Skip to content

A World Worth Protecting 259

บทที่ 259 ทรยศเจ้านายตัวเองอย่างนั้นหรือ

บางคนโดนฆ่า บางคนยอมแพ้ ส่วนอีกหลายคนยังคงตามไล่ล่าหวังเป่าเล่อต่อไป แหล่งกำเนิดปราณวิญญาณของหวังเป่าเล่อในตอนนี้สุกสว่างกว่าเปลวแสงจาก       คบเพลิงเสียอีก แสงนี้เป็นเหมือนดังภูเขาไฟปะทุ ผู้ฝึกตนทุกคนในระยะสามพันกิโลเมตรต่างสัมผัสได้ถึงพลังนี้ในทันที

เหล่าผู้คนที่อยู่ในระยะหลายร้อยกิโลเมตรนั้น เมื่อสัมผัสได้ถึงแหล่งกำเนิด      ปราณวิญญาณก็พากันตื่นเต้นขึ้นมาทันใด แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าตามไปอาจจะไม่ได้อะไร แต่ความโลภในจิตใจประกอบกับความเป็นไปได้อันน้อยนิด ก็ยังนำพาให้      พวกเขามุ่งหน้าไปทางแหล่งกำเนิดปราณวิญญาณนั้น

ดังเช่นศิษย์สำนักรุ่งสางจักรพิภพประมาณเจ็ดสิบถึงแปดสิบคนในระยะใกล้เคียง พวกเขากระจายตัวอยู่รอบๆ คอยตามหาเศษชิ้นส่วนในเขตจันทราเวทโดยลำพัง ทันใดนั้น แววตาพวกเขาก็ทอประกายเยือกเย็น ก่อนจะพุ่งตัวไปยังทิศทางเดียวกันทันที

นอกจากสำนักรุ่งสางจักรพิภพก็ยังมีตระกูลนภาห้าสมัย ไม่ใช่ศิษย์ทุกคนที่จะรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นทางฝั่งด้านมืดของดวงจันทร์ ตระกูลนภาห้าสมัยนั้นประกอบไปด้วยสมาชิกจากหลากหลายสกุล ซึ่งแต่ละสกุลเองต่างแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันอยู่แล้ว ในตอนนี้ศิษย์ของตระกูลนภาห้าสมัยหลายคนกระจายตัวกันหาเศษชิ้นส่วนใน       เขตจันทราเวทนี้เช่นกัน พวกเขาต่างตื่นตัวทันทีที่สัมผัสได้ถึงแหล่งกำเนิด          ปราณวิญญาณ จึงรีบมุ่งหน้าตามไปเช่นกัน

ฝั่งสำนักสหชุมนุมสกุณาเองก็ไม่ต่าง นอกจากสามกลุ่มใหญ่นี้แล้ว ยังมีเหล่าทายาทและผู้สืบสกุลของบรรดาเจ้าเมืองที่ดำรงตำแหน่งเป็นเสนาบดีและเหล่าผู้ที่มีตำแหน่งเกี่ยวข้องกับเสนาบดี เหล่าทายาทจำนวนกว่าร้อยคนกระจายตัวอยู่ในระยะสามพันกิโลเมตร ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ส่วนใดในพื้นที่ แต่ละคนต่างรีบรุดไปทางแหล่ง      ปราณวิญญาณเฉกเช่นเดียวกับผู้ฝึกตนจากสำนักอื่นๆ

หลายคนในนั้นเป็นลูกหลานคนตำแหน่งใหญ่โต เช่น หลี่ซิ่ว ซึ่งบัดนี้มีคนขนาบข้างชายหนุ่มอีกสองคน หนึ่งในนั้นคือหลานชายของเจ้าเมืองฟ้าสวรรค์ ส่วนอีกคนเป็นหลายชายของเจ้าเมืองสุขนิรันดร์

ทั้งสองนั้นมีบุคลิกเหมือนพวกอันธพาล พวกเขาได้ไปร่วมงานเฉลิมฉลองผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ด้วยเช่นกัน ตอนนี้โอกาสบรรลุขั้นรากฐานตั้งมั่นอยู่ใกล้แค่เอื้อม จึงไม่มีทางที่ทั้งสองจะเพิกเฉยแหล่งกำเนิดปราณวิญญาณที่สัมผัสได้นี้เด็ดขาด

ศิษย์จากทุกกลุ่มมารวมตัวกัน ภาพที่เห็นเป็นดังคลื่นน้ำวนขนาดยักษ์แผ่กระจายไปทุกทิศกินวงกว้างกว่าเกือบสองพันกิโลเมตร โดยมีหวังเป่าเล่อเป็นจุดศูนย์กลาง

