บทที่ 32 ล้างบาง
หวังเป่าเล่อก้าวไปยืนตรงหน้าอดีตศิษย์ฝ่ายวินัยที่กำลังพุ่งเข้ามา กดมือที่ยื่น เข้าใส่ลงอย่างกะทันหัน แล้วใช้กระบวนท่าบิดหมุนบิดข้อต่ออีกฝ่าย เหยื่อรายนั้น ร้องอย่างเจ็บปวดเมื่อข้อมือหักเสียงดัง
“จู่โจมหัวหน้าศิษย์ เพิ่มความผิดอีกหนึ่งข้อหา!”
หวังเป่าเล่อไม่หยุดเพียงเท่านั้น เขาก้าวไปข้างหน้าอีกก้าวหนึ่งแล้วยกเท้าขึ้น เตะเข่าของอีกคน เสียงหักแบบเดียวกันดังอยู่กับเสียงร้องโหยหวน คนๆ นั้นร้อง จากความเจ็บร้าวพลางกอดเข่าตัวเองไว้ ไม่อาจลุกขึ้นได้อีก
“ก่อกวนให้เกิดความวุ่นวายให้สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เพิ่มเป็นอีกหนึ่งข้อหา!”
อาจฟังดูเหมือนทุกอย่างเกิดขึ้นทีละขั้น แต่อันที่จริงแล้ว บรรดาศิษย์ฝ่ายวินัยที่ทำตัวใจร้อนต่างโดนความเจ็บปวดสุดแสนเรียกสติ เมื่อเจอกับทักษะการต่อสู้ของ หวังเป่าเล่อ พวกเขาล้มลงกับพื้น ร้องระงม
ตอนนั้นเอง เจียงหลินพุ่งเข้าไปพร้อมเสียงกู่ร้องเกรี้ยวกราด เขาไปถึงตรงหน้าหวังเป่าเล่อ ในมือถือวัตถุเวทมาด้วย วัตถุเวทนั้นถือว่าเป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อสานุศิษย์ ทุกคน แม้แต่ศิษย์รุ่นโตๆ ก็ยังต้องเก็บหอมรอมริบเป็นปีกว่าจะซื้อวัตถุเวทสักชิ้นได้
วัตถุเวทของเจียงหลินคือ ดาบไม้ ดาบเล่มนั้นเปล่งรัศมีปราณวิญญาณ ตวัดพุ่งใส่หวังเป่าเล่อ แต่ดูก็รู้ว่าเจียงหลินยังควบคุมมันได้ไม่สมบูรณ์นัก ดวงตาหวังเป่าเล่อ ทอประกายวาบ ร่างเขาถ่อนร่นอย่างว่องไวทันท่วงที หลังจากหลบดาบไม้ได้ ชายหนุ่มเข้าไปใกล้ ใช้มือขวาจับนิ้วเจียงหลินไว้อย่างง่ายดาย แล้วหักนิ้วของอีกฝ่ายอย่างไร้ความปรานี
“สำหรับอดีตหัวหน้าศิษย์ เจ้าเพิกเฉยไม่ทำหน้าที่ ทำให้ฝ่ายวินัยสำนักเสื่อมเสีย ความผิดของเจ้านั้นเกินกว่าจะมองข้ามไป!”
ขณะที่หวังเป่าเล่อพูด เจียงหลินผู้ยังกรีดร้องทุรนทุรายพยายามลุกขึ้น แต่ในด้านประสบการณ์วิทยายุทธ์ ตัวเขาอ่อนด้อยนักเมื่อเทียบกับหวังเป่าเล่อที่ผ่านการต่อสู้นับร้อยมาจากชมรมการต่อสู้ หวังเป่าเล่อชิงเตะเข้าที่เป้าเจียงหลิน ก่อนเจ้าตัวจะทันได้สงบสติอารมณ์คิดทำอะไรอื่น เสียงร้องของเจียงหลินเปลี่ยนทันใด ตัวเขาลอย ละลิ่ว!
เนื่องจากหวังเป่าเล่อยังเกรงว่าอาจทำเจียงหลินถึงตาย จึงออมแรงไว้ เพราะหากเขาใช้พลังทั้งหมดรวมเข้ากับปราณขั้นผนึกกายาอันสมบูรณ์แบบแล้ว การเตะเข้าที่จุดอ่อนไหวเช่นนั้นมีโอกาสฆ่าเจียงหลินเอาได้
ทุกคนรอบตัวได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาสูดลมเสียงดัง ตะลึงงันกับการโจมตีของหวังเป่าเล่อ และพากันรู้สึกเหมือนว่าเพิ่งได้เห็นฤทธิ์เดชที่แท้จริงของชายหนุ่มเป็นครั้งแรก
พวกที่ถูกเขาจัดการตีโพยตีพายกันอย่างน่าเวทนา ไม่นิ้วร้าวก็ข้อมือหักต่างกันไป สภาพเจียงหลินเห็นได้ชัดกว่าใคร หน้าเขาเกือบจะเป็นเฉดม่วง มือกุมเป้าตัวเอง ไม่มีกระทั่งเสียงสักแอะลอดออกมาจากปากที่อ้าอยู่
เหล่าอาจารย์เหาะเหินเดินอากาศมาถึงพอดี ครั้นได้เห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้น ทุกคนต่างตกตะลึง แต่ไม่มีใครพยายามหยุดหวังเป่าเล่อเลยสักคน
ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะหวังเป่าเล่อประกาศเหตุผลก่อนลงมือในแต่ละกระบวนท่า ยิ่งไปกว่านั้น เขาเป็นหัวหน้าศิษย์คนใหม่ มีอำนาจเหนือฝ่ายวินัยสำนักของ ห้องโถงศิลาวิญญาณ ดังนั้นจึงถือเป็นเรื่องปกติที่เขาจะจัดการผู้ใต้บังคับบัญชา และขับไล่ใครก็ตามที่ไม่น่าพึงประสงค์ออก
ครั้งสยบเจียงหลินและศิษย์ฝ่ายวินัยที่ออกนอกลู่นอกทางได้อย่างหมดจด หวังเป่าเล่อมองไปยังศิษย์ฝ่ายวินัยที่ไม่ได้เข้าร่วมโจมตีเขา
“ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าชดใช้ความผิด มัวชักช้าอะไรกันอยู่อีก เอาตัวศิษย์ที่ละเมิดกฎกลับไปยังฝ่ายวินัยสำนักเสียสิ!”
พอเขาสั่งออกไป เหล่าอดีตศิษย์ฝ่ายวินัยรีบตอบรับภายใต้ความหวาดกลัว ไม่สนกระทั่งว่าพวกที่นอนโอดโอยบนพื้นเคยเป็นคู่หูกันมาก่อน พวกเขาต่างรีบปราดเอาตัวคนทั้งหลายไป แม้แต่คนที่บาดเจ็บยังกระเสือกกระสนจะลุกขึ้นเพื่อแสดงออกว่ายอมจำนนแล้ว
หวังเป่าเล่อคลี่คลายปัญหาได้รวดเร็วดั่งสายฟ้า เขาได้ทำความเข้าใจอำนาจและระดับของหัวหน้าศิษย์ถึงเบื้องลึก เกิดเป็นความรู้สึกตื่นเต้นระริกระรี้
เป้าหมายที่เขาวางแผนมานานกว่าครึ่งปีสำเร็จแล้ว วันนี้ท้องฟ้าสลัวยามพลบค่ำงดงามกว่าวันไหน ผนวกกับศิษย์จำนวนมากมาเป็นพยานรับรู้การเลื่อนขั้นของเขาแล้ว ทุกอย่างยิ่งวิเศษขึ้นไปอีก
เขาสูดลมหายใจเข้าพลางยิ้ม แล้วหันมองผู้คนและพวกอาจารย์ ก่อนจะกุมหมัด โค้งศีรษะลงต่ำ
“หวังว่านับจากนี้ไป เพื่อนศิษย์และอาจารย์จะให้ความกรุณาแก่ข้าด้วย!”
การโค้งให้ครั้งนี้ทำให้บรรดาศิษย์ที่ยังอึ้งกันสำรวมท่าที พวกเขาโค้งศีรษะกลับไปยังหวังเป่าเล่อ พลางชำเลืองมองเขาด้วยความหวาดกลัวและยำเกรง
ทางด้านคณาจารย์ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกับพวกลูกศิษย์ แต่ก็พวกเขาก็ไม่เห็นหวังเป่าเล่อเป็นศิษย์ธรรมดาอีกต่อไปแล้ว แต่ละคนพยักหน้า ความประทับใจต่อหวังเป่าเล่อยิ่งเพิ่มมากขึ้น
จะอย่างไร เขาก็กลายเป็นหัวหน้าศิษย์ ซึ่งไม่ใช่สถานะที่สำนักศึกษาเต๋าหยิบยื่นให้ใคร หัวหน้าศิษย์ทุกคนต่างคว้าตำแหน่งของพวกเขามาได้เองผ่านการทำงานหนัก ภายในสำนักศึกษาเต๋าจึงไม่มีใครทัดทานอำนาจมากล้นของตำแหน่งนี้ เพราะถือว่ามาจากคุณภาพจริงแท้ของตัวบุคคลนั้น
ยิ่งพอพวกเขาฉุกคิดได้ว่าหวังเป่าเล่อเพิ่งมาเรียนที่สำนักศึกษาเต๋าได้ไม่ถึงปี…เพียงเวลาไม่ถึงปี เขาได้ขึ้นเป็นหัวหน้าศิษย์ตั้งแต่อยู่ปีแรก ชำระศิลาวิญญาณรุ้งสำเร็จ เพียงเท่านั้นก็ชัดเจนแล้วว่าเขายอดเยี่ยมขนาดไหน!
โค้งให้เหล่าศิษย์รอบด้านเสร็จ หวังเป่าเล่อก็ยืนหลังตรง รู้สึกพึงพอใจกับตัวเองอย่างยิ่งยวด เขาค่อยๆ หายใจเข้าแล้วเดินไปยังทางเดินเส้นเล็กที่เชื่อมสู่ห้องโถง ศิลาวิญญาณ
ดวงตานับไม่ถ้วนจับจ้องมองตาม แม้แต่เจ้าเต๋าน้อยยังนิ่งค้าง ใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะตั้งสติได้ ก่อนจะรีบกระซิบขอกระสวยอวกาศเป็นของขวัญทางช่องถ่ายทอดสดของเขา
“พวกเรา ข้ากำลังแอบตามถ่ายหวังเป่าเล่อ หน้าเขาใหญ่จนหน้าจอของข้าจับภาพ ได้ไม่หมด เขาอันตรายมาก และข้าต้องการกระสวยอวกาศไว้ปกป้องตัวเอง ช่วยหน่อยเถอะ ส่งกระสวยมาให้ข้ากันที!”
พอคำพูดออกจากปากไป เขาก็ต้องสะดุ้งกับแรงกดดันน่าฉงนที่โถมลงมา เมื่อหันไป ตาเขาพลันเบิกกว้าง หวังเป่าเล่อซึ่งมุ่งหน้าไปยังทางเดินกลับมาปรากฏตัวข้างเขาเสียนี่
“หัว…หัวหน้าศิษย์…” เจ้าเต๋าน้อยหายใจสั้นระรัว เปิดปากหมายจะพูดอะไรเพิ่มเติม หวังเป่าเล่อก็โน้มหน้าเข้าใกล้ กวาดมองยังเครื่องบันทึกภาพ
“นี่ ยังไม่รู้อีกหรือว่าถ่ายทอดสดที่ถูกต้องเขาทำกันอย่างไร” หวังเป่าเล่อมีสีหน้าไม่พอใจ แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้แย่งเครื่องบันทึกภาพไป เพียงแต่ไอแห้งๆ แล้วตะโกนใส่อุปกรณ์
“พวกเรา ตอนนั้นเจ้าเต๋าน้อยได้ไปที่ห้องหินละลายหรือเปล่า ถ้าเขาไม่ได้ไป ขอให้บอกข้า ข้าจะพาเขาไปส่งที่นั่นด้วยตัวเองเลยทีเดียว ข้าจะไม่ปล่อยให้ กระสวยอวกาศของพวกเจ้าต้องสูญเปล่าแน่นอน!” ก่อนหวังเป่าเล่อจะพูดจบ ยอดผู้ชมพุ่งทะยาน หน้าจอเต็มไปด้วยข้อความ
เจ้าเต๋าน้อยหยุดหายใจเมื่อเห็นข้อความฟ้องว่าเขาไม่ได้เข้าห้องหินละลาย เต็มหน้าจอ กว่าพวกผู้ชมจะยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้เมื่อตอนนั้นนับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด มาตอนนี้ หวังเป่าเล่อนำเรื่องนี้กลับมาเป็นประเด็นอีก เขารู้สึกจวนเจียน จะเป็นลม
หวังเป่าเล่อนึกเยาะในใจ เขาหูดี จึงได้ยินเจ้าเต๋าน้อยพูดถึงว่าหน้าเขาใหญ่ขนาดไหน เห็นได้ชัดว่าเขาจะไม่ปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป เมื่อพอใจแล้ว หวังเป่าเล่อเดินจากไป อย่างเป็นสุข สองมือไพล่หลังพลางฮัมเพลง
ไม่นานหลังจากหวังเป่าเล่อไปแล้ว นอกจากคนถกเถียงกันในช่องถ่ายทอดสด จะพุ่งพรวด รอบห้องโถงศิลาวิญญาณก็เต็มไปด้วยเสียงอึกทึก เจ้าเต๋าน้อยถูกทิ้งไว้เพียงลำพัง หมดอาลัยจนร้องไห้ไม่ออก รู้สึกเหมือนว่าหวังเป่าเล่อคือ ศัตรูคู่อาฆาตสำหรับงานถ่ายทอดสดของเขา
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ณ เรือนพักอาศัยของหัวหน้าศิษย์ของห้องโถงแก่นวิญญาณประจำสาขาอาวุธเวท ชายหนุ่มวัยรุ่นสองคนยืนอยู่ในเรือนชั้นบน ทอดสายตามองไกลออกไปยังห้องโถงศิลาวิญญาณ
ทั้งสองคือ หัวหน้าศิษย์อีกสองจากสามของสาขาอาวุธเวท หัวหน้าศิษย์ของโถงอักขราจารึกกับโถงแก่นวิญญาณ!
หัวหน้าศิษย์โถงแก่นวิญญาณนั้นหล่อเหลา มีรัศมีแบบชนชั้นสูงแผ่ออกมาจากตัว เขามาจากตระกูลร่ำรวย อากัปกิริยาดังกล่าวมาจากการฝึกอบรมและลักษณะนิสัยส่วนตัวตั้งแต่ยังเป็นเด็ก
เมื่อเทียบกับสีหน้ามืดมนของหัวหน้าศิษย์โถงอักขราจารึกผู้ยืนอยู่ด้านหลัง เขาดูสงบนิ่งนัก เสียงฆ้องทำได้แค่ดึงประกายให้ปรากฏแวบในดวงตาเท่านั้นเอง
ในตอนนั้น หัวหน้าศิษย์โถงอักขราจารึกที่ยืนด้านหลังคนหนุ่มท่าทางร่ำรวยอีกคนก้มมองแหวนสื่อสาร แล้วเอ่ยขึ้นมาช้าๆ “พี่หลิน เจียงหลินถูกจับ”
เด็กหนุ่มมาดคุณชายประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยิน หลังจากเลียบเคียงถาม เขาก็ได้ทราบเหตุผลและไม่อาจทำอะไรได้นอกจากขบขัน
“เจียงหลินน่ะโง่เง่า ทำอะไรลงไปเอง พอถูกจับแบบนั้นก็โทษได้แต่ตัวเขาเอง แต่หวังเป่าเล่อนี่สิ ท่าทางจะเป็นคนน่าสนใจ!”
“พี่หลิน หวังเป่าเล่อคนนี้น่าจะต่างจากพวกเรา เจียงหลินเสียตำแหน่งหัวหน้าศิษย์ ไปแบบนี้ เราจะควบคุมสาขาวิชาอาวุธเวทกันลำบาก” หัวหน้าศิษย์โถงอักขราจารึกกล่าวด้วยเสียงลุ่มลึก คิ้วย่นเข้าหากัน
ได้ยินเช่นนั้น คุณชายหนุ่มก็ยิ้ม เขารักษาท่าทีไว้อย่างดีขณะวางมือแตะไหล่หัวหน้าศิษย์โถงอักขราจารึก
“พี่เฉา อย่าเพิ่งรีบร้อนเลย ลองให้หวังเป่าเล่อได้ลำพองสักวันสองวันไปก่อนเถอะ ข้าได้ยินว่าสำนักจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกี่ยวกับหัวหน้าศิษย์ในอีกไม่ช้า” รอยยิ้มของคุณชายฟ้องเป็นนัยว่ามีอะไรอยู่มากกว่านั้น ขณะพูด เขาก็หันไปมองที่พักของหัวหน้าศิษย์โถงศิลาวิญญาณ แววเดียดฉันท์ฉายแวบในแววตา
หัวหน้าศิษย์โถงอักขราจารึกถอนหายใจโล่งอกเมื่อได้ยินเด็กหนุ่มมาดคุณชายกล่าวเช่นนั้น ยามเขานึกถึงภูมิหลังของคนตรงหน้า เขาก็โล่งอก แม้ว่าทั้งสองจะยืนอยู่ด้วยกัน แต่หากมองให้ดีจะสังเกตเห็นได้ว่าเขาอยู่เยื้องไปด้านหลังครึ่งก้าว บ่งบอกชัดว่าฝ่ายเด็กหนุ่มมาดคุณชายเป็นหัวหน้า
อันที่จริงแล้ว ในหัวหน้าศิษย์สามคนของสาขาอาวุธเวท หัวหน้าศิษย์จากโถง แก่นวิญญาณมีอำนาจมากที่สุด นอกจากสถานะของเขาในฐานะหัวหน้าศิษย์แล้ว ภูมิหลังของเขายังน่าครั่นคร้ามเสียยิ่งกว่า
หัวหน้าศิษย์โถงอักขราจารึกได้แต่คาดเดาความเป็นมาของคุณชายหนุ่ม เขาไม่ได้รู้ลึกถึงอะไรนัก แต่ได้เห็นกับตาตัวเองว่ารองเจ้าสำนักจากเกาะมหาปราชญ์ชั้นรองสุภาพกับหัวหน้าศิษย์โถงแก่นวิญญาณอย่างมาก ถึงขั้นยินดีช่วยเหลือจัดการกิจ บางเรื่องให้ อาทิ ช่วยจัดแจงให้คุณชายผู้นี้ได้รับเสนอชื่อเป็นศิษย์คัดเลือกพิเศษของสาขาอาวุธเวทแห่งนี้
แม้ว่ารองเจ้าสำนักจะทำไม่สำเร็จ แต่ก็ไม่ใช่ความผิดของเขาแต่อย่างใด หากเป็นเพราะตัวแปรเหนือความคาดหมาย ซึ่งก็คือหวังเป่าเล่อต่างหาก
หวังเป่าเล่อ! หัวหน้าศิษย์โถงอักขราจารึกฉีกยิ้ม หลังจากคลายกังวลลง เขาเลยลองมองมุมใหม่ ต่อให้หวังเป่าเล่อมีดีอย่างไร เขาก็ต้องรู้จักก้มหัวให้เป็นในสาขา อาวุธเวทแห่งนี้!