Skip to content

A World Worth Protecting 288

บทที่ 288 วิชามารต้องห้าม

เคล็ดวิชากระบวนท่าเต๋าสายฟ้าระดับหนึ่งนั้นเป็นเคล็ดวิชาที่แกร่งกล้า           แต่หวังเป่าเล่อคิดว่าแม่นางน้อยจะต้องมีเคล็ดวิชาที่ดีกว่าเป็นแน่ เขารีบหยิบเอาหน้ากากนิลออกมาก่อนจะเข้าสู่มิติมายา พอลืมตาขึ้น ชายหนุ่มก็มาอยู่ในมิติมายาแล้ว

ชายหนุ่มยืนอยู่บนที่โล่งปกคลุมไปด้วยหิมะ ลมหนาวเหน็บพัดผ่านร่าง การเข้ามาในมิติมายาครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน เพราะครั้งนี้เขาไม่ต้องเรียกหาแม่นางน้อย      ไกลออกไป หวังเป่าเล่อเห็นร่างหญิงสาวผู้งดงามเกินบรรยาย ผมสีดำขลับปลิวสยายไปตามสายลม อาภรณ์สีขาวโดนลมหนาวพัดพลิ้วไหวไปมา นางยืนหันหลังให้       หวังเป่าเล่ออยู่ ลมหนาวพัดกระทบใบหน้าขณะที่นางทอดสายตามองไปยังเส้น     ขอบฟ้าของมิติมายา

เขาไม่เห็นใบหน้าของนาง เห็นแค่เพียงเส้นผมที่กำลังปลิวลู่ไปตามลม รูปร่างก็มองเห็นได้ไม่ชัด จับภาพได้เพียงอาภรณ์สีขาวที่พลิ้วไหวล้อสายลม

นางดูราวกับไม่ใช่ผู้คนบนโลกใบนี้ มวลพลังเช่นนั้นแผ่กระจายไปทั่วพื้นที่ แปรเปลี่ยนผืนดินปกคลุมหิมะเป็นวิมานของเหล่าทวยเทพ เพียงมองแค่แผ่นหลังของนางก็ให้รู้สึกอับอายในบาปหนาของตน ไม่ว่าจะเป็นผู้องอาจอำนาจมากล้นเพียงใดก็ต้องยอมก้มหัวศิโรราบ ยกทุกสิ่งอย่างให้เป็นเครื่องบรรณาการแด่แม่นางผู้นี้

หากภาพเบื้องหน้าเปรียบดังรูปวาดหนึ่งชิ้น แม่นางน้อยก็คงจะเป็นภาพร่าง     อันงดงามเกินบรรยายในรูปวาดรูปนั้น ทั้งรูปโฉมงามสง่าดังเทพธิดาที่ไม่ควรย่างกรายลงมาบนพื้นโลก พริบตาที่ลมพัด นางอาจจะหายวับไปเลยก็เป็นได้

หวังเป่าเล่อมองภาพเบื้องหน้า ไม่สามารถควบคุมหัวใจที่เต้นถี่รัวได้

แต่แท้จริงแล้ว…บนใบหน้าของแม่นางน้อยที่แสนงดงามด้วยผิวนวลนุ่มและเครื่องหน้าสวยสดดังเทพธิดานั้น กลับแฝงความรู้สึกที่หวังเป่าเล่อมองไม่เห็นอยู่ ดวงตาของนางแม้จะเหม่อมองออกไปไกล แต่…ในแววตาของนางนั้นกลับฉายแววหยิ่งยโสและเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว

พักหลังมานี้เจ้าอ้วนนี่ไม่ค่อยให้ความเคารพข้าเลย สายตาก็ดูลามกจกเปรตนัก ข้าคงต้องยกบุญคุณที่ข้าช่วยเขาไว้บนเขตจันทราเวทมาตอกย้ำในรู้ซึ้งเสียหน่อยกระมัง ว่าใครเป็นนาย ใครเป็นบ่าว!