หวังเป่าเล่อที่เป็นดังดวงตาพายุกำลังวิ่งตัดผ่านป่า พลางคำนวณเวลาที่ผ่านไปอย่างเงียบเชียบ เขาไม่ติดอะไรถ้าจะต้องสู้กันให้ตายไปข้าง แต่พื้นฐานชายหนุ่มไม่ใช่คนโหดเหี้ยม หากสามารถผ่านวิกฤตินี้ไปได้โดยที่ไม่ต้องเข่นฆ่าใครได้ หวังเป่าเล่อก็จะเลือกทางนั้น

เขาวางแผนไว้เช่นนั้น ถ้าหากสามารถหาเวลาหลบซ่อนตัวจากคนอื่นได้สามวัน หวังเป่าเล่อก็จะหลอมแก่นรากฐานวิญญาณสำเร็จ เป็นแผนการที่ดีแต่ก็ท้าทาย       ไม่น้อย

ขณะที่หวังเป่าเล่อวิ่งอยู่ในป่านั้นเอง จู่ๆ ดวงตาของเขาก็ฉายแสงวาบ ชายหนุ่มยกมือขวาสะบัดไปด้านหลัง ปราณวิญญาณพลันระเบิดออก แปรสภาพกลายเป็น   อัสนีบาทหมุนวนรอบมือ ก่อนจะคว้าหมับเข้าที่กระบี่เหาะเหินเล่มหนึ่งที่พุ่งมาหา

กระบี่เหาะเหินสีดำเล่มนั้นส่องแสงมัวๆ ประหลาด เหมือนกับว่ามียาพิษอาบอยู่ หวังเป่าเล่อใช้ปราณวิญญาณของตนเองหยุดกระบี่ไว้กลางอากาศ สายฟ้าในมือไหลเวียนเข้าสู่คมกระบี่ ก่อนที่เขาจะเหวี่ยงมันกลับไปอย่างไม่ลังเลใจ

การเคลื่อนไหวของหวังเป่าเล่อลื่นไหลดังสายน้ำ อีกทั้งยังว่องไวมากด้วยเช่นกัน ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้น ร่างเงาหนึ่งพุ่งออกมาจากป่าลึก เอามือกุมไว้     ที่อก ก่อนจะรีบถอยหนีไป

ไม่ทันจะหนีไปได้ไกล ร่างของชายผู้นั้นก็สั่นไหว ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน เขาทรุดลงกับพื้น สิ้นลมลงตรงนั้น

ชายผู้นั้นมีรอยแผลทะลุตรงหน้าผาก ยุงสีเทาบินออกมาจากบาดแผลนั้น      ก่อนจะบินหายเข้าไปในป่ารอบๆ

อีกคนแล้ว ใบหน้าหวังเป่าเล่อเต็มไปด้วยความเย็นชา เขาจำชุดคลุมของ       ชายผู้นั้นได้ เป็นชุดคลุมของสำนักรุ่งสางจักรพิภพ นอกจากชายชุดดำแล้ว นี่ก็เป็น  ศพที่หกแล้วจากสำนักนี้

เหล่าศิษย์สำนักรุ่งสางจักรพิภพต่างเป็นคนแปลกประหลาด เชี่ยวชาญเรื่องการอำพรางตัว อีกทั้งยังเก่งกาจด้านการซุ่มโจมตีด้วยเช่นกัน หากหวังเป่าเล่อไม่มีสายตาของยุงช่วยสอดส่อง เขาคงจะจับสัมผัสเหล่าศัตรูได้ลำบาก

หวังเป่าเล่อไม่ได้เข้าไปตรวจสอบศพ เขากำลังจะมุ่งหน้าลึกต่อไปเข้าในป่า     พลันนัยน์ตาก็ฉายแสงวาบ รีบถอยออกในทันใด ทันทีที่เขาถอยออก ลำแสงจาก    คาถาเวทนับสิบก็พวยพุ่งออกมาจากสองข้างทาง ทำลายต้นไม้รอบๆ จนย่อยยับ พื้นดินจุดที่หวังเป่าเล่อยืนอยู่เมื่อสักครู่สั่นไหวรุนแรง กิ่งไม้ใบหญ้าปลิวว่อน

หากหวังเป่าเล่อหลบไม่ทัน คงจะโดนคาถาเวททั้งสิบเล่นงานเข้าอย่างจัง

เมื่อเขาถอยห่างออกมาแล้ว ก็ปรากฏกลุ่มคนแปลกหน้าประมาณยี่สิบคน        พุ่งออกมาจากสองข้างทางในป่าทันที ส่วนใหญ่เป็นคนจากตระกูลนภาห้าสมัย       และไม่ใช่สมาชิกตระกูลที่เขาเคยเห็นหน้าค่าตามาก่อน หากแต่ดวงตาของคนพวกนั้นกลับฉายแววหิวกระหายมุ่งร้ายไม่ต่างกัน

