Skip to content

A World Worth Protecting 387

บทที่ 387 ตื่นตัวเสมอแม้ในยามสงบสุข

ข่าวนี้ยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน และดูเหมือนจะเกี่ยวกับการทำงานร่วมกันระหว่างตระกูลนภาห้าสมัยและคณะสิบเจ็ดเสนาบดี ทว่าเมื่อข่าวแพร่สะพัดออกไป ทั้งสองกลุ่มอำนาจก็รีบออกมาปฏิเสธในทันทีว่าไม่มีความจริง ทั้งสองกลุ่มพูดเหมือนกันว่าต่างคนต่างเคารพอีกฝ่าย และคาดหวังว่าจะได้ร่วมมือกันในอนาคต     แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมสำหรับการผูกสัมพันธ์นั้น

ข่าวลือและคำประกาศนี้อาจหลอกคนภายนอกได้ แต่ผู้ฝึกตนในตระกูลนภาห้าสมัย   รู้ดีว่า ข่าวเช่นนี้จะไม่มีวันแพร่ออกไปแน่นอนหากไม่หวังผล ดูเหมือนว่าตระกูล    นภาห้าสมัยและคณะสิบเจ็ดเสนาบดีจะคุยกันเรื่องการผูกสัมพันธ์กันจริงๆ           และเป็นไปได้ว่าทั้งสองกลุ่มตั้งใจปล่อยข่าวนี้ออกไป เพื่อดูปฏิกิริยาตอบรับจาก    ภาคส่วนอื่น

ในฐานะเจ้านครคนใหม่ผู้เป็นขุนนางระดับสามชั้นรอง หวังเป่าเล่อจึงกลายเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหพันธรัฐ ชายหนุ่มได้ยินข่าวนี้ด้วยเช่นกัน จึงรีบไปหา      หลินเทียนหาวเพื่อสอบถามความเป็นจริง แต่หลินเทียนหาวเองก็ไม่ได้รู้ไปกว่า      หวังเป่าเล่อ ดูเหมือนว่าหลินโยวจะไม่ได้เล่าให้เขาฟังเช่นกัน

หวังเป่าเล่อคิดอยู่สักพักก็ตัดสินใจไม่ใส่ใจเรื่องนี้อีก นั่นเพราะเรื่องระหว่าง    กลุ่มนภาห้าสมัยและคณะสิบเจ็ดเสนาบดีไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขามากนัก ดังนั้นชายหนุ่มจึงพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่การสร้างนครใหม่

หวังเป่าเล่อที่มีประสบการณ์การสร้างเขตนครใหม่มาก่อนหน้านี้อย่างเต็มเปี่ยม มั่นใจว่าตนเองจะสร้างนครใหม่ออกมาได้ดี หลังจากที่พูดคุยกับหลินเทียนหาว กงเต๋า และจินตั้วหมิงเรียบร้อย ทั้งสี่ก็แบ่งงานกันทำและเริ่มวางแผนการก่อสร้างในทันที    วงแหวนปราณยังเป็นหัวใจหลักของการสร้างนครใหม่ แต่ครั้งนี้ไม่ใช่แค่                  วงแหวนปราณค้ำจุนเท่านั้น แต่ยังมีวงแหวนปราณเป่าเล่อผู้ยิ่งใหญ่ด้วย

ทว่าพวกเขาทำได้อย่างมากก็เพียงวางแผน เนื่องจากบัดนี้พวกเขาไม่ได้สร้างแค่เขตนครอีกต่อไป หากแต่เป็นนครใหม่ทั้งนคร ซึ่งต้องใช้บุคลากรและทรัพยากรจำนวนมากจนจินตนาการไม่ออก แม้รัฐบาลดาวอังคารและสหพันธรัฐจะอนุมัติการสร้างนครใหม่แล้ว แต่ก็แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะช่วยจ่ายค่าการก่อสร้างทั้งหมด

ดังนั้นอุปสรรคใหญ่ของหวังเป่าเล่อก็คือเรื่องทรัพยากรที่จะใช้สร้างนครนี่เอง   แต่หวังเป่าเล่อก็คุ้นเคยกับการรับมือปัญหาเป็นอย่างดี โดยเฉพาะปัญหาเรื่องการจัดการทรัพยากร เขารู้สึกว่าไม่ต้องใช้ทักษะอะไรมากมายในการแก้ปัญหานี้

“นายกเทศมนตรีทุกคนจะต้องรับผิดชอบเขตของตนเอง!” นี่คือนโยบายที่     หวังเป่าเล่อประกาศ และยังถือเป็นคำสั่งแรกที่เขาออกในฐานะเจ้าเมืองขุนนาง    ระดับสามชั้นสูงด้วย ชายหนุ่มเรียนรู้วิธีการนี้มาจากการสร้างเขตนครใหม่ก่อนหน้านี้ และยังพยายามเลียนแบบแรงกดดันที่เจ้านครเคยมอบให้เขา หวังเป่าเล่อรู้สึกว่าตนเองควรนำสิ่งที่ตนเรียนรู้มาลองใช้จริง โดยเฉพาะเมื่อมีอำนาจพอที่จะทำได้แล้ว

“กฎสามข้อมีดังนี้ ข้อแรก ไม่มีทรัพยากรให้ ข้อสอง หลังจากครึ่งปี ข้าจะตรวจความคืบหน้าของการก่อสร้าง และภายในครึ่งปีเขตของนายกเทศมนตรีแต่ละคนต้องมีที่อยู่เพียงพอสำหรับประชาชนหนึ่งพันล้านคน ข้อที่สาม ใครที่ทำตามไม่ได้ต้องลาออก!” หวังเป่าเล่อประกาศกฎสามข้อนี้ออกมาอย่างกระตือรือร้น ทำให้เกิดกระแสไม่เห็นด้วยพอประมาณ

ทว่ากงเต๋า จินตั้วหมิง และหลินเทียนหาวก็ก้าวออกมาสนับสนุนหวังเป่าเล่ออย่างพร้อมเพรียง โดยประกาศว่าจะทำตามกฎสามข้อของหวังเป่าเล่อเพื่อเป็นตัวอย่าง

นี่ทำให้กลุ่มอำนาจอื่นที่ไม่พอใจกับกฎสามข้อนั้นทำอะไรไม่ได้ พวกเขารู้ดีว่า    ทั้งสามคนนั้นได้เปรียบมหาศาล ทำให้กลุ่มอำนาจที่หนุนหลังรู้สึกพอใจ          พยายามอย่างเต็มที่ที่จะสนับสนุนพวกเขา และเต็มใจมอบทรัพยากรให้

กลุ่มอำนาจอื่นๆ ทำอะไรไม่ได้นอกจากล้มเลิกความพยายามที่จะเล่นลูกไม้สกปรก และกัดฟันทำตามเท่านั้น

นครที่สองบนดาวอังคารอันมีนามว่านครอาวุธเทพใหม่ เดิมทีก็สำคัญอยู่แล้วในฐานะเขตนคร เมื่อกลายเป็นนครเต็มรูปแบบ นอกจากจะช่วยให้การกู้อาวุธเทพเป็นไปได้ง่ายขึ้นแล้ว ผู้ที่ได้ควบคุมพื้นที่ของนครแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณใด       ย่อมได้รับผลประโยชน์ใหญ่หลวงในอนาคต

ในทางตรงข้าม หากพวกเขายอมแพ้และยอมให้กลุ่มอำนาจอื่นเข้ามายึดครองอีกสามเขตที่เหลือ พวกเขาก็จะต้องคอยกินน้ำใต้ศอกคนอื่นอยู่ร่ำไป ขณะเดียวกัน      ทุกคนประจักษ์ดีว่าวงแหวนปราณของหวังเป่าเล่อทำให้กำแพงอาวุธเทพทลายเร็ว  ขึ้นจริง ความจริงแล้วสามปีที่คำนวณไว้อาจมากเกินไปด้วยซ้ำ เป็นไปได้ว่ากำแพงนั้นจะละลายภายในหนึ่งหรือสองปี และถึงตอนนั้นเหล่าผู้ฝึกตนชั้นสูงจะเข้าไปในถ้ำเพื่อเก็บอาวุธเทพได้!

ด้วยเหตุนี้ ทุกกลุ่มอำนาจจึงอยากแต่งตั้งคนของตนให้เป็นนายกเทศมนตรีประจำนครใหม่ และเริ่มวางแผนเตรียมการเพื่อเป้าหมายนี้

บุคคลสำคัญทุกคนในสหพันธรัฐต่างพุ่งความสนใจไปที่นครอาวุธเทพใหม่       หวังเป่าเล่อเองก็คิดถึงอนาคตของนครใหม่นี้เช่นกัน สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเขาตอนนี้คือการสร้างวงแหวนปราณเป่าเล่อผู้ยิ่งใหญ่

นอกจากนี้เขายังต้องทำให้แน่ใจด้วยว่า ตำแหน่งของเขาในนครใหม่แห่งนี้        จะไม่ถูกสั่นคลอน หวังเป่าเล่อต้องการทำให้ไม่มีใครมาแทนที่เขาได้ หากมีคนอื่นได้รับการแต่งตั้งแทนที่เขา การก่อสร้างวงแหวนปราณก็อาจจะถูกเพิ่มเติมเสริมแต่งได้ นอกจากนี้ชายหนุ่มยังเริ่มคิดด้วยว่าใครจะมานั่งเก้าอี้นายกเทศมนตรีที่เหลือ     อีกสามตำแหน่ง

เขาคิดว่าคงเป็นการดีหากนายกเทศมนตรีทั้งสามไม่ได้จงเกลียดจงชังเขา และมีทรัพยากรพรั่งพร้อม แต่เมื่อเขาไตร่ตรองและส่งข้อความไปปรึกษาท่านเจ้านคร    ดาวอังคารเพื่อแจ้งให้ทราบถึงแผนการของเขา เจ้านครกลับตอบมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

“เจ้าไม่จำเป็นต้องคิดถึงเรื่องนี้ นายกเทศมนตรีอีกสามคนที่เหลือ สหพันธรัฐจะเป็นผู้แต่งตั้งเอง เจ้าไม่มีอำนาจตัดสินใจ รวมถึงผู้ที่จะมารับตำแหน่งรองเจ้าเมืองด้วยเช่นกัน”

เมื่อได้ยินดังนั้น หวังเป่าเล่อก็เดือดดาลและผิดหวังเป็นอันมาก แต่เขาก็เข้าใจดีว่าตนเองได้รับประโยชน์มากแล้ว จากการผลักดันการสร้างนครใหม่แทนเขตนคร ดังนั้นสหพันธรัฐจึงไม่ต้องการมอบอำนาจการตัดสินใจเลือกผู้ใต้บังคับบัญชาให้เขาอีก

ชายหนุ่มถอนหายใจ

นายกเทศมนตรีอีกสามคนที่เหลือจะเป็นใครกันนะ… รองเจ้าเมืองด้วย… หวังเป่าเล่อปวดหัวตุบ เขาไม่ได้กลัวว่าคนที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่นี้จะทรงอำนาจเกินไป เพียงแต่กลัวว่าจะมีคนที่อยู่ข้างเดียวกับเขาน้อยเกินไป

หลินเทียนหาวจัดได้ว่าอยู่ข้างเดียวกับข้า แต่กงเต๋าและจินตั้วหมิง… ไม่ได้จัดเป็นพวกข้าแน่นอน… หวังเป่าเล่อหรี่ตา เขารู้ดีว่าหลังจากที่นครใหม่สร้างเสร็จแล้ว มันจะมีขนาดใหญ่มากจนต้องการคนมากมายในการขับเคลื่อน แต่ละกลุ่มอำนาจต้องส่งคนของตนมาเข้าร่วมอย่างเลี่ยงไม่ได้ และนั่นเป็นสิ่งที่หวังเป่าเล่อกลัวมากที่สุด

ข้าจะไม่ยอมเป็นหุ่นเชิดแน่นอน! หวังเป่าเล่อหายใจเข้าลึก และยังระวังตัวไว้ตลอดเวลา แม้ว่าตอนนี้ตำแหน่งของเขาจะถือว่าปลอดภัยดี ความคิดหนึ่งวนเวียน   อยู่ในหัว เขาจึงตัดสินใจส่งข้อความไปหาจั่วอี้ฟานเพื่อขอความช่วยเหลือ

แต่จั่วอี้ฟานผู้ซึ่งเลือกอยู่ที่สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ต่อมีหน้าที่ต้องทำ และ       ไม่สามารถมาหาเขาได้ในทันที หลังจากแสดงความผิดหวังกับคำตอบที่ได้เรียบร้อยแล้ว หวังเป่าเล่อก็เตือนจั่วอี้ฟานให้รักษาตนเองให้ปลอดภัย และส่งข้อความไปหาเจ้าเยี่ยเหมิง

“ข้าไปดาวอังคารไม่ได้หรอก… อีกอย่างหนึ่ง ข้ากำลังจะย้ายจากกรมปัจจุบันไปสำนักผู้นำสหพันธรัฐ เป่าเล่อ ข้าช่วยเจ้าไม่ได้ในครั้งนี้ แต่หากเจ้าเจอปัญหาอะไร   บนดาวอังคารในอนาคต เจ้าบอกข้าได้นะ ข้าจะพยายามเต็มที่เพื่อช่วยเหลือเจ้า” ตอนแรกเจ้าเยี่ยเหมิงกล่าวว่านางไม่สามารถช่วยได้ แต่ก็ยังเสนออย่างลังเลว่าจะช่วยเขาในอนาคต ทว่าหวังเป่าเล่อผิดหวังมากและไม่ได้ใส่ใจน้ำเสียงลังเลของอีกฝ่าย    เขาถอนหายใจก่อนปรึกษานางเรื่องวงแหวนปราณเล็กน้อยและวางสายไป ชายหนุ่มหายใจเข้าลึกและเงยหน้าขึ้น

ดูเหมือนว่าข้าจะต้องใช้ไพ่ตายเสียแล้ว! แววประหลาดวาบเข้ามาในดวงตาของหวังเป่าเล่อ เขาเปิดแหวนสื่อสารขึ้นและเลื่อนไปที่หมายเลขของหลิวต้าวปิน        ก่อนส่งข้อความไป

“หลิวต้าวปิน มาช่วยข้าทำงานที่นครอาวุธเทพใหม่หน่อย!”

หลิวต้าวปินที่ได้รับข้อความนั้น กำลังนำองครักษ์อาวุธเวทเข้าตรวจงานที่    ตำหนักอาวุธเวทอยู่ เมื่อเขาเห็นข้อความของหวังเป่าเล่อ ชายหนุ่มก็รีบกดรับในทันที

“ท่านเจ้าเมือง ข้า…”

“เจ้าจะมาหรือไม่มา” หวังเป่าเล่อถามอีกครั้ง

“ไปขอรับ!” หลิวต้าวปินหายใจเข้าลึกและตอบด้วยเสียงอันดัง เขาหยุด          นำองครักษ์อาวุธเวทเข้าตรวจการ และรีบวิ่งไปที่ยอดเขาตำหนักอาวุธเวทเพื่อรายงานความคืบหน้า ชายหนุ่มตื่นเต้นเป็นอันมาก และรู้สึกว่าโอกาสที่เขารอมานานเดินทางมาถึงแล้วในที่สุด!

นอกจากนี้หวังเป่าเล่อยังส่งข้อความไปหาประมุขสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย    ทั้งสองคุยกันสักพัก หลังจากที่ได้ยินความยากลำบากที่หวังเป่าเล่อกำลังเผชิญ ประมุขสำนักก็หัวเราะออกมา เขาคิดอยู่แล้วว่าในที่สุดหวังเป่าเล่อก็ต้องเจอปัญหานี้ ความจริงหากหวังเป่าเล่อไม่ได้ติดต่อมาก่อน เขาเองก็จะติดต่ออีกฝ่ายไปเพื่อพูดคุยเรื่องนี้อยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้ท่านประมุขสำนักจึงตอบตกลงโดยไม่ลังเล

“เป่าเล่อ เจ้าเป็นศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ ข้าคาดหวังในตัวเจ้าสูงเสมอมา ดังนั้นเจ้าไม่ต้องกลัวไป สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์เป็นบ้านของเจ้า และเราจะสนับสนุนเจ้าอย่างเต็มที่ เจ้าต้องการบุคลากรใช่หรือไม่ ข้าจะส่งศิษย์จำนวนมากไปช่วยเหลือเจ้าในทันที ทุกคนจะเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าในแต่ละกรมของนครอาวุธเทพใหม่!”

ท่านประมุขสำนักให้คำมั่นว่าจะช่วยเหลือเขา หวังเป่าเล่อจึงใจเย็นลงมากและอารมณ์ดีขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นระหว่างที่รอผู้ฝึกตนจากสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์มาสมทบ ชายหนุ่มก็เริ่มสงสัยว่าใครกันแน่ที่จะมารับตำแหน่งรองเจ้าเมือง

เขารู้ดีว่ารองเจ้าเมืองย่อมไม่ใช่นายกเทศมนตรี เขามีอำนาจพอที่จะออกคำสั่ง   แก่นายกเทศมนตรีได้ตามใจชอบ แต่ไม่ใช่กับรองเจ้าเมือง

หากเป็นคนที่ข้ารู้จักอยู่แล้วจะดีที่สุด แบบนั้นจะได้ทำงานกันง่ายขึ้น ขณะที่   หวังเป่าเล่อกำลังเดาว่ารองเจ้าเมืองจะเป็นใคร วันเวลาก็เดินหน้าผ่านไป แผนการสร้างนครทั้งนครเสร็จสมบูรณ์ และผู้ฝึกตนจากสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ก็เดินทางมาถึงในที่สุด เรือบินขนาดใหญ่นับสิบลำบินอยู่ทั่วฟ้าของเขตอาวุธเทพ!

หลิวต้าวปินซึ่งอยู่บนเรือบิน รีบออกจากโลกมาด้วยความตื่นเต้น ทันทีที่เข้าใกล้นครอาวุธเทพใหม่ ชายหนุ่มก็รู้สึกว่าเส้นทางแห่งความสำเร็จทอดยาวอยู่เบื้องหน้าเขาแล้ว!

ติดตามท่านเจ้าเมืองและรับใช้เขาอย่างสุดความสามารถ เช่นนั้นแล้วข้าจะไม่มีวัน  เสียประโยชน์แน่นอน! หลิวต้าวปินตบกระเป๋าคลังเก็บของตนเองด้วยความพอใจ กระเป๋านั้นเต็มไปด้วยขนมมากมาย…

ข้า หลิวต้าวปินคนนี้ ไม่เป็นรองใครอยู่แล้วเรื่องการประจบประแจง ไม่มีใครในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์เทียบชั้นข้าได้แน่นอน! ชายหนุ่มชูคอขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!