คิดได้ดังนั้น หญิงสาวในอาภรณ์ขาวก็เชิดคางขึ้น แสงที่สะท้อนในดวงตาทำให้นางดูงดงามขึ้นไปอีก ความงามของนางทำให้ผู้ที่ได้พบเห็นใจเต้นไม่เป็นส่ำ             ในหัวโพลนขาวคิดอะไรไม่ออก ยอมศิโรราบแทบเท้านางแต่โดยดี

หวังเป่าเล่อหายใจถี่รัว เขาสัมผัสได้ถึงมวลพลังศักดิ์สิทธิ์จากตัวของแม่นางน้อย ความอยากรู้อยากเห็นกระพือขึ้นภายใน ชายหนุ่มนึกถึงการสู้รบต่างๆ ในเขต    จันทราเวทและการหลบหนีเอาชีวิตรอดของตนเอง ตระหนักว่าหากไม่ได้แม่นางน้อยช่วยไว้ ตนคงจะไม่ได้มีโอกาสกลับมาเห็นดวงตะวันบนพื้นโลกอีกครั้ง และคงจะต้องกล่าวอำลาโลกใบนี้ไปตลอดกาลเสียแล้ว

ความคิดที่ผุดขึ้นนี้กลบความตื่นเต้นของชายหนุ่มเมื่อก่อนหน้าไปจนหมดสิ้น   เขาจ้องแผ่นหลังของหญิงสาวผู้งดงามก่อนจะโค้งหัวลงเล็กน้อย

ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรออกไปอีก ความรู้สึกทุกอย่างถ่ายทอดไปพร้อมกับการโค้งคำนับเมื่อครู่แล้ว หวังเป่าเล่อก้าวเดินอย่างเงียบเชียบไปหยุดอยู่ข้างๆ แม่นางน้อย ทอดสายตามองออกไปยังเส้นขอบฟ้าเคียงข้างนาง

เวลาในห้วงมิติมายาเหมือนจะพลันหยุดนิ่ง ใต้ท้องฟ้าของมิติมายา ท่ามกลางหิมะที่โปรยลงมา

หวังเป่าเล่อและหญิงสาวในอาภรณ์ขาวต่างยืนทอดสายตาไปยังฟากฟ้าสุดลูกหูลูกตา เกล็ดหิมะร่วงหล่นบนศีรษะ ติดอยู่ตามเส้นผม ไม่ได้ละลายลงมา ไม่นานเส้นผมของทั้งคู่ก็คงจะมีหิมะปกคลุมจนขาวโพลน

ภาพทั้งสองในตอนนี้ช่างงดงามเกินบรรยาย หวังเป่าเล่อรู้สึกสงบใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน รู้สึกราวกับว่าภาระหนักอึ้งทั้งหมดในชีวิตได้รับการปลดเปลื้องออก    ภาพหิมะโปรยปรายเบื้องหน้าทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย ชายหนุ่มจ้องมองแม่นางน้อยที่ยืนอยู่เคียงข้าง พลันนัยน์ตาก็ฉายแววผิดแปลกไป

แม่นางน้อยเหลือบมองหวังเป่าเล่อ พึงพอใจยิ่งนักกับผลลัพธ์จากการกระทำของตน ขณะที่นางกำลังจะทำให้หวังเป่าเล่อเคารพตนเองยิ่งขึ้นไปอีก…ชายหนุ่มข้างๆ          ก็กระแอมไอขึ้นมาเสียก่อน เขายกมือขวาขึ้นเรียกถุงขนมออกมา ก่อนจะหยิบเข้าปากเคี้ยวเสียงดัง บรรยากาศทั้งหมดพังลงไม่เป็นท่า…

เสียงเคี้ยวกร้วมกร้ามดังสนั่นไปทั่วดินแดนหิมะ หญิงสาวในอาภรณ์ขาวหันมามองค้อนหวังเป่าเล่อในทันใด…

หวังเป่าเล่อกระดากอายขึ้นมาเล็กน้อย เขากระแอมไอขึ้น ก่อนจะยื่นถุงขนมให้

“กินด้วยกันรึเปล่า ข้าไม่คิดว่าจะเรียกถุงขนมขึ้นมาในมิติมายานี้ได้ รสชาติของมันเหมือนขนมในโลกความจริงเลยทีเดียว…ลองสักหน่อยสิ อันนี้เป็นรสเนื้อย่าง…”

“ข้าไม่กิน!” แม่นางน้อยสูดหายใจลึก พยายามข่มความเดือดดาลที่อยู่ภายใน บังคับให้ตนเองมีท่าทีนิ่งสงบและสง่างามเช่นเดิม นางส่งสายตาเย็นชาไปทาง         หวังเป่าเล่อ ทุกครั้งที่นางส่งสายตาเช่นนี้จะทำให้ทุกคนรู้สึกอับอายขายหน้ากับการกระทำของตน

และก็เป็นเช่นนั้น ครั้นเห็นสายตาที่มองมา หวังเป่าเล่อก็เขินอายขึ้นทันใด      เขาเก็บถุงขนม ก่อนจะเสกน้ำเย็นหล่อวิญญาณขึ้นมาซดหนึ่งอึก พลางจ้องไปทาง   แม่นางน้อยไม่วางตา