พวกเขาไม่มัวพูดพร่ำทำเพลง รีบพุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่อด้วยแววตาหิวกระหายทันทีที่ปรากฏตัว ทั้งสองฝ่ายไม่เคยเจอหน้า ไม่เคยมีความแค้นต่อกันมาก่อน แต่หากใครมีแหล่งกำเนิดปราณวิญญาณพลังมากล้นอยู่ในมือ ณ ขณะนี้ คนผู้นั้นจักเป็นศัตรูต่อพวกเขาไปโดยปริยาย! ความโลภเข้าบังตา พวกเขาไม่ทันฉุกคิดด้วยซ้ำว่า           จะเกิดอะไรขึ้นหากเข้าไปแย่งหม้อหลอมเล็กออกมาจากหวังเป่าเล่อ รู้แต่ว่าต้องชิงมาให้ได้ก่อน

หวังเป่าเล่าเป็นคนเด็ดขาด แม้เขาจะไม่ชอบฆ่าฟันผู้อื่น แต่ถ้าหาเวลาปลีกวิเวกสามวันด้วยวิธีอื่นไม่ได้ ชายหนุ่มก็จำเป็นต้องลงมือ

หากไม่มีทางอื่นนอกจากต้องฆ่าพวกที่ขวางทางทิ้งตลอดสามวัน ข้าก็จำเป็นต้องลงมือ! แววตาของหวังเป่าเล่อเต็มไปด้วยความดุร้าย ขณะที่ศิษย์ตระกูลนภาห้าสมัยกว่ายี่สิบคนพุ่งเข้ามา ชายหนุ่มก็เคลื่อนตัวพร้อมกับยกมือขวาเรียกผนึกฝ่ามือขึ้นมาทันที ลำแสงสายฟ้ามากมายพวยพุ่งออกมาจากผนึกฝ่ามือ รวมตัวกลายเป็นตาข่ายกระแสไฟฟ้ากลางอากาศ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นกระบี่สายฟ้ามากมายพุ่งเข้าใส่ศัตรู

ยังไม่จบแค่เพียงเท่านั้น รองเจ้าตำหนักอาวุธเวทเช่นหวังเป่าเล่อย่อมต้องมีสมบัติเวทจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนในครอบครอง แม้ว่าจะใช้งานไปบ้าง แต่ก็ยังมีเหลืออยู่อีกไม่น้อย ชายหนุ่มโบกมือเรียกกระบี่เหาะเหินเยือกแข็งกว่าสิบเล่มออกมาพร้อมกับลูกประคำระเบิดอีกหนึ่งกำมือ จากนั้นก็ส่งทั้งหมดพุ่งใส่ศัตรู เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วฟ้าดิน

ท่ามกลางความโกลาหล ขณะที่เหล่าศิษย์จากตระกูลนภาห้าสมัยกำลังหยิบเอาสมบัติเวทออกมาและตั้งท่าร่ายคาถาเวทบทใหม่อยู่นั้น ร่างของหวังเป่าเล่อก็พลันเลือนราง ก่อนจะเกิดเสียงแหวกอากาศราวกับมังกรอัสนีพุ่งผ่านมาปรากฏตัวเสียก่อน ชายหนุ่มพุ่งมาหยุดอยู่หน้าศิษย์คนหนึ่ง ไม่หยุดพักหายใจแม้แต่น้อย ก่อนจะปล่อยหมัดใส่ศัตรูตรงหน้า

ศิษย์ที่โดนต่อยใบหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด รีบรุดถอยไปตั้งหลักเตรียมตอบโต้ แต่ก็ไม่ทันกาล โดนหวังเป่าเล่อปล่อยหมัดเข้าใส่อกซ้ำ จนเลือดกระอักออกจาก      ริมฝีปาก ทรวงอกถูกทำลายย่อยยับ ศิษย์ชายผู้นั้นร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะทรุดตัวลงไปกับพื้นเหมือนหุ่นเชิดโดนตัดสาย หวังเป่าเล่อหันหลังเตะผ่าหมากศิษย์   อีกคนต่อทันที แม้อีกฝ่ายจะยกมือขวามาปัดป้องไว้ก็ไม่เป็นผล

เสียงแตกหักดังขึ้นเมื่อลูกเตะของหวังเป่าเล่อพุ่งเข้าไปที่จุดสงวน อีกฝ่ายร้องลั่นฟังไม่ได้ศัพท์ขณะที่กล้ามเนื้อเกร็งกระตุกไปทั่วร่าง ก่อนจะสิ้นลมลงไปกองกับพื้น

หลังจากฆ่าติดต่อกันไปสองศพ จิตสังหารก็ของหวังเป่าเล่อก็พุ่งสูงขึ้น เขารู้ดีว่าพวกนั้นหมายมั่นตั้งใจจะฆ่าเขาทิ้ง ชายหนุ่มจึงมีทางเลือกแค่สองทางคือฆ่าพวกเขาทิ้งหรือโดนฆ่าเสียเอง!

“ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้หมด!” หวังเป่าเล่อร้องคำรามลั่น พุ่งเข้าไปปะทะกับ       ศิษย์แปลกหน้ากว่ายี่สิบคน แล้วเริ่มสังหารพวกเขาทิ้งทีละคน

สิบห้านาทีต่อมา มีศพจำนวนมากนอนเกลื่อนอยู่ทั่วพื้นที่ เหลือผู้ฝึกตนจากตระกูลนภาห้าสมัยอีกเพียงแค่สองคน ทั้งสองใบหน้าซีดเผือด นัยน์ตาเต็มไปด้วยความตื่นตะลึงและหวาดกลัว ความหิวกระหายเมื่อก่อนหน้าหายวับ พวกเขากรีดร้องเสียงดังก่อนจะวิ่งหนีไป

หวังเป่าเล่อหอบหายใจเบาๆ ร่างกายไม่ได้รับบาดเจ็บมากเท่าใด แต่การรับมือกับผู้ฝึกตนระดับลมหายใจเที่ยงแท้ขั้นสมบูรณ์กว่ายี่สิบคนก็นับว่าเหนื่อยยาก       มากทีเดียว กระนั้นก็ยังดีที่ไม่หนักหนาเท่าผลสะท้อนจากการใช้อาวุธเวท ยังอยู่ในระดับที่หวังเป่าเล่อสามารถรับมือได้ไหว

หวังเป่าเล่อหรี่ตามองศิษย์สองคนที่กำลังวิ่งหนีไป เขาไม่คิดจะตามไล่ล่าทั้งสองไปอีก แต่ขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะมุ่งหน้าจากไป ก็ได้ยินเสียงร้องลั่นดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงอีกเสียงหนึ่งติดๆ

นัยน์ตาหวังเป่าเล่อฉายแสงวาบ เขาไม่ได้สั่งการให้ยุงตามไปฆ่าสองคนนั้นเสียหน่อย…

ยุงสีเทาพุ่งกลับมาอย่างรวดเร็ว มันบินฉวัดเฉวียนอยู่รอบตัวหวังเป่าเล่อ หลังจากได้สังหารศัตรูไปหลายศพ ปราณวิญญาณของมันก็เริ่มแปรเปลี่ยนไป หากสังเกตดูจะพบรังสีหิวกระหายแผ่ออกมาจากยุงสีเทาตัวนั้น

นี่เป็นครั้งแรกที่มันทรยศต่อหวังเป่าเล่อ ยุงสีเทาส่งเสียงดุร้ายราวกับจะตั้งตนเป็นศัตรูกับชายหนุ่มเสียเอง เมื่อเสียงของมันดังกระจายออกไป ยุงอีกเก้าตัวก็บินออกมาจากในป่า พุ่งมาล้อมหวังเป่าเล่อไว้ ตั้งตนเป็นปรปักษ์กับยุงยักษ์สีเทาทันที

“ข้าเป็นคนสร้างเจ้าขึ้นมา กล้าดีอย่างไรมาทรยศเจ้านายของตนเอง ชักจะอวดดีเกินไปแล้ว” หวังเป่าเล่อส่งเสียงไม่สบอารมณ์ ฝักกระบี่ในกายเริ่มหมุนวน พลันพลังที่มองไม่เห็นก็เข้าโอบล้อมยุงสีเทา ร่างของมันสั่นเทิ้มอย่างรุนแรงราวกับจะแหลกละเอียด!

หวังเป่าเล่อผู้มีฝักกระบี่ในครอบครองกุมชะตาชีวิตของเจ้ายุงสีเทาไว้ในกำมือ!

ไม่นาน ยุงสีเทาก็กรีดร้องขอความช่วยเหลือ ความคิดของมันส่งผ่านเข้าไปในหัวของหวังเป่าเล่อ ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นก็แปลกใจ ก่อนยอมคลายพลังจากฝักกระบี่ลง

“ถ้าทำเช่นนี้อีก ข้าจะหักจะงอยปากเจ้า!” หวังเป่าเล่อพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ก่อนจะหันกลับออกไป

ยุงสีเทานิ่งไปสักพัก ก่อนจะบินตามหวังเป่าเล่อไป ฝูงยุงกระจายตัวบินออกไปไกล ขยายวิสัยทัศน์ให้กับหวังเป่าเล่อพร้อมกับคอยคุ้มกันผู้เป็นนายอย่างขมีขมัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!