Skip to content

A World Worth Protecting 346

บทที่ 346 เขตแดนใหม่ปรากฏ

เจ้าลาไม่กลับมาบ้านเลยตลอดคืน…

แต่หวังเป่าเล่อก็ไม่ได้ร้อนใจเท่าใดนัก แม้สัมผัสเชื่อมต่อจะระบุตำแหน่งของ    เจ้าลาไม่ได้ เขาก็รู้ดีว่ามันยังมีชีวิตอยู่ ชายหนุ่มฝึกปราณรอ ตั้งใจจะรอมันสามวัน หากถึงตอนนั้นเจ้าลายังไม่กลับมา หวังเป่าเล่อจะส่งคำสั่งออกไปผนึกปากมันเสีย

เหมือนว่าเจ้าลาจะรู้สึกได้ถึงอันตรายที่กำลังรอมันอยู่ สามวันต่อมาตอนกลางดึก มันจึงแอบย่องกลับมาอย่างเงียบเชียบ ปากคาบโอสถขวดหนึ่งไว้ด้วย ทันทีที่มันก้าวพ้นประตูเข้ามา เจ้าลาก็วางขวดโอสถลงและเตะส่งไปทางหวังเป่าเล่อ สีหน้าของมันดูประหนึ่งเด็กน้อยนอบน้อมที่กำลังประจบเอาใจบิดามารดาฉะนั้น

แต่ของกำนัลของมันก็เปล่าประโยชน์…ทันทีที่หวังเป่าเล่อลืมตาขึ้น เขาก็เอื้อมมือไปคว้าคอเจ้าลาเอาไว้ก่อนจะเริ่มทุบตีมันอย่างแรง มันส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มเตะเจ้าลาเข้าไปทีสุดท้ายอย่างโกรธเคือง

“เจ้านี่ไม่โดนตีสามวันทำมาเป็นร้องครวญครางหรือ เจ้าโง่หรือเปล่า ไม่รู้หรืออย่างไรว่าควรจะปิดปากพยานหลังจากที่เจ้าเสร็จกิจแล้ว เจ้าลาโง่ รู้จักปกป้องตัวเองเสียบ้างเถอะ!”

หวังเป่าเล่อจ้องเจ้าลาเขม็งราวกับครูอาจารย์จ้องมองลูกศิษย์หัวดื้อก่อนจะเตะเข้าให้อีกที แต่คราวนี้เจ้าลาไม่ได้ร้องออกมา แววตาของมันเหมือนกำลังครุ่นคิด ก่อนที่สีหน้าของมันจะเปลี่ยนเป็นจริงจัง ดูเหมือนมันจะคิดว่าสิ่งที่หวังเป่าเล่อพูดนั้นถูกต้อง ก่อนจะหันไปยังทิศทางที่ฐานที่มั่นของกองทัพตั้งอยู่ด้วยแววตาดุร้าย และ  พ่นลมออกมาทางจมูกสองสามครั้ง

หวังเป่าเล่อไม่ได้ใส่ใจอากัปกิริยาของเจ้าลาเลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มด่ามันไปอีกยกใหญ่ก่อนจะหยิบขวดโอสถขึ้นมาเปิดดู เขาไม่รู้เลยว่าขวดนั้นใส่โอสถใดมา         แต่กลิ่นของโอสถไม่เลวทีเดียว เจ้าลาต้องไปพบขวดโอสถนี้จากที่ใดสักแห่งเป็นแน่ หวังเป่าเล่อพ่นลมหายใจออกมาทางจมูก เก็บขวดโอสถก่อนหันไปตะโกนใส่มัน       อีกครั้ง

“ถึงเจ้าจะเป็นลา ก็หัดทำตัวให้มันฉลาดเสียบ้างเถอะ หากเจ้าก่อเรื่องอีก     คราวหน้าข้าจะต้มเจ้ากินเสีย!”

หวังเป่าเล่อยักไหล่ก่อนจะรู้สึกว่าโทสะค่อยๆ สลายไปจากใจ ชายหนุ่มตัดสินใจกลับไปนั่งสมาธิต่อ เจ้าลานั้นแม้ว่าจะร้องครวญครางราวกับหมูอยู่เมื่อครู่แต่มันก็ยังเป็นอสูร ระดับการฝึกตนของมันก็รุดหน้าแถมร่างกายยังแข็งแรงขึ้นมาก เสียงร้องของมันเมื่อครู่ส่วนมากเป็นการเสแสร้งแกล้งทำเท่านั้น

เมื่อเห็นว่าหวังเป่าเล่อเมินไปเสียแล้ว เจ้าลาก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนอย่างมั่นคง ร่างกายของมันไร้ซึ่งร่องรอยบาดแผลจากการถูกทุบตี ดูราวกับว่ามันเคยชินเสียแล้วกับการประทุษร้ายเช่นนี้และไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด นัยน์ตาของเจ้าลามีความมุ่งมั่นฉายอยู่ มันจ้องมองไปทางตำแหน่งของฐานที่มั่นกองทัพอีกครั้ง ราวกับว่ากำลังใคร่ครวญแผนการปิดปากผู้ที่เกี่ยวข้อง…

จริงอยู่ที่ว่าความคิดนี้ค่อนข้างเรียบง่ายและตรงไปตรงมา แต่การจะลงมือจริงนั้นไม่ได้ง่ายเช่นความคิด แม้ว่าเจ้าลาจะเบาปัญญาไปบ้าง แต่สัญชาตญาณการเอา      ตัวรอดของมันยังดีอยู่ มันรู้ดีว่าหากลงมือทำตามแผนจริงๆ มันจะต้องพบเจออันตรายและต้องวิ่งหนีสุดชีวิตอีกอย่างแน่นอน เมื่อคิดได้ดังนั้นเจ้าลาจึงถอนหายใจยาวตัดสินใจล้มเลิกแผนการ แต่ก็ยังเก็บความคิดเรื่องการปิดปากผู้ที่เกี่ยวข้องเอาไว้ในใจ

ตอนนั้นเอง มันแอบลอบมองไปทางหวังเป่าเล่อครั้งหนึ่ง ความรู้สึกหนึ่งฉายชัดอยู่ในแววตาของมัน ความรู้สึกนั้นคือ…ความชื่นชม!

เจ้าลาคิดว่าเจ้านายของมันช่างเป็นบุคคลที่ล้ำเลิศ เจ้านายสอนหลักการสำคัญหลากหลายให้มัน แถมหลักการเหล่านั้นยังเป็นความจริงเสียด้วย เขาเป็นคนบอกมันให้เอาคืน เจ้าลาจึงเอาคืน ทุกวันนี้เมื่อใดก็ตามที่ลาขาวเห็นเจ้าลา มันจะตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว

เมื่อคิดได้เช่นนั้นเจ้าลาก็รู้สึกพึงใจกับตนเองเป็นอย่างยิ่ง ค่ำคืนนั้นล่วงเลยไป   เจ้าลายังคงลอบมองเจ้านายของมันอยู่เป็นพักๆ…

ภายในพริบตาเดียวเวลาก็ผ่านไปครึ่งเดือน ตลอดเวลาที่ผ่านมาเจ้าลาเชื่องขึ้นอย่างมาก มันยังคงออกจากที่พักแต่เช้าตรู่และกลับมาในเวลาย่ำค่ำ แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ไปที่ฐานที่มั่นของกองทัพอีกแล้ว หวังเป่าเล่อนั้นก็ยุ่งเสียจนไม่มีเวลาดูแล  สัตว์เลี้ยง ชายหนุ่มง่วนอยู่กับการหลอมหุ่นเชิดก่อสร้าง เขาได้ต้นแบบหุ่นเชิดที่สมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว สิ่งที่กินเวลาเขาในตอนนี้คือการผลิตพวกมันเป็นจำนวนมากและการปรับแต่ง

หวังเป่าเล่อยังคงติดตามข่าวสารเกี่ยวกับเขตนครใหม่อีกด้วย จากข่าวสารที่ได้รับผ่านหลายช่องทางชายหนุ่มจึงเริ่มเข้าใจภาพรวมของสถานการณ์ เขายิ่งตื่นเต้นกว่าเดิมและเริ่มคิดวางแผนการเพื่อเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ

หวังเป่าเล่อไม่มีเวลาดูดำดูดีเจ้าลาแม้แต่น้อย มันวิ่งพล่านไปทั่วและหาของกินเอง ประหยัดค่าขนมที่หวังเป่าเล่อต้องซื้อไปมากโขทีเดียว

ในช่วงสองสัปดาห์นี้ข่าวคราวการสร้างเขตนครใหม่บนดาวอังคารกระจายออกไปอย่างเชื่องช้าในหมู่ผู้คนวงใน ไม่นานนักขั้วอำนาจการเมืองต่างๆ ในสหพันธรัฐก็เริ่มหันมาให้ความสนใจ ก่อนจะเตรียมการแข่งขันกันทันที ในที่สุดทุกอย่างก็สรุปออกมา และไม่นานจากนั้นรัฐบาลแห่งดาวอังคารก็ออกแถลงการณ์!

พวกเขากำลังจะสร้างเขตนครใหม่ขึ้นบนดาวอังคาร!

เขตนครใหม่แห่งนี้จะถูกสร้างขึ้น ณ สถานที่ที่กำหนดในดินแดนรกร้างว่างเปล่า และอาจมีขนาดใหญ่กว่าเขตนครอื่นๆ ในนครอาณานิคมดาวอังคารปัจจุบัน         แผนเบื้องต้นระบุว่าเขตนครใหม่จะมีขนาดเท่ากับร้อยละสิบของพื้นที่นครในปัจจุบันเลยทีเดียว!

แน่นอนว่าแผนนี้เป็นโครงการขนาดมหึมา เขตนครใหม่เองก็ต้องการฝ่ายบริหารของตนเองตามโครงสร้างของสหพันธรัฐ และผู้ที่จะมาบริหารเขตนครใหม่นี้ก็จะได้รับปูนบำเหน็จเป็นขุนนางระดับสี่ชั้นสูงอีกด้วย!

ไม่ว่าใครก็ตามที่มาบริหารเขตนครใหม่ จะได้รับยศขุนนางระดับสี่ชั้นสูงทันที!

บรรดาศักดิ์ขุนนางระดับสี่ชั้นสูงนั้นเทียบเท่ากับระดับของผู้อาวุโสชั้นสูง          ในตำหนักต่างๆ ของสี่สุดยอดสำนักศึกษาเต๋า ผู้ที่ดำรงตำแหน่งนี้ส่วนมากมักเป็น      ผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นใน แม้จะมีผู้ที่อยู่ในขั้นรากฐานตั้งมั่นอยู่บ้างก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และผู้ดำรงตำแหน่งนี้ทุกคนมีอิทธิพลทางการเมืองอย่างมาก

หากจะว่ากันตามเวลาการเลื่อนขั้นปกติ หวังเป่าเล่อรู้ดีว่าคงต้องใช้เวลาสักหน่อยกว่าเขาจะได้เป็นขุนนางระดับสี่ชั้นสูง แม้ว่าเขาจะทำคุณงามความดีใหญ่หลวงเพียงใดก็ตาม แถมระดับการฝึกตนของชายหนุ่มก็ต้องรุดหน้าไปกว่านี้ระดับหนึ่ง

อย่างไรก็ดี…การสร้างเขตนครใหม่นี้เป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ หากเขาได้รับการหนุนหลังให้เข้ารับตำแหน่งนี้บรรดาศักดิ์ของเขาก็จะรุดหน้าอย่างก้าวกระโดด ไม่เพียงได้เป็นขุนนางระดับสี่ชั้นสูงเท่านั้น ชายหนุ่มยังได้ปกครองเขตนครทั้งเขต เมื่อหวังเป่าเล่อคิดถึงอำนาจที่เขาจะมีหากไปถึงจุดนั้น นัยน์ตาก็ลุกวาวด้วยความทะเยอทะยาน

ในช่วงที่ผ่านมานี้ หวังเป่าเล่อได้หาข้อมูลเตรียมไว้พอสมควร ชายหนุ่มปะปิดปะต่อเรื่องราวจนพอจะเข้าใจอยู่เลาๆ ว่าแผนการใหญ่เกี่ยวกับเขตนครใหม่นี้คือสิ่งใด      แถมยังได้รู้ว่าเขตนครใหม่นั้นเป็นกุญแจสู่ความต่อเนื่องของโครงการขุดหาอาวุธเทพ ผู้ที่จะควบคุมเขตนครใหม่ย่อมกุมความได้เปรียบเหนือคนอื่นๆ ในการขุดหาอาวุธเทพในอนาคตเป็นแน่!

ไม่ว่าฝ่ายการเมืองใดก็ไม่อาจปล่อยให้อำนาจอันยั่วยวนใจนี้หลุดมือไปได้ ทุกคนต่างห้ำหั่นกันอย่างดุดันพลางจ้องมองชิ้นปลามันด้วยสายตาแวววาว แม้หวังเป่าเล่อจะไม่เห็นการต่อสู้นี้ด้วยตาตนเองแต่ก็พอจินตนาการได้ว่ามันจะดุเดือดสักเพียงใด

อย่างไรเสีย…อาวุธเทพชิ้นนี้ก็เป็นชิ้นที่สองเท่านั้นที่ปรากฎขึ้นในประวัติศาสตร์ของสหพันธรัฐ และไม่ว่าฝ่ายการเมืองใดก็ย่อมต้องการครอบครองมัน คงเป็นการยากสำหรับสหพันธรัฐที่จะยึดอาวุธเทพเอาไว้ในครอบครองแต่เพียงผู้เดียว หากเรื่องนี้ไม่ได้มีการจัดการอย่างเรียบร้อย อาจเป็นชนวนให้เกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ก็เป็นได้    เป็นเหตุว่าทำไมจึงกำเนิดแผนการสร้างเขตนครใหม่นี้ขึ้น ทางหนึ่งมันตอบสนองความต้องการในการขยับขยายอาณานิคมดาวอังคารในอนาคต และในทางหนึ่งแผนนี้เปิดโอกาสให้บรรดาขั้วอำนาจในสหพันธรัฐได้ต่อสู้กันอย่างถึงพริกถึงขิงภายใต้กฎกติกา!

ประกาศฉบับนั้นมาพร้อมกติกาการคัดเลือกเพื่อตัดสินว่าใครจะได้เป็นนายกเทศมนตรีของเขตนครใหม่

ตัวแทนสิบคนจะได้รับเลือกจากผู้สมัครที่ผ่านเกณฑ์จำนวนเท่าใดก็ตามแต่     และจะต้องมาทดสอบกันเพื่อหาผู้ชนะ

เพื่อรับประกันความโปร่งใส จะมีการถ่ายทอดสดการทดสอบไปทั่วสหพันธรัฐ ทุกๆ คนจะได้เป็นพยานในการสอบครั้งนี้ สถานที่สอบคือทุ่งกว้างที่ที่เขตนครใหม่จะถูกสร้างขึ้นนั่นเอง

มีการตั้งอาณาเขตทั้งสิบรายล้อมสุสานอาวุธเทพใต้ดินเอาไว้ ตัวแทนทุกคนสามารถพาคนมาด้วยได้หนึ่งหมื่นคน ผู้ติดตามเหล่านี้ต้องมีระดับการฝึกปราณต่ำกว่าตัวแทน ทุกคนจะพักแรมกันอยู่ในเขตของตนและสร้างแบบจำลองของเมืองตาม  พิมพ์เขียวของตน จากนั้นจึงจะวัดผลการทดสอบด้วยการรบ!

ตอนที่กลุ่มนักรบผู้แข็งแกร่งจากสหพันธรัฐไปสำรวจสุสานอาวุธเทพใต้ดินเมื่อคราวก่อนก็พบว่ามีอสูรมากมายที่กลายพันธุ์เพราะพลังที่ได้รับจากอาวุธเทพ

ด้วยเหตุผลบางประการ พวกเขาไม่สามารถนำอาวุธเทพออกมาได้ทันทีจึงต้องปิดผนึกสุสานใต้ดินเอาไว้ ในการทดสอบนี้ ผนึกบางส่วนจะถูกปลด เพื่อให้อสูรที่อยู่ด้านในออกมาได้

กติกาการทดสอบคือต้องต่อสู้ป้องกันตนเองจากเหล่าอสูรที่หลั่งไหลออกมาจากสุสานใต้ดินให้ได้ แบบจำลองเขตนครของตัวแทนคนใดคงอยู่เป็นคนสุดท้ายหลังเหตุอสูรหลั่งไหลจะเป็นผู้ชนะและได้รับตำแหน่งนายกเทศมนตรีของเขตนครใหม่

จุดประสงค์ของการทดสอบนี้ก็เพื่อให้แน่ใจว่านายกเทศมนตรีคนใหม่ที่ได้รับเลือกเป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุด และยังต้องมีความสามารถพอที่จะรับผิดชอบการค้นหาอาวุธเทพครั้งต่อๆ ไปในอนาคต คนผู้นั้นต้องมีความสามารถทั้งในด้านการวางผังเมืองและการปกป้องเมืองจากภยันตราย

รอบแรกของการทดสอบคือ การคัดเลือกตัวแทนทั้งสิบ ผู้สมัครทุกคนต้องส่งแผนเริ่มต้นพร้อมรายละเอียดว่าจะสร้างเขตนครอย่างไร ทั้งอธิบายลายะเอียดและภาพวาดประกอบ จากนั้นเจ้านครและกรรมการคนอื่นๆ จะตัดสินแผนทุกฉบับและเลือกเอาสิบฉบับที่ยอดเยี่ยมที่สุดออกมา ผู้ที่ออกแบบทั้งสิบคนจะได้เข้าสู่รอบสุดท้าย

การทดสอบนี้ตัดสินทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ แม้ดูเผินๆ เหมือนเป็นการทดสอบที่ยุติธรรม แต่กลับมีช่องโหว่อยู่มาก ตัวแทนแต่ละคนมีขั้วการเมืองหนุนหลังและ    ทุกคนก็มีผู้ช่วยถึงหนึ่งหมื่นคน ฝ่ายการเมืองทุกฝ่ายต่างก็ทุ่มเททรัพยากรทั้งหมดเพื่อช่วยเหลือตัวแทนของตน

แต่นี่ก็เป็นรูปแบบการทดสอบที่ดีที่สุดที่พวกเขาจะคิดได้ อย่างไรเสียทุกคนก็ต่างจับจ้องอาวุธเทพตาเป็นมัน เงื่อนไขที่ว่าให้ตัวแทนพาผู้ช่วยมาได้หนึ่งหมื่นคนนั้นเป็นสิ่งที่บรรดาขั้วการเมืองต่างๆ เห็นตรงกัน

สิ่งนี้ถือเป็นผลดีต่อเจ้านครอาณานิคมแห่งดาวอังคาร เพราะขั้วการเมืองจากภายนอกต่างพากันให้ความช่วยเหลือในการขยับขยายอาณานิคมดาวอังคาร

นางรู้ดีว่าการแข่งขันจะต้องสูงยิ่ง แต่อย่างไรเสียอาวุธเทพก็อยู่บนดาวอังคาร และตัวนางเองก็เป็นเจ้านครของดาวดวงนี้ ไม่ว่าใครจะชนะการแข่งขันก็ต้องปฏิบัติตามกฎของนางและเกรงใจนางอยู่บ้าง

นางไม่ได้มีธงเป็นพิเศษว่านายกเทศมนตรีคนใหม่จะต้องเป็นคนของขั้วการเมืองใด นางมีเงื่อนไขเพียงข้อเดียว นั่นคือ… ผู้สมัครต้องประจำการอยู่บนดาวอังคารก่อนที่  จะมีการสมัคร

ผู้ฝึกตนหลายคนในนครอาณานิคมดาวอังคารรวมทั้งหวังเป่าเล่อ ต่างพากันตื่นเต้นหลังจากได้ยินเงื่อนไขเพียงข้อเดียวที่ว่านั้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!