หญิงสาวในอาภรณ์ขาวยกมือขึ้นแตะหน้าผากเมื่อเห็นการกระทำของหวังเป่าเล่อ รู้สึกราวกับว่าตนเองกำลังสีซอให้กระบือฟัง ในใจเริ่มรู้สึกอยากจะยอมแพ้ นางยก   มือขวาขึ้นโบก พลันแผ่นหยกมายาก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าหวังเป่าเล่อ

“เคล็ดวิชาหมื่นแมกไม้หัวใจเยือกแข็ง เคล็ดวิชาขั้นรากฐานตั้งมั่นที่เหมาะสมกับเจ้าที่สุด เจ้ามาเพื่อขอเคล็ดวิชาข้าอีกแล้วใช่หรือไม่ รับไว้แล้วก็กลับไปเสีย”

นัยน์ตาหวังเป่าเล่อทอประกายวาบ ชายหนุ่มมีท่าทีขวยเขินเล็กน้อย เขารีบหยิบแผ่นหยกมาจากมือนางทันที มองดูคร่าวๆ ก็รู้ว่าเป็นเคล็ดวิชาธาตุไม้ในบรรดาธาตุ  ทั้งห้า ดูซับซ้อนยากจะเข้าใจ อีกทั้งยังไม่หวือหวาเท่ากระบวนเวทประสานธาตุทั้งห้า ชายหนุ่มรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย หันไปมองแม่นางน้อย ก่อนจะอ้าปากขึ้นเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง

“มีอะไรก็พูดออกมา!” หญิงสาวในอาภรณ์ขาวเห็นท่าทีของหวังเป่าเล่อก็เลิกคิ้วขึ้นสูง

หวังเป่าเล่อกระตือรือร้นขึ้นทันทีที่ได้ยินแม่นางน้อยเปิดโอกาส เขารีบเอ่ยปากขอสิ่งที่อยู่ในใจ

“ข้าอยากได้เคล็ดวิชาที่เยี่ยมยอดมากๆ ถ้าเป็นเคล็ดวิชาที่ใครได้เห็นก็ต้อง      สั่นกลัวยิ่งดี!”

แม่นางน้องจ้องเขม็งไปทางหวังเป่าเล่อเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด นางตัดสินใจจะสอนหวังเป่าเล่อผู้ทะเยอทะยานให้ทราบถึงบทเรียนที่เขาจะไม่มีวันลืม ในฐานะผู้ฝึกตน ชายหนุ่มควรจะตระหนักว่าความสามารถของตนอยู่ในระดับใด ไม่ควรออกวิ่งถ้ายังเดินได้ไม่คล่อง มิเช่นนั้นแล้วเขาจะก้าวขึ้นไปเทียบชั้นเหล่ายอดฝีมือได้อย่างไร    ดวงตาของนางฉายแสงวาบ ก่อนที่หญิงสาวจะกระแอมไอขึ้น

“ถ้าอย่างนั้น…ขอข้าคิดก่อน…จริงด้วย ข้ามีเคล็ดวิชาในตำนานอยู่วิชาหนึ่ง     เป็นเคล็ดวิชาอย่างที่เจ้าตามหาแน่นอน เมื่อใช้เคล็ดวิชานี้ออกไป ฟ้าดินจะต้อง      สั่นสะท้าน ใครได้เห็นก็ต้องพรั่นพรึง หวาดกลัวจนตัวสั่นกันหมด!”

“เคล็ดวิชาในตำนานอย่างนั้นหรือ” หวังเป่าเล่อตื่นเต้นขึ้นทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น เขายืดหลังตรง ตั้งใจฟังที่หญิงสาวพูด

“ใช่แล้ว เคล็ดวิชาในตำนานนี้มีพลังมากล้นกว่าเคล็ดวิชาหมื่นแมกไม้หัวใจเยือกแข็งหลายเท่าตัว เทียบชั้นกันแทบไม่ติดเลยทีเดียว หากเจ้าฝึกเคล็ดวิชานี้ได้สำเร็จ        จะทำให้เจ้าแกร่งกล้าจนแทบจะไม่มีใครแตะต้องได้ ชื่อเคล็ดวิชาก็เยี่ยมยอดไม่แพ้พลังของมันเลยทีเดียว เคล็ดวิชานี้มีชื่อว่า…ใบหน้าซากศพ!

“ชื่อเต็มๆ ของมันก็คือ…เคล็ดวิชาใบหน้าซากศพแห่งความมืด เข้าใจรึยัง แค่ชื่อ  ก็ดูทรงพลังแล้ว” นางหันมามองหวังเป่าเล่อด้วยดวงตาเป็นประกาย

“ฟังดู…ทรงพลังก็จริง แต่เหตุใดข้าคิดว่ามันออกจะฟังดูน่ากลัวไปสักหน่อย” หวังเป่าเล่อนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนยกมือขึ้นเกาศีรษะ

“เจ้าอาจจะกลัวก็จริง แต่ศัตรูของเจ้าจะต้องตื่นกลัวยิ่งไปกว่าเจ้าเมื่อได้เห็น    พลังอำนาจของมันด้วยตาตนเอง!” นางว่าอย่างมั่นใจ ก่อนจะยกมือขึ้นตบบ่า        หวังเป่าเล่อด้วยแววตาเป็นประกายสว่างไสวขึ้นกว่าเดิม

“ก็…ฟังดูเข้าท่า…” หวังเป่าเล่อตอบอย่างตะกุกตะกัก หญิงสาวในอาภรณ์ขาว  ไม่รีรอให้เขาได้คิดอะไรต่อ ก็เริ่มถ่ายทอดเคล็ดวิชาใบหน้าซากศพแห่งความมืดให้   ชายหนุ่มในทันใด

วิชามารนี้ใช้พลังบางส่วนจากปราณวิญญาณ แม่นางน้อยอธิบายให้หวังเป่าเล่อฟังว่ามนุษย์ยังเข้าใจปราณวิญญาณได้ไม่ถ่องแท้ แม้ว่าผู้ฝึกตนธรรมดาทั่วไปจะสามารถปลดปล่อยพลังวิญญาณออกมาได้

แต่พวกเขาเหล่านั้นก็ไม่สามารถดูดซึมพลังปราณได้ทั้งหมด จะมีพลังบางส่วนที่ต่อต้านการดูดซึมและถูกขับออกจากร่างกายมนุษย์โดยธรรมชาติ

กระบวนท่าฝึกพลังปราณแทบจะทั้งหมดบนโลกมนุษย์นั้น จะขับพลังที่ว่านั่นออกมาระหว่างขั้นตอนการฝึกตน ทำให้สามารถฝึกเคล็ดวิชาไปได้เรื่อยๆ              โดยปราศจากอุปสรรคขัดขวาง

แต่แท้จริงแล้ว พลังส่วนที่ถูกขับออกมานั้น ก็นำมาใช้ในกระบวนการฝึกตนได้    ทำให้เกิดเคล็ดวิชามารขึ้นมา!

จากที่ที่แม่นางน้อยจากมา ปราณวิญญาณส่วนที่ร่างกายขับออกมานั้นเรียนว่า ปราณวิญญาณมืด!

การฝึกวิชามารจะทำให้ผู้ฝึกตนสามารถดูดซับปราณวิญญาณมืดมาไว้ในตัว    และสร้างเปลวไฟสีดำขึ้นในร่างกายได้ เปลวไฟนี้สามารถแผดเผาทุกสิ่งอย่างใต้      โลกหล้า พลังของมันนั้นแกร่งกล้าเสียจนไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้ เป็นพลัง  ขั้วตรงข้ามของปราณวิญญาณทั่วไป แต่มีพลังมากล้นกว่า ทำให้เคล็ดวิชานี้อยู่เหนือกว่าเคล็ดวิชาฝึกตนอื่นๆ!

เมื่อฝึกฝนเคล็ดวิชาแห่งศาสตร์มืดแล้ว ผู้ฝึกตนจะสามารถก่อกำเนิดเปลวไฟสีดำหนึ่งดวงขึ้นภายในขั้นรากฐานตั้งมั่นชั้นต้น เมื่อบรรลุขั้นรากฐานตั้งมั่นชั้นรอง เปลวไฟ      สีดำดวงที่สองก็จะก่อกำเนิดขึ้น หากสามารถสร้างเปลวไฟสีดำดวงที่สามขึ้นมาได้ หมายความว่าผู้ฝึกตนบรรลุขั้นรากฐานตั้งมั่นชั้นปลายแล้ว!

หลังจากนั้น เปลวไฟสีดำทั้งสามดวงจะหลอมรวมเป็นเพลิงมาร เมื่อนั้นผู้ฝึกตน    ก็จะพัฒนาไปสู่ขั้นรากฐานตั้งมั่นชั้นสมบูรณ์!

เคล็ดวิชาแห่งศาสตร์มืดนี้ได้รับขนานนามว่า ‘ใบหน้าซากศพ’ เนื่องจากรูปแบบของกระบวนท่านั้นเป็นดังชื่อเรียกไม่มีผิดเพี้ยน!

ผู้ฝึกตนจะใช้เปลวไฟสีดำวาดลงบนใบหน้าของศัตรู เริ่มจากคิ้วทั้งสองข้าง ดวงตา ตามด้วยจมูกและปาก ประกอบรวมกันเป็น…ใบหน้าของซากศพนั่นเอง!

เมื่อวาดเสร็จสมบูรณ์ เคล็ดวิชาใบหน้าซากศพก็จะระเบิดออกทำลายล้างทุกสิ่งอย่าง!

ครั้นได้ยินที่แม่นางน้อยอธิบาย หวังเป่าเล่อก็เบิกตาโพลง ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึก รู้สึกเสียวสันหลังวาบ ขนลุกชูชันไปทั่วร่างกาย เคล็ดวิชาใบหน้าซากศพแห่งความมืดนั้นช่างน่าสะพรึงกลัวเสียจริง

“นี่มัน…” หวังเป่าเล่อเริ่มลังเลใจ คิดว่าแม่นางน้อยกำลังวางแผนแกล้งตนอยู่

แม่นางน้อยส่งสายตาเป็นประกายล่อลวงหวังเป่าเล่อที่กำลังลังเลใจอยู่ นางโอ้อวดความแกร่งกล้าของเคล็ดวิชาแห่งศาสตร์มืดต่อไปอีกพักใหญ่ พอหันมาเห็นว่า       หวังเป่าเล่อยังดูเคลือบแคลงใจ นางก็จ้องเขม็งไปทางชายหนุ่มทันที

“หวังเป่าเล่อ ตั้งแต่แรกเริ่มเมื่อครั้งเจ้ายังอยู่ในระดับการฝึกตนโบราณจนถึงปัจจุบัน ข้าเคยชี้ทางให้เจ้าทำอะไรผิดพลาดสักครั้งอย่างนั้นรึ”

หวังเป่าเล่อคิดตามที่แม่นางน้อยถามก็รู้สึกผิดขึ้นมา เป็นจริงดังที่นางว่า แม่นางน้อยดูแลเขาเป็นอย่างดีมาตั้งแต่ต้น นางไม่เคยโกหกเขาเลยสักครั้ง

“ข้าจะฝึกเคล็ดวิชานี้ แม่นางน้อยพูดถูก เจ้าไม่เคยโกหกข้าเลยสักครั้ง!” หวังเป่าเล่อพยักหน้าอย่างมั่นอกมั่นใจ

หญิงสาวในอาภรณ์ขาวสุขใจยิ่งนักเมื่อได้ยินที่ชายหนุ่มพูด แต่จู่ๆ ก็รู้สึกท้อใจขึ้นมา หลายต่อหลายครั้งที่นางพยายามกลั่นแกล้งหวังเป่าเล่อ เฝ้ารอดูเขาพลาดพลั้ง       แต่ทุกๆ ครั้งเจ้าอ้วนนี่ก็มักจะพลิกกระดานได้เกินคาดเสมอ ไม่รู้ว่ามีอะไรพิเศษในตัวของชายหนุ่มกันแน่ ที่ทำให้นางเริ่มรู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมา…

แต่ครั้งนี้จะไม่เหมือนตอนฝึกฝนขั้นสรีระทองคำแน่นอน เพราะนี่เป็นเคล็ดวิชาต้องห้ามในตำนาน ข้าเองก็เคยดูแคลนเคล็ดวิชาหมื่นแมกไม้หัวใจเยือกแข็ง            ไม่คิดอยากจะฝึกเช่นกัน แต่ท่านแม่ก็ใช้เคล็ดวิชาเดียวกันนี้สั่งสอนให้ข้ามองโลกแห่งความเป็นจริง ทำให้ข้าพัฒนาความสามารถจนมายืนอยู่ ณ จุดๆ นี้ได้…แม้ว่าข้าจะฝึกวิชามารนี้ไม่สำเร็จก็ตาม ไม่อยากจะสาธยายความลำบากยากแค้นเมื่อตอนที่ข้าดิ้นรนจะฝึกฝนเคล็ดวิชานี้ ในที่สุดข้าก็จะได้เห็นใครคนอื่นดิ้นรนเช่นข้าเสียบ้าง เจ้านั่นไม่มีทางฝึกฝนเคล็ดวิชานี้ได้สำเร็จแน่นอน!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!