยังว่องไวมาก ทันทีที่ร่มคันนั้นถูก โยนออกมา มันก็พุ่งทะลุทะลวงทุกคนที่ขวางหน้า
อีกทั้งยังมีกระบี่เหาะเหินบ้าคลั่ง ที่พุ่งเข้าฟาดฟันทุกคนที่มันเห็น หากหวังเป่าเล่อไม่มีการตอบสนองที่ว่องไว เขาคงจะโดนฟันไปตั้งแต่เอามันออกมา
ขณะเดียวกัน ผู้ฝึกตนหญิงก็สะบัดตัวหลุดออกจากแส้ขนหางหลังจากพยายามอยู่นาน แส้ขนหางลอยกลับไปหาหวังเป่าเล่ออย่างรวดเร็ว เขาใช้มันฟาดผู้คนที่อยู่รอบๆ
แส้คนหางอ่อนพลังทันทีที่ใช้ฟาดผู้ฝึกตนชาย ขนอ่อนนุ่มปัดผ่านศัตรูไปอย่างนิ่มนวล แต่พอใช้ฟาดผู้ฝึกตนหญิง ขนอ่อนนุ่มก็พลันแข็งทื่อขึ้นทันที แถมยังมีพลังมากกว่าวัตถุเวทธรรมดาทั่วไป เมื่อฟาดลง พลังทำลายล้างของมันทำให้หวังเป่าเล่อต้อง พรั่นพรึงเมื่อได้เห็น
แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้หวังเป่าเล่อรู้สึกพิกลในใจ ตราผนึกอันใหญ่ทำให้เขา ต้องแปลกใจหนักไปอีก!
ตราผนึกขนาดใหญ่ดูมีพลังกล้าแกร่งหลังจากหวังเป่าเล่อเสริมพลังให้ด้วย ทรายอาวุธ แต่พอโยนออกไป ตราผนึกกลับเด้งไปมาเมื่อสัมผัสโดนอะไรเข้าราวกับเป็นขดลวดเด้งได้
ขดลวดเด้งโหยงๆ สักพักหลังจากหวังเป่าเล่อโยนออกมา ก่อนจะกระดอนหายไปหลังจากโดนต่อยเข้า แต่ขณะที่ชายหนุ่มกำลังรับมือกับหุ่นเชิดอีกตัว เขาปล่อย หมัดหนักส่งคู่ต่อสู้ถอยออกไปห่าง ทันใดนั้นตราผนึกก็ร่วงลงมาจากฟากฟ้า ทับผู้ฝึกตนคนนั้นอย่างรุนแรงจนร่างแหลกละเอียด ก่อนจะเด้งหายขึ้นฟ้าไปอีกรอบ…
ตราผนึกเป็นเช่นนี้วนไปราวกับว่ามันมีจิตนึกคิดได้เอง ทุกครั้งที่สัมผัสได้ว่า หวังเป่าเล่อกำลังจะล้มคู่ต่อสู้ลงได้ มันก็จะร่วงลงมาทับศัตรูคนนั้นอย่างรวดเร็ว!
ตราผนึกนี่โจมตีแต่คนที่อ่อนแอ หลีกเลี่ยงพวกที่แข็งแกร่ง แถมยังเลือกคนที่จะสู้ด้วยอย่างนั้นหรือ หวังเป่าเล่อตะลึงงันกับภาพที่ได้เห็น เขาหัวเราะอย่างขมขื่นพร้อมกับถอนหายใจอยู่ภายใน รู้สึกเสียดายที่คู่ต่อสู้ดันเป็นเพียงแค่หุ่นเชิด หากเป็นคนที่มีความรู้สึกนึกคิด คงจะต้องหวาดกลัวสมบัติเวทของเขาไม่เบา
แต่ขณะที่หวังเป่าเล่อกำลังได้เปรียบจากสมบัติเวทของเขา จนเข้าใกล้ขอบสุดของป่า เสียงระเบิดก็ดังสนั่นขึ้น!
เสียงดังก้องไปทั่ว ผืนดินสั่นไหวรุนแรง สะเทือนไปถึงผืนฟ้า กลุ่มเมฆสีดำหดเล็ก หวังเป่าเล่อประหลาดใจกับภาพที่เห็น ผืนดินใต้เท้าของชายหนุ่มทลายลง มีมือพฤกษาขนาดใหญ่โผล่มาจากภายใต้ทันที!
หวังเป่าเล่อร้องลั่นขณะลอยขึ้นไปบนฟ้า รู้สึกได้ถึงภยันตรายเหนือความคาดหมาย มือพฤกษาข้างนี้ดูเล็กกว่าข้างที่พังเรือบินเขา แต่ก็ดูมหึมาในสายตาของหวังเป่าเล่อด้วยความสูงเกินสามสิบเมตร มันโผล่ออกมาจากผืนดิน พุ่งขึ้นมาพยายามจะจับหวังเป่าเล่อเอาไว้!
มือพฤกษาว่องไวยิ่งนัก อีกทั้งยังปล่อยพลังกดดันอันน่าพรั่นพรึงออกมา พลังกดดันเป็นดังพายุหมุนที่มองไม่เห็นถาโถมเข้าใส่ภายในหัวของหวังเป่าเล่อ มีเสียงดังขึ้นในหัว ซัดกระหน่ำตามมาด้วยคลื่นยักษ์ ส่งผลให้หวังเป่าเล่อกรีดร้องจากสมองที่ปั่นป่วน
เหมือนดังร่างกายของเขาต้องทนรับเสียงดังเกินต้านในชั่วระยะเวลาสั้นๆ กระดูกอ่อนตรงหูเหมือนจะแตกแหลกละเอียด เยื่อแก้วหูราวกับจะระเบิดออก มีเลือดไหลออกมาจากรูหู สติถูกปิดกั้นไป ชายหนุ่มได้รับบาดเจ็บรุนแรงจนหมดสติ
ร่างของเขาลอยขึ้นฟ้าปราศจากการควบคุมใดๆ ก่อนจะโดนมือพฤกษาที่ผุดออกมาจากผืนดินจับไว้แน่น!
มือใหญ่จับหวังเป่าเล่อไว้แน่นแต่ไม่ได้บีบเค้นแต่อย่างใด มันกุมร่างชายหนุ่มไว้ก่อนจะหมุนไปมา ในชั่วพริบตา ก็กลายเป็นต้นรังไหมที่เชื่อมโยงไปยังมือพฤกษาก่อนจะมุดกลับดินไป
ผู้ฝึกตนหุ่นเชิดไร้จิตใจรอบๆ ยืนดูนิ่งดูเหตุการณ์ตรงหน้าไม่ไหวติง พวกเขาหันหน้ากลับหลังจากต้นรังไหมโดนดึงกลับไป เหล่าหุ่นเชิดยืนนิ่งราวกับกำลังรับคำสั่งอยู่ ก่อนจะหันหน้ามุ่งกลับแอ่งแผ่นดินเค่อหลุนไป
พื้นที่ตรงนั้นกลับสู้ความสงบสุขอีกครั้งหลังจากเหล่าผู้ฝึกตนจากไป มือพฤกษาที่ ค้ำจุนผืนฟ้าอยู่ก็เริ่มหลบหายกลับเข้าไปในผืนดินอีกครั้ง เมื่อมันหายไป เมฆหมอก สีดำบนท้องฟ้าก็ค่อยๆ จางหายไปในไม่ช้า
พลังผนึกทั่วบริเวณหายไป ดวงอาทิตย์ฉายแสงสู่ผืนดิน ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาวะปกติ
ยังมีหมอกสีดำปกคลุมพื้นที่เล็กๆ ในส่วนลึกของแอ่งแผ่นดินเค่อหลุน พื้นที่ตรงนั้นเป็นเหมือนดังจุดศุนย์กลางที่ผนึกเริ่มแผ่ขยายออกไป
ภายใต้หมอกผนึกมีต้นไม้เล็กแผ่กิ่งก้านหลายขนาด รอบๆ มีต้นไม้ใหญ่หลายร้อยต้นปกคลุม ต้นไม้เล็กดูราวกับกำลังใกล้ตาย ทนทุกข์จากอาการบาดเจ็บรุนแรง รอยแตกมากมายปรากฏให้เห็นบนลำต้น บนยอดไม่มีใบไม้สักใบ เหมือนดังว่า ชีวิตของมันกำลังจะจบลง
หากผู้ที่มีระดับฝึกตนสูงมองผ่านพื้นที่แถบนี้ จะเห็นได้ว่าพื้นดินภายใต้ต้นไม้เล็กมีรากไม้ขนาดใหญ่ขดยาวไปมากินระยะทางกว่าสามพันเมตร ราวกับเขาวงกต!
รากไม้ยาวสามพันเมตรมีรากไม้เล็กแตกแขนงออกมานับพัน มองไล่ตามรากไม้เล็กเหล่านั้นไปจะพบว่ามันเป็นรากของต้นไม้ใหญ่ที่ล้อมรอบอยู่!
หากมองจากบนฟ้าจะพบว่าต้นไม้ทั้งหมดตรงกึ่งกลางแอ่งแผ่นดินเค่อหลุนนั้น แท้จริงคือ รากขนาดเล็กของต้นไม้ต้นนั้น!
ต้นไม้ใหญ่ต้นนี้ไม่เคยมีระบุไว้ในพงศาวดารของสหพันธรัฐตั้งแต่มีการก่อตั้งสหพันธรัฐมา
ใจกลางเขาวงกตรากไม้มีรังไหมหลายร้อยรังอยู่ตรงพื้นที่ที่รากไม้เว้นว่างไว้ รังไหมแต่ละรังยาวประมาณสามเมตร ถูกปกป้องไว้แน่นหนาด้วยกำแพงต้นไม้
มีรังไหมสามรังเต้นตุบๆ อย่างเชื่องช้าท่ามกลางรังไหมอื่นๆ ที่นิ่งไม่ไหวติง
หวังเป่าเล่อ เจ้าเยี่ยเหมิง และจั่วอี้ฟานอยู่ภายในรังไหมที่เต้นอยู่ พวกเขามีสภาพเหมือนตอนที่ถูกจับมา แม้แต่ข้าวของต่างๆ ก็ยังอยู่ครบ เหมือนว่าพวกเขาจะ หมดสติไป ทั้งสามหลับตาสนิท ร่างกายนิ่งไม่ไหวติง
พวกเขาจมอยู่ในของเหลวเหนียวหนืด มีปราณวิญญาณเข้มข้นส่งผ่านเข้าไปในร่างพวกเขาจากต้นไม้ยักษ์อย่างต่อเนื่อง
ราวกับว่ามันกำลังพยายามเข้าแทรกซึมทั้งสาม กิ่งไม้มากมายนับไม่ถ้วนลักษณะคมเหมือนกับหอกปรากฏขึ้นในรังไหม เจาะเข้าไปในหัวพวกเขาเพื่อเชื่อมให้เป็น หนึ่งเดียวกัน
ตัวตนพิสดารนี้กำลังพยายามเข้าแทรกซึมกายหยาบพวกเขาและลบสติสัมปชัญญะทั้งหมดทิ้งไป…
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ทั้งสามถูกลบสติสัมปชัญญะขณะโดนแทรกซึม จั่วอี้ฟานและเจ้าเยี่ยเหมิงตกอยู่ในห้วงนิทราตั้งแต่ต้น ไม่ได้ตอบโต้อะไรไปแม้แต่น้อย ส่วน หวังเป่าเล่อนั้นตัวกระตุกหลายครั้ง แม้ว่าเขาจะยังไม่ตื่นจากภวังค์หลับใหล แต่กลับมีบางสิ่งบางอย่างตื่นขึ้นภายในกายของเขา ปริมาณปราณวิญญาณในกายไหลเวียนอย่างรวดเร็ว เป็นสัญญาณว่าบางสิ่งบางอย่างนั้นกำลังหิวกระหาย…
เจ้าต้นไม้ยักษ์ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังถ่ายเทพลังให้อสูรกายอยู